Peugeot (เปอโยต์)เป็นรถที่เข้ามาอยู่ในประเทศไทยเป็นเวลานานมากแล้ว แต่อาจจะไม่ได้รับความนิยมมากนักในช่วงอดีตที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งก็มาจากการทำตลาดของ Dealer รายก่อนๆที่ไม่ได้รับความนิยมมากนัก จึงเป็นรถที่เห็นในถนนได้น้อย แต่ในตอนนี้ Peugeot ประเทศไทย ได้รับการบริหารงานโดย บริษัท เบลฟอร์ต ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ที่ผู้นำเข้า และจัดจำหน่ายรถยนต์ Peugeot ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ
ล่าสุดทางผู้นำเข้ารถจากแดนน้ำหอมฝรั่งเศส เตรียมนำเข้า Peugeot e-2008 ใหม่ ครอสโอเวอร์ไฟฟ้า 100% รุ่นเล็กมาจำหน่ายในประเทศไทย คาดว่าจะได้เห็นกันในงาน Motor Show 2023 เป็นรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า 100% ของ Peugeot รุ่นแรกในประเทศไทย
รูปลักษณ์ภายนอกนั้นดีไซน์ให้ดูแข็งแกร่งตามแบบฉบับของทาง Peugeot โดดเด่นด้วยไฟหน้า LED ที่เป็นแบบ 3 แถบ และในส่วนกระจังแบบ Frameless ที่ดีไซน์ออกแบบให้มีเหมือนเขี้ยวของเสือที่พาดยาว มาพร้อมล้ออัลลอยสีทูโทนขนาด 17 นิ้ว ขณะที่ด้านท้ายรถ และหลังคาได้ DNA มาจากรุ่นพี่อย่าง 3008 และ 5008 แบบเต็มๆ
ภายในห้องโดยสารมากับแผงหน้าปัด i-Cockpit แบบ 3 มิติ พร้อมกับหน้าจออินโฟเทนเมนต์แบบสัมผัสขนาด 7 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto มาตรวัดดิจิทัลแสดงผล 3 มิติขนาด 10 นิ้ว ตกแต่งภายในด้วยวัสดุลายคาร์บอนปุ่มปรับระบบปรับอากาศดีไซน์เป็นแป้นกดแนวนอน ที่มีลักษณะคล้ายเปียโน พื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้ายมีขนาด 434 ลิตร เมื่อปรับเบาะที่นั่งแถวหลังลงจะเพิ่มขนาดความจุเป็น 1,467 ลิตร
ด้านขุมพลังขับเคลื่อนของ Peugeot e-2008 ถูกพัฒนาขึ้นบนพื้นฐานเดียวกับ Peugeot 2008 แต่ปรับเปลี่ยนไปใช้ขุมพลังขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า 100% มากับมอเตอร์ไฟฟ้าที่ให้กำลัง 136 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 300 นิวตันเมตร ทำความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลา 8.5 วินาที ไปได้สูงสุดที่ความเร็ว 150 กม./ชม. พร้อมแบตเตอรี่ขนาด 50kWh ชาร์จไฟเต็มให้ระยะทางทั้งหมด 310 กม. ตามมาตรฐาน WLTP
รองรับการชาร์ตไฟแบบกระแสสลับ AC ขนาด 7.4 kW ใช้เวลาชาร์จไฟเต็มในเวลา 8 ชม. พร้อมรองรับการชาร์จแบบ DC ขนาด 110 kW ให้กำลังไฟจาก 0-80% ภายในเวลาเพียง 30 นาที
ทั้งนี้เจ้ารถยนต์ไฟฟ้าคันนี้จะได้รับความนิยมขนาดไหนก็คงต้องไปดูกันว่าราคาที่เปิดออกมานั้นจะเป็นอย่างไร เพราะในตอนนี้ต้องเรียกว่าสงครามรถยนต์ไฟฟ้าไทยกำลังร้อนเป็นไฟ ภายหลังจากการแห่นำรถยนต์ไฟฟ้าทั้งจีน ยุโรป เข้ามาทำตลาดกันอย่างครึกครื้น
แหล่งที่มาและข้อมูล : DrivingElectric
ติดตามข่าวสารเทคโนโลยีและยานยนต์ได้ที่ FEE:D