ปี 2002 บราซิลไม่ใช่ตัวเต็ง แต่พอไปเห็นที่สนาม พอได้ดูบราซิล ไอ้ที่เขาเลื่องลือมา ไอ้ที่เราได้ยินมาตั้งแต่เด็ก ที่เราได้อ่าน หรือที่เราได้ดูมาในทีวี พอเราไปเห็นกับตา ขอบอกเลยว่าแม่งเป็นเรื่องจริง บราซิลเล่นฟุตบอลเหมือนเริงระบำอยู่บนผืนหญ้า ผมชอบฟุตบอลแบบนี้ คือฟุตบอลมันต้องมีความเป็นศิลปะ มีความเป็นศิลป์ มากกว่าความเป็นศาสตร์

“บอ.บู๋” บูรณิจฉ์ รัตนวิเชียร คอลัมนิสต์ในเครือสยามสปอร์ต

หลังจากที่ลุ้นกันมานานหลายสัปดาห์ ในที่สุดคอบอลชาวไทยก็สมหวังได้ดูการแข่งขันฟุตบอลโลก 2022 อย่างเต็มอิ่มครบทั้ง 64 นัดเป็นที่แน่นอนแล้ว ผ่านทางช่องฟรีทีวี ตามกฎ Must Have และ Must Carry ของ คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช.

สำหรับค่าลิขสิทธิ์ในการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกครั้งนี้อยู่ที่ประมาณ 1,200-1,400 ล้านบาท โดยใช้เงินสนับสนุนจาก กองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมเพื่อประโยชน์สาธารณะ หรือ กทปส. ซึ่งเป็นหน่วยงานที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ กสชท. จำนวน 600 ล้านบาท และเงินจากภาคเอกชนต่างๆ รวมกันอีกราว 600-800 ล้านบาท

ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่า กกท. ในฐานะตัวแทนรัฐบาลไทย แถลงข่าวขอบคุณผู้สนับสนุนการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก 2022
ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่า กกท. ในฐานะตัวแทนรัฐบาลไทย แถลงข่าวขอบคุณผู้สนับสนุนถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก 2022

โดยนัดเปิดสนาม “เจ้าภาพ” กาตาร์ พบกับ เอกวาดอร์ แข่งกันวันที่ 20 พฤศจิกายน 2565 เวลา 23.00 น. (ตามเวลาประเทศไทย) ถ่ายทอดสดทางช่อง True4u และช่อง T Sports 7 ส่วนเกมที่เหลือคอบอลไทยก็จะได้ดูแบบจุใจผ่านทางฟรีทีวีทั้ง 17 ช่อง จนถึงนัดชิงชนะเลิศ วันที่ 18 ธันวาคม 2565

ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย หรือ กกท. ในฐานะตัวแทนรัฐบาลไทย บอกว่า ที่ผ่านมาได้พยายามทุ่มเททำงานอย่างหนักตลอด 3-4 สัปดาห์ที่ผ่านมา ก่อนที่จะสามารถเจรจากับทางตัวแทนของสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือ ฟีฟ่า จนได้ราคาลิขสิทธิ์ที่ลงตัว 33 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 1,200 ล้านบาท

ซึ่งเมื่อรวมค่าภาษีและการดำเนินการต่างๆ แล้วค่าใช้จ่ายทั้งหมดจะอยู่ที่ 1,400 ล้านบาท ส่วนการจ่ายเงินค่าลิขสิทธิ์นั้นฟีฟ่าให้ประเทศไทยแบ่งชำระเป็น 2 งวด งวดแรกต้องจ่ายก่อนเกมนัดเปิดสนาม ซึ่งได้ใช้งบประมาณจาก กสทช. ชำระไปแล้วจำนวน 600 ล้านบาท และอีกงวดจำนวน 600 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นเงินสนับสนุนจากภาคเอกชน ต้องจ่ายภายในวันที่ 25 พฤศจิกายน 2565

จบดราม่าเสียทีกับคำว่า “ไทยเป็นชาติเดียวในอาเซียนที่ไม่ได้ดูฟุตบอลโลก”

ก่อนฟุตบอลโลกจะเริ่มเปิดฉากฟาดแข้ง FEED ได้มีโอกาสพูดคุยกับ “บอ.บู๋” บูรณิจฉ์ รัตนวิเชียร แฟนบอลตัวพ่อ “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และคอลัมนิสต์ในเครือสยามสปอร์ต หลากหลายประเด็น ทั้งเรื่องฟุตบอลโลกในความทรงจำ และมุมมองเรื่องลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกในไทย

บอ.บู๋ กล่าวแบบติดตลกตามสไตล์ว่า เตรียมหาช่องทางดูฟุตบอลโลกด้วยตัวเองไว้ล่วงหน้าแล้ว โดยจะใช้ช่องทางธรรมชาติแถวๆ ภาคอีสาน พร้อมกับย้ำว่า “กูขอลุ้นจนถึงวันศุกร์ หรือวันเสาร์แล้วกันวะ!”

ปรากฏว่าสิ่งที่ “บอ.บู๋” เคยพูดไว้ มันก็เป็นจริงตามนั้น เมื่อภาครัฐและภาคเอกชนสามารถปิดดีลลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกได้สำเร็จ ก่อนที่การแข่งขันจะเริ่มฟาดแข้งเพียงไม่กี่วัน!

ส่วนแมตช์ฟุตบอลโลกที่อยู่ในความทรงจำ บอ.บู๋ ยอมรับว่า มีหลายนัด เพราะตัวเองเป็นคนที่ผูกพันกับฟุตบอลโลกมาก เริ่มดูฟุตบอลโลกครั้งแรกในปี 1982 ที่ประเทศสเปนเป็นเจ้าภาพ หลังจากนั้นก็ติดตามดูมาตลอด จนถึงครั้งล่าสุดที่ทีมชาติฝรั่งเศสคว้าแชมป์โลก ในปี 2018 บนแผ่นดินประเทศรัสเซีย

เชียร์ทีมชาติอังกฤษ ตั้งแต่ปี 1982 เพราะชอบแมนฯ ยูไนเต็ด

บอ.บู๋ : ผมต้องบอกเลยว่าเป็นคนที่ผูกพันกับฟุตบอลโลกมาก มีฟุตบอลโลกในความทรงจำหลายยุคหลายสมัย ผมเริ่มรู้จักฟุตบอลโลกเอาแบบจริงจังเลย ครั้งแรกเนี่ยย้อนกลับไปปี 1982 คือ ฟุตบอลโลก ที่ประเทศสเปน ตอนนั้นเพิ่งบ้าบอลได้ใหม่ๆ เรียนอยู่มัธยมต้น เริ่มเชียร์แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ใหม่ๆ เริ่มติดตามฟุตบอลอังกฤษใหม่ๆ เริ่มรู้จักฟุตบอลอังกฤษ เริ่มรู้จักแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้แค่ปีเดียว คือเชียร์ประมาณปี 1981 ติดตามข่าวสารเรื่องของดิวิชั่น 1 อังกฤษ ปี 1981

พอปีถัดมาก็เป็นฟุตบอลโลก 1982 จำได้ว่ายุคนั้นฟุตบอลโลกที่เมืองไทย จะมีหนังสือพิมพ์ชื่อว่า ฟุตบอลโลกรายวัน โดยสยามสปอร์ต หรือสยามกีฬา ที่ผมทำงานอยู่นี่แหละ เขาก็ออกแบบเฉพาะกิจ คือออกเป็นรายวันเฉพาะในช่วงฟุตบอลโลก ก็จะซื้อหนังสือพิมพ์รายวันฉบับนั้นมาอ่านทุกวัน

ยุคนั้นมันมีการถ่ายทอดสดแค่ 2 นัดเท่านั้น คือนัดเปิดสนามและนัดชิงชนะเลิศ หรือเรียกว่านัดปิดสนาม ตอนนั้นผมจำไม่ได้นะว่านัดเปิดสนามทำไมผมไม่ได้ดู อาจจะเป็นเพราะว่ามันมาดึกหรืออะไรก็ตามแต่ มันนานแล้วด้วย เปิดสนามก็เป็นแชมป์เก่าอาร์เจนตินากับเบลเยี่ยม แล้วอาร์เจนตินาแพ้ 0-1 ก็จำแค่ผลแข่งขันได้ว่ามันพลิกล็อก

เปาโล รอสซี่ ดาวยิงอิตาลี คว้าแชมป์โลก ปี 1982
เปาโล รอสซี่ ดาวยิงอิตาลี คว้าแชมป์โลก ปี 1982

นัดชิงชนะเลิศ อิตาลีกับเยอรมันตะวันตก ก็เป็นอิตาลีชนะไป 3-1 ซึ่งปีนั้นเป็นปีที่อิตาลีมาแบบม้ามืด มาแบบไม่ใช่ทีมตัวเต็งแล้วอยู่ดีๆ ก็ทะลุไปคว้าแชมป์ เปาโล รอสซี่ ได้ดาวซัลโว ได้นักเตะยอดเยี่ยม นั่นคือครั้งแรกเลยในความทรงจำ

แต่ว่าเกมต่างๆ ก็ได้ดูบ้าง ไม่ได้ดูบ้าง เพราะว่าในยุคนั้นอย่างที่บอกมันมีถ่ายทอดสดแค่นัดเปิดกับนัดปิด เกมอื่นๆ จะดูเป็นเทป คือจำได้ว่าฟรีทีวี สมัยก่อนเขาเรียกทีวีพูล เอาเทปมาวนฉายกัน เป็นการดูแบบแห้งๆ

บอ.บู๋ บอกเล่าประสบการณ์ดูฟุตบอลโลกสมัยก่อน

แต่เชียร์ทีมชาติอังกฤษเนี่ยตั้งแต่ปี 1982 เหตุผลที่เชียร์ทีมชาติอังกฤษ เพราะว่าเราเชียร์แมนฯ ยูฯ เราติดตามฟุตบอลอังกฤษ มันก็เริ่มมีความคุ้นเคย มีความผูกพัน แล้วนักเตะของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พูดตรงๆ ว่าแทบทุกยุคทุกสมัย ก็จะติดทีมชาติอังกฤษ อย่างน้อยๆ ก็มี 2-3 คน หรือ 3-4 คน อย่างปี 1982 นักเตะดังที่สุดของแมนฯ ยูฯ ที่ติดทีมชาติอังกฤษ คือ ไบรอัน ร็อบสัน

ไบรอัน ร็อบสัน เซ็นสัญญาร่วมทีมแมนฯ ยูฯ ในปี 1981 ท่ามกลางแฟนบอลกว่า 40,000 คน
ไบรอัน ร็อบสัน เซ็นสัญญาร่วมทีมแมนฯ ยูไนเต็ด ในปี 1981 ท่ามกลางแฟนบอลกว่า 40,000 คน
ภาพจาก : twitter.com/ManUtd

ฟุตบอลโลกที่อยู่ในความทรงจำมากที่สุด คือฟุตบอลโลก ปี 1986

บอ.บู๋ : อีก 4 ปีต่อมา คือปี 1986 เป็นปีที่เริ่มอายุมากขึ้น โตขึ้น เป็นวัยรุ่นขึ้น ถ้าถามว่าฟุตบอลโลกในความทรงจำครั้งไหนที่อยู่ในความทรงจำมากที่สุด ก็น่าจะเป็นปี 1986 นะครับ เพราะว่าปี 1986 เป็นปีที่เกิดเหตุการณ์ที่มันน่าจดจำ ยกตัวอย่างเช่น hand of God ของ ดิเอโก้ มาราโดน่า ในรอบ 8 ทีมสุดท้ายที่อาร์เจนตินาเอาชนะอังกฤษ ได้ดูสด ไม่รู้หลายท่านจำได้หรือเปล่า ตอนนั้นก็เหมือนกัน คล้ายๆ กับปี 1982 คือตอนแรกเขาก็ถ่ายแค่นัดเปิดกับนัดปิด

hand of God ของ ดิเอโก้ มาราโดน่า อันเลื่องลือ
hand of God ของ ดิเอโก้ มาราโดน่า อันเลื่องลือ

นัดเปิดปี 1986 ผมได้ดูแล้วนะ อิตาลี แชมป์เก่า เจอกับ บัลแกเรีย ก็เสมอกัน 1-1 แล้วก็ผ่านรอบแรกไป ผ่านรอบแบ่งกลุ่มไป มาเข้ารอบน็อกเอาท์ รอบ 16 ทีมสุดท้าย ก็ผ่านไป กระแสเวิลด์คัพฟีเวอร์มันก็รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ผมจำได้ว่ารัฐบาลนี่แหละ ถ้าจำไม่ผิด “พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ” เขาสั่งเลยว่าให้ถ่ายทอดสดตั้งแต่รอบ 8 ทีมสุดท้ายเป็นต้นไป คือ รอบ 8 ทีมสุดท้าย รอบรองชนะเลิศ และรอบชิงชนะเลิศ

มันก็เลยเห็นเกมระหว่างอังกฤษกับอาร์เจนตินา เห็น hand of God แล้วมันก็เกิดเกมคลาสสิกที่สุดในฟุตบอลโลกครั้งหนึ่งขึ้นมา ก็คือเกมระหว่างทีมชาติบราซิลกับทีมชาติฝรั่งเศส เป็นเกมที่โอ้โห! แม่งโคตรคลาสสิกเลย เล่นเกมรุก เปิดเกมรุกใส่กัน มีครบทุกรูปแบบ ยืดเยื้อไปถึงต่อเวลาพิเศษ ยืดเยื้อไปจนถึงดวลจุดโทษตัดสิน

ซึ่งถ้าในมุมของคนที่ติดตามชมฟุตบอลโลกมา หรือมุมของผู้สื่อข่าว หรือมุมของกูรูลูกหนัง นักวิเคราะห์นักวิจารณ์ แมตช์ระหว่างฝรั่งเศสกับบราซิล คือแมตช์ที่คลาสสิกที่สุด ทั้งๆ ที่ไม่ใช่นัดชิงชนะเลิศ

บอ.บู๋ พูดถึงเหตุการณ์ในความทรงจำ ฟุตบอลโลก ปี 1986
ฝรั่งเศส ปะทะ บราซิล แมตช์คลาสสิกฟุตบอลโลก ปี 1986
ฝรั่งเศส ปะทะ บราซิล แมตช์คลาสสิกฟุตบอลโลก ปี 1986
ภาพจาก : Facebook FIFA World Cup

และเป็นปีที่มาราโดน่าระเบิดฟอร์มกระฉูดแตกเลยจนถึงรอบชิงชนะเลิศ เป็นอาร์เจนตินาที่เอาชนะเยอรมันตะวันตกไปได้ 3-2 เกมนั้นก็เป็นฟุตบอลโลกนัดชิงชนะเลิศในความทรงจำอีกเหมือนกัน เพราะว่าถ้าเราสังเกตให้ดีมายุคหลังๆ นัดชิงฟุตบอลโลก มันจะเป็นเกมอึดอัด เป็นเกมที่ดูแล้วไม่ค่อยมีความสนุกสนานตื่นเต้น ไม่ค่อยมีแบบพลิกไปพลิกมาใช่ไหมครับ

แต่เกมระหว่างอาร์เจนตินากับเยอรมันตะวันตกตอนนั้นเนี่ย โอ้โห! แม่งโคตรมันเลย อาร์เจนฯ นำก่อน 2-0 เยอรมันตีเสมอได้ สุดท้ายดิเอโก้ มาราโดน่า เป็นคนเปิดบอลให้ บูร์รูชาก้า หลุดเข้าไปยิงให้อาร์เจนตินาได้แชมป์โลก คือมันเป็นฟุตบอลโลกที่มีเกมอยู่ในความทรงจำเยอะแยะมากมาย หลังจากนั้นฟุตบอลมันจะเข้าสู่ยุคใหม่ เรื่องของแท็กติก เรื่องของแผนการเล่น เรื่องของกลยุทธ์ มันก็จะสูงขึ้น รูปเกมและความสนุกสนาน มันก็อาจจะลดน้อยลงไป

มาราโดน่า ชูถ้วยแชมป์โลก ปี 1986
มาราโดน่า ชูถ้วยแชมป์โลก ปี 1986
ภาพจาก : Facebook FIFA World Cup

ฟุตบอลโลกสมัยใหม่ขาดสีสัน นัดชิงฯ เล่นกันไม่ค่อยสนุก

บอ.บู๋ : เราจะเห็นว่าอย่างปี 1990 นัดชิงฯ เขาก็รีแมตช์กันระหว่าง อาร์เจนตินา กับ เยอรมัน ครั้งนี้เยอรมันชนะ แต่เกมไม่สนุก กลายเป็นเกมที่ว่าอาร์เจนฯ ต้องตั้งเกมรับ และเยอรมันกว่าจะชนะได้ ต้องอาศัยจุดโทษ ประตูชัยก็มาจากลูกโทษที่จุดโทษ หรืออย่างปี 1994 ที่บราซิลกลับมาเป็นแชมป์ นัดชิงฯ กลายเป็นนัดชิงฯ ที่เสมอ 0-0 แล้วต้องมาตัดสินด้วยการดวลจุดโทษ พอมาปี 1998 ก็เป็นปีของทีมชาติฝรั่งเศสเจ้าภาพ เป็นปีที่พระเอกของงานคือ “ซีเนอดีน ซีดาน”

ซีดาน คว้าแชมป์โลก ปี 1998
ซีดาน คว้าแชมป์โลก ปี 1998
ภาพจาก : Facebook FIFA World Cup

พอมาปี 2002 เป็นเวิลด์คัพครั้งแรกที่ออกไปนอกทวีปอเมริกากับทวีปยุโรป ไปจัดที่เอเชีย เกาหลีใต้กับญี่ปุ่น อันนี้ก็อยู่ในความทรงจำเหมือนกัน เพราะว่าเป็นครั้งแรกที่ผมได้ไปทำข่าว ได้ไปติดตามที่สนามในฐานะนักข่าว ทั้งที่ประเทศเกาหลี และที่ประเทศญี่ปุ่น

อย่างที่ทราบกันดีก็จะเป็นฟุตบอลโลกที่ออกจะเพี้ยนๆ หน่อย คือทีมใหญ่ๆ ตกรอบกันหมดเลย ฝรั่งเศสแชมป์เก่าก็ร่วงรอบแรกใช่ไหมครับ อิตาลีก็ไปเจอทีเด็ดเจ้าภาพอย่างเกาหลีใต้ เช่นเดียวกับสเปนก็มาเจอทีเด็ดของเกาหลีใต้

และที่มันอยู่ในความทรงจำคือ พอไปดูเองที่สนาม คือเราได้รับรู้กิตติศัพท์ของบราซิลมานานแล้วตั้งแต่เด็ก ว่าบราซิลเป็นฟุตบอลที่เล่นสวยงาม เล่นเกมรุกดุดัน ลีลาการเล่นแพรวพราว

ประทับใจสไตล์ “แซมบ้า” บราซิล ในฟุตบอลโลก ปี 2002

บอ.บู๋ : เอาจริงๆ ปี 2002 เป็นบราซิลที่ไม่ถึงกับแพรวพราวเหมือนยุค 80 หรือยุค 70 ที่มี เปเล่ ใช่ไหมครับ ยุค 80 ก็จะมี ซิโก้ ฟัลเกา โซคราเตส พอมาปี 2002 บราซิลเขาก็จะเริ่มใช้กลยุทธ์ มีความเป็นฟุตบอลสมัยใหม่มากขึ้น เน้นเกมรับให้เหนียวแน่นมากขึ้น

ปี 2002 บราซิลไม่ใช่ตัวเต็ง แต่พอไปเห็นที่สนาม พอได้ดูบราซิล ไอ้ที่เขาเลื่องลือมา ไอ้ที่เราได้ยินมาตั้งแต่เด็ก ที่เราได้อ่าน หรือที่เราได้ดูมาในทีวี พอเราไปเห็นกับตา ขอบอกเลยว่าแม่งเป็นเรื่องจริง บราซิลเล่นฟุตบอลเหมือนเริงระบำอยู่บนผืนหญ้า

ผมชอบฟุตบอลแบบนี้ คือฟุตบอลมันต้องมีความเป็นศิลปะ มีความเป็นศิลป์ มากกว่าความเป็นศาสตร์ แต่โอเคตอนนั้นศาสตร์เข้ามาเยอะแล้ว แต่บราซิลก็ยังไม่ทิ้งเรื่องของศิลปะในการเล่น ก็ยังมีลีลาแพรวพราวอยู่ ยกตัวอย่างเช่น ริวัลโด้ โรนัลดินโญ่ หรือแม้แต่ศูนย์หน้านักเตะยอดเยี่ยมในปีนั้นคือ โรนัลโด้ R9

บอ.บู๋ ยกย่องความยอดเยี่ยมของทีมชาติบราซิล ชุดแชมป์โลก ปี 2002

ไปดูบราซิล ตามบราซิลมาตลอดตั้งแต่รอบแบ่งกลุ่มยันรอบน็อกเอาท์ จนถึงนัดชิงชนะเลิศที่เอาชนะเยอรมัน 2-0 ก็ได้ดู มันเป็นฟุตบอลโลกที่เราได้ไปดูเอง ได้ไปสัมผัสบรรยากาศ สัมผัสวัฒนธรรมของทั้งเกาหลีและญี่ปุ่น

"โล้นทองคำ" โรนัลโด้
“โล้นทองคำ” โรนัลโด้
ภาพจาก : Facebook FIFA World Cup

หลังจากนั้นปี 2006 อิตาลีก็ได้แชมป์ ปีไหนก็ตามที่อิตาลีได้แชมป์ อันนี้พูดถึงอิตาลียุคก่อนนะ คืออิตาลีมันเป็นทีมตีหัวเข้าบ้าน เป็นทีมที่เน้นเกมรับ จะเป็นทีมที่ได้แชมป์ เพราะเกมรับที่เหนียวแน่น แข็งแกร่ง เกมรุกก็ไม่เท่าไร

ปี 2010 ได้ไปดูที่แอฟริกาใต้นัดหนึ่ง เป็นเกมที่อาร์เจนตินาเจอกับเยอรมัน ปีนั้นอาร์เจนตินาใช้ ดิเอโก้ มาราโดน่า มาเป็นโค้ช แล้วก็โดนเยอรมันถลุงเละเลย 0-4 ปี 2010 ก็เป็นครั้งแรกที่สเปนได้แชมป์โลกในประวัติศาสตร์ นัดชิงฯ เจอกับฮอลแลนด์ เห็นไหมก็ 1-0 ก็จะดูแบบอึดอัดๆ เช่นเดียวกัน

เคยเอาใจช่วยบราซิลให้ครองแชมป์โลกในบ้าน ปี 2014

บอ.บู๋ : พอมาปี 2014 ผมเอาใจช่วยบราซิลเต็มที่เลย เพราะว่าเขาเป็นเจ้าภาพ แล้วถ้าเราย้อนกลับไป บราซิลเขาเคยเป็นเจ้าภาพมาแล้วครั้งหนึ่ง ปี 1950 ปีนั้นบราซิลเป็นเจ้าภาพครั้งแรก มันไม่มีนัดชิงชนะเลิศ มันเป็นการเข้าไปเล่นรอบแบ่งกลุ่มสุดท้ายแล้วเก็บคะแนน ใครได้คะแนนเยอะที่สุดได้แชมป์ ปรากฏว่ามันเป็นนัดสุดท้าย เสมือนหนึ่งนัดชิงชนะเลิศคือ บราซิลกับอุรุกวัย

บราซิลก็แพ้อุรุกวัยคาบ้านไง เขาก็ไม่ได้แชมป์ในบ้าน ถ้าเราบอกว่าอังกฤษเป็นผู้ให้กำเนิดฟุตบอลสมัยใหม่ บราซิลก็ไม่ต่างกัน เขาก็คือประเทศฟุตบอล อยากให้เขาได้แชมป์ในบ้านไง ในประเทศเขา

โอ้โห! แล้วบราซิลปีนั้นกลายเป็นว่าพอได้กลับมาจัด เขาก็หมายมั่นปั้นมือว่า เขาเคยพลาดแชมป์ในบ้านมา แล้วเขาได้เป็นเจ้าภาพอีกครั้งหนึ่ง เขาก็ต้องได้แชมป์ในฐานะเจ้าภาพให้ได้

แต่มันเป็นปีที่จังหวะไม่ดี คือเป็นบราซิลเจเนอเรชั่นผู้เล่นที่ไม่ดี เราจะเห็นว่ามีแค่ เนย์มาร์ คนเดียวที่เป็นดารา ที่ดังที่สุด เป็นตัวนำ นอกนั้นก็เหมือนตัวประกอบ เนย์มาร์ก็ดันมาบาดเจ็บ แล้วไปโดนเยอรมันยิงรอบตัดเชือก โดนไป 7 ดอก

ผมรู้สึกว่าถ้าใช้คำว่าช็อกโลกที่สุดก็คือเกมนี้ บราซิลเล่นเป็นเจ้าภาพ หมายมั่นปั้นมือกับฟุตบอลโลก ฟุตบอลมันแพ้-ชนะกันได้ แต่มันไม่ควรโดนยิงในบ้าน 7 ลูก

บอ.บู๋ ย้อนความหลังกับแมตช์ช็อกโลกที่สุดในฟุตบอลโลก
เยอรมนีถล่มเจ้าภาพบราซิลยับเยิน 7-1 ฟุตบอลโลก 2014
เยอรมนีถล่มเจ้าภาพบราซิลยับเยิน 7-1 ในฟุตบอลโลก ปี 2014
ดาวิด ลุยซ์ ฟุบลงกับพื้นสนาม หลังแพ้เยอรมนีตกรอบรองชนะเลิศ
ดาวิด ลุยซ์ ฟุบลงกับพื้นสนาม หลังแพ้เยอรมนีตกรอบรองชนะเลิศ
ภาพจาก : twitter.com/OptaJoe

เราลองนึกดูสิบราซิลแม่งหมายมั่นปั้นมือจะได้แชมป์โลก พอตกรอบประชาชนแม่งร้องห่มร้องไห้ ไม่เป็นอันกินอันนอน บางคนฆ่าตัวตายก็มีตามข่าวที่เกิดขึ้น แม่งแพ้ในบ้าน แล้วแพ้เยอรมัน 7 ลูก พอไปนัดชิงฯ เยอรมันกับอาร์เจนตินา ก็เป็นเกมที่ไม่สนุกอีก สุดท้ายก็ 1-0 เห็นไหม ช่วงหลังๆ นัดชิงชนะเลิศก็จะไม่ค่อยสนุกใช่ไหมครับ

เมื่อ 4 ปีที่แล้ว ที่รัสเซีย ก็เป็นฝรั่งเศสที่กลับมาได้แชมป์อีกครั้งหนึ่ง สำหรับผมนะคือผมเชียร์อังกฤษใช่ไหม อังกฤษก็สามารถผ่านเข้าไปในรอบรองชนะเลิศได้ แล้วก็ทำให้แฟนบอลผิดหวังเช่นเคย คือไปแพ้โครเอเชีย

โครเอเชีย เราไม่ได้ไปดูถูกเขานะว่าเขาเป็นทีมนอกสายตาหรืออะไร เขาก็เล่นดีแหละ เพียงแต่ว่าโดยความรู้สึก ลองนึกดูสิ นัดชิงชนะเลิศระหว่าง ฝรั่งเศส-อังกฤษ กับ ฝรั่งเศส-โครเอเชีย ความเป็นฝรั่งเศสกับอังกฤษ ถ้ามันเป็นนัดชิงชนะเลิศ มันจะเป็นเกมที่มีคุณค่า มีความน่าสนใจ มีความแบบตูมตาม มากกว่าเป็นฝรั่งเศสกับโครเอเชียเยอะแยะมากมาย นี่ก็คือฟุตบอลโลกในความทรงจำของผม ตั้งแต่ปี 1982

อองตวน กรีซมันน์ ดีใจหลังยิงจุดโทษเข้าในฟุตบอลโลก นัดชิงชนะเลิศ ปี 2018
อองตวน กรีซมันน์ ดีใจหลังยิงจุดโทษเข้าในฟุตบอลโลก นัดชิงชนะเลิศ ปี 2018
ภาพจาก : Facebook FIFA World Cup

เด็กฝั่งธนฯ ที่บ้านเลี้ยงแมว 2 ตัว เชียร์ทีมชาติไทย ชอบสะสมหุ่นจำลอง แต่ยังไม่ได้แกะออกมาจากกล่องสักที!

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้ที่จำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ (Strictly Necessary Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้มีความสำคัญต่อการปฏิบัติการของเว็บไซต์ feedforfuture.co ซึ่งจะช่วยให้ท่านสามารถเข้าถึงข้อมูลและเนื้อหาต่างๆ ของเว็บไซต์เราได้ทุกส่วน โดยเฉพาะส่วนสมาชิกผู้ใช้งานของเว็บไซต์ ตลอดจนการตรวจสอบจำนวนผู้เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ของเรา

  • คุกกี้ด้านประสิทธิภาพการทำงานของเว็บไซต์ (Performance Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้ใช้เพื่อรวบรวมข้อมูลทางสถิติเกี่ยวกับการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน เพื่อวิเคราะห์ และช่วยให้เราทราบถึงพฤติกรรมการใช้งาน ซึ่งจะช่วยปรับปรุงการทำงานของเว็บไซต์เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดในการใช้งานบนเว็บไซต์ของเรา

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาเข้ากับกลุ่มเป้าหมาย (Targeting Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้ใช้ในการบันทึก และจดจำคุณลักษณะต่างๆ ที่ท่านได้เลือกขณะเข้าชมเว็บไซต์ของเรา เช่น หมวดหมู่ และเนื้อหาที่ท่านชอบอ่านมากที่สุด เราจะบันทึกข้อมูลเหล่านี้ และนำกลับมาใช้เมื่อท่านกลับเข้ามาที่เว็บไซต์ของเราอีกครั้ง เพื่อปรับให้ท่านได้รับชมเนื้อหาได้ตรงกับความชอบของท่านให้มากที่สุด

  • คุกกี้เพื่อนำเสนอโฆษณาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย (Advertising Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้ใช้เพื่อจดจำพฤติกรรมการอ่านเนื้อหาบนเว็บไซต์ของท่าน รวมถึงรายละเอียดของอุปกรณ์ที่ท่านใช้ เพื่อนำไปใช้วิเคราะห์การนำเสนอโฆษณาที่เหมาะสมกับท่านมากที่สุด และช่วยวัดความมีประสิทธิผลของโฆษณาที่เรานำเสนอด้วย ตลอดจนช่วยป้องกัน หรือจำกัดจำนวนครั้งที่ท่านจะเห็นโฆษณาเดิมซ้ำๆ

บันทึก