คุณจำหน้าคนที่เดินสวนกันเมื่อเช้าได้หรือเปล่า ?

ในยุคที่เราทุกคนต่างใช้ชีวิตด้วยความเร่งรีบเพื่อแข่งกับเวลา สิ่งต่างๆ รอบตัวหมุนผ่านไปอย่างรวดเร็ว จนบางครั้งเราอาจจะจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าคนที่เดินสวนกันตอนออกจากรถไฟฟ้าหน้าตาเป็นอย่างไร หรือคนที่ต่อแถวสั่งอาหารด้านหลังมีรูปร่างลักษณะแบบไหน

พ.ต.อ.ชัยวัฒน์ บูรณะ หรือ "ผกก.ป้อม"
พ.ต.อ.ชัยวัฒน์ บูรณะ หรือ “ผกก.ป้อม”

นี่จึงเป็นสิ่งที่ท้าทายสำหรับ พ.ต.อ.ชัยวัฒน์ บูรณะ หรือ “ผกก.ป้อม” ผู้กำกับการฝ่ายทะเบียนประวัติอาชญากร 2 กองทะเบียนประวัติอาชญากร ซึ่งมีหน้าที่ในการสเก็ตซ์ภาพตามคำบอกเล่าของพยานที่เห็นเหตุการณ์และยังเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการวาดภาพสเก็ตซ์คนร้ายในคดีลอบวางระเบิดบริเวณศาลพระพรหมเอราวัณ สี่แยกราชประสงค์เมื่อปี พ.ศ. 2558 และภาพเด็กหายที่เผยแพร่ตามสื่อต่างๆ รวมถึงบนขวดน้ำดื่มสิงห์ด้วย

ผกก.ป้อม สมัยเรียนที่วิทยาลัยเพาะช่าง
ผกก.ป้อม สมัยเรียนอยู่ที่วิทยาลัย เพาะช่าง

จากเด็กเพาะช่างสู่วงการสีกากี

“พ.ต.อ.ชัยวัฒน์ จบจากคณะจิตรกรรมสากล วิทยาลัยเพาะช่าง เริ่มต้นทำงานสาย art director สั่งสมประสบการณ์ กระทั่งหน่วยงานตำรวจมีงานเกี่ยวกับงานสเก็ตซ์ภาพใบหน้าคนร้าย ด้วยความที่ชอบทำงานเกี่ยวกับสังคมเลยมองว่าสิ่งเหล่านี้มันเป็นประโยชน์ต่อสังคม เป็นประโยชน์ต่อองค์กรตำรวจ ในการที่จะช่วยเหลือประชาชนเราก็เลยมาสอบเข้า เรามองว่าการเป็นตำรวจในยุคนั้นก็ไม่ใช่สิ่งที่ง่าย เราจบศิลปะไม่ได้จบโรงเรียนนายร้อยเราเข้ามาเป็นตำรวจได้ไหม”

อีกจุดหนึ่งก็คืองานนี้มันท้าทาย ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะไปหาคนร้ายต้องรู้ลักษณะใบหน้าของคนร้ายก่อน คดีอาชญากรรมมันอาจจะจบลง ความเดือดร้อนของประชาชนถูกแก้ด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจและการทำงานส่วนหนึ่งก็คือการสเก็ตซ์ภาพคนร้าย

สเก็ตซ์ภาพ

พ.ต.อ.ชัยวัฒน์ เล่าขั้นตอนการทำงานว่า “การสเก็ตซ์ภาพคนร้ายจะเกิดขึ้นเมื่อมีอาชญากรรมเกิดขึ้น เจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานจะเข้าไปตรวจสถานที่เกิดเหตุเพื่อเก็บวัตถุพยานต่างๆ ในสถานที่เกิดเหตุ พนักงานสอบสวนจะต้องหาข้อมูลจากพยานบุคคลเพื่อส่งตัวพยานบุคคลนั้นมาให้ที่กองทะเบียนประวัติอาชญากรเพื่อสเก็ตซ์ภาพใบหน้าคนร้าย พยานก็จะให้ข้อมูลรูปพรรณสัณฐานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อสเก็ตซ์เป็นภาพใบหน้าขึ้นมา เมื่อได้ภาพใบหน้าของผู้ต้องสงสัย ทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนก็จะนำภาพสเก็ตซ์ไปเป็นแนวทางในการสืบสวนหาตัวต่อไป”

เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้เห็นคนร้าย สิ่งที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จากพยานหรือผู้เสียหายก็คือข้อมูลต่างๆ ข้อมูลก็คือลักษณะของใบหน้า ชิ้นส่วนทั้ง 7 ชิ้นส่วน โครงหน้า ทรงผม ใบหู ตา คิ้ว จมูก ปาก สิ่งเหล่านี้จะเป็นข้อมูลจากพยานที่จะให้กับเจ้าหน้าที่สเก็ตซ์ภาพเพื่อสเก็ตซ์ขึ้นมา

ภาพสเก็ตซ์ผู้ต้องสงสัยคดีวางระเบิดแยกราชประสงค์ 2558
ภาพสเก็ตซ์ผู้ต้องสงสัย คดีวางระเบิดแยกราชประสงค์ พ.ศ.2558

คดีวางระเบิดแยกราชประสงค์

หนึ่งในคดีดังระดับประเทศที่ ผกก.ป้อม มีส่วนร่วมในการไขคดี ซึ่งในช่วงแรกเลยถือเป็นเรื่องยากในการที่จะติดตามตัวคนร้าย เพราะว่าคนร้ายที่ก่อเหตุวางระเบิดส่วนมากจะเป็นคนร้ายมืออาชีพและหลบหนีอย่างรวดเร็ว อาจจะหลบหนีออกต่างประเทศ แต่ว่าคดีนี้เราก็ใช้ภาพสเก็ตซ์ในการเป็นแนวทางในการสืบสวนโดยมีผู้เสียหายหรือพยานแจ้งเบาะแส ซึ่งภาพสเก็ตซ์ออกมามีความคล้ายถึงเกือบ 70%”

ประกาศหาเด็กหาย ขวดน้ำสิงห์
ภาพตามหาเด็กหายบนขวดน้ำดื่มสิงห์

ประกาศหาเด็กหายบนขวดน้ำ

ตลอดระยะเวลาที่รับราชการ ผกก.ป้อม ยังทำงานร่วมกับ “มูลนิธิกระจกเงา” สเก็ตซ์ภาพเด็กหายที่เผยแพร่อยู่บนขวดน้ำดื่มสิงห์และป้ายประกาศต่างๆ ซึ่งความยากของงานนี้ คือเด็กที่หายในช่วงเวลานั้นกับปัจจุบันมีอายุแตกต่างกันเพราะเด็กโตขึ้นทำให้ใบหน้าของเด็กเปลี่ยนไป จึงต้องอาศัยการเปรียบเทียบจากใบหน้าของผู้ปกครองหรือญาติพี่น้องของเด็กเพื่อมาวิเคราะห์และสเก็ตซ์ภาพออกมา ซึ่งกระบวนการนี้เรียกว่า “Age Progression”

พลังสังคมเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ ถ้าเกิดว่าคนทุกคนไม่มีใครเป็นคนร้ายเลย บ้านเมืองสงบไม่มีอาชญากรรม เราถึงคิดโครงการที่ชื่อว่า “โครงการสเก็ตซ์ภาพเตือนภัยให้สังเกตจดจำ”

“หนึ่งในโครงการที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อเป็นแรงกระตุ้นให้กับเด็ก เยาวชน และประชาชนกลุ่มเสี่ยงได้เรียนรู้เรื่องของการสังเกตจดจำ แต่สิ่งที่เราเน้นจริงๆ เลยก็คือเรื่องของการปิดช่องโอกาสอาชญากร เมื่อเขารับรู้ข้อมูลแล้วเขาจะป้องกันตัวเองมากยิ่งขึ้น พอป้องกันตัวเองมากยิ่งขึ้นนั่นก็คือการปิดช่องโอกาสของอาชญากร ทำให้อาชญากรก่อคดีอาชญากรรมได้ยากขึ้น แต่ถ้าเรายังไม่สามารถที่จะยุติการกระทำของคนร้ายได้ อย่างน้อยคนกลุ่มนี้ก็จะรับรู้ข้อมูลในเรื่องของการสังเกตจดจำอย่างที่ผมพูดไปตั้งแต่แรกๆ คือรับรู้สถานการณ์ก่อนเกิดเหตุคือต้องรู้ให้ได้เลยว่าบุคคลต้องสงสัยคือใคร สังเกตให้ได้ก่อน รู้ทันอาชญากร สิ่งเหล่านี้ก็จะทำให้เด็ก เยาวชน หรือประชาชนกลุ่มเสี่ยงสามารถถ่ายทอดข้อมูลเหล่านี้ให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจได้”

โครงการสเก็ตซ์ภาพเตือนภัยให้สังเกตจดจำ
โครงการสเก็ตซ์ภาพเตือนภัยให้สังเกตจดจำ โดยฝ่ายทะเบียนประวัติอาชญากร 2

ก่อนจบบทสัมภาษณ์ในครั้งนี้ ผกก.ป้อม ฝากข้อคิดถึงทุกคนในสังคมว่า “เราต้องช่วยกันดูแลสังคม สิ่งแวดล้อม สิ่งใกล้ตัวอะไรต่างๆ เราต้องสังเกตเราต้องมองเห็นอย่าปล่อยปละละเลย เรื่องของการสังเกตจดจำเรียกว่าเป็นมาตรการแรกเลยที่จะทำให้ตัวเราปลอดภัยและเราสามารถที่จะหลีกเลี่ยงการเกิดเหตุอาชญากรรมได้ เหมือนเราขับรถ เราจะขับมองใกล้ๆ เหตุเกิดไกลๆ เราไม่เห็นก็อุบัติเหตุเกิดขึ้นทันที อาชญากรรมเหมือนกันเราก็ต้องมองให้กว้าง อย่าเอาตัวเข้าไปในสถานที่เสี่ยง อันนี้เป็นสิ่งสำคัญ การเดินไปในสถานที่ต่างๆ แล้วใช้โทรศัพท์โดยไม่ดูสิ่งแวดล้อมอะไรเลย เราก็อาจจะเกิดอุบัติเหตุได้ รถมาเราก็อาจจะมองไม่เห็นอันนี้เป็นสิ่งสำคัญที่เราจะต้องระมัดระวังด้วย”

ผกก.ป้อม เจ้าหน้าที่สเก็ตซ์ภาพผู้ต้องสงสัย

coffee lover and caffeine addict หลงใหลในการเดินทาง เรียนรู้ประสบการณ์ผ่านตัวหนังสือ มองโลกผ่านกล้องถ่ายภาพ

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้ที่จำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ (Strictly Necessary Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้มีความสำคัญต่อการปฏิบัติการของเว็บไซต์ feedforfuture.co ซึ่งจะช่วยให้ท่านสามารถเข้าถึงข้อมูลและเนื้อหาต่างๆ ของเว็บไซต์เราได้ทุกส่วน โดยเฉพาะส่วนสมาชิกผู้ใช้งานของเว็บไซต์ ตลอดจนการตรวจสอบจำนวนผู้เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ของเรา

  • คุกกี้ด้านประสิทธิภาพการทำงานของเว็บไซต์ (Performance Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้ใช้เพื่อรวบรวมข้อมูลทางสถิติเกี่ยวกับการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน เพื่อวิเคราะห์ และช่วยให้เราทราบถึงพฤติกรรมการใช้งาน ซึ่งจะช่วยปรับปรุงการทำงานของเว็บไซต์เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดในการใช้งานบนเว็บไซต์ของเรา

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาเข้ากับกลุ่มเป้าหมาย (Targeting Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้ใช้ในการบันทึก และจดจำคุณลักษณะต่างๆ ที่ท่านได้เลือกขณะเข้าชมเว็บไซต์ของเรา เช่น หมวดหมู่ และเนื้อหาที่ท่านชอบอ่านมากที่สุด เราจะบันทึกข้อมูลเหล่านี้ และนำกลับมาใช้เมื่อท่านกลับเข้ามาที่เว็บไซต์ของเราอีกครั้ง เพื่อปรับให้ท่านได้รับชมเนื้อหาได้ตรงกับความชอบของท่านให้มากที่สุด

  • คุกกี้เพื่อนำเสนอโฆษณาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย (Advertising Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้ใช้เพื่อจดจำพฤติกรรมการอ่านเนื้อหาบนเว็บไซต์ของท่าน รวมถึงรายละเอียดของอุปกรณ์ที่ท่านใช้ เพื่อนำไปใช้วิเคราะห์การนำเสนอโฆษณาที่เหมาะสมกับท่านมากที่สุด และช่วยวัดความมีประสิทธิผลของโฆษณาที่เรานำเสนอด้วย ตลอดจนช่วยป้องกัน หรือจำกัดจำนวนครั้งที่ท่านจะเห็นโฆษณาเดิมซ้ำๆ

บันทึก