วงการ T-POP บ้านเราใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ เรียกได้ว่าผลิตศิลปินมากความสามารถออกมาให้ได้ติดตามกันตลอดทั้งปี ซึ่งสิ่งหนึ่งที่ทำให้เห็นได้ชัดเลยคือความสามารถของเด็กไทยที่เรียกได้ว่าไม่แพ้ชาติไหนแน่นอน

FEED จะพาไปทำความรู้จักกับน้องใหม่อีกหนึ่งวงที่น่าจับตามอง นั่นก็คือวง “PERSES” จากค่าย G’NEST ที่มาพร้อมความสามารถ คาแรกเตอร์ ทัศนคติ ที่บอกได้แค่ว่าระวังจะโดนพวกเขาตกแบบไม่รู้ตัว

วง PERSES
วง “PERSES”

แนะนำตัวกันหน่อย

ทุกคน : สวัสดีครับพวกเรา PERSES

เน : สวัสดีครับผมเนนะครับ ณรัณ วิกัยรุ่งโรจน์ ครับผม ตอนนี้อายุ 24 ปีครับ เป็นตำแหน่งแร็ปเปอร์ครับ

กฤติน : สวัสดีครับผมกฤติน ครับ กฤติน สอสูงเนิน ครับ ตอนนี้อายุ 23 ปีแล้วครับ เป็นเมนโวคอล ครับผม

ปลั๊กกี้ : สวัสดีครับผมปลั๊กกี้ครับ ธรากร คำสิงห์ ตอนนี้อายุ 19 ปีครับ เป็นตำแหน่งเมนโวคอลแล้วก็หลีดแดนเซอร์ครับผม

จั๋ง : สวัสดีครับผมชื่อจั๋งครับ วิกร บูรณภิญโญ อายุ 25 ปีครับ เป็นเมนแร็ปเปอร์ครับ

ปาล์ม : สวัสดีครับผมปาล์มนะครับ พีรวิชญ์ พินธะ ครับ อายุ 19 ปีครับ ตอนนี้เป็นเมนแดนเซอร์ครับ

จุดเริ่มต้นกว่าจะมาเป็น PERSES

จั๋ง : ตอนแรกเราเทรนด์กัน ตอนแรกน้องปาล์มยังไม่เข้าวงครับ น้องปาล์มเข้ามาหลังสุด ก็คือเราได้รับเลือก เขาเรียกว่าอะไร เราได้รับเลือกแล้วใช่ไหมตอนนั้นน่ะ

กฤติน: จริงๆ มีเด็กฝึกอีก ก็ฝึกร่วมกันครับ แต่เหมือนว่าเราได้รับเลือกมาเป็นโปรเจ็กต์แรกของ G’NEST ครับ

ปลั๊กกี้ : เขาก็มีพูดเกริ่นๆ

จั๋ง : ก็มีพูดเกริ่นๆ กันก่อนแล้วว่า 4 คนนี้ แล้วก็จะมีอีกคนนึงเข้ามา ตอนแรกที่รู้ว่าเป็น 4 คนนี้ก่อน ผมว่าผมเชื่อในศักยภาพของน้องๆ ทุกๆ คน เพราะว่าแต่ละคนมีความต่างที่มันลงตัวอ่ะครับ แล้วเวลาอยู่ด้วยกันมันเป็นทีมเวิร์กที่ดี พอยิ่งมีน้องปาล์มเข้ามา คือตอนแรกที่เราอยู่ด้วยกัน 4 คนเรื่องเต้นเรายังแบบว่าได้ประมาณนึงครับ แต่ว่ามันยังไม่แข็งแรงมาก แต่ว่าพอน้องปาล์มมา คือสมบูรณ์แบบเลยครับ

เน : ตอนแรกเราจะมีแค่ปลั๊กกี้เป็นเมนหลักเรื่องการเต้น พอได้ปาล์มเข้ามา เป็นปาล์มกับปลั๊กกี้มันก็แข็งแรงขึ้นครับ

จั๋ง : ใช่ครับผม

กฤติน : แล้วพอเราได้รับเลือกเป็น PERSES เราก็ว้าว เพราะว่าตื่นเต้นมากแล้วก็อยากที่จะมีเพลงเป็นของตัวเอง อยากร้องเพลงตัวเอง อยากมีเพลงตัวเองอยู่บนทุกแบบแพลตฟอร์มต่างๆ ครับ พอมันได้แล้วทุกคนก็ตื่นเต้นกันมากครับวันนั้น

จั๋ง วิกร บูรณภิญโญ  วง PERSES
จั๋ง วิกร บูรณภิญโญ วง PERSES

ความรู้สึกที่ได้เป็นหนึ่งในสมาชิกของวง PERSES

เน : รู้สึกดีใจที่ได้มาอยู่กับเพื่อนๆ รู้สึกว่าเพื่อนๆ คอยซัปพอร์ตคอยให้กำลังใจกันดีมาก ไม่ว่าจะทั้งตอนซ้อม ทั้งตอนก่อนขึ้นคอนเสิร์ตอะไรอย่างนี้ครับ รู้สึกดีใจที่ได้มาอยู่ตรงนี้ ได้มาอยู่กับเพื่อนๆ ครับ

กฤติน : สำหรับผมก็รู้สึกสนุกครับ แล้วก็ตื่นเต้นตลอดเวลาเพราะว่ามีเรื่องเข้ามาตลอดเวลาเลยครับ แบบว่างานนี้นะงานนู้นนะอะไรอย่างนี้ครับ ก็ต้องมีแผนรับมืออยู่ตลอดเวลา ได้คิดอยู่ตลอดเวลา ได้ทำอะไรอยู่ตลอดเวลาครับผม ก็สนุกดีครับ

ปลั๊กกี้ : สำหรับผมก็สนุกเหมือนกันครับ เพราะว่าด้วยความที่ว่าพวกเราเนี่ยจะมีคาแรกเตอร์ที่ค่อนข้างจะต่างกัน แล้วก็ความถนัดที่ต่างกัน ทำให้เวลาเรามาอยู่ด้วยกันเราก็จะได้เจอกับอะไรที่เราไม่เคยเจอบ้างเป็นบางอย่าง หรือว่าอะไรที่แบบใหม่ๆ ที่เฮ้ยเราทำอันนี้ไม่ได้ แต่ว่ายังมีเพื่อนที่ทำอันนี้ได้อยู่ครับ เราก็จะแชร์ไอเดียกันตลอด ในการทำอะไรสักอย่างนึง ก็สนุกดีครับ

ปาล์ม : ของผมก็รู้สึกตื่นเต้นมากๆ ครับ แล้วก็สนุกเพราะว่ามันก็เป็นความฝันของพวกเราทั้ง 5 คนนะครับ ที่อยากเป็นศิลปิน แล้วพอเราได้มารวมด้วยกัน แล้วก็มีความเป็นทีมเวิร์กด้วยกันแล้วก็ทำงานด้วยกันอย่างมีความสุขก็แฮปปี้ครับ

จั๋ง : ผมรู้สึกเหมือน เหมือนมาเจอครอบครัวใหม่ครับผม เหมือนเราใช้เวลาใช้ชีวิตด้วยกันตลอดเวลาสองปีที่ผ่านมาแล้ว สร้างขึ้นมาด้วยกัน ถึงแม้พวกเราจะมีความต่างกันเหมือนที่ปลั๊กกี้บอกครับ แต่ว่าเวลาเราอยู่ด้วยกันมันลงตัวมากครับ ก็ดีใจมากๆ ครับ

อธิบายคาแรกเตอร์ความเป็นตัวเองหน่อยสิ?

เน : ให้เพื่อนบอกไหมครับ

จั๋ง : ให้คนอื่นบอกไหมครับ

จั๋ง : จิ้มที่ปลั๊กกี้ก่อนก็ได้ครับ (ปลั๊กกี้เป็นยังไง) คือน้องปลั๊กกี้เขาจะเป็นเหมือนเด็กร่าเริงครับ เป็นแบบว่า เป็น energy ที่เขาเรียกว่าอะไรนะ

เน: ความสดใส

จั๋ง: เป็นความสดใสของวง ใช่ๆ ครับ เป็น positive ของวงอ่ะครับ ใช่ๆ เวลาเจอเรื่องอะไรไม่ดีมาเจอหน้าน้องปลั๊กกี้ก็แฮปปี้แล้วครับ

ปาล์ม: ก็เหมือนเป็นดอกทานตะวันของวงนะครับ เหมือนคอยเบ่งบานตลอดเวลา (ใคร) ปลั๊กกี้ครับปลั๊กกี้ (ปลั๊กกี้เหรอ) ใช่ครับๆ

เน : พี่กฤตก็เป็นจอมทำลายล้างครับ ก็เหมือนเขาแบบเป็นคนแรงเยอะครับ แล้วก็แบบว่าเวลาจับอะไรก็จะพังทุกอย่าง

ปาล์ม : เป็นจอมพลังครับแล้วก็เป็น energy ให้กับวงครับ เวลาเราเหนื่อยๆ ท้อๆ พี่กฤตก็จะเป็นคนที่จะดึงทุกคนขึ้นมาแล้วแบบว่าฮึบนะทุกคนอะไรอย่างนี้ครับ

กฤติน : แต่ถ้าเมื่อไรที่ผมนอยด์ก็ช่วยด้วยละกัน

ปาล์ม : ทุกคนก็จะช่วยครับ

เน : คนนี้เขาจะดึงทั้ง 4 คนครับ แต่เวลาจะดึงคนนี้ต้อง 4 คนมาดึงเขาอ่ะ

กฤติน : เอาเป็นน้องปาล์มแล้วกันน้องปาล์มเขาจะเป็นคนที่แจกยิ้มตลอดเวลา เวลาผมจะแกล้งอะไรหรือผมจะผลักอะไรอย่างนี้ครับ ปาล์มเขาก็จะแบบอะไร ผมก็จะแกล้งต่อไปเรื่อยๆ เพราะน้องเขายิ้มให้เรื่อยๆ ผมก็หมั่นไส้ครับ ทำอะไรเขาก็ยิ้มตลอด เวลาพูดอะไรใส่ก็ยิ้ม ผมก็แบบอะไรวะ

ปลั๊กกี้ : เขาเป็นคนไม่ค่อยคิดเยอะด้วย อย่างเวลาสมมติว่าบางทีอย่างผมอย่างนี้ครับ ผมจะเป็นคนที่เวลาเจอเรื่องอะไรผมจะฮุ้ย หนึ่งสองสามสี่ห้าหกเจ็ดแปดเก้าสิบอะไรอย่างนี้ แต่ปาล์มเขาจะแบบว่าอ๋อแต่เราว่า…แล้วมันก็จะเป็นเรื่องที่ง่ายไปเลยสำหรับเขา

เน : พี่จั๋งจะเป็นแบบฟิลล์พี่คนโตอ่ะ

ปาล์ม : ใช่ครับ เขาจะมีความเป็นผู้นำเยอะมากเลยครับ เขาจะคอยคุมพวกเรา เพราะพวกเราก็ออกดื้อๆ บ้างบางทีครับ

ปลั๊กกี้ : บางทีเราเจอสถานการณ์ไม่คาดคิดบนเวทีอย่างนี้ครับ พอเราหันไปมองหน้าพี่จั๋ง แล้วพี่จั๋งก็อย่างนี้ แล้วเราก็โอเคๆ ไปๆ ตามพี่จั๋ง

เน : ใช่ๆ

จั๋ง : เหลือน้องเนครับผม เนเขาเป็นคนแปลกครับ เป็นคนที่ผมว่าเขาเก๋ครับผม เขามีเซ็ตความคิดที่ค่อนข้างต่างออกไปจากทุกคน ไม่ใช่แค่วงเรา แต่ว่าต่างออกไปจากคนรอบตัว เขาเป็นคนที่อ่านหนังสือเยอะมาก แล้วเขาจะมีศัพท์หรือวิธีการคิดของเขาที่ต่างออกไปจากคนอื่นครับผม วิธีเลือกใช้คำศัพท์ต่างๆ ก็ต่างกันไปด้วยครับผม

กฤติน : คือแบบว่าเสาหินท่ามกลางพายุอะไรอย่างนี้ พี่เนเขาจะยังตั้งตรงอยู่อย่างนี้เลย พายุจะโหมยังไงพี่เนก็จะอยู่อย่างนี้ครับ

จั๋ง : นิ่งด้วยนิ่งมาก

กฤติน : นิ่งมากครับ ทุกอย่างจะนิ่งไปหมดเลยครับ (เป็นหลักให้เพื่อนได้) ใช่เป็นหลักเลยครับเป็นแกนความใจเย็นอะไรอย่างนี้ครับ (เกาะได้ไหม หลักนี้เกาะได้ไหม) ได้ครับ ได้บ้าง

เน : ตัวเองก็ไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่

กฤติน : มั่นใจสิ

กฤติน สอสูงเนิน วง PERSES
กฤติน สอสูงเนิน วง PERSES

งานในวงการบันเทิงคือความฝันของทุกคน

กฤติน : จริงๆ ผมอยากทำมาตั้งนานแล้วในเรื่องการเป็นศิลปินครับ แต่ว่าที่บอกไว้ก่อนหน้านี้ที่ว่าตั้งใจอยู่ เพราะว่าตอนนั้นเราเหมือนมีกำแพง ไม่ค่อยกล้าเท่าไหร่ ไม่มีความมั่นใจว่าจะร้องเต้นได้จริงๆ หรือเปล่า เพราะว่าตอนเด็กๆ ก็เคยประกวดแล้วแบบผิดหวัง เพราะว่าเหมือนแบบก็โดนบูลลี่มานิดนึงอะครับ ว่าร้องเพี้ยนด้วยและจำเนื้อก็ไม่ได้ เต้นก็ไม่ได้ตอนนั้น ก็เลยไม่มีความมั่นใจ แต่พอออดิชั่นไปเราก็ฝึกมาเรื่อยๆ ก็รู้สึกว่ามันมาแล้วอะไรอย่างนี้ครับ เพราะว่าเราเห็นพี่ๆ ศิลปินหลายๆ คนตอนเด็กๆ ก็เหมือนมันเกิดแพชชั่นบางอย่างว่าเราอยากที่จะร้องเพลงบนเวทีอยากให้คนฟังได้ดู ได้รับอารมณ์ที่เราถ่ายทอดไป เลยรู้สึกว่าเฮ้ยมันคือความสุขอย่างนึงของผมที่อยากจะทำบ้างครับ

ปลั๊กกี้: จริงๆ ผมเป็นคนชอบร้องชอบเต้นอยู่แล้วครับ แล้วก็คือชอบมากๆ แต่ว่าผมรู้สึกว่าผมจะเป็นคนที่เห็นตัวเองอยู่บนเวทีตลอดเวลาถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้ขึ้นไป เราจะรู้สึกว่าแบบตรงนั้นมันคือที่ของเรา แล้วสักวันนึงเราจะต้องไปยืนตรงนั้นให้ได้อะไรอย่างนี้ครับ ก็เลยเป็นแพชชั่นว่าสักวันนึงผมจะต้องแบบไปยืนอยู่บนนั้น ไปร้องเพลงให้คนได้มีความสุขให้คนทุกคนฟัง ได้ยินเพลงเราแล้วเต้นตามไปได้ร้องตามไปได้ครับ

เน : ของผมไม่เคยเรียนร้องหรือเรียนเต้นมาก่อนเลยครับ มันก็เป็นเหมือนกับว่า พอมันมีโอกาสเข้ามา ผมก็แบบลองคว้ามันไว้ดูว่าเราจะทำมันได้ไหม แล้วพอเอาเข้าจริงแล้วผลลัพธ์ที่มันออกมามันก็โอเคสำหรับเรา เราก็รู้สึกว่าเออมันเป็นอะไรที่สนุกดีนะ ทำให้เราพัฒนาตัวเองต่อมาเรื่อยๆ

จั๋ง : ตอนนั้นเราเป็นเด็กค่อนข้างซนครับ คุณพ่อก็เลยให้เลือกตั้งใจเรียนก่อน เพราะว่าเรายังดูไขว้เขวไปทางอื่นอยู่อะไรอย่างนี้ครับ แต่พอเราเริ่มมาเข้า MBO แล้วก็ได้ลองมันจริงๆ แล้วได้เรียนรู้ว่าเออนี่มันคือสิ่งที่เราฝันแล้วก็ตามหามาตลอดครับผม แล้วที่บ้านก็เลยซัปพอร์ตเต็มที่เลย ว่าถ้าเลือกทางนี้จริงๆ แล้ว แล้วรักมันจริงๆ ก็ไปต่อเลย ก็ยังชอบมันมากขึ้นเรื่อยๆ ทุกครั้งที่ได้ทำมันครับ

ปาล์ม : ของผมจะเป็นเวลาผมอยู่บนเวทีแล้วเต้นให้พี่ๆ ศิลปินครับ แล้วเหมือนพี่ๆ ศิลปินเขาส่งพลังให้กับคนดูครับ แล้วคนดูเขาส่งพลังกลับคืนมา พอผมอยู่ข้างๆ พี่ศิลปินผมเหมือนได้รับพลังด้วย ก็เลยรู้สึกว่าเป็น inspiration อะครับ ให้เรารู้สึกว่าเราอยากเป็นเหมือนพี่ๆ ศิลปินบ้างครับ แล้วก็ส่งพลังส่งความสุขให้กับคนดู มันน่าจะเป็นเรื่องที่ดีมากๆ เลยครับ

เส้นทางระหว่างทางของแต่ละคนมีอุปสรรคปัญหาอะไรไหม

เน :  ถ้าอย่างของผมก็เป็นเรื่องที่พื้นฐานไม่เท่าเพื่อนแล้วมันต้องใช้เวลามากกว่าคนอื่น บางทีเวลาในห้องเรียนเราตามเพื่อนไม่ค่อยทันก็จะมีท้อบ้างอะไรบ้าง ก็จะแบบนิดนึงแต่พอเราได้ใช้เวลากับมันไปเรื่อยๆ มากขึ้น ให้เวลากับมันมากขึ้น มันก็แบบว่าค่อยๆ ทำได้แล้วมันก็โอเค

ปลั๊กกี้ : อุปสรรคปัญหาของผมน่าจะเป็นเรื่องการปรับตัวครับ อย่างที่บอกว่ามาจากขอนแก่นใช่ไหมครับ พอผมได้มาฝึกที่นี่ ผมต้องย้ายโรงเรียน ดังนั้นสังคมโรงเรียนก็จะเป็นสังคมใหม่ สังคมเพื่อนๆ เด็กฝึกก็จะเป็นสังคมใหม่เหมือนกัน ก็มาอยู่โดยที่ไม่มีพ่อแม่ จากที่พ่อแม่จะต้องมารับส่งตลอดเวลา แต่เราต้องมาเดินทางเอง ก็คือเหมือนกับเป็นการปรับตัวที่รวดเร็วมากๆ ครับ แต่ผมก็ต้องสู้ไปให้ได้ครับ ในการปรับตัว แต่ทุกคนน่ารักครับ  มันเลยทำให้ง่ายมากๆ ที่จะเข้ากับกับทุกคน เพราะว่าน่ารักมากๆ คุยด้วยง่ายๆ

กฤติน : ทำไมกัดฟันพูดอะ

ปลั๊กกี้ : น่ารักๆ จริงๆ ครับ

ปาล์ม : ของผมมีแต่แบบเล็กน้อยครับ แล้วก็จำไม่ค่อยได้ เพราะว่าพอผมเจออุปสรรคหรือว่าปัญหาผมก็จะยิ้มสู้ครับ ยิ้มสู้กับมันตลอด

กฤติน : ยิ้มตลอดเวลาจริงๆ ครับ

ปาล์ม : ออกไปๆ ยิ้มสู้ตลอดเวลาครับ ทำให้แฮปปี้ตลอดเวลาครับ

จั๋ง : ของผมคือผมจะมองน้องๆ ตลอดว่าแต่ละคนมันมีพรสวรรค์ที่เยอะ อย่างน้องปลั๊กกี้ก็เต้นร้อง กฤตร้องแบบโหดมากอะครับ ทุกคนมีพรสวรรค์ของของตัวเองอยู่ครับผม แต่ของผมมันจะอยู่ในช่วงที่กำลังหาเวย์ที่จะไปด้วยครับ แล้วแต่ละด้านมันก็ยังไม่แข็งแรง และด้วยความที่เราไม่ได้เก่งด้านนี้มากครับ อย่างผมเคยถามกฤตว่ากฤตสอบร้องเพลงอะซ้อมใช้เวลากี่วันวะ กฤตบอกประมาณนึงพี่แล้วผมก็ขึ้นได้เลย

กฤติน : ไม่ เราซ้อมตามฟิลตัวเอง เราฟิลตอนไหนเราจะซ้อมตอนนั้น เราไม่อัดไม่งั้นมันคือการกดดันตัวเองสำหรับผมอะ

จั๋ง : ใช่ๆ คือมันต่างจากของผม ถ้าผมทำตามน้องเขาคือผมจะเขวเลย คือผมก็เลยเหมือนเป็นคนที่ต้องกันทุกอย่างที่มันจะเกิดข้อผิดพลาดของตัวเอง

กฤติน : แต่พี่จั๋งซ้อมเยอะจริงครับ ขับรถก็ซ้อม อยู่บ้านด้วยกันเลยอะพี่จั๋งก็ลงไปซ้อมในรถสองชั่วโมงแล่วค่อยขึ้นมาใหม่อะไรอย่างนี้ครับ

ปลั๊กกี้ : ใช่ๆ

กฤติน : พี่จั๋งจะซ้อมตลอดเวลา

ปลั๊กกี้ : ซ้อมจนแบบว่าเสียงแหบไปช่วงนึงเลย

ปาล์ม พีรวิชญ์ พินธะ วง PERSES

การมายืนในจุดนี้เราได้อะไรกลับมาบ้าง

เน : ผมว่าสำหรับตัวเองแล้ว เหมือนเราได้พัฒนาตัวเองทุกๆ วัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องร้องเรื่องเต้นทุกๆ อย่างเลย เราได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ทุกๆ วัน มันมีอะไรใหม่ๆ เข้ามา เราได้ปรับตัวเรียนรู้กับมันทุกๆ วัน ได้เพื่อนที่เขาเรียกว่าอะไรแบบว่า…

กฤติน : ขู่แล้วนะ

เน : ไว้ใจมากที่สุดกลุ่มนึงเลย คนต่อไปครับ

ปาล์ม : ของผมก็ได้ประสบการณ์ครับ เรามีเรื่องตื่นเต้นตลอดเวลา มีเรื่องให้ทำตลอดเวลา แล้วก็มีสิ่งใหม่ๆ เข้ามาเรื่อยๆ แล้วผมคิดว่ามันเป็นเรื่องที่ดีมากๆ เลยครับ ที่ทำให้เราพัฒนาขึ้นไปเรื่อยๆ แล้วก็สนุกกับมัน แล้วก็ได้เพื่อนๆ ที่น่ารักทุกๆ คนครับ ทุกคนน่ารักมากๆ เลยครับ

กฤติน : ตอบดี

จั๋ง : ก็ผมเหมือนย้ายบ้านครับผม เหมือนมาเจอครอบครัวที่เรารัก เป็นอีกครอบครัว เหมือนมีบ้านหลังที่สองครับ ความหมายไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่ว่าแบบเหมือนมีบ้านหลังที่สองจริงๆ รู้สึกว่าเรา enjoy มากกับการอยู่กับน้องๆ แล้วได้ทำความรู้จักกับน้องๆ ไปเรื่อยๆ ครับผม เหมือนเรายิ่งรู้จักยิ่งรักครับผม

ปลั๊กกี้:  ของผมจริงๆ ก็ได้เหมือนกับที่ทุกคนพูดไปด้วย ได้ๆ หมดเลยได้ๆ เหมือนกัน ก็อืมก็พูดไปหมดแล้วอะ แต่ผมควรจะมีอะไรพูดอีกสักหน่อย

กฤติน : นิดนึงๆ ให้เสริมกิมมิคนิดนึง

ปลั๊กกี้:  ก็ได้โตขึ้นไปอีกเลเวลนึงครับผม พอเรามาทำตรงนี้ เราก็จะต้องมีความรับผิดชอบมากขึ้น แล้วก็บางทีเราก็ต้องจัดการความคิด จัดการเวลา หรืออะไรที่ให้มันโตขึ้น แล้วก็พร้อมที่จะเผชิญกับทุกสิ่งที่จะเข้ามา

กฤติน : และนี่คือปลั๊กกี้ the next level

มองวงการ T-POP ในบ้านเราเป็นยังไงบ้าง?

ปลั๊กกี้ : คึกคักเลยครับตอนนี้

กฤติน : ตอนนี้คือสุดๆ เลยครับ สนุกมากหลายๆ คนหลายๆ วงก็ออกมาเรื่อยๆ มีสีสันมากๆ เราก็รู้สึกว่าอยากจะทำผลงานของเราให้ออกไปยิ่งๆ ดีขึ้นไปอีกนะครับ เพราะว่าแฟนก็รอชมอยู่ด้วย

จั๋ง : มองภาพการแข่งขันเหรอครับ

กฤติน : มันไม่เชิงการแข่งขันนะครับ

จั๋ง : มันเหมือน community มากกว่าครับ เหมือนว่าเรามาช่วยกันผลักดันวงการให้ออกไปสู่สากลมากขึ้น

ปลั๊กกี้ : แต่ละวงก็จะมีสิ่งที่แตกต่างกัน ใช่ครับ

ปลั๊กกี้ ธรากร คำสิงห์ วง PERSES
ปลั๊กกี้ ธรากร คำสิงห์ วง PERSES

มาที่เพลงเดบิวต์ MY TIME คอนเซ็ปต์เป็นยังไง

จั๋ง : คอนเซ็ปต์ของเพลงนี้คือการบอกว่าถึงเวลาของพวกเราแล้วที่จะออกมาทำสิ่งที่พวกเราต้องการ หรือว่าเอาความเป็นตัวเองออกมาสู่สากลโลก ให้ทุกคนได้รู้จักพวกเราว่านี่คือตัวตนของเรา นี่คือเวลาของเราที่เราจะออกมาทำลายกรอบเก่าๆ แล้วก็ออกมาเป็นตัวเองให้ได้มากที่สุดครับ

กฤติน : แล้วก็มีเรื่องเวลาเราร้องเพลง จะออกเสียงสื่อสารไปในเนื้อเพลงยังไงให้เป็นตัวเรา ในแต่ละท่อนร้องของแต่ละคน

ปลั๊กกี้ : ก็จริงๆ เพลงนี้ก็เป็นเหมือนอีกหนึ่งเพลงที่อยากให้ทุกคนได้รับพลังจากพวกเรา PERSES ครับผม ว่าไม่ต้องกลัวนะครับ การที่แบบเราเป็นตัวเอง การที่คนคนนึงอยากจะทำอะไรอยากเป็นในสิ่งที่ตัวเองอยากเป็น เป็นในสิ่งที่ตัวเองคิด แค่เป็นตัวเอง แค่แบบลุยให้เต็มที่ในแบบของเราครับ เพราะว่า this is my time หยุดฉันไม่ได้ right now ครับ

กฤติน : ก็มีแบบว่าการออกมาจากความสัมพันธ์ที่มัน toxic ที่เฮ้ย ออกมาได้แล้ว this is my time ก้าวออกมาดีกว่าจากพื้นที่ที่เรารู้สึกว่ามัน toxic กับเราอย่างนี้ครับ ออกมาเถอะ

กระแสตอบรับเป็นยังไงบ้าง?

กฤติน : ดีมากเลยครับ เกินคาดจริงๆ ครับ จริงๆ พวกเราเช็คกันตลอดเลยครับ พวกผมอะชอบอ่านฟีดแบคกันครับว่าฟีดแบ็กเป็นยังไงจะได้เอามาปรับปรุง แต่พอไปอ่านแล้วเขาก็มีทั้งกำลังใจ คำชมเยอะมากๆ ก็ขอบคุณมากๆ เลยครับ

ความรู้สึกตอนขึ้นสเตจครั้งแรกเป็นยังไงกันบ้าง

จั๋ง : ของผมเหมือนฝันไปครับ เหมือนก่อนขึ้นเวทีมันมีช่วงนึงที่เราสติหลุดไปแล้วก็ไปมองรอบๆ แล้วเหมือนน้ำตามันจะไหลครับ มองตอนนั้นเนอยู่ เนหรือกฤตนะอยู่หลังพี่อะสักคนนึง มองไปแล้วโอ๊ยภูมิใจในตัวน้องๆ จังเลย แล้วน้ำตามันจะมาผมต้อง เฮ้ยไม่ได้ เงยหน้าไป

กฤติน : ตอนที่บูมด้วย

จั๋ง : ของผมเหมือนฝันไปครับ เหมือนก่อนขึ้นเวทีมันมีช่วงนึงที่เราสติหลุดไปแล้วก็ไปมองรอบๆ แล้วเหมือนน้ำตามันจะไหลครับ มองตอนนั้นเนอยู่ เนหรือกฤตนะอยู่หลังพี่อะสักคนนึง มองไปแล้วโอ๊ยภูมิใจในตัวน้องๆ จังเลย แล้วน้ำตามันจะมาผมต้อง เฮ้ยไม่ได้ เงยหน้าไป

จั๋ง: ตอนที่บูม ต้องกลั้นไว้ พอมีสติปุ๊บหันไปเจอเพื่อนๆ อีก น้ำตาจะไหลอีก ฮื้อเอาใหม่ แต่พอขึ้นไปก็คือมือสั่น เหมือนเรากังวลว่ามันจะมีอะไรผิดพลาดหรือเปล่า พอม่านเปิดขึ้นมาก็เจอคนดู กลายเป็นเราทิ้งความคิดพวกนั้นไปหมดเลย เรา enjoy moment นั้นที่สุดเลย

ปลั๊กกี้ : จริงๆ วันนั้นก็เหมือนเป็นวันที่รอคอยของพวกเราทั้งห้าคนนะครับ สำหรับผมคือตั้งแต่ก่อนขึ้นเวทียังไม่ค่อยตื่นเต้นมากครับ แต่ว่าพอใกล้ๆ ขึ้น เริ่มใกล้ถึงเวลาแล้ว ด้านหน้าคนก็กรี๊ดดังมากอะไรอย่างนี้ พอผมมองไปอู้วหูว พวกเราเปิดตัวกันมีคนมาดูกันเยอะมากๆ ก็รู้สึกตื่นเต้นกว่าเดิม แต่ว่าสุดท้ายผมก็ควบคุมสติได้ เฮ้ยมันถึงเวลาของเรา เราขึ้นไปแล้วก็โชว์ให้เขาดูว่าเรามีดีแค่ไหน เราทำให้เต็มที่ที่สุด ผมก็เลยใส่เต็มที่ไม่ยั้งเลยครับวันนั้น

กฤติน : สำหรับผมคืนวันนั้นนอนไม่หลับ ก่อนที่จะมาเดบิวต์สเตจวันนั้นก็คือนอนไม่หลับ เรารู้สึกว่าฝันมันเป็นจริงแล้ว แล้ววันนั้นคนที่มาเชียร์ ก็คือเพื่อนสนิท พ่อแม่ น้อง พี่ ทุกคนมาหมดเลย เราอยากทำให้เขาเห็นว่าสิ่งที่เราตั้งใจ ที่เราฝึกซ้อมมาสองปีอะไรอย่างนี้ครับ แล้วทุกๆ คนก็อยู่ในช่วงชีวิตที่เรามาฝึกด้วย ทุกคนมาให้กำลังใจที่ดีจริงๆ ครับ แล้วเรารู้สึกว่าเราอยากทำให้ดีที่สุดพร้อมกับเพื่อนๆ PERSES ครับ วันนั้นขึ้นเวทีปุ๊บทุกๆ อย่างมันเหมือนมันเร็วไปหมดเลยครับ เพราะเราทำไปด้วยความตั้งใจ เราเหมือนใส่เต็มไป พอเราลงมาจากเวทีแล้วมันแบบมันโล่งไปหมดเลยที่เราทำมา แฮปปี้มากๆ ครับ

เน ณรัณ วิกัยรุ่งโรจน์ วง PERSES

เป้าหมายในอนาคตของวง PERSES

กฤติน : เป้าหมายสำหรับผม ผมมองPERSES แบบว่าอยากให้พวกเราไปขึ้นคอนเสิร์ตเวทีใหญ่ๆ ระดับโลกเลย เพราะว่าเราอยากให้คนต่างประเทศได้รู้ว่าเมืองไทยสามารถทำได้นะครับ อยากให้เห็นสีสันของประเทศไทยว่าวงการเพลงของประเทศไทย คือไปไกลแล้วนะมาฟังกันเถอะครับ เชิญชวน

ปาล์ม : อยากให้คนชอบเราเยอะๆ อยากให้มีคนติดตามเราเยอะๆ ทั่วโลกเลยครับ แล้วก็พยายามทำผลงานออกมาให้ทุกคนชอบมากที่สุด และเราก็ทำอย่างเต็มที่เลยครับ

มีอะไรอยากจะบอกกับตัวเองไหม

กฤติน : สำหรับผมผมก็อยากบอกตัวเองว่าสู้ต่อไปเรื่อยๆ ไม่ว่าจะมีอะไรที่มันเป็นอุปสรรคหรือขวากหนาม โอ๊ยดูจริงจังไป อะไรก็ตามสุดท้ายแล้วเราต้องผ่านมันไปได้อยู่แล้ว เพราะว่าเราก็มีทุกคนอยู่ด้วย เราไม่ได้ตัวคนเดียว เราจะเดินต่อไปได้ครับ อย่าท้ออย่าถอย สู้ต่อไปกฤตินนายทำได้

เน : ผมก็อยากฝาก อยากให้ตัวเองไม่อยู่กับที่ และพัฒนาตัวเองให้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ต่อไปเรื่อยๆตลอด อย่าเพิ่งท้อใจกับตัวเองแค่นี้

ปลั๊กกี้ : อืม พี่จั๋งก่อนดีกว่า

จั๋ง : อยากพูดอะไรถึงตัวเอง ก็อยากจะบอกคล้ายๆ ของเนครับว่าอยากจะบอกตัวเองว่าอย่าหยุดพัฒนาตัวเองนะครับผม เหมือนคนเรามันพัฒนาตัวเองไปได้เรื่อยๆ ไม่มีขีดจำกัดครับ แค่ต้องลงมือทำครับ

ปาล์ม : ของผมก็ฝากว่าให้สนุกกับทุกวันครับ ให้ทำทุกวันให้มีความสุขที่สุดครับ แล้วก็ยิ้มสู้กับมันครับ

ปลั๊กกี้ : ก็ผมคงอยากจะบอกกับตัวเองว่าในวันที่มันมีเรื่องแย่ๆ มันก็ไม่ได้แปลว่ามันจะแย่ไปทุกวันครับ คือชีวิตคนเรามันก็มีวันที่ไม่ดีแล้วก็วันที่ดี ก็อยากจะบอกตัวเองว่า enjoy every moment of your life ครับผม ขอบคุณครับ

วง PERSES

ฝากผลงานหลังจากนี้กันหน่อย

ปลั๊กกี้ : ก็ฝากด้วยนะครับ ช่องทางโชเชียลมีเดียของพวกเรานั่นก็คือ…

ปาล์ม : perses_official ครับ ฝากด้วยนะครับทุกคน

กฤติน : พี่เนฝากอะไรกับแฟนๆ สิ อ้อนหน่อยๆ อ้อนแฟนๆ หน่อย เราต้องอ้อนนะพี่เน

เน : ก็หลังจากนี้ เราก็จะมีคอนเทนต์ต่างๆ ให้ทุกคนได้รู้จักพวกเรากันมากขึ้นก็ยังไงก็ฝากทุกคนติดตามกันด้วยนะครับผม

กฤติน : หนึ่งร้อยล้านคอนเทนต์รอดูเลย

เน : ร้อยล้านเลยเหรอ

กฤติน : เพราะถ่ายกันบ่อยมากแบบว่าอู้ว…สนุกสนานกันมากๆ ครับอยากให้ทุกคนได้ดูแล้ว

จั๋ง : ก็ขอฝากพวกเราเพอร์เซสทั้ง 5 คนด้วยครับ พวกเราสัญญาจะทำผลงานออกมาให้เต็มที่แล้วจะพัฒนาผลงานเพลงให้มากไปกว่านี้ครับผม เพื่อให้ทุกคนไม่ผิดหวังกันครับ อยู่กันไปนานๆ นะครับ

สั่งชาเขียวหวานน้อย ทำไมได้น้ำเปล่ากลับมา

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้ที่จำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ (Strictly Necessary Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้มีความสำคัญต่อการปฏิบัติการของเว็บไซต์ feedforfuture.co ซึ่งจะช่วยให้ท่านสามารถเข้าถึงข้อมูลและเนื้อหาต่างๆ ของเว็บไซต์เราได้ทุกส่วน โดยเฉพาะส่วนสมาชิกผู้ใช้งานของเว็บไซต์ ตลอดจนการตรวจสอบจำนวนผู้เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ของเรา

  • คุกกี้ด้านประสิทธิภาพการทำงานของเว็บไซต์ (Performance Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้ใช้เพื่อรวบรวมข้อมูลทางสถิติเกี่ยวกับการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน เพื่อวิเคราะห์ และช่วยให้เราทราบถึงพฤติกรรมการใช้งาน ซึ่งจะช่วยปรับปรุงการทำงานของเว็บไซต์เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดในการใช้งานบนเว็บไซต์ของเรา

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาเข้ากับกลุ่มเป้าหมาย (Targeting Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้ใช้ในการบันทึก และจดจำคุณลักษณะต่างๆ ที่ท่านได้เลือกขณะเข้าชมเว็บไซต์ของเรา เช่น หมวดหมู่ และเนื้อหาที่ท่านชอบอ่านมากที่สุด เราจะบันทึกข้อมูลเหล่านี้ และนำกลับมาใช้เมื่อท่านกลับเข้ามาที่เว็บไซต์ของเราอีกครั้ง เพื่อปรับให้ท่านได้รับชมเนื้อหาได้ตรงกับความชอบของท่านให้มากที่สุด

  • คุกกี้เพื่อนำเสนอโฆษณาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย (Advertising Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้ใช้เพื่อจดจำพฤติกรรมการอ่านเนื้อหาบนเว็บไซต์ของท่าน รวมถึงรายละเอียดของอุปกรณ์ที่ท่านใช้ เพื่อนำไปใช้วิเคราะห์การนำเสนอโฆษณาที่เหมาะสมกับท่านมากที่สุด และช่วยวัดความมีประสิทธิผลของโฆษณาที่เรานำเสนอด้วย ตลอดจนช่วยป้องกัน หรือจำกัดจำนวนครั้งที่ท่านจะเห็นโฆษณาเดิมซ้ำๆ

บันทึก