นิสสัน ประเทศจีนได้เปิดตัว Nissan Sylphy รถซีดานรุ่นปรับปรุงใหม่ หรือ Nissan Sentra ในตลาดสหรัฐอเมริกา ที่มาพร้อมกับการอัปเกรดใหม่ในหลาย ๆ ส่วน โดยเฉพาะหน้าปัดภายในห้องโดยสารที่ได้รับการออกแบบใหม่ รวมทั้งยังได้ปรับหน้าจออินโฟเทนเมนต์ ที่มีขนาดใหญ่ขึ้น มีให้เลือกทั้งเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 1.6 ลิตร 137 แรงม้า และขุมพลัง e-POWER
รูปลักษณ์ภายนอกของทั้ง 2 ขุมพลังจะมาพร้อมกับกระจัง V-Motion ที่ปรับขนาดใหญ่ใหญ่ขึ้นเล็กน่้อย เมื่อเทียบกับในรุ่นที่ผ่านมา โดยในส่วนของลวดลายกระจังหน้าของทั้ง 2 ขุมพลังนั้นจะมีลวดลายที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน โดยในรุ่นเครื่องยนต์ ICE จะมาในแบบเส้นแนวนอน ส่วนในรุ่น e-POWER จะได้รับการออกแบบที่ดูหรูหรากว่า แต่ที่ทั้ง 2 ขุมพลังจะเหมือนกันก็คือได้รับการติดตั้งโลโก้ NISSAN สีดำแบบใหม่ไว้ตรงกลาง
นอกจากนี้ ช่องรับลมที่กันชน ได้รับการออกแบบใหม่ให้มีขนาดบางกว่าเดิม ขณะที่ในส่วนของชุดไฟหน้าดีเทลภายในตัวโคมก็ได้รับการปรับใหม่ดูโฉบเฉี่ยวมากยิ่งขึ้น รวมถึงช่องรับลมด้านข้างกันชนหน้าในรุ่น V-Motion จะตกแต่งด้วยแถบวัสดุโครเมียมเพิ่มเติม
ล้ออัลลอยจะมีขนาด 15 – 16 นิ้ว ขึ้นอยู่แต่ละรุ่นย่อย ส่วนกันชนท้ายดีไซน์ให้มีความสปอร์ตมากขึ้น ตกแต่งด้วยเส้นโครเมียมที่ชายล่าง เสริมความหรูหรามากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ Nissan Sylphy รุ่นปรับปรุงใหม่ในจีน ยังมาพร้อมชุดแต่งเสริมที่จะให้ลูกค้าไว้เลือก ไม่ว่าจะเป็นชุดตกแต่งซุ้มล้อ, สเกิร์ตกันชนหน้า และหลัง, รวมถึงกาบข้าง, สปอยเลอร์หลัง และโลโก้แบบเรืองแสงที่ด้านหน้า
ภายในห้องโดยสาร แผงแดชบอร์ดยังคงรูปลักษณ์คล้ายเดิม แต่ส่วนหน้าจออินโฟเทนเมนต์ได้รับการอัปเกรดใหม่เป็นหน้าจอสัมผัสแบบเรตินาความละเอียดสูง พร้อมปรับขนาดให้ใหญ่ขึ้นไปถึง 12.3 นิ้ว พร้อมระบบปรับอากาศอัตโนมัติ, พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นแบบ 3 ก้าน
นอกจากนี้ Nissan Sylphy ใหม่ยังได้รับการติดตั้งระบบความปลอดภัย ADAS อาทิ ระบบช่วยลดความเร็วอัตโนมัติในขณะถอนคันเร่ง, ระบบช่วยลดอาการโยนตัวบนทางขรุขระ, ระบบช่วยควบคุมเสถียรภาพขณะเข้าโค้ง, ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน, ระบบช่วยเบรกฉุกเฉิน, ระบบช่วยเตือนก่อนการชนด้านหน้า, กล้อง 360 องศา, ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน, ระบบช่วยปรับไฟสูงอัตโนมัติ, ระบบเตือนเมื่อมีวัตถุตัดผ่านขณะถอยรถ, ระบบเตือนเมื่อรถออกนอกช่องทาง, ระบบเตือนจุดอับสายตา เป็นต้น
ขุมพลังมีให้เลือก 2 ตัวเลือก โดยในรุ่นพื้นฐานที่มากับเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบขนาด 1.6 ลิตร ให้กำลัง 137 แรงม้า แรงบิด 159 นิวตันเมตร ส่งกำลังไปยังเพลาหน้าด้วยชุดเกียร์ CVT และเครื่องยนต์เบนซิน 1.2 ลิตร ติดตั้งระบบไฮบริด e-POWER เจนเนอเรชั่นที่สอง EM47 ให้กำลัง 72 แรงม้า หากรวมเครื่องยนต์ และ มอเตอร์ไฟฟ้า ได้กำลังรวม 136 แรงม้า แรงบิด 300 นิวตัน-เมตร
อี-พาวเวอร์ (e-POWER) เป็นการประยุกต์จากแนวคิดของเทคโนโลยีขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าที่มีอยู่ในนิสสัน ลีฟ (Nissan LEAF) ที่ประสบความสำเร็จในด้านยอดขายและได้รับการยอมรับจากผู้ใช้งานมาแล้วทั่วโลก โดยในระบบใหม่นี้มีการติดตั้งเครื่องยนต์สันดาปภายในขนาดเล็กเพิ่มเติม เพื่อทำหน้าที่เป็นเครื่องปั่นไฟฟ้าพลังงานสูง เพื่อสร้างกระแสไฟฟ้าชาร์จเข้ามาเก็บในแบตเตอรี ลดการพึ่งพาพลังงานไฟฟ้าจากภายนอก แต่ยังให้พลังงานไฟฟ้าในขนาดใกล้เคียงกัน
ขุมพลังแบบ อี-พาวเวอร์ (e-POWER) ให้แรงบิดมหาศาลในทันทีและคงที่ตลอดเวลา ทำให้มีอัตราเร่งที่รวดเร็วแต่นุ่มนวล นอกจากนี้ยังมีความเงียบในระหว่างการขับเคลื่อนเช่นเดียวกับนิสสัน ลีฟ ที่เป็นรถยนต์ไฟฟ้า 100% โดยในระบบ อี-พาวเวอร์ เครื่องยนต์สันดาปภายในจะไม่ได้ทำหน้าที่ขับเคลื่อนตัวรถ จึงทำให้มีอัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงต่ำกว่าเมื่อเทียบกับเครื่องยนต์ในรถยนต์ไฮบริดทั่วไป โดยเฉพาะใช้งานในเมือง ซึ่งเทคโนโลยีนี้ยังให้ผู้ขับขี่ได้รับประโยชน์เฉกเช่นเดียวกับรถยนต์ไฟฟ้าแบบแบตเตอรี (Battery Electric Vehicle – BEV) แต่สามารถลดความวิตกกังวลเมื่อต้องหาสถานีชาร์จไฟฟ้าได้อีกด้วย
Nissan Sylphy e-POWER เป็นส่วนหนึ่งของแผนการที่จะให้รถยนต์รุ่นใหม่ทุกรุ่นที่ออกจำหน่ายในตลาดหลัก มาพร้อมกับขุมพลังพ่วงระบบไฟฟ้าทุกรุ่น ภายในปี 2030 ราคาจำหน่ายในประเทศจีน จะมีราคาอยู่ที่ 99,800 – 174,900 หยวน หรือคิดเป็นเงินไทยอยู่ที่ประมาณ 5.03 – 8.81 แสนบาท (ราคาดังกล่าวยังไม่รวมภาษีนำเข้าจากไทย) ส่วน Nissan ประเทศจีน ตั้งเป้าเปิดตัวรถยนต์ที่ใช้ขุมพลัง e-POWER ให้ครบ 6 รุ่น ภายในปี 2025
แหล่งที่มาและข้อมูล : PC Auto
ติดตามข่าวสารเทคโนโลยียานยนต์ได้ที่ FEE:D
