“คนกินไม่ได้ซื้อ คนซื้อไม่ได้กิน” สมญานาม “ปลากุเลาเค็มตากใบ” ราชาแห่งปลาเค็ม

เพิ่งจะจบไปหมาดๆ สำหรับประเด็นดราม่า “ปลากุเลา” ซึ่งถูกนำมาใช้เป็นส่วนประกอบในเซ็ตอาหารจานหลัก ผู้นำ APEC 2022 โดยมีการตั้งข้อสงสัยว่าปลากุเลาที่นำมาทำอาหารนั้นอาจไม่ได้มาจากอำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส ก่อนที่โฆษกรัฐบาล เชฟ และเจ้าของร้านจะออกมาชี้แจงว่าปลาได้ซื้อไปจาก ร้านปลากุเลาเค็มป้าอ้วนตากใบ จริง

ถึงแม้ดราม่าจะจบลง แต่กระแสปลากุเลาเค็มตากใบยังฟีเวอร์ หลายคนอยากจะลิ้มลองรสชาติของดีแห่งชายแดนใต้จำนวนมาก จนเจ้าของร้านปลากุเลาเค็มป้าอ้วนตากใบ โดย นางสาวพรจรัส ปฐมศิริกุล ออกมาบอกว่าได้เปิดขายปลาออนไลน์มา 10 ปี แต่ช่วง 2 วันนี้หลังเกิดประเด็นดราม่า มียอดสั่งซื้อปลากุเลามากกว่าการสั่งซื้อรวมกันตลอด 10 ปีที่ผ่านมาเสียอีก

เจ้าของร้านเล่าถึงกระแสความนิยมปลากุเลาเค็มตากใบ

ในเฟซบุ๊ก เพจปลากุเลาเค็มป้าอ้วนตากใบ มีข้อความส่งมากว่า 1,000 ข้อความ ที่ยังไม่สามารถเปิดอ่านได้ทัน รวมไปถึงช่องทางขายผ่าน LAZADA และ SHOPEE มีแจ้งเตือนตลอดทั้งวัน จนต้องปิดรับออเดอร์สั่งซื้อในระบบทั้งหมดไปก่อน นอกจากนี้ยังมีการโทรศัพท์เข้ามาจากทุกช่องทาง ถือเป็นปรากฎการณ์ใหม่ของครอบครัวที่จะจดจำไปตลอดชีวิตด้วยความภาคภูมิใจว่าครั้งหนึ่งปลากุเลาเค็มป้าอ้วนตากใบ ได้เป็นส่วนหนึ่งของเมนูอาหารที่เสิร์ฟให้ผู้นำเอเปค และคนไทยจากทั่วประเทศสนใจ และอยากลองลิ้มรสปลากุเลาเค็มป้าอ้วนตากใบมากขนาดนี้จนไม่สามารถทำได้ทัน

สำหรับ “ปลากุเลาเค็ม” ต้องนึกถึงปลากุเลาเค็มที่อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส ซึ่งมีขายอยู่หลายร้าน โดยคนทั่วไปขนานนามว่าเป็น “ราชาแห่งปลาเค็ม” เลยทีเดียว เนื่องจากปลามีเนื้อสัมผัสร่วนซุย นุ่ม หอมอร่อยเฉพาะตัว โดยครั้งนี้ เชฟชุมพล แจ้งไพร เชฟมิชิลินสตาร์ หัวหน้าเชฟ จะนำปลากุเลาเค็มตากใบ ไปใช้เป็นส่วนผสมของน้ำซอสเพื่อเพิ่มรสอูมามิให้กับเมนูมัสมั่นเนื้อน่องโคขุนจากสหกรณ์โพนยางคำ จังหวัดสกลนคร และข้าวกล้อง 9 ชนิดอบสมุนไพร ซึ่งเป็นหนึ่งในเมนูจานหลักที่เสิร์ฟให้กับผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค

ปัจจุบันปลากุเลาเค็มตากใบ มีราคาสูงถึงกิโลกรัมละ 1,300 – 1,700 บาท จนถูกกล่าวถึงกันว่าเป็นปลาที่ “คนกินไม่ได้ซื้อ คนซื้อไม่ได้กิน” ส่วนใหญ่จะถูกซื้อไปเป็นของฝากเพราะราคาแพง ประกอบกับกรรมวิธีการทำมีขั้นตอนที่ซับซ้อน แต่ละร้านต่างมีเคล็ดลับเด็ด ที่สืบทอดกันมาแตกต่างกันไป และถูกพัฒนาโดยทายาทรุ่นใหม่ในการส่งขายออนไลน์ ประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อโซเชียลมีเดีย ออกแบบบรรจุภัณฑ์ให้ดูทันสมัย ดึงดูดใจผู้บริโภคหิ้วขึ้นเครื่องได้ ไม่ส่งกลิ่น ถูกใจทั้งผู้ให้และผู้รับเป็นอย่างดี

ก่อนหน้านี้ “เส้นทางเศรษฐีออนไลน์” สื่อภายใต้เครือมติชน ก็ได้สัมภาษณ์คุณปัญจพร พันธเสน หรือคุณกล้วย ทายาทร้าน “ปลากุเลาทองแม่แป้นตากใบ” หนึ่งในร้านปลากุเลาเค็มที่อำเภอตากใบ ได้เล่าเรื่องราวของปลากุเลาไว้ว่าที่บ้านได้ทำปลากุเลาเค็มมาตั้งแต่รุ่นคุณยาย รุ่นอาม่า คือ “ปลากุเลาทองตากแห้ง” โดยเป็นสูตรของชาวจีนที่ อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส

ส่วนวิธีการทำ “ปลากุเลาทองตากแห้ง” เมื่อได้ปลาสดมาแล้ว ต้องล้างให้สะอาด ขอดเกล็ด หมักเกลือ ซึ่งเกลือที่ใช้ก็สำคัญมาก ต้องเปลี่ยนบ่อยๆ ไม่เช่นนั้น ข้างใต้เกลือจะมีหนอน (คุณกล้วยว่า เกลือเป็นหนอนนี่ มีจริง!!) จากนั้นเอามาหมัก แล้วตากแดด โดยใช้มุ้งกันอีกชั้นหนึ่งเพื่อป้องกันหนอน ตากจนได้ที่ มีสีเหลืองจากไขมันปลา ดังที่เรียกว่า “ปลากุเลาทอง”

คุณกล้วย ยังเล่าถึงราคาขายปลากุเลา ไว้ว่าจะมีราคาที่ค่อนข้างสูง เนื่องจากมีกรรมวิธียุ่งยากกว่า เช่น ถ้ามีหนอนเกิดขึ้นมานิดนึง ก็จะต้องจะใช้พริกไทยตำ โรย มันร้อน หนอนอยู่ไม่ได้ อีกวิธีหนึ่ง ใช้มือเขี่ยเลย คือเราสร้างความมั่นใจว่า เราไม่ใช้สารเคมี ส่วนการเก็บรักษา ถ้าลูกค้าซื้อไป ต้องการเก็บให้นานขึ้น ล้างให้สะอาด ผึ่งแดดพอแห้ง เอากระดาษขาวก่อ ใส่กล่อง แช่ช่องฟรีซ เก็บนาน 2-3 เดือน ช่องธรรมดา 1-2 เดือน

สำหรับปริมาณการทำ คุณกล้วย เล่าว่าถ้ามีปลาเยอะ ในฤดูกาลช่วงปลายปี ครั้งหนึ่ง 20-40 กิโลกรัม แป๊บเดียวก็ขายหมด แต่ปัญหาคือปลาในพื้นที่อำเภอตากใบ มีไม่มากปริมาณปลาไม่เยอะเหมือนสมัยก่อน

นอกจากนี้ยังมีรายงานว่า “ปลากุเลาเค็มตากใบ” เป็นหนึ่งในแรร์ไอเท็ม โดยเฉพาะปลาตัวใหญ่ๆ จะทำค่อนข้างยาก และมีไม่มาก บางครั้งกำเงินไว้ก็สั่งซื้อไม่ได้ มักจะถูกจับจองไปก่อนแล้ว หากมือใหม่สั่งซื้อปลากุเลา อาจจะต้องรอคิวกันสักนิด แต่รับรองว่าอร่อยแน่นอน

อ่านรายละเอียดบทสัมภาษณ์ เส้นทางเศรษฐีออนไลน์