การที่จะไปสู่รายการที่สูงขึ้น เพราะตอนนี้เราสูงสุดคือเอเชียนเกมส์ คงต้องดูนโยบายของโอลิมปิกสากลว่าเรามีเงื่อนไขยังไงบ้าง สำหรับกีฬาตะกร้อที่จะเข้าไปสู่จุดนั้น ก็คงเป็นเรื่องของระดับผู้บริหารผลักดันกันต่อไป แต่เบื้องต้นผมก็มองว่าถ้าพร้อมไปจุดนั้นได้ ผมว่านักกีฬาเราในส่วนของการแข่งขัน เราพร้อม
“โจ้ หลังเท้า” สืบศักดิ์ ผันสืบ ชื่อนี้ไม่มีใครไม่รู้จัก เขาคือตำนานจอมเสิร์ฟอัจฉริยะ ชาวโพธาราม จังหวัดราชบุรี ผู้คว้า 7 เหรียญทองกีฬาเอเชียนเกมส์ และ 12 เหรียญทองกีฬาซีเกมส์
ปัจจุบัน “โจ้ หลังเท้า” รับราชการตำรวจ ติดยศพันตำรวจโท และเป็นรองผู้กำกับการจราจร สน.วังทองหลาง ซึ่งภารกิจหลักที่เขารับผิดชอบในแต่ละวันคือ การอำนวยความสะดวกให้พี่น้องประชาชนที่สัญจรบนเส้นทางประดิษฐ์มนูธรรม ตั้งแต่ถนนลาดพร้าว ถึงพระราม 9
FEED ได้รับโอกาสพิเศษสัมภาษณ์ สืบศักดิ์ ผันสืบ เพื่อสะท้อนมุมมองการทำงานรับใช้พี่น้องประชาชน และเล่าช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยมกับการเป็นนักกีฬาตะกร้อทีมชาติไทย เพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้อ่านทุกคน
FEED : อยากให้พี่โจ้ช่วยเล่าชีวิตในวัยเด็กให้เราฟังหน่อยว่าจุดเริ่มต้นของการเป็นนักกีฬามีที่ไปที่มาอย่างไรบ้าง
สืบศักดิ์ : ผมอยู่โรงเรียนสารสิทธิ์พิทยาลัย อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี ครูท่านหนึ่งก็จะดูแลหลายประเภทกีฬา อันนี้เป็นปกติของต่างจังหวัด คุณครูของผม คือคุณครูวิศิษฐ์ กออภิญญากุล ท่านก็ดูแลฟุตบอลและตะกร้อด้วยทั้ง 2 อย่าง ซึ่งเราซ้อมตะกร้อเสร็จ ก็ไปซ้อมฟุตบอล ซ้อมฟุตบอลเสร็จ ก็มาซ้อมตะกร้อ
เสาร์อาทิตย์ครูเขาก็จะพาไปอำเภอข้างๆ ไปเล่นสนามดินบ้าง สนามปูนบ้าง ไปแข่งฟุตบอลด้วย ตะกร้อด้วย ถอดรองเท้าเตะฟุตบอลเสร็จมาใส่รองเท้าผ้าใบเตะตะกร้ออะไรประมาณนี้ ก็จะเป็นภาพจำของชีวิต ผมเริ่มแข่งขันประมาณประถม 5 ก็ตกรอบอำเภอบ้านโป่ง พอประถม 6 ก็เริ่มได้แชมป์กีฬาอำเภอบ้านโป่ง เป็นจุดเริ่มต้นที่เราเริ่มรู้สึกว่าเราไปได้ สำหรับกีฬาตะกร้อ
จนมัธยม 2 เป็นต้นไป ก็ได้แชมป์กีฬาระดับรุ่นเดียวกันหมดเลย กรมพลศึกษา กทม. กวาดเหรียญทองหมดเลย ต่อมาพอมัธยม 6 ก็ได้แชมป์กีฬาเยาวชนแห่งชาติ ซึ่งก็เป็นตัวที่วัดความสามารถเรา เพื่อที่จะไต่ขึ้นไปเป็นเยาวชนทีมชาติ หลังจากนั้นก็ติดเยาวชนทีมชาติ จากนั้นก็เข้าเก็บตัวทีมชาติชุดใหญ่เลย เราเป็นชุด B เมื่อก่อนก็จะเป็นชุด A และชุด B ผสมกันในรายการหนึ่ง
ผมเริ่มต้นเป็นตัวเสิร์ฟเลย ตั้งแต่ประถม 4 เลย ด้วยความสูง ขายาว ก็กำหนดเป็นตัวเสิร์ฟเลย แล้วก็เล่นมาต่อเนื่อง จากเสิร์ฟลูกข้างเท้าด้านใน พอมาเริ่มเก็บตัวทีมชาติอย่างที่บอก ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่เราเปลี่ยนชีวิต เริ่มมาเสิร์ฟหลังเท้า จากเล่นระดับเยาวชนแล้วได้แชมป์มา เสิร์ฟข้างเท้าด้านใน ก็อาจจะมีเล่นความแม่น มีลูกหยอด มีลูกตัด ก็เปลี่ยนมาเพิ่มอาวุธให้ตัวเอง ได้เก็บตัวร่วมทีมชาติ ได้เจอพี่กิตติภูมิ นามสุข ซึ่งพี่เขาเป็นหลังเท้าคนแรกของประเทศไทย เราก็ได้ไปดู ผู้ฝึกสอน และเพื่อนๆ บอกว่าลองดูก็ได้ไม่เป็นไร เพราะโจ้สูงอยู่แล้ว อาจจะมีประสิทธิภาพที่ดีก็ได้
“โจ้ หลังเท้า” ลงแข่งซีเกมส์ครั้งแรก ที่อินโดนีเซีย ปี 2540 ซึ่งครั้งนั้นได้ร่วมเล่นกับนักตะกร้อเก่งๆ ในยุค 80’s เช่น เกรียงไกร มุทาลัย ไพศาล ใหม่หันลา และ กัมพล ทัศน์สิทธิ์
หลังจากนั้นรุ่นพี่ได้อำลาทีมชาติ โจ้ สืบศักดิ์ เดินต่อไปด้วยประสบการณ์ และสร้างผลงานความสำเร็จมากมาย ลงแข่งซีเกมส์ 7 ครั้ง คว้ามาได้ 12 เหรียญทอง 1 เหรียญเงิน ส่วนเอเชียนเกมส์ลงแข่ง 4 ครั้ง คว้ามาได้ 7 เหรียญทอง
และทุกวันนี้ชื่อของ สืบศักดิ์ ผันสืบ ก็ยังคงอยู่ในใจแฟนๆ กีฬาชาวไทยเสมอมา เพราะผลงานที่ยอดเยี่ยมบนเส้นทางชีวิตนักกีฬาตะกร้อทีมชาติไทย
ส่วนมุมมองกับการบรรจุกีฬาเซปักตะกร้อให้ไปสู่มหกรรมกีฬาที่สูงขึ้นอย่าง โอลิมปิก โจ้ สืบศักดิ์ แสดงความคิดเห็นว่า การที่จะไปสู่รายการที่สูงขึ้น เพราะตอนนี้เราสูงสุดคือเอเชียนเกมส์ คงต้องดูนโยบายของโอลิมปิกสากลว่าเรามีเงื่อนไขยังไงบ้าง สำหรับกีฬาตะกร้อที่จะเข้าไปสู่จุดนั้น ก็คงเป็นเรื่องของระดับผู้บริหารผลักดันกันต่อไป แต่เบื้องต้นผมก็มองว่าถ้าพร้อมไปจุดนั้นได้ ผมว่านักกีฬาเราในส่วนของการแข่งขัน เราพร้อม
FEED : พี่โจ้ช่วยเล่าชีวิตปัจจุบันกับเส้นทางราชการตำรวจ บทบาทตอนนี้ทำอะไรบ้าง
สืบศักดิ์ : ตอนนี้เป็นรองผู้กำกับจราจร สน.วังทองหลาง พื้นที่ถ้านึกง่ายๆ ก็เป็นเส้นประดิษฐ์มนูธรรม ตั้งแต่ถนนลาดพร้าว ถึงพระราม 9 ประมาณ 4.3 กิโลเมตร เป็นเส้นหลักเหมือนกัน เพราะมีโรงเรียนนานาชาติ มีโรงเรียนใหญ่ๆ มีชื่อเสียงในกรุงเทพมหานคร ถ้าช่วงเปิดเทอม ก็ค่อนข้างจะหนาแน่น บทบาทเราก็คงเป็นเรื่องของการบริหาร จัดกำลังไปวางจุดสำคัญที่ต้องมีจุดตัด จุดที่คอยบริหารเหตุการณ์ แล้วก็เรื่องของอุบัติเหตุ ก็เป็นปัจจัยสำคัญ
ผมเองมาอยู่ตรงนี้ ก็ทราบว่า กรณีอุบัติเหตุนิดเดียว มันทำให้รถติดสะสมไปได้ไกลมากเลย แค่ 5 นาทีก็หลายกิโลเมตรแล้ว เพราะฉะนั้นมันก็คงดูภาพรวมทั้งหมด แต่เราก็เป็นผู้บริหารชั้นต้นแล้ว เราก็โชคดีที่นครบาลเขาก็มีกำลังพลที่เข้มแข็ง มีการทำงานที่ต่อเนื่อง ก็ไม่ได้กังวลอะไร