“จิตตั้งปณิธานคืออยากจะเป็นตัวอย่างให้กับเด็กๆ เพราะว่าปีนี้เป็นปีสุดท้ายของแคทในเส้นทางนางงาม แคทอายุ 27 แล้ว ต่อให้วันนี้ไม่ได้มง แคทก็จะยังดำเนินหน้าต่อไป ยังทำลูกทุ่ง ยังร้องเพลงหมอลำเหมือนเดิม ช่วยเหลือน้องๆ เหมือนเดิม แล้วก็ในเรื่องของภาพลักษณ์ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องขององค์กรภาครัฐ องค์กรเอกชนหรือแม้กระทั่งตัวแคทเอง แคทก็ยังจะทำเหมือนเดิมค่ะ ก็คือทำประโยชน์ให้กับสังคมเหมือนเดิม ก็เลยอยากจะถ่ายทอดตรงนี้ ผ่านศักยภาพที่แคทมีค่ะ”
ร.ต.ท. อาทิติยา เบ็ญจะปัก นางสาวไทยชลบุรี
ความในใจของ “ร.ต.ท. อาทิติยา เบ็ญจะปัก” หรือ “หมวดแคท” นางสาวไทยชลบุรี หนึ่งในผู้เข้าประกวดนางสาวไทยประจำปี พ.ศ. 2566 ที่เธอคนนี้สวมบทบาทหลายหน้าที่อยู่ในร่างเดียว ไม่ว่าจะเป็น รับราชการตำรวจ, นักร้องลูกทุ่งหมอลำ, ผู้บริหาร CAT Organizer และรายการลูกทุ่งประเทศไทย ททบ.5, อาสามูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง และในฐานะ “นางงาม” ที่เธอเล่าให้ฟังว่าเป็นอีกหนึ่งความใฝ่ฝันที่สำคัญในชีวิตของเธอ ซึ่งที่ผ่านมาเธอเคยผ่านเวทีการประกวดเวทีนางงามมาแล้วหลายเวที ทำให้ได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์มาใช้ในการประกวดนางสาวไทยครั้งนี้
“นางสาวไทย” เป็นเวทีที่แคทใฝ่ฝันมาตั้งแต่ครั้งแรกที่แคทรู้ว่าตัวเองชอบการเป็นนางงาม ประสบการณ์ต่างๆ ก็สอนเรามาว่าการเป็นนางงาม เราได้เรียนรู้ประสบการณ์ หนึ่งก็คือไหวพริบปฏิภาณการตอบคำถาม รวมถึงการปรับบุคลิกภาพของตัวเอง แต่งหน้าแต่งตัวยังไงสวย ทุกวันนี้กลับกลายเป็นว่าพอเราได้เรียนรู้อยู่ในกองประกวด เราได้ช่วยเหลือตัวเองอย่างเต็มที่เต็มสิทธิภาพ แล้วก็นำตรงนี้มาปรับใช้ในชีวิตประจำวันของตัวเอง เวทีนี้เป็นเวทีสุดท้ายก็จริง แต่ว่าแคทเคยมีโอกาสได้มาครั้งหนึ่งตอนปีของพี่ “เมย์ ณัฐพัชร” (นางสาวไทย 2563) ซึ่งตอนปีนั้นแคทยอมรับว่าตัวเองไม่พร้อม ไม่พร้อมในเรื่องของเวลา การจัดการเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการเรียน การทำงาน แต่ปีนี้เป็นปีสุดท้ายแล้วแคทก็เลยตั้งใจทำตรงนี้อย่างเต็มที่ในทุกๆ วันค่ะ
เริ่มรู้ว่าตัวเองอยากเป็นนางงามตั้งแต่ตอนไหน
แคท อาทิติยา : อยากเป็นนางงามตั้งแต่เด็กค่ะ คือได้มีโอกาสดูทั้งมิสยูนิเวิร์สแล้วก็นางสาวไทย คือดูแล้วเมื่อก่อนก็จะเอาผ้าของคุณแม่ที่ตู้มาพันตัวแล้วก็โบกมือ เดินเล่นหน้ากระจก คือความชื่นชอบอยากเป็นค่ะ แต่ด้วยโอกาส ด้วยจังหวะด้วยสมัยก่อน มันไม่ได้มีช่องทางที่จะทำให้เราเข้าถึงได้ แต่เมื่อโอกาสทุกอย่างมา กาลเวลาเปลี่ยนไป เราเข้าถึงตรงนี้ได้ง่าย ก็เลยเอาตัวเองมาทำตามความฝัน
ถ้าหากว่าเราได้เป็นนางสาวไทย นางสาวไทยจะไม่ใช่แค่ต้องมีความสวย มีจิตใจที่ดี ช่วยเหลือสาธารณะชน แต่แคทคิดว่าการเป็นนางงาม แล้วยิ่งเป็นนางสาวไทยซึ่งเป็นเวทีระดับตำนานของประเทศ น่าจะได้อะไรที่เยอะกว่านี้ แคทวิเคราะห์ตัวเองว่าถ้าสมมติแคทเข้ามา หนึ่งเราต้องเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับเด็กและเยาวชนอย่างแท้จริง สองคือเราต้องช่วยงานองค์กรในการผลักดันกองนางสาวไทย ว่าเรามีระดับตำนานเรามีประวัติมาแบบนี้แล้วเราจะเชิดชูอะไร ในความเป็นเอกลักษณ์ไทย ซึ่งปีนี้ถือว่าตอบโจทย์กับตัวแคทเลย นั่นก็คือ Local สู่เลอค่า
ตัวของแคททำงานลูกทุ่งมาก่อนที่แคทจะรับราชการตำรวจ แคทมองว่าตรงนี้เป็นรากเหง้าวัฒนธรรมท้องถิ่นที่คนอื่นอาจจะมองข้าม แต่แคทมองว่าสิ่งตรงนี้ทำให้เกิดเป็นแคท อาทิติยา เกิดขึ้นได้ แล้วถ้าหากสมมติแคทเอาตัวเองเข้าไปประกวดนางงามแล้วสามารถทำให้นางงามเป็นภาพลักษณ์ของคำว่า Local สู่เลอค่า โดยแท้จริง โดยเกิดจากตัวแคทเอง แคทก็ถือว่าเราประสบความสำเร็จ อยากช่วยเหลือองค์กรเต็มที่ค่ะ ก็เลยเข้ามาประกวดครั้งนี้
นางงาม กับ นักร้อง น้ำหนักความฝันอะไรมากกว่ากัน
แคท อาทิติยา : อยากเป็นนางงามก่อนค่ะ แต่เราไม่ได้มากับความพร้อมการเป็นนางงาม ตอนเด็กเราไม่รู้เลยว่าเราจะได้เป็นนางงาม ถ้ารู้ว่าเป็นนางงาม แคทจะโบกส่วนสูงให้ตัวเองสูงๆ จะกินนมเยอะๆ เราจะมีความเตรียมความพร้อมมากกว่านี้ เราก็เป็นเด็กคนหนึ่งที่ใช้ชีวิตเล่นๆ เป็นคนสนุกสนาน พอสนุกสนานปุ๊บคุณพ่อคุณแม่ชอบเรื่องการร้องเพลง ก็ทำให้เราเข้าวงการร้องเพลง โอเคอาจจะเป็นดวงในเรื่องของการฟลุ๊คได้ออกเพลง เป็นศิลปินร้องเพลงลูกทุ่ง แต่เราก็ต้องพัฒนาตัวเอง พอในเมื่อเราได้รับโอกาสได้เป็นนักร้องลูกทุ่งแล้ว จากเราร้องสตริงมาก่อน พอได้รับโอกาสเป็นการร้องลูกทุ่งแล้วเนี่ย เราต้องพัฒนายังไงให้สมกับเป็นนักร้องลูกทุ่งโดยแท้จริง เพราะฉะนั้นทุกอย่างคือการฝึกฝน เหมือนนางงามค่ะ นางงามคนจะเชื่อได้ยังไงว่าเราเป็นนางงาม เพราะฉะนั้นเราก็ต้องมีการฝึกฝนให้เขาเชื่อว่าเราเป็นนางงามจริงๆ
“วันนี้ตัวแคทประสบความสำเร็จในจุดที่แคทต้องการแล้ว หนึ่งเราได้เป็นนักร้อง สองเราได้รับราชการมีหน้าที่การงานมั่นคง เราได้ทำธุรกิจส่วนตัว แต่ทำไมเราถึงเซ็ตซีโร่ แล้วกลับมาประกวดนางงามต่อ เพราะมันคือความใฝ่ฝันของตัวแคท (ยิ้ม)”
เมื่อความพร้อมมาในจังหวะสุดท้าย
แคท อาทิติยา : แคทเสียดาย เพราะว่า 27 ปีแล้ว เราเพิ่งมาประสบความสำเร็จในหลายๆ ด้าน ถามว่าสายไปไหม มันไม่สายสำหรับแคทแต่แคทรู้สึกเสียดายเวลา ว่าเราน่าจะทำได้ดีกว่านี้ แต่ถ้ามองในมุมกลับกันเด็กผู้หญิงคนนึง อายุ 27 ปี ประสบความสำเร็จในทุกวันนี้ แคทถือว่าแคทมีความสำเร็จในชีวิตแล้ว แต่ว่าเรื่องการประกวดนางงาม มันเป็นความชื่นชอบแล้วเราอยากจะทำอะไรในระยะยาว ต่อให้วันนี้ไม่ได้มงก็อยากจะร่วมงานกับองค์กร หรือต่อให้ได้ แคทก็จะทำหน้าที่ตรงนี้ให้เต็มที่ สมกับที่เราสะสมประสบการณ์มาแล้วเราตั้งใจที่อยากจะทำโดยแท้จริง
แต่ถ้ามีโอกาสได้มงเป็นนางสาวไทยประจำปีนี้ สิ่งที่แคทตั้งใจเลยก็คืออย่างน้อยเราจะสืบสาน Local สู่เลอค่า แน่นอน สิ่งที่แคทจะทำคืออยากให้กองประกวดนางสาวไทยอิมแพ็คมากขึ้น เป็นกระบอกเสียงได้มากขึ้นผ่านตัวแคทเอง ผ่านสิ่งที่แคทมีที่แคทสะสมประสบการณ์มา ร่วมงานกับทางพี่ๆ กับทางน้องๆ กับทางเยาวชน หรือองค์กรต่างๆ ที่เขาช่วยเหลือคนก็จะทำตรงนี้อย่างเต็มที่ค่ะ
ร.ต.ท. อาทิติยา เบ็ญจะปัก นางสาวไทยชลบุรี
“ปีนี้เป็นปีสุดท้ายค่ะที่แคทจะประกวด ก็คืออายุ 27 แล้ว สิ่งที่แคทพัฒนาและสิ่งที่แคทตั้งใจ ตั้งปณิธานไว้คือ การช่วยเหลือสังคมโดยแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของ วัฒนธรรมท้องถิ่น เรื่องของเยาวชนหรือแม้กระทั่งต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับอัตลักษณ์ของประเทศไทยเรา ซึ่งตัวของแคทเองทำอยู่แล้วแล้วแคทก็อยากจะนำตรงนี้มาเป็นกระบอกเสียงให้กว้างมากขึ้น ไม่ว่าจะอยู่บทบาทไหน บทบาทข้าราชการตำรวจ บทบาทนางงาม บทบาทนักร้อง หรือบทบาทป่อเต็กตึ๊ง หรือบทบาทอะไรก็แล้วแต่ แคทจะตั้งใจทำทุกบทบาทให้เต็มที่แล้วก็ช่วยเหลือสังคมโดยแท้จริงอย่างเต็มที่จากใจของแคทเอง”
ฝากเป็นกำลังใจให้แคทด้วย แคทจะตั้งใจเป็นเยาวชนต้นแบบให้กับสตรี ให้กับเด็ก ให้เขาได้ไปถึงจุดฝั่งฝัน แค่ไม่ย่อท้อต่อความยากลำบาก อดทนอดกลั้นแล้วความใฝ่ฝันที่ตัวเองตั้งเป้าตั้งหมายไว้จะเป็นจริงอย่างแน่นอน แล้วอยากให้ทุกคนส่งกำลังใจให้แคทด้วย แคทจะหน้าที่ตรงนี้ให้เต็มที่ค่ะ