ตอนแรกก็เขินๆ เพราะหนูก็ไม่ได้สวยหรืออะไรขนาดนั้น เขาอาจจะคิดว่าเราดูดี หรือว่าเด่นกว่าคนอื่น หนูคิดว่าถ้าไม่เล่นตะกร้อ ก็อาจจะเป็นมวย ตอนแรกฝึกมวยมาด้วย เคยจะขึ้นชกครั้งหนึ่งด้วย แต่ว่าคู่ต่อสู้ไม่มา แม่ก็เลยไม่ให้ชก เพราะว่ากลัวหนูเจ็บ
“ไข่มุก” จันจิรา พระสังคร นักกีฬาเซปักตะกร้อสาวสวยหน้าตาน่ารัก เล่าถึงที่มาของฉายา “นางฟ้าเซปักตะกร้อ” และจุดเปลี่ยนในชีวิตที่เกือบจะได้เป็นนักมวย เพราะช่วงแรกเธอฝึกซ้อมมวยเพื่อเตรียมขึ้นชกบนสังเวียน แต่ไฟต์นั้นคู่ต่อสู้ไม่มา กอปรคุณแม่ก็เป็นห่วงกลัวลูกสาวบาดเจ็บด้วย สุดท้ายเธอจึงเลือกเดินเข้าสู่วงการลูกหวายแทน
เด็กสาววัย 19 ปี จากจังหวัดนครพนม ซึ่งกำลังศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี มองว่าการที่ตัวเองได้รับความสนใจจากโลกออนไลน์ จนกลายเป็นที่รู้จัก และได้ฉายาว่านางฟ้าเซปักตะกร้อนั้น มีจุดเริ่มต้นมาจากช่วงที่ได้ไปแข่งในรายการของไทยพีบีเอส และมีการถ่ายทอดสด จึงทำให้มีคนเห็น กระทั่งต่อมาเริ่มมีแฟนคลับมาติดตามเพิ่มมากขึ้น
ส่วนจุดเริ่มต้นเส้นทางนักกีฬาเซปักตะกร้อ ไข่มุก บอกว่า เธอเป็นคนชอบเล่นกีฬาตั้งแต่เด็ก และคุณพ่อเป็นคนชื่นชอบในกีฬาตะกร้อมาก จึงให้ลูกสาวหัดเล่นตั้งแต่ ป.4 ซึ่งตอนแรกไข่มุกก็ไม่ค่อยชอบตะกร้อเท่าไร เพราะเป็นกีฬาที่เล่นยาก และรู้สึกเจ็บเท้าตอนเตะลูกตะกร้อ
“ตอนแรกก็เจ็บค่ะ ไม่อยากเล่นเพราะมันเจ็บ แต่เล่นไปเล่นมา มันรู้สึกท้าทายดีค่ะ จบ ป.6 พ่อก็ส่งไปเรียนต่อที่โรงเรียนกีฬาจังหวัดนครพนมค่ะ แล้วก็ได้ฝึกแบบจริงจัง ตั้งแต่ช่วง ม.1 ค่ะ”
“เริ่มแรกชอบตัวเตะ เพราะช่วง ม.1 ก็ได้เล่นเป็นตัวเตะค่ะ พอช่วง ม.2 มีโค้ชเข้ามาใหม่ แล้วเขาเห็นว่ารูปร่างสูง น่าจะเป็นตัวเสิร์ฟได้ดีกว่า ก็เลยหัดให้ลองเป็นตัวเสิร์ฟค่ะ ตอนแรกก็ไม่ค่อยชอบ เพราะรู้สึกว่ามันไม่ท้าทายเหมือนตัวเตะ แต่พอเล่นไปเล่นมา มันก็รู้สึกชอบ เพราะมันก็ท้าทายดีเหมือนกัน”
“ตั้งแต่รุ่นอายุ 14 ปี ก็เริ่มไปแข่งตลอด ไปแข่งต่างจังหวัด เป็นของกีฬา อปท. (องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น) เพราะเป็นของสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดค่ะ ตั้งแต่รุ่นอายุ 14 ถ้าเป็นกีฬา อปท. ได้แชมป์ภาค ตั้งแต่อายุ 14 – 18 ถ้าเป็นระดับประเทศได้เหรียญเงิน ตั้งแต่รุ่นอายุ 14 – 18 เลยค่ะ” เจ้าของฉายานางฟ้าเซปักตะกร้อ กล่าว
ไข่มุก บอกด้วยว่า ฐานะทางบ้านของเธอไม่ค่อยดี คุณพ่อเป็นพนักงานขนส่งอาหารทะเล ส่วนแม่ทำอาชีพค้าขายแถวบ้าน และการที่ได้เข้าเรียนที่โรงเรียนกีฬานครพนม ส่วนหนึ่งก็ช่วยลดค่าใช้จ่ายที่บ้านด้วย เพราะที่โรงเรียนแห่งนี้มีสวัสดิการ มีข้าว และหอพักฟรี ช่วยให้เธอประหยัดเงินไปได้เยอะ และเงินที่ใช้จ่ายส่วนใหญ่คือซื้อของใช้ที่จำเป็นเท่านั้น
ส่วนไอดอลนักตะกร้อที่เธอชื่นชอบคือ “โจ้” “สืบศักดิ์ ผันสืบ” อดีตตำนานจอมเสิร์ฟหลังเท้าทีมชาติไทย ซึ่งเป็นต้นแบบที่ดีให้เธอได้เดินตามรอยในการหัดเสิร์ฟหลังเท้า ไม่เพียงแค่นั้น ไข่มุก ยังมีความใฝ่ฝันที่จะก้าวขึ้นไปติดทีมชาติชุดใหญ่เหมือนกับพวกพี่ๆ รวมถึงอยากจะรับราชการด้วยเส้นทางของตะกร้อด้วย เพื่อความมั่นคงในชีวิตนักกีฬา
ด้วยหน้าตาที่สวยสะดุดตา จึงอดไม่ได้ที่จะถามเรื่องของสเปกหนุ่มในดวงใจ ไข่มุกกล่าวด้วยน้ำเสียงเขินๆ ว่า ชอบคนที่อยู่ด้วยแล้วสบายใจมากกว่า และที่ผ่านมามีคนมาขายขนมจีบเยอะพอสมควร แต่ส่วนมากเข้ามานิดหน่อยแล้วก็หายไป
“อยากขอบคุณทุกคนนะคะ ที่ช่วยกันเชียร์และเป็นกำลังใจให้พวกหนู แล้วก็ขอบคุณสมาคมตะกร้อแห่งประเทศไทยด้วยนะคะ ที่ทำให้หนูได้เข้ามาอยู่ในจุดนี้ค่ะ ขอบคุณสำหรับโอกาสจากทุกคน และผู้ที่อยู่เบื้องหลังด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ” ไข่มุก กล่าวทิ้งท้าย