วันที่ 31 พฤษภาคมของทุกปีองค์การอนามัยโลก (World Health Organization : WHO) กำหนดให้เป็น “วันงดสูบบุหรี่โลก” โดยเริ่มขึ้นครั้งแรกเมื่อปี 1987 เพื่อรณรงค์ให้ทุกคนเห็นถึงอันตรายจากยาสูบ และยังระบุไว้ชัดเจนว่า การสูบบุหรี่เป็นสาเหตุสำคัญของการป่วยและเสียชีวิตก่อนวัยอันควรที่สามารถป้องกันได้ จึงมีการกำหนดคำขวัญในการรณรงค์ไม่สูบบุหรี่ในแต่ละปี และอนุสัญญาควบคุมยาสูบโดยแสดงโทษของยาสูบและแสดงภาพคำเตือนบนซองบุหรี่ขึ้น สำหรับคำขวัญในวันงดสูบบุหรี่โลกครั้งแรกคือ “บุหรี่หรือสุขภาพต้องเลือกสุขภาพ

นับตั้งแต่นั้นทุกวันที่ 31 พฤษภาคม หน่วยงานด้านสุขภาพในแต่ละประเทศต่างจัดกิจกรรมรณรงค์ลดการสูบบุหรี่ โดยในปีนี้ พ.ศ. 2566 คำขวัญคือ “บุหรี่ไฟฟ้ามีสารพิษ เสพติดอันตราย” ปรับเปลี่ยนไปตามยุคสมัยที่คนนิยมสูบบุหรี่ไฟฟ้ามากขึ้น และเน้นย้ำให้เห็นถึงอันตรายจากบุหรี่ไฟฟ้าสำหรับนักสูบหน้าใหม่

วันงดสูบบุหรี่โลก
ภาพประกอบจาก Unsplash

นอกจากนี้ยังมีการกำหนดดอกไม้ประจำวันงดสูบบุหรี่โลกขึ้น ได้แก่ “ดอกลีลาวดี” ที่มีความหมายถึงการมีความสุข ซึ่งถูกนำมาใช้สื่อความหมายในวันลดสูบบุหรี่โลกว่าเป็นการกำจัดสิ่งไม่ดีให้ออกไป ชื่อเดิมของดอกลีลาวดี คือ “ดอกลั่นทม” แต่ก่อนไม่นิยมปลูกในบ้าน เนื่องจากเชื่อว่าจะนำแต่ความทุกข์ระทมเข้ามา แต่ภายหลังได้รับการตีความใหม่กลายเป็นดอกไม้ที่มีความหมายอันเป็นมงคล คำว่า “ลั่น” หมายถึง การเลิกหรือละทิ้ง ส่วน “ทม” หมายถึง ความระทม รวมกันจึงมีความหมายว่าการละทิ้งความทุกข์ระทมหรือการพบความสุขนั่นเอง

ยาเลิกบุหรี่

นอกจากการรณรงค์ไม่ให้เกิดนักสูบหน้าใหม่แล้ว เทคโนโลยีด้านการแพทย์ยังพัฒนาอย่างต่อเนื่อง “พญ.มิ่งขวัญ สุพรรณพงศ์” ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม กล่าวว่า องค์การเภสัชกรรมได้วิจัยและพัฒนายาเลิกสูบบุหรี่ชนิดใหม่ “ยาเม็ดไซทิซิน จีพีโอ” (1.5 มิลลิกรัม) เป็นรายแรกในประเทศไทย และจากที่ร่วมมือกับคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ศึกษาวิจัยทางคลินิกในมนุษย์ ผลการวิจัยมีความปลอดภัย และมีประสิทธิผลดี

ขณะนี้จึงอยู่ระหว่างการขออนุมัติทะเบียนจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ประเภทยาควบคุมพิเศษ ที่จำหน่ายได้ในสถานพยาบาลเท่านั้น โดยองค์การเภสัชกรรม จะเริ่มผลิตจำหน่ายยาในเดือนมกราคม 2567

ยาเลิกบุหรี่
ยาเลิกบุหรี่จากองค์การเภสัชกรรม

ในประเทศไทยมียา 5 รายการที่ใช้สำหรับเลิกบุหรี่ ได้แก่ ยาเม็ด Varenicline, ยาเม็ด Bupropion, นิโคตินทดแทน (Nicotine replacement therapy), ยาเม็ด Nortriptyline และยาชงสมุนไพรหญ้าดอกขาว ปัจจุบันมีเพียง 2 รายการ ที่บรรจุอยู่ในบัญชียาหลักแห่งชาติ ได้แก่ ยาเม็ด Nortriptyline และยาชงสมุนไพรหญ้าดอกขาว

ปัจจุบันสำหรับผู้ที่ต้องการเลิกบุหรี่จะได้รับยาเม็ด Varenicline หากเปลี่ยนมาใช้ยาเม็ดไซทิซิน จีพีโอ ในการรักษาแทนจะทำให้ประหยัดงบประมาณค่ายาต่อคอร์สและลดระยะเวลาในการรักษาได้ 3-4 เท่า รวมทั้งลดการนำเข้ายาจากต่างประเทศได้ประมาณ 12 ล้านบาทต่อปี

โรคร้ายคร่าชีวิตคนไทย

ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ พ.ศ. 2564 พบว่าคนไทยอายุ 15 ปีขึ้นไป สูบบุหรี่มากถึง 9.9 ล้านคน และเสียชีวิตจากการสูบบุหรี่ ด้วยโรคต่างๆ เช่น โรคมะเร็งปอด มะเร็งหลอดอาหาร ถุงลมโป่งพอง และโรคหัวใจ ขณะที่ “นพ.แสนศักดิ์ ลิขิตพงษ์วิทย์” อายุรแพทย์โรคปอด ผู้ช่วยผู้อำนวยการด้านการแพทย์และพยาบาล รพ.บ้านแพ้ว บรรยายในงานมหกรรมสุขภาพเฮลท์แคร์ 2022 หัวข้อ “มัจจุราชเงียบ มะเร็งปอด ภัยร้ายที่รักษาได้” ไว้ว่า

สถิติมะเร็งที่พบบ่อยในไทย คือมะเร็งปอด ในผู้ชายเกิดเป็นอันดับ 2 ส่วนผู้หญิงอยู่อันดับที่ 5 กล่าวคือ ในประชากร 100,000 คน ผู้ชายมีโอกาสเป็นมะเร็งปอดสูงถึง 23 คน ส่วนผู้หญิง ประมาณ 10 คน ต่อ 100,000 คน

นพ.แสนศักดิ์ ลิขิตพงษ์วิทย์
วันงดสูบบุหรี่โลก 
มะเร็งปอด
ภาพประกอบจาก Unsplsh

สถาบันมะเร็งแห่งชาติ สถิติสาธารณสุข ปี พ.ศ. 2562 พบผู้ป่วยมะเร็งปอดรายใหม่วันละ 47 คน หรือ 17,222 คน/ปี (เพศชาย 10,766 คน และเพศหญิง 6,456 คน) ขณะเดียวกันมีผู้เสียชีวิตเฉลี่ยวัน 40 คน หรือ 14,586 คน/ปี (เพศชาย 9,361 คน และเพศหญิง 5,225 คน) โดยมีปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญจาก การสูบหรือรับควันบุหรี่ การสัมผัสสารก่อมะเร็ง (แร่ใยหินก๊าซเรดอน) รังสี ควันธูป ควันจากท่อไอเสีย และมลภาวะทางอากาศ

สถานการณ์ผู้ป่วยโรคมะเร็งในประเทศไทย จากข้อมูลสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ แต่ละปีมีคนไทยป่วยเป็นโรคมะเร็งรายใหม่ถึงวันละ 381 คน หรือ 139,206 คนต่อปี และเสียชีวิตจากโรคมะเร็งวันละ 230 คน หรือ 84,073 คนต่อปี

5 อันดับแรกของมะเร็งที่พบบ่อยในชายไทย

  • มะเร็งตับและท่อน้ำดี
  • มะเร็งปอด
  • มะเร็งลำไส้ใหญ่และลำไส้ตรง
  • มะเร็งต่อมลูกหมาก
  • มะเร็งต่อมน้ำเหลือง

5 อันดับแรกของมะเร็งที่พบบ่อยในหญิงไทย

  • มะเร็งเต้านม
  • มะเร็งลำไส้ใหญ่และลำไส้ตรง
  • มะเร็งตับและท่อน้ำดี
  • มะเร็งปอด
  • มะเร็งปากมดลูก 

อ่านเรื่องที่เกี่ยวข้อง : https://feedforfuture.co/feed-read/14953/

แหล่งที่มาข้อมูล

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้ที่จำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ (Strictly Necessary Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้มีความสำคัญต่อการปฏิบัติการของเว็บไซต์ feedforfuture.co ซึ่งจะช่วยให้ท่านสามารถเข้าถึงข้อมูลและเนื้อหาต่างๆ ของเว็บไซต์เราได้ทุกส่วน โดยเฉพาะส่วนสมาชิกผู้ใช้งานของเว็บไซต์ ตลอดจนการตรวจสอบจำนวนผู้เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ของเรา

  • คุกกี้ด้านประสิทธิภาพการทำงานของเว็บไซต์ (Performance Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้ใช้เพื่อรวบรวมข้อมูลทางสถิติเกี่ยวกับการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน เพื่อวิเคราะห์ และช่วยให้เราทราบถึงพฤติกรรมการใช้งาน ซึ่งจะช่วยปรับปรุงการทำงานของเว็บไซต์เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดในการใช้งานบนเว็บไซต์ของเรา

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาเข้ากับกลุ่มเป้าหมาย (Targeting Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้ใช้ในการบันทึก และจดจำคุณลักษณะต่างๆ ที่ท่านได้เลือกขณะเข้าชมเว็บไซต์ของเรา เช่น หมวดหมู่ และเนื้อหาที่ท่านชอบอ่านมากที่สุด เราจะบันทึกข้อมูลเหล่านี้ และนำกลับมาใช้เมื่อท่านกลับเข้ามาที่เว็บไซต์ของเราอีกครั้ง เพื่อปรับให้ท่านได้รับชมเนื้อหาได้ตรงกับความชอบของท่านให้มากที่สุด

  • คุกกี้เพื่อนำเสนอโฆษณาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย (Advertising Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้ใช้เพื่อจดจำพฤติกรรมการอ่านเนื้อหาบนเว็บไซต์ของท่าน รวมถึงรายละเอียดของอุปกรณ์ที่ท่านใช้ เพื่อนำไปใช้วิเคราะห์การนำเสนอโฆษณาที่เหมาะสมกับท่านมากที่สุด และช่วยวัดความมีประสิทธิผลของโฆษณาที่เรานำเสนอด้วย ตลอดจนช่วยป้องกัน หรือจำกัดจำนวนครั้งที่ท่านจะเห็นโฆษณาเดิมซ้ำๆ

บันทึก