“เอดินสัน คาวานี” (เอดินซอน กาบานิ) คือหนึ่งในนักฟุตบอลคนสำคัญของวงการลูกหนังอุรุกวัยยุคปัจจุบัน

นับถึงตอนนี้ ศูนย์หน้าวัย 35 ปี มีสถิติลงฟาดแข้งในทุกระดับการแข่งขันรวมทั้งสิ้น 785 เกม ยิงได้ 434 ประตู และคว้าถ้วยชนะเลิศระดับต่างๆ มาครองแล้ว 26 ถ้วย

ในฐานะนักเตะอาชีพ เขาผ่านการค้าแข้งมาแล้วใน 5 ลีก ของ 5 ประเทศ คาวานีเคยเป็นสมาชิกของสโมสรยักษ์ใหญ่ระดับโลก เคยลงสนามเคียงข้าง-ห้ำหั่นกับยอดนักฟุตบอลระดับซูเปอร์สตาร์หลายราย

และฟุตบอลโลก 2022 ที่ประเทศกาตาร์ ก็จะถือเป็นครั้งที่ 10 ที่เขาได้ลงแข่งขันในทัวร์นาเมนต์ระดับนานาชาติ ในนามนักฟุตบอลทีมชาติอุรุกวัย

ล่าสุด คาวานีเพิ่งให้สัมภาษณ์กับ “ซิด โลว์” นักข่าวกีฬาชาวอังกฤษผู้มีความเชี่ยวชาญด้านวงการลูกหนังสเปน เพื่อเผยแพร่ลงในเว็บไซต์ “เดอะการ์เดียน”

ในบทสัมภาษณ์ชิ้นดังกล่าว ศูนย์หน้าทีมชาติอุรุกวัยได้แสดงความเห็นวิพากษ์วิจารณ์สังคมลูกหนังยุคใหม่ไว้อย่างหนักแน่น จริงจัง เผ็ดร้อน ดังรายละเอียดบางส่วนต่อไปนี้

ภาพ : Facebook AUF – Selección Uruguaya de Fútbol

แก่นสารที่หายไปจากโลกฟุตบอลยุคใหม่

ในช่วงต้นของบทสัมภาษณ์ โลว์ชวนคาวานีสนทนาถึงความสำเร็จเกินความคาดหมายในระยะหลายปีหลังของประเทศเล็กๆ อย่างอุรุกวัย ซึ่งมีประชากรเพียงแค่ 3.5 ล้านคน อันนำไปสู่บทวิพากษ์โลกฟุตบอลสมัยใหม่ที่แหลมคมของนักเตะมากประสบการณ์จากอเมริกาใต้

“ทำไมพวกเราถึงมีจิตวิญญาณนักสู้น่ะเหรอ? ก็เพราะพวกเขาสอนเราให้เป็นแบบนี้ เพราะพื้นที่สำหรับเตะฟุตบอลมีอยู่ในทุกๆ แห่ง ในทุกๆ ย่านที่อยู่อาศัย ในทุกๆ สถานที่ แม้มันจะเต็มไปความขัดสนขาดแคลนก็ตาม

“ตราบใดที่เรายังมีพื้นที่ว่างพอให้เตะลูกฟุตบอล เมื่อนั้นการแข่งขันก็จะเกิดขึ้น จิตวิญญาณของการขับเคี่ยวแข่งขันซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นมากๆ สำหรับนักฟุตบอลอาชีพ ได้เกิดขึ้นมาตั้งแต่ต้นแล้วในสนามฟุตบอลเหล่านั้น

“แล้วคุณก็จะต้องเตะฟุตบอลไปเรื่อยๆ ตลอดชีวิต ในทุกๆ วัน ไม่ว่าฝนจะตกหนักเพียงใด บนพื้นผิวสนามแบบไหน แม้ว่าคุณจะต้องลงไปฟาดแข้งแบบเท้าเปล่า จนนิ้วเท้าหัก แต่คุณก็จะทำการปฐมพยาบาล แล้วกลับไปเตะฟุตบอลต่อ

ผมมักพูดอยู่เสมอว่าในโลกของฟุตบอล พวกเราไม่ได้กำลัง ‘เล่นบอล’ แต่พวกเรากำลัง ‘แข่งขัน’ กันอยู่

พวกเรา (นักฟุตบอลอุรุกวัย) พยายามรักษาแก่นสารดังกล่าวเอาไว้ คุณลองหันไปดูที่โลกฟุตบอลสมัยใหม่สิ โลกใบนั้นกำลังสูญเสียแก่นสารนี้ไป บางทีผมอาจจะเป็นพวกหัวโบราณน่ะนะ บางทีผมอาจมีทัศนคติที่ไม่เหมาะสมกับฟุตบอลยุคใหม่แล้ว

“คำถามก็คือสิ่งที่เกิดขึ้นมันส่งผลอย่างไรต่อตัวนักฟุตบอล? มันไม่ได้หมายความว่าคุณไม่สามารถจะพูดในที่สิ่งตัวเองรู้สึก ใช่ไหม? ผมมองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ความเป็นสมัยใหม่, โซเชียลมีเดีย, โลกที่เปลี่ยนไป, เทคโนโลยีที่ก้าวหน้าขึ้น สิ่งเหล่านี้ล้วนส่งผลต่อกีฬาฟุตบอล แล้วก็ทำให้ความคิดจิตใจของบรรดานักฟุตบอลผันแปรไป

“ก่อนหน้านี้ ทุกคนในทีมล้วนมีจุดมุ่งหมายแบบเดียวกัน แต่ในทุกวันนี้ ในแต่ละทีมฟุตบอลจะรวมตัวกันด้วยเหตุผลเบื้องหลังที่แตกต่างหลายหลากมากๆ ทั้งเรื่องความมีชื่อเสียง, ความต้องการของผู้คนนอกสนามและสื่อมวลชนที่ส่งผลต่อความรู้สึกของนักเตะ ซึ่งล้วนแต่เป็นสิ่งที่ไม่เกี่ยวข้องกับฟุตบอลเลย”

ภาพ : Facebook Edi Cavani

ความสำเร็จเกิดได้ด้วยการทำงานเป็นทีม

คาวานีไม่ปิดบังความรู้สึกว่า เขากำลังรู้สึกสูญเสีย ผิดหวัง และเจ็บปวด กับปรากฏการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในโลกฟุตบอลสมัยใหม่

“คงเป็นเพราะผมเติบโตมาจากแนวทางการฝึกฝนที่เชื่อว่า สิ่งที่น่ายินดีที่สุดจะสามารถเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อพวกเราประสบชัยชนะในฐานะทีมฟุตบอลทีมหนึ่ง สำหรับผม มันไม่มีสุดยอดนักเตะเพียงคนใดคนหนึ่งหรอก ที่จะทำให้คุณชนะเลิศฟุตบอลโลก ด้วยศักยภาพของตัวเขาแค่คนเดียว นักฟุตบอลแบบนั้นไม่มีอยู่จริง และจะไม่มีทางเกิดขึ้นจริงในอนาคตข้างหน้าด้วย

แน่นอนว่านักฟุตบอลบางรายสามารถทำอะไรบางอย่างที่น่ามหัศจรรย์ได้ แต่เขาก็ยังต้องการบรรดาเพื่อนร่วมทีมที่คอยวิ่งสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง เพื่อนร่วมทีมที่ต้องทุ่มเทชีวิตของตัวเองให้กับการแข่งขันดังกล่าวไม่ต่างกัน นี่คือเรื่องที่หลายคนมักหลงลืมกันไป เพราะมัวแต่มุ่งเน้นความสนใจไปกับคนที่ทำประตูได้ นักเตะที่มีชื่อเสียงโด่งดัง และผู้คว้ารางวัลบัลลงดอร์

“เรื่องเหล่านี้ทำให้เราไปโฟกัสความสำคัญผิดจุด ดังนั้น สิ่งที่ทีมฟุตบอลต้องการเพื่อจะบรรลุเป้าหมายแห่งชัยชนะ จึงค่อยๆ ถูกทำให้บิดเบือนบิดเบี้ยวไป พวกคุณรู้สึกได้ถึงสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น พวกคุณเคยประสบพบเจออะไรทำนองนี้ เหมือนกับที่ผมต้องใช้ชีวิตอยู่กับมัน”

อย่างไรก็ตาม หนึ่งในนักฟุตบอลคนสำคัญของวงการลูกหนังอุรุกวัยบอกว่า เขาได้รับบทเรียนทั้งแง่บวกและแง่ลบจากความเปลี่ยนแปลงดังกล่าว

“เพราะว่าผมไม่เคยมีความปรารถนาที่จะเป็นคนโด่งดังหรือเป็นคนเก่งที่สุด ผมแค่อยากทำงานของตัวเองให้ดีที่สุด ผมจึงพยายามวิเคราะห์บรรดาเพื่อนร่วมทีม  มันจะมีนักฟุตบอลที่มีชื่อเสียงที่ได้รับความสนใจจากสาธารณชนมากกว่าเพื่อนร่วมทีมคนอื่นๆ และบางครั้ง พวกเขาเหล่านั้นก็รู้สึกว่าตนเองต้องสำแดงคุณสมบัติดังกล่าวออกมา

“เมื่อผมวิเคราะห์เพื่อนร่วมทีม ผมจึงมองหาเรื่องราวแง่ลบที่จะช่วยให้ผมได้เรียนรู้ และแสวงหาเรื่องราวแง่บวกที่จะทำให้ผมได้ดำเนินรอยตาม นักฟุตบอลทุกรายล้วนมีบุคลิกลักษณะที่เป็นแบบฉบับเฉพาะของตัวเอง คุณต้องให้ความเคารพต่อตัวตนของพวกเขา

“แต่มันก็มีพฤติกรรมบางอย่างเหมือนกัน ที่ผมไม่ต้องการจะแสดงออกมาในการดำเนินชีวิตของตัวผมเอง ผมจะปฏิเสธพฤติกรรมประเภทนั้นอย่างสิ้นเชิง นั่นคือสิ่งที่ผมได้คิดทบทวนจากการวิเคราะห์เพื่อนร่วมทีม”

ภาพ : Facebook AUF – Selección Uruguaya de Fútbol

จุดแตกต่างของทีมชาติอุรุกวัย

ในทางตรงกันข้าม การกลับเข้าแคมป์ทีมชาติอุรุกวัย ดูจะเป็นได้โอกาสดีที่ทำให้คาวานีได้หลีกหนีออกจากโลกฟุตบอลสมัยใหม่อันน่าผิดหวัง เป็นโอกาสที่ทำให้เขาเหมือนได้เดินทางไปพักผ่อนที่ชนบท เหมือนได้หลบซ่อนในพื้นที่ปลอดภัย และเป็นช่องทางที่ทำให้เขาได้กลับไปเชื่อมต่อกับสิ่งที่ถูกทอดทิ้งเอาไว้ตรงเบื้องหลัง

“สิ่งที่มีอยู่มากในทีมชาติอุรุกวัยคือความอ่อนน้อมถ่อมตน ที่นี่ บรรดานักเตะต่างรู้ว่าพวกตนต้องมีความถ่อมตัว และต้องก้าวเท้าลงมาจากแท่นเกียรติยศที่พวกเขายืนอยู่

ทุกวันนี้ ทุกๆ สิ่งต่างนำพาพวกเราไปสู่สถานที่ ที่จะทำให้เหล่านักฟุตบอลมีอีโก้สูงลิ่ว เพราะเขาจะคิดถึงกันแต่เรื่องรางวัลต่างๆ แล้วก็ทอดทิ้งสิ่งดีๆ หลายเรื่องไปอย่างไม่ไยดี

ถ้าในวันหนึ่ง ผมได้รับรางวัลเกียรติยศส่วนบุคคล แน่นอนว่า ผมก็คงรู้สึกมีความสุข เพราะรางวัลนั้นจะช่วยเน้นย้ำถึงงานที่คุณทำมาทั้งหมด แต่รางวัลจะไม่เปลี่ยนแปลงชีวิตผม เพราะความสุขสุดยอดที่สุดสำหรับผม คือ รูปหมู่ที่ผมถ่ายพร้อมหน้ากับเพื่อนๆ ร่วมทีม ซึ่งแขวนไว้ตรงฝาบ้าน

คำถามต่อไปที่น่าไขคำตอบ ก็คือ แล้วทีมชาติอุรุกวัยสามารถหลุดพ้นจากกับดักแห่งความเป็นสมัยใหม่ข้างต้นได้อย่างไร? เพราะต้องยอมรับว่าประเทศแห่งนี้ก็มี “คนรุ่นใหม่” เกิดขึ้นมารายแล้วรายเล่า ไม่ต่างอะไรจากสังคมอื่นๆ ทั่วโลก

“ในทีมชาติของเรา และในประเทศของเรา คนที่มีบุคลิกเย่อหยิ่งเห็นแก่ตัวมักไม่ได้รับการยอมรับและสนับสนุน นี่คงเป็นลักษณะทางวัฒนธรรม แนวคิดแบบนี้อัตลักษณ์แบบนี้ได้ก่อตัวอย่างชัดเจนตั้งแต่ในระดับเยาวชน นักฟุตบอลอุรุกวัยล้วนถูกพร่ำสอนในเรื่องนี้ และผมหวังว่าค่านิยมดังกล่าวจะไม่สูญหายไป

หลุยส์ ซัวเรซ ภาพ : Facebook AUF – Selección Uruguaya de Fútbol

“มันคือวัฒนธรรมที่ให้ค่ากับการทำงานหนัก การอุทิศเสียสละตนเอง ความเป็นหนึ่งเดียว ที่ทำให้พวกเราสามารถพิชิตทีมฟุตบอลจากชาติใหญ่ๆ ได้ มันไม่ได้เป็นเพราะ (หลุยส์) ซัวเรซ คาวานี หรือนักเตะรายใดรายหนึ่ง มันไม่ใช่เลย แต่มันเป็นเพราะทีมอุรุกวัยทั้งทีม

“เป้าหมายของพวกเราคือชัยชนะ และพวกเราต่างก็ตระหนักกันดีว่า จะไม่มีใครสามารถคว้าชัยชนะมาได้ ด้วยความสามารถของตนเองเพียงคนเดียว

“พวกเราทุกคนต่างมีโอกาสเดินทางไปเล่นฟุตบอลอาชีพในระดับสูง แต่เมื่อกลับมารวมตัวในแคมป์ทีมชาติ คุณต้องตระหนักว่าแก่นสารของฟุตบอลยังคงอยู่ที่ ‘ความเป็นทีม’

ภาพ : Facebook AUF – Selección Uruguaya de Fútbol

“แม้จะมีนักเตะที่มีชื่อเสียง มีดาวดังจากสโมสรยักษ์ใหญ่ แต่คุณยังรู้สึกได้ถึงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ซึ่งเป็นสาระสำคัญจริงๆ ของกีฬาฟุตบอล

“ผมชอบที่จะได้อาบเหงื่อระหว่างสวมเสื้อทีมชาติ บางครั้ง คุณก็แพ้ แต่สิ่งที่ผมอยากรับรู้ก็คือทีมของผมได้ทุ่มเททุกอย่างไปจนหมดสิ้นแล้ว แล้วพอเวลาเราชนะ เราก็จะมีความสุขเพิ่มมากขึ้นเป็นสองเท่า

“นี่คือปรัชญาในการใช้ชีวิตและการเตะฟุตบอลของผม คุณต้องทำงานหนัก อะไรที่ได้มาง่ายๆ จะไม่ทำให้คุณเกิดความรู้สึกภาคภูมิใจ ใครก็ตามที่ได้สิ่งนู้นสิ่งนี้มาอย่างง่ายดาย จะมองไม่เห็นคุณค่าของสิ่งที่เขาได้รับหรอก ตราบใดที่เขาไม่เคยต้องจ่ายราคาหรือเสียสละอะไรออกไปเป็นการแลกเปลี่ยน  

“หนึ่งในบทเรียนเกี่ยวกับตัวเองที่ผมได้รับจากกีฬาฟุตบอล ก็คือ ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนมีเหตุมีผลของมันเสมอ เมื่อคุณทำงานหนักเพื่อเป้าประสงค์บางอย่าง ผลลัพธ์อันน่ามหัศจรรย์ก็สามารถบังเกิดขึ้นได้

“ถ้าลองมองโดยตัดเรื่องอารมณ์ความรู้สึกทิ้งไป ในบางครั้ง คุณจะไม่สามารถเข้าใจเหตุและผลเหล่านี้ได้โดยทะลุปรุโปร่ง แต่ถ้าคุณออกไล่ล่าอะไรอย่างไม่ลดละ สิ่งนั้นก็จะเกิดขึ้นจริงในสักวันหนึ่ง…”

เนื้อหาจาก

https://www.theguardian.com/football/2022/nov/15/edinson-cavani-maybe-i-dont-fully-fit-with-modern-football-in-terms-of-attitudes

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้ที่จำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ (Strictly Necessary Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้มีความสำคัญต่อการปฏิบัติการของเว็บไซต์ feedforfuture.co ซึ่งจะช่วยให้ท่านสามารถเข้าถึงข้อมูลและเนื้อหาต่างๆ ของเว็บไซต์เราได้ทุกส่วน โดยเฉพาะส่วนสมาชิกผู้ใช้งานของเว็บไซต์ ตลอดจนการตรวจสอบจำนวนผู้เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ของเรา

  • คุกกี้ด้านประสิทธิภาพการทำงานของเว็บไซต์ (Performance Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้ใช้เพื่อรวบรวมข้อมูลทางสถิติเกี่ยวกับการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน เพื่อวิเคราะห์ และช่วยให้เราทราบถึงพฤติกรรมการใช้งาน ซึ่งจะช่วยปรับปรุงการทำงานของเว็บไซต์เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดในการใช้งานบนเว็บไซต์ของเรา

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาเข้ากับกลุ่มเป้าหมาย (Targeting Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้ใช้ในการบันทึก และจดจำคุณลักษณะต่างๆ ที่ท่านได้เลือกขณะเข้าชมเว็บไซต์ของเรา เช่น หมวดหมู่ และเนื้อหาที่ท่านชอบอ่านมากที่สุด เราจะบันทึกข้อมูลเหล่านี้ และนำกลับมาใช้เมื่อท่านกลับเข้ามาที่เว็บไซต์ของเราอีกครั้ง เพื่อปรับให้ท่านได้รับชมเนื้อหาได้ตรงกับความชอบของท่านให้มากที่สุด

  • คุกกี้เพื่อนำเสนอโฆษณาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย (Advertising Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้ใช้เพื่อจดจำพฤติกรรมการอ่านเนื้อหาบนเว็บไซต์ของท่าน รวมถึงรายละเอียดของอุปกรณ์ที่ท่านใช้ เพื่อนำไปใช้วิเคราะห์การนำเสนอโฆษณาที่เหมาะสมกับท่านมากที่สุด และช่วยวัดความมีประสิทธิผลของโฆษณาที่เรานำเสนอด้วย ตลอดจนช่วยป้องกัน หรือจำกัดจำนวนครั้งที่ท่านจะเห็นโฆษณาเดิมซ้ำๆ

บันทึก