นโยบายเติมเงินในดิจิทัลวอลเล็ต (Digital wallet) ให้ผู้มีอายุ 16 ปีขึ้นไปใช้จ่ายภายใน 6 เดือน รัศมี 4 กิโลเมตรรอบที่พัก ด้วยจำนวนเงิน 1 หมื่นบาท เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้เกิดการหมุนเวียนของเงินในระบบตั้งแต่ครัวเรือนไปถึงมหภาคของพรรคเพื่อไทย กลายเป็นประเป็นที่ถูกพูดถึงและตั้งคำถามมากมายว่าเป็นเพียงนโยบายแจกเงินจะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้จริงหรือไม่ และจะนำเงินจากที่ไหนมาแจก

6 เมษายน 2566 เครือมติชนได้สัมภาษณ์พิเศษ “คุณเศรษฐา ทวีสิน” 1 ในแคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย ถึงประเด็นดังกล่าว ซึ่งคุณเศรษฐา อธิบายเรื่องนี้ไว้ว่า

นโยบายเติมเงินในดิจิทัลวอลเล็ต  1 หมื่น กระตุ้นเศรษฐกิจจริงหรือ?

เศรษฐา : “ผมเรียนอย่างนี้นะครับ ปัจจุบันนี้ปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจโตเท่าไหร่ 2.6 เปอร์เซ็นต์ ฟิลิปปินส์ เวียดนาม มาเลเซีย อินโดนีเซีย ประเทศที่เคยเป็นรองเราทั้งหมด เขาโตเกิน 5 เปอร์เซ็นหมด บางประเทศ 8 เปอร์เซ็นต์ มากกว่าเรา 2 หรือ 3 เท่า เราเองเราอยู่ในภาวะที่มันย่ำแย่มาก ถ้าเปรียบเป็นคนป่วยก็เหมือนเราอยู่ใน ICU หรือใกล้เต็มที่แล้ว นโยบายหลายๆ นโยบายของพรรคเพื่อไทย เราจะมีการกระตุ้นครั้งยิ่งใหญ่ เพื่อให้เรากลับขึ้นมาทำมาหากิน มีรายได้ที่เหมาะสมได้ เพราะฉะนั้นเราต้องการ การกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งที่ใหญ่ที่สุด 10,000 บาท ถือเป็นนโยบายหลักของเรา ประกอบไปด้วย”

  1. ระยะเวลาในการใช้ คือ 6 เดือน เราต้องการให้มีการใช้เร็วๆ ร้านค้า เอสเอ็มอี อุตสาหกรรมทั้งหลายจะได้มีการสั่งผลิตสินค้า มีการซื้อสินค้ามาตุนไว้ เพื่อที่จะขายมีการจับจ่ายใช้สอยเกิดขึ้น มีการหมุนเวียนของเศรษฐกิจเกิดขึ้น อันนี้เป็นเรื่องใหญ่เรื่องหนึ่ง
  2. คือเรื่องของระยะทางที่เราขีดไว้รัศมี 4 กิโลเมตร อันนี้ก็เป็นประเด็นหนึ่งว่าเราไม่อยากให้ทุกคนเข้ามาในกรุงเทพฯ แล้วมาจับจ่ายใช้สอยตามห้างใหญ่ๆ อย่างเดียว ไม่อยากให้ไปที่หาดใหญ่ ภูเก็ต พัทยา กรุงเทพฯ เชียงใหม่ ขอนแก่น อย่างเดียว หนองบัวลำภู บึงกาฬ มุกดาหาร ศรีสะเกษ สุรินทร์ เราก็อยากให้เขาใช้ที่นั่น มันจะได้กระตุ้นเศรษฐกิจชุมชนขึ้นมา ไม่ใช่แค่การขยายตัวมากระจุกอยู่ที่เมืองหลวงอย่างเดียว

“แต่พอออกนโยบายไปก็มีคนบอกว่าเอ๊ะ! บางคนบางหมู่บ้าน 4 กิโลเมตรมันไม่มีอะไรเลย อันนี้ผมก็ต้องไปฟังคนที่น่านเหมือนกันที่จะไปวันเสาร์อาทิตย์นี้ว่าเขามีความคิดอย่างไร ถ้ามีคนถามว่า “คุณเศรษฐาคะ บ้านหนูอยู่ตรงอย่าว่าแต่ 4 กิโลเมตร 5 กิโลเมตรก็ยังไม่มีร้านอะไรเลยทำอย่างไร” ต้องบอกว่าแต่ข้อดีของเทคโนโลยีบล็อกเชน คือเราสามารถขีดได้ เราสามารถรู้ได้ว่าถ้าภายในกรุงเทพฯ อยู่ภายใน 4 กิโลเมตรแน่นอน หาดใหญ่ภายใน 4 กิโลเมตรแน่นอน ภูเก็ตภายใน 4 กิโลเมตรแน่นอน แต่ถ้าเกิดเป็นจังหวัดอื่น เราอาศัยบล็อกเชนมาขีดใหม่ก็ได้นะ อาจจะเป็น 6.5 ของบึงกาฬก็ได้นะ อาจจะเป็น 7.3 ของมุกดาหารก็ได้ เราต้องการการกระตุ้นอย่างนี้มากกว่า”

จะนำเงินมาจากไหนมาใช้ในนโยบายเติมเงินในดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่น?

เศรษฐา : “ส่วนคำถามต่อไปคือเรื่องของประชานิยมว่าจะเอาเงินมาจากตรงไหน ต้องบอกว่าคนที่มีอายุ 16 ปี หรือมากกว่าเนี่ย มีประมาณ 50 ล้านคน สมมติเอาตัวเลขกลมๆ ก็ประมาณ 5 แสนล้านต่อปี ทำหนเดียวนะ ไม่ได้ทำทุกปีนะ เราทำหนเดียวให้ใช้ให้หมดภายใน 6 เดือน สมมติว่าเรา ย้ำสมมตินะเราได้รับเลือกตั้งเข้ามา พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล กว่าจะได้ทำเรื่องนี้ออกมาผมคิดว่าสมมติแล้วกันเป็นวันที่ 1 มกราคมปีหน้า (2567) สิ่งที่จะเกิดขึ้นก็คือว่าเราใส่เงินเข้าไปในเป๋าตังค์เพื่อนำไปจับจ่ายใช้สอย เราจะได้ VAT(ภาษี) เพิ่มมากขึ้น ภาษีนิติบุคคลจากห้างร้านก็จะมากขึ้น อันนั้นก็เป็นแสนล้านแล้วใช่ไหมครับ พอมีเงินเข้าไปสวัสดิการคนจนหลายๆ อย่างก็ลดลงไป งบประมาณที่เคยต้องใช้ 4 หมื่นล้านบาท 6 หมื่นล้านบาท ก็จะหายไป ก็จะได้เงินตรงนี้ก็จะมาอีกเกือบแสนล้านนะ ก็ประมาณ 2 แสนล้านแล้ว”

“การบริหารจัดการงบประมาณที่จะเกิดขึ้นอาจจะมาจากงบประมาณของอำนาจของนายกรัฐมนตรี ซึ่งมีอยู่ประมาณหนึ่งแสนล้านบาท อาจจะนำมาใช้สัก 30 เปอร์เซ็นต์ สัก 30,000 ล้านบาท แต่ผมเองถ้าเกิดได้รับเลือกมาผมก็ไม่อยากใช้งบนี้หมดเพราะว่าเป็นงบฉุกเฉิน เผื่อน้ำท่วม เผื่อเหลือ เผื่อขาด เผื่ออะไร ใช่ไหม เราน่าจะไปโฟกัสที่รายได้ที่มันจะมามากกว่า บางคนก็พูดว่างบทหารปีหนึ่งเท่าไหร่ 2-3 แสนล้านบาท ตัดเข้ามาเลยเอามาเลย มันก็ไม่ได้ เราเองต้องเข้าใจว่างบประมาณบางตัวมันต้องมีอยู่บ้าง แต่จะขอเขามาได้ไหม สัก 2-3 หมื่นล้านบาท เป็นไปได้ไหมตรงนี้หน่อยหนึ่ง”

“การบริหารจัดการเรื่องภาษีปีหน้า เราจะเก็บภาษีได้มากขึ้น เท่าที่เราได้ศึกษามาทีมงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทยได้ศึกษามาได้เพิ่มอีกตั้ง 2 แสนล้านบาทแล้ว ปัจจุบันมีคนยื่นภาษีประมาณ 10 ล้านคน เสียจริงๆ ประมาณ 3.9 ล้านคน ประมาณ 4 ล้านคน การที่เราใส่เงินเข้าไปในเป๋าตังค์ดิจิทัลเนี่ย เราหวังว่ามันจะทำให้คนเข้าสู่ระบบภาษีมากยิ่งขึ้น ในระยะยาวมันก็กระตุ้นเศรษฐกิจได้มากขึ้น มันมีอีกหลายวิธีเหลือเกินครับ เพราะการที่เราใส่เข้าไปเนี่ย เราไม่ได้ให้ประโยชน์กับชนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งและผมยืนยันผมมาตรงนี้ ผมไม่ได้มารังแกเจ้าสัว กีดกันเจ้าสัว หมื่นบาทคุณใช้ที่ไหนก็ได้ คุณใช้ที่ร้านสะดวกซื้อที่ไหนก็ได้ คุณจะซื้อปุ๋ยก็ได้ คุณจะซื้อเมล็ดพันธุ์ก็ได้”

“อีกประเด็นหนึ่งซึ่งคนไม่ถามแต่ผมโยนคำถามและคำตอบไว้ในตัวเลยก็ได้ หนึ่งหมื่นบาทถ้าเกิดว่าคุณเป็นหนี้ธนาคารพาณิชย์อยู่ที่ถูกต้องตามกฎหมายนะ หากมีคนถามว่า “หนูเอาไปใช้ได้ไหม ผมเอาไปใช้ได้ไหม” เราก็ยังไม่ได้คุยตรงนี้เลยนะ ถึงบอกว่าอยากไปเจอพี่น้องประชาชน รับฟังความคิดเห็นเขา ไม่ใช่เอาความคิดเราเป็นหลักอย่างเดียวว่าต้องใช้อย่างเดียวนะ ถ้าใช้อย่างเดียวมันจะปั่นเศรษฐกิจได้ดีกว่า”

“แต่ถ้าเกิดไปใช้หนี้แล้วมันจะไม่ปั่นเศรษฐกิจ มันจะไม่ปลุกเศรษฐกิจให้เกิดขึ้นหรือเปล่า แต่ตรงนี้เราตัดสินใจแน่วแน่หรือยังว่าเราจะไม่ให้ใช้หนี้ ยัง เราต้องไปฟังก่อน ได้มาหมื่นนึงอาจจะบอกเฮ้ย 20 เปอร์เซ็นต์ ไปใช้หนี้ได้ อาจจะ 2,000 4,000 5,000 บาท อาจจะ ถ้าเกิดทำตรงนั้นได้ ปัญหาประเทศไทยปัญหาหนึ่งคือหนี้ครัวเรือนถูกไหมครับ ถ้าเกิดเขาไปใช้หนี้ หนี้ครัวเรือนก็ลดลง ความสามารถที่เขาจับจ่ายใช้สอย ดอกเบี้ยก็ลดลง ดอกเบี้ยเขาลดลง เขาก็ไปซื้อของได้มากขึ้นอยู่ดี มันต้องเข้าใจเศรษฐกิจโดยรวมด้วย”

“ผมไม่ได้มีคำตอบทุกอย่าง ณ วันนี้ ไม่ได้พยายามจะมาบอกวันนี้ว่าเรารู้หมดทุกอย่าง แต่ว่าระหว่างนี้ หรือว่าถ้าเราได้รับการเลือกตั้งเข้ามา เราจะมีรายละเอียดที่มันสามารถนำไปอธิบายแล้วนำผลประโยชน์สูงสุดมาสู่ประเทศชาติ และประชาชนได้” เศรษฐา ทวีสิน กล่าวทิ้งท้าย

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้ที่จำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ (Strictly Necessary Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้มีความสำคัญต่อการปฏิบัติการของเว็บไซต์ feedforfuture.co ซึ่งจะช่วยให้ท่านสามารถเข้าถึงข้อมูลและเนื้อหาต่างๆ ของเว็บไซต์เราได้ทุกส่วน โดยเฉพาะส่วนสมาชิกผู้ใช้งานของเว็บไซต์ ตลอดจนการตรวจสอบจำนวนผู้เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ของเรา

  • คุกกี้ด้านประสิทธิภาพการทำงานของเว็บไซต์ (Performance Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้ใช้เพื่อรวบรวมข้อมูลทางสถิติเกี่ยวกับการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน เพื่อวิเคราะห์ และช่วยให้เราทราบถึงพฤติกรรมการใช้งาน ซึ่งจะช่วยปรับปรุงการทำงานของเว็บไซต์เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดในการใช้งานบนเว็บไซต์ของเรา

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาเข้ากับกลุ่มเป้าหมาย (Targeting Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้ใช้ในการบันทึก และจดจำคุณลักษณะต่างๆ ที่ท่านได้เลือกขณะเข้าชมเว็บไซต์ของเรา เช่น หมวดหมู่ และเนื้อหาที่ท่านชอบอ่านมากที่สุด เราจะบันทึกข้อมูลเหล่านี้ และนำกลับมาใช้เมื่อท่านกลับเข้ามาที่เว็บไซต์ของเราอีกครั้ง เพื่อปรับให้ท่านได้รับชมเนื้อหาได้ตรงกับความชอบของท่านให้มากที่สุด

  • คุกกี้เพื่อนำเสนอโฆษณาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย (Advertising Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้ใช้เพื่อจดจำพฤติกรรมการอ่านเนื้อหาบนเว็บไซต์ของท่าน รวมถึงรายละเอียดของอุปกรณ์ที่ท่านใช้ เพื่อนำไปใช้วิเคราะห์การนำเสนอโฆษณาที่เหมาะสมกับท่านมากที่สุด และช่วยวัดความมีประสิทธิผลของโฆษณาที่เรานำเสนอด้วย ตลอดจนช่วยป้องกัน หรือจำกัดจำนวนครั้งที่ท่านจะเห็นโฆษณาเดิมซ้ำๆ

บันทึก