ขึ้นแท่นเป็นตัวเต็งในชั่วข้ามคืน หลังปล่อยภาพเปิดตัวเป็นตัวแทนจังหวัดพัทลุง ในการประกวดนางสาวไทย ประจำปี พ.ศ. 2566 สำหรับ “เบลล่า อะราเบล่า สิตานัน เกรโกรี่” สาวงามวัย 20 ปี นักศึกษาจากคณะนวัตกรรมการบริการ Bachelor of arts program in service innovation (BSI) มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ดีกรีเจ้าของรางวัล Photogenic Model 2019 จากการประกวด Thai Super Model 2019
หลังผ่านการเข้าสัมภาษณ์ในรอบห้องดำ ทีมงาน FEED มีโอกาสได้นั่งพูดคุยกับเบลล่า ถึงเส้นทางนางงามที่เธอเลือกมาเข้าร่วมการประกวดนางสาวไทยในปีนี้ เพื่อสานฝันให้คุณแม่และตัวเธอเอง โดยเฉพาะโอกาสที่อยากไปไกลถึง “มิสเวิลด์” (Miss World) หลังสาวงามจากเวทีนางสาวไทยในปีนี้จะได้เป็นตัวแทนประเทศไทยเข้าร่วมการประกวดมิสเวิลด์ เวทีนางงามระดับนานาชาติที่มีความเก่าแก่เป็นอันดับหนึ่งของโลก
“สวัสดีค่ะ MT23 นะคะ เบลล่า อะราเบล่า สิตานัน เกรโกรี่ นางสาวไทยจังหวัดพัทลุงค่ะ” เอาจริงๆ ที่เบลมาประกวดอย่างแรกเลย “แม่” ค่ะ แม่อยากจะให้ลงประกวดมาก เบลเองก็เป็นคนที่ชอบสวมมงกุฎเป็นเจ้าหญิงอะไรอย่างนี้อยู่แล้ว เลยอยากจะใหัขึ้นเวทีประกวด หลายคนก็เชียร์ให้ไปลงประกวดเถอะ ความคิดนี้มันก็เลยมาอยู่ในใจเบลมาโดยตลอดว่าหลายคนเชียร์ขนาดนี้ทำไมไม่ลองสักครั้ง ก่อนหน้านี้เบลยังหาเวทีที่ตรงกับบริบทของตัวเองยังไม่ได้ พอเห็นนางสาวไทยเขาจะส่งตัวแทนไปมิสเวิลด์ เบลรู้สึกว่ามิสเวิลด์ตรงกับบริบทของเบล เบลก็เลยมาค่ะ (ยิ้ม)
สานฝันนางงามให้คุณแม่
เบลล่า : ใช่ค่ะ เป็นความฝันของคุณแม่ ถามว่าแม่บังคับไหม แม่ไม่ได้บังคับนะคะ ตัวเบลเองเวลาดูประกวดนางสาวไทย หรือการประกวดอะไรก็ตาม เราเห็นภาพตัวเองว่าสักวันเราต้องเป็นแบบนี้นะ ตอนแรกแม่อยากให้ลงมิสยูนิเวิร์ส เพราะว่ามิสยูนิเวิร์สเป็นอีกเวทีหนึ่งที่มีคนรู้จักเยอะ แล้วแม่ก็คิดว่ามันตรงกับบริบทเบลเหมือนกัน แต่ว่าพอเห็นว่านางสาวไทยจะส่งไปมิสเวิลด์ ด้วยความที่เบลอยากจะช่วยน้องๆ ช่วยคน มันตรงกับความในใจของเบลมากกว่า ก็เลยลงนางสาวไทยค่ะ
“แม่เชียร์สุดใจเลยค่ะ แม่พูดออกมาว่า สักที แล้วแถมเป็นแบบนางสาวไทยได้พรีเซนต์ในสัญชาติของคุณแม่ด้วย ก็อยากจะทำให้เต็มที่แล้วก็อยาก ให้คนไทยภูมิใจด้วย ที่ลูกครึ่งสามารถพรีเซนต์ไทยแลนด์ได้ค่ะ”
ภาพเปิดตัวที่กลายเป็นไวรัล
เบลล่า : เอาจริงตอนแรกก็ไม่ได้คิดว่าจะลงนะคะ แต่ว่าพอลงไปปุ๊บก็คือบูมมาก คนแชร์กันเยอะมากๆ ทั้งในเฟซบุ๊ก อินสตาแกรม ตกใจมาก เอาจริงก็รู้สึกดีใจมากๆ ที่คนเปิดรับและให้กำลังใจเบล ติชมอะไรเข้ามาเบลก็เปิดใจอยู่แล้ว ใครอยากติชมก็จะเอามาปรับปรุง หนูรู้สึกว่าสังคมของเราพัฒนาขึ้นเยอะมาก เพราะว่ายังมีคนเห็นด้วยเรื่องเรามั่นใจในการแต่งกายยังไง เราก็แต่งแบบถูกพื้นที่ เบลเลยรู้สึกว่าเบลไม่ได้จะโฟกัสตรงนั้น เบลไม่ได้คิดว่ามันผิดนะคะ เพราะว่าเข้ากองปุ๊บก็ตามระเบียบและตามกฎของกองค่ะ
มาเพื่อมงบนเวทีนางสาวไทย และความฝันที่อยากจะไปเวทีมิสเวิลด์
เบลล่า : มาถึงขนาดนี้แล้ว เบลก็คือมง เป้าหมายคือมงค่ะ (หัวเราะ) เพราะว่าอย่างที่บอกคืออยากจะไปมิสเวิลด์ เพื่อพรีเซนต์คนไทยแล้วก็โปรเจ็กต์ของตัวเอง เบลรู้สึกว่าการที่เป็นลูกครึ่ง เลือดครึ่งหนึ่งของเบลก็คือคนไทย เบลว่าอันนี้แหละที่ตรงกับบริบทซึ่งสามารถเอาไปเผยแพร่ เอาไปพรีเซนต์คนไทยในเรื่อง Local Product สินค้าของโลคัลสู่เลอค่า แล้วก็สถานที่ท่องเที่ยวที่อยากจะโปรโมทให้ชาวต่างชาติได้เข้ามาเที่ยวได้
เบลอยากไปมิสเวิลด์ต่อเพราะว่ารู้สึกว่าบริบท การสร้างโครง การเผยแพร่โครงการของตัวเราเองให้คนได้รู้จัก มันคือความรู้สึกของเบลเองจริงๆ ที่อยากจะทำ ดีใจนะคะที่คนเห็นถึงความตั้งใจของเรา แล้วก็เห็นว่าเราสามารถไปอยู่ในจุดนั้นได้ ตัวเบลมั่นใจค่ะว่าเบลตอบโจทย์ทั้งสองเวที แล้วเบลจะทำให้ดีที่สุดถ้าได้รับมอบตำแหน่งค่ะ
เบลล่า อะราเบล่า สิตานัน เกรโกรี่
ปัจจุบันเบลล่าได้รับเลือกให้เป็น Brand Ambassador ของสภากาชาดไทย และกำลังทำโครงการ Operation Smile เพื่อช่วยเหลือเด็กๆ ที่เป็นโรคปากแหว่ง-เพดานโหว่
เบลล่า : ตอนนี้เบลเน้นเรื่องโครงการ Operation Smile ช่วยปากแหว่ง-เพดานโหว่ เพราะว่าจะมีน้องๆ หลายคนที่เป็นโรคปากแหว่ง-เพดานโหว่ในหลายพื้นที่ทั้งในเมืองไทยและต่างจังหวัด และต่างประเทศด้วย ทุก 3 นาทีจะมี 1 คน เกิดมาแล้วเป็นปากแหว่ง-เพดานโหว่ เบลรู้สึกว่ายังไม่ค่อยมีคนโฟกัสในด้านนี้ ก็เลยอยากจะโปรโมทอยากจะบอกทุกคนแล้วช่วยกันสร้างโปรเจ็กต์นี้ว่าเราควรจะโฟกัสเรื่องนี้ด้วย เพราะน้องๆ คืออนาคตของชาติ ถ้าสมมติน้องๆ เป็นแบบนี้แล้วรักษาไม่ได้ เพราะว่าค่าผ่าตัดมันค่อนข้างจะสูง แล้วถ้าเขาไม่รักษา มันก็จะเป็นปัญหาในอนาคต เรื่องการพูด เรื่องแบคทีเรียต่างๆ ที่เข้ามาในร่างกาย แล้วเรื่องการกินด้วย ก็เลยอยากจะโฟกัสในด้านนี้ค่ะ
ตัวเต็งของการประกวด และฟีดแบ็คที่ได้จากแฟนนางงาม
เบลล่า : ถามว่ากดดันไหม ไม่กดดันนะคะ เพราะว่าการที่คนมาเชียร์แล้วให้กำลังใจเบลมากๆ แปลว่าเขาเห็นว่าเราทำได้เบลก็รู้สึกว่ามันเป็นกำลังใจให้เบลพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ ทำดีต่อไป เวลาทำอะไรเขาก็จะช่วยติชม เบลรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องดี จะได้เป็นกระจกส่องเรา เบลพยายามที่จะมองด้านบวกของมันนะคะ ทุกอย่างที่มันลบเราพยายามจะเอาออก เพราะว่าเราอยู่ในการประกวดครั้งนี้แค่ขึ้นเวทีก็น่ากลัวแล้วนะสำหรับเบล เบลเป็นคนที่ไม่ค่อยชอบพูดบนเวที แค่นี้ก็กลัวมากๆ แล้ว เบลว่าสิ่งที่พร้อมของเบลตอนนี้คือมายเซ็ทตัวเองค่ะ เพราะว่าเบลตั้งเป้าแล้วว่าตั้งใจที่จะมาแล้วจะมง เบลว่ามายด์เซ็ทคือสิ่งที่บอกว่าเราจะไปทางด้านไหน
สิ่งไหนที่อยากจะปรับปรุงอีกแน่นอนคือภาษาไทยค่ะ เพราะว่าเราจะต้องสื่อสารให้เป็นภาษาไทยให้ได้ อยากจะตอบให้ดีเหมือนภาษาอังกฤษด้วย คนไทยก็จะได้อินกับคำตอบมากขึ้น เรื่องภาษาไทยแล้วก็เรื่องการพูด ความตื่นเต้นก็ด้วยเพราะว่าเบลเป็นคนที่อาจจะไม่ชินกับการออกหน้ากล้องหรือว่าขึ้นบนเวที มันเลยอาจจะตื่นเต้นบ้าง แต่ว่าก็พยายามปรับปรุง แล้วก็ดึงสติมาอยู่กับตัว พูดในความคิดตัวเองจริงๆ