หากพูดถึงกระแสของวงการ T-POP ในบ้านเราตอนนี้ เรียกได้ว่าฮอตร้อนแรงยิ่งกว่าแดดประเทศไทย การเติบโตที่เห็นได้ชัดแบบก้าวกระโดด ค่ายเพลงหลายค่ายผลิตศิลปินที่มากความสามารถออกมาให้แฟนๆ ได้ติดตามกันอย่างต่อเนื่อง รวมถึงรุ่นพี่ในวงการ T-POP เองก็ตาม ที่ผลิตผลงานออกมาสร้างความฮือฮากันอยู่ตลอด เช่นเดียวกับ 5 หนุ่มรุ่นพี่วง “PERSES” จากค่าย G’NEST ที่โลดแล่นในวงการ T-POP มาสักพักใหญ่ ปล่อยผลงานออกมาให้แฟนๆ ได้ติดตามกันอยู่เรื่อยๆ
FEED คุยกับ 5 หนุ่ม จั๋ง ,ปลั๊กกี้ ,ปาล์ม ,กฤติน และเน วง “PERSES” เกี่ยวกับไลฟ์สไตล์ของพวกเขา และผลงานล่าสุด เรียกได้ว่าเป็นครั้งแรกที่ได้เห็นอีกหนึ่งมุมของพวกเขาในรูปแบบอ่อนโยน น่ารัก กับซิงเกิลที่ 4 “น่ารักน้อยลงหน่อย (Cuteless)”
ความรู้สึกต่อตัวเองตอนนี้เป็นยังไงบ้าง
จั๋ง: ผมว่าแฮปปี้นะ แฮปปี้มากยิ่งพวกเราเพิ่งปล่อยเพลงไปด้วยครับ รู้สึกว่าเหมือนเรากำลังจะเจอสิ่งใหม่ๆ เข้ามาเรื่อยๆ ตอนนี้ครับ แล้วก็กำลัง appreciate กับทุกอย่างที่เข้ามา
ปลั๊กกี้: เหมือนกันครับ ก็ตอนนี้จริงๆ พวกเรามีงานเยอะมากเลยครับช่วงนี้ก็เรียกได้ว่า ทั้งเดินสายแล้วก็มีงานแบบไปขึ้นสเตจอะไรอย่างนี้ ก็รู้สึกสนุกดีครับแบบมีเรื่องให้ทำทุกวันเลย
ปาล์ม: จริงๆ ก็รู้สึกว่าพวกเราเติบโตมาเรื่อยๆ ครับ ผลงานด้วย แฟนคลับด้วยครับ เหมือนแฟนคลับเราก็เยอะมากขึ้นเรื่อยๆ แล้วก็มีคนชอบเรื่องผลงานเรามากขึ้นเรื่อยๆ ก็รู้สึกดีใจมากครับ แล้วก็เหมือนเป็นพลังที่ทำให้เราแบบสู้ในทุกวันนี้ครับ มีพลังที่แม้เราจะเหนื่อยบ้างเวลาซ้อม แต่ว่าเราก็แบบกลับไปอ่านคอมเมนต์ กลับไปดูคำที่ทุกคนซัพพอร์ตเรา รู้สึกว่ามันใจฟูเหมือนกันครับ
กฤติน: พอเจอกันเราก็หายเหนื่อยแล้ว
เน: ผมก็คล้ายๆ กัน ผมก็ตื่นเต้นดีครับผมกับสิ่งต่างๆ ที่กำลังจะเข้ามา
ปกติไลฟ์สไตล์ของแต่ละคนเป็นยังไง
ปลั๊กกี้: ของคนอื่นผมไม่แน่ใจแต่ของผมส่วนใหญ่จะใช้เวลานั้นในตอนกลางคืนมากกว่า เพราะว่าเหมือนพอเราซ้อมเสร็จเราก็กลับไปใช้เวลากับตัวเองอะไรอย่างนี้ครับ เวลาพักผ่อน หรือว่าทำกิจกรรมในยามกลางคืน เช่น ไปกินหมาล่าอะไรอย่างนี้
ปาล์ม: ช่วงนี้เราจะซ้อมเต้น มีเรียนเต้น แล้วก็ซ้อมงานเรื่อยๆ แต่ก็จะว่างเฉพาะช่วงกลางคืนมากกว่าครับ เพราะช่วงกลางคืนส่วนใหญ่ก็กลับไปทำสิ่งที่ตัวเองอยากทำ เล่นเกม ฟังเพลง ดูหนังอะไรอย่างนี้ครับ สัก 3-4 ชั่วโมง เราก็ง่วงแล้วครับ ก็ตื่นมาเริ่มวันใหม่
ปลั๊กกี้: ปาล์มเขาจะเป็นเหมือนแบบ SD Card ของพวกเราครับ บางทีเราเรียนไปแล้วเราก็ลืมไปเลย แล้วเราก็มาถามกับปาล์มว่าแบบมันเต้นยังไงนะ ปาล์มเขาจะจำได้
จั๋ง: ใบ้ข้อสอบให้พวกผมด้วยครับ มันจะมีสอบที่เรียกว่า foundation ครับ มันจะเป็นท่าเบสิคทุกอย่างเรียงกันหลายๆ ท่าอะไรอย่างนี้ ตอนที่พวกเราออกไปสอบทุกคนก็จะไปนั่งดู แล้วปาล์มก็จะคอยแบบท่าต่อไป ใบ้ท่าให้ก่อนที่ท่าจะถึงอะไรอย่างนี้ครับ
กฤติน: คือผมอยู่คอนโดครับ แล้วผมจะโดนเพื่อนบ้านร้องเรียนบ่อยมากว่าผมเสียงดังมากเสียงมันวี้ดมาก เขาน่าจะไม่ได้หลับครับ เพราะว่าผมกลับไปต้องขอโทษด้วย กลับไปดึก เที่ยงคืน ตี1 ก็อ่ะสักเพลง 1 เพลงก่อนอาบน้ำนอน มันจะได้วอร์มก็ลองเกือบทุกคืนอ่ะครับ ไม่รู้ว่าเขาว่ายังไงบ้างตอนนี้ เขาอาจจะปลงหรือไม่เขาอาจจะย้ายออกไปแล้ว
จั๋ง: ผมรู้สึกว่ากฤตเป็นคน express ความรู้สึกเก่งครับ พวกเพลงที่มันต้องใช้แบบ Deep อินเนอร์เยอะๆ เขาจะค่อนข้างถ่ายทอดออกมาได้ถึงคนดู เขามีสกิลเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทำให้พรสวรรค์ของเขามันโตขึ้นเรื่อยๆ แล้วดีที่เขาไม่หยุดพัฒนาด้วย
กฤติน: ขอบคุณพ่อ
จั๋ง: ไลฟ์สไตล์ของผมปกติก็จะวนอยู่กับแค่ไม่ทำเพลง ก็เล่นเกม แล้วก็นอนครับ จัดบ้าน กิน ช่วงนี้ก็จะวนอยู่กับการทำเพลง ผมเริ่มสนใจทำเพลงมาประมาณปีสองปีครับ เพราะว่าตอนแรกผมเรียนด้านอื่นมาก่อน ผมเรียนวิศวะมาก่อนไม่ได้เกี่ยวกันเลย แต่ว่าพอเริ่มมาเข้ามาเป็นศิลปินก็เริ่มมีความสนใจเรื่องดนตรีมากขึ้น แล้วก็เริ่มทำเพลงเริ่มโปรดิวซ์ เขียนเพลงด้วย แล้วก็พอที่ได้มีโอกาสเขียนอย่างอันล่าสุดครับ ที่มีโอกาสได้เขียนแร็ปเวิร์สสองของเพลงน่ารักน้อยลงหน่อย ก็เหมือนเป็นประสบการณ์ใหม่
เน: จริงๆ ท่อนแร็ปเพลงไหนที่เรามาโชว์หรือว่าเราเอามาโคฟเวอร์โชว์ที่มีท่อนแร็ปพี่จั๋งก็คือเป็นคนแต่ง แต่งหมดทุกเพลงเลย
กฤติน: จริง แบบขออะไรก็ได้ใส่ตรงนี้หน่อย เพิ่มตรงนี้สิ จังหวะตรงนี้บึ้มขึ้นพี่จั๋งทำได้หมดเลยครับ ดีนะเนี่ยมีพี่จั๋งอยู่ในวงอ่ะ (ปรบมือ)
จั๋ง: จริงใจป้ะเนี่ย (หัวเราะ)
เน: ไลฟ์ไตล์หลักๆ ผมก็จะไปดูหนัง หรือไม่ก็อ่านหนังสืออยู่ห้อง หรือไม่ก็ไปร้านหนังสือครับ คือเหมือนเรารู้สึกว่าหนังสือมันมีอะไรให้เราค้นหาตลอดเวลา แล้วเรารู้สึกว่าเราเป็นคนที่แบบไม่ได้รู้อะไรเยอะขนาดนั้น เราเลยรู้สึกว่าเราชอบที่จะอ่านมัน แล้วแต่ละเรื่อง หลายๆ เล่มที่เราอ่านเราก็จะได้เหมือนย้อนกลับมาคิด ย้อนกลับมาค้นหาตัวเองด้วยว่าแบบเออเราอ่านอันนี้แล้วเรารู้สึกยังงี้นะ แล้วความรู้สึกนี้มันคืออะไรแล้วมันเป็นความรู้สึกอะไร
มีแนะนำหนังสือเพื่อนๆ ในวงไหม
เน: ผมรู้สึกว่าถ้าแนะนำหนังสือมันค่อนข้างที่จะแบบว่าปัจเจกจริงๆ รู้สึกว่าแต่ละคนจะมีความสนใจที่แตกต่างกันมากๆ เลยรู้สึกว่าถ้าจะแนะนำก็คงอยากจะให้ทุกคนลองดูว่าตัวเองสนใจเรื่องอะไรแล้วก็ลองอ่านมันดู
กฤติน: จริงๆ ผมกับปลั๊กกี้เคยลองหยิบมาอ่านหนึ่งบรรทัดครับ ไม่ถึงบรรทัดผมวางเลย เพราะว่าคืออะไรอ่ะ มันแปลว่าอะไร มันจะมีศัพท์เฉพาะ แค่หนึ่งบรรทัดนั้นผมกับปลั๊กกี้แปลกันอยู่สักพักเป็นนาที ว่ามันคืออะไรนะเนี่ย
ปลั๊กกี้: เหมือนพวกผมจะเป็นคนที่แบบว่าชอบอะไรที่มันเข้าใจตรงๆ มั้งครับ ถ้าหนังสือมันจะต้องเหมือนเราต้องตีความ มีจินตนาการอะไรอย่างนี้ แล้วแต่ผู้อ่าน
กฤติน: คำมันสละสลวยแบบเป็นคำที่เป็นนักเขียนเขามีความแบบนิดนึง เรียกว่าอะไรนะ
ปลั๊กกี้: เป็นคำที่บางคำผมอ่านแล้วก็หันไปหาพี่เนว่าพี่เนนี่มันคืออะไรนะ
การเติบโตจากซิงเกิลแรก จนถึงตอนนี้เป็นยังไงบ้าง
จั๋ง: ผมว่าอย่างแรกที่ชัดเจนสำหรับพวกเรา 5 คน คือเรื่องประสบการณ์ เหมือนทุกครั้งที่เราไปขึ้นสเตจหรือว่าไปเจอคน ได้ไปถ่ายรายการออกอีเวนต์ต่างๆ เหมือนเราคล่องมากขึ้นในการที่จะเพอร์ฟอร์มต่อหน้าคน ช่วงแรกๆ เอาจริงพวกผมมีปัญหามากในเรื่องการสื่อสาร เราคุยกันไม่ค่อยเก่ง เป็นคนที่พูดน้อยเป็นเบสิคอยู่แล้วด้วย แล้วพอยิ่งไปเจอคนข้างนอกเราไม่กล้าที่จะข้ามกำแพงตัวเองเพื่อที่จะสื่อสารกับเขาให้รู้เรื่องอะไรอย่างนี้ แต่พอทุกครั้งหลังจากที่ไปอีเวนต์โชว์ต่างๆกลายเป็นว่าพัฒนาการมันค่อนข้างชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ สำหรับผมนะครับ
กฤติน: เหมือนเราเล่นเกม เหมือนเลเวลเราอัพขึ้นไปเรื่อยๆ แต่แค่เลเวลนั้นมันไปเรื่อยๆ มันไม่มีวันที่จะแบบถึงจุดสิ้นสุดครับ
คุ้มค่าไหมกับการมาถึงจุดนี้
เน: ผมว่าคุ้มครับ เพราะว่าเหมือนการที่เราลงแรง ลงเวลาไปกับมัน เราได้กลับมา ทั้งการพัฒนาตัวเอง แล้วก็กำลังใจจากแฟนคลับทุกคนที่เขาเห็นผลงานเรา แล้วเขาก็แบบส่งกำลังใจให้มันเหมือนเติมเต็มพวกเราที่จะแบบก้าวต่อไป ที่จะพัฒนาตัวเองต่อไป ในการสร้างผลงานออกมาอีกอ่ะครับ
ปลั๊กกี้: ผมว่ามันคุ้ม เขาเรียกว่าอะไร เหมือนเกินคำว่าคุ้ม เพราะว่ามันได้อะไรหลายอย่างกลับคืนมามากจริงๆ อ่ะครับ พอเราได้เดบิวต์เป็นศิลปินมันได้รับพลังจากแบบหลายๆ ฝ่าย หลายๆ ด้าน หลายๆ คน แล้วก็จากหลายๆ ที่อะไรอย่างนี้ครับ มันก็รู้สึกดีมากๆ แล้วก็ขอบคุณทุกคนมากๆ เลยครับ
การเป็นศิลปินใช้ชีวิตยากขึ้นไหม
เน: ผมว่ามันอาจจะไม่ได้เรียกว่ายากขึ้น แต่ว่ามันเหมือนมี conditional มากขึ้นครับ ในการที่เราต้องคอยเขาเรียกอะไรแบบว่าคอยควบคุมตัวเอง เมเนจตัวเองตลอดเวลาว่าพรุ่งนี้เรามีงานนะ วันนี้เราต้องพักผ่อนให้เพียงพอเท่านี้ๆ อะไรอย่างนี้ครับ เหมือนเราต้องคอยมีสติรู้ตัวตลอดเวลา
กฤติน: สำหรับผมอ่ะไม่ได้ยากขนาดนั้น เพราะว่าผมเองก็อยากที่จะเป็นตัวเองอยู่แล้วครับ เรารู้สึกว่าเราก็ได้อยากที่จะออกไปข้างนอกแล้วแบบเฮ้ยเปลี่ยนไปเป็นอีกคนดีกว่า กลัวคนอื่นรับไม่ได้หรืออะไรอย่างนี้ กลัวแบบมันผิดพลาดอะไรหรือเปล่า แต่ผมรู้สึกว่าเราเป็นตัวเองในแบบที่ไม่ได้เดือดร้อนใคร ผมว่ามันก็ใช้ชีวิตได้แบบง่ายๆ
ปาล์ม: เหมือนอย่างที่พี่กฤตบอกครับ เหมือนเราก็ใช้ชีวิตแบบเป็นตัวของเราอ่ะครับ ถ้ามันไม่เดือดร้อนใครก็คิดว่ามันน่าจะไม่ต้องระวังตัวมากขนาดนั้นครับ ใช้ชีวิตปกติเลย
จั๋ง: มันเป็นฟีลที่ผมเป็นคนขี้เขิน มันรู้สึกอาย ไม่ใช่อาย แต่แบบผมจะเลิ่กลั่กอะไรอย่างนี้ ทำตัวไม่ถูก ทำยังไงดีวะอะไรแบบนี้ อย่างล่าสุดผมไปโรงพยาบาลมา ตอนนั้นเหมือนปวดท้องเกี่ยวกับลำไส้อะไรสักอย่างแล้วแบบปวดมาก เดินไปพยาบาลก็ขอถ่ายรูปด้วยหน่อยค่ะ ผมปวดท้องอยู่ (หัวเราะ) แต่รู้สึกว่าไม่ได้ลำบากอะไร เรารู้สึกว่าแฮปปี้ด้วยซ้ำไปในบางโมเมนต์ที่คนจำเราได้
ปลั๊กกี้: คืออย่างผมจะเป็นคนที่ไม่ได้กลัวการเจอคนใหม่ๆ ครับ แบบว่าอย่างเช่นถ้าสมมติผมไปเจอ ออกไปเจอข้างนอกอย่างนี้ใช่ไหมครับเราก็เหมือนเจอแฟนคลับ หรือใครที่รู้จักเราอย่างนี้ ถ้าเขามองที่เราผมก็จะยิ้มให้แบบไฮ (หัวเราะ) ถ้าเขาเห็นเรา โอเคมีคนรู้จักเรา แล้วก็ผมรู้สึกว่ามันเหมือนเขาเรียกว่าเพิ่มแพชชั่นในการออกจากบ้าน มันมีแพชชั่นในการออกจากบ้านมากขึ้นอะไรอย่างนี้ครับ
เน: ของผมก็อาจจะโคตรตรงข้ามกับปลั๊กกี้ครับ (หัวเราะ) ผมอาจจะแบบว่าคล้ายๆ พี่จั๋ง แบบว่าจะมีความทำตัวไม่ถูก หรือแบบเขินอายนิดนึงถ้าเกิดเจอคน ไปข้างนอกแล้วเจอคนที่แบบเขารู้จักเรา ผมก็อาจจะทำตัวไม่ถูก แต่ว่ายินดีที่ได้เจอนะครับ แต่ว่าทำตัวไม่ถูกเฉยๆ ครับ (หัวเราะ)
การใช้ชีวิตไม่เหมือนกัน พอต้องมาทำงานร่วมกันมีจุดที่ความคิดเห็นไม่ตรงกันไหม
จั๋ง: ในการทำงานเป็นวงคือตั้งแต่เมื่อก่อนอ่ะครับ เราจะช่วงแรกๆ ยังหาตรงกลางไม่เจอเราจะค่อนข้างมีปากเสียงกันประมาณนึง แต่เหมือนตีๆ กัน ต้องการสิ่งนี้ๆ แต่เหมือนทุกครั้งที่เรามีปัญหาจากงานๆ นึงมา เราจะมารีแคปกันก่อนว่ามันเกิดอะไรขึ้นแล้วหลังจากนั้นเราจะแก้ทีละจุดๆ ไปเรื่อยๆ จนกระทั่งปัจจุบันก็คือเวลาเรามีอะไรที่ไม่ตรงกัน อาจจะแบบมีอารมณ์บ้างแหละ แต่ว่าเราระวังคำพูดของตัวเองมากขึ้น เรารู้ว่าคำพูดของเรามันบางทีไม่รู้จะไปกระทบใจคนอื่นหรือเปล่า เราก็มีความระวังตัวมากขึ้น แล้วก็หาตรงกลางยอมเป็นตรงกลางกันมากขึ้น
กฤติน: มันจะเป็นฟีลแบบว่าเอ๊ะ หึ แล้วก็เงียบ แล้วบรรยากาศก็จะแบบมาคุ (หัวเราะ) ส่วนใหญ่เป็นผมกับพี่จั๋งที่แบบว่าพอผมพูดอะไรกับพี่จั๋งกันสักแบบสองสามประโยค ก็จะแบบช็อต มันจะมีความช็อตกันเบาๆ เพราะว่าผมกับพี่จั๋ง เขาเรียกว่าอะไรนะเวลาคุยกันอารมณ์เราไม่เหมือนกัน
จั๋ง: ถ้าผ่านมาไม่นานนี้ก็จะเป็นแบบว่าเหมือนด้วยความที่กฤตเขาเป็นคนไม่ได้คิดอะไรนะ แต่ว่าบางทีหน้าด้วยความหน้าดุของเขา หรือการรุนแรงของเขาต่างๆ เราจะคุยกับเขาเลยตรงๆ อย่างนี้ครับ ปรับความเข้าใจกันตรงนั้นเลยว่าแบบอย่างนี้นะอย่างนี้นะ เจอกันตรงนี้นะ กฤตเบาลงนะเดี๋ยวพี่จะขึ้นมานิดนึงนะ โอเคเจอกันตรงนี้อะไรอย่างนี้ มันหาบาลานซ์กันอย่างนี้ครับ
เน: ถ้ามีอะไรแบบว่าพี่จั๋งจะเป็นคนคอยเคลียร์ เป็นคนเคลียร์ให้ทุกคนเจอกันตรงกลาง
จั๋ง: แต่มันดีที่เราพูด มีอะไรก็พูดกันตรงๆ เคลียร์ทุกอย่าง ทุกประเด็น แล้วพอได้ข้อสรุปปุ๊ปทุกอย่างก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม ผมรู้สึกว่าตอนนี้วงเราเป็นอย่างนั้นอยู่
มาที่ซิงเกิลที่ 4 “น่ารักน้อยลงหน่อย (Cuteless)”
ปลั๊กกี้: ก็สำหรับซิงเกิลนี้นะครับ ก็จริงๆ เหมือนพอมาเป็นเพลงที่ 4 ความหมายเพลงก็อยากให้เป็นความหมายที่สามารถเมสเสจไปหาคนดูได้
จั๋ง: คือตอนแรกพี่ปณตเขาถามความเห็นพวกเราก่อนครับว่าอยากจะส่งเมสเสจอะไรหาแฟนคลับบ้าง เราก็มีโยนๆ กัน เหมือนสุดท้ายมาสรุปว่าเขาก็เห็นว่าพวกเรามองว่าแฟนคลับน่ารัก แล้วก็รู้สึกว่าเอ้ยน่ารักขนาดนี้ ช่วยน่ารักน้อยลงหน่อยดิ้ แบบเราหวงกันนะอะไรอย่างนี้ครับ ก็เลยเป็นที่มาของเพลงชื่อเพลงนี้ครับ
กฤติน: ผมว่าเพลงน่ารักน้อยลงหน่อยมันเมจเซสที่ผมว่าทุกชีวิตของทุกคนเคมีความรัก ชอบใครสักคน เอ้ยทำไมคนนี้น่ารักจังเลย แบบน่ารักมากเลยอ่ะ แบบกลัวใจมันไม่ไหว ผมว่าทุกคนเป็นหมด พี่ก็เป็นใช่ม๊า (หัวเราะ)
เน: เหมือนกับว่าใน MV เราก็เหมือนเล่าเรื่องของแก๊งพวกเรา 5 คน แล้วตัวพี่นางเอกของเรา พี่นัทเขาก็จะมาแกล้งเราเวลาที่เขาเซ็งๆ ซึ่งพวกเราก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะเราน้อมรับความน่ารักของเขาครับ
ความยากของเพลงนี้อยู่ตรงไหน
กฤติน: ยากในการเปลี่ยนคาแรคเตอร์สวิซต์แบบพลิกออกมา ยากที่ต้องทำความเข้าใจกับคาแรคเตอร์ของเพลงนี้ว่าเราต้องสื่อสารแบบนี้นะ มันไม่ใช่แบบที่เราเคยทำมามากกว่า
ปลั๊กกี้: แต่จริงๆ ไม่ใช่ว่าทุกคนไม่มีความน่ารักนะครับ ทุกคนมีความน่ารัก แค่เพลงที่ผ่านมาไม่ได้เอาส่วนนี้ออกมาเพอร์ฟอร์มให้ทุกคนได้ดูอะไรอย่างนี้
ปาล์ม: เหมือนก่อนหน้านี้ 3 เพลงเป็นเพลงที่แบบเราเต้นแข็งแรงมาก เต้นแบบดุดันมาก เพลงนี้เราต้องแบบเบาๆ สบายๆ แบบน่าทะนุถนอมครับ
กฤติน: ฟีลเหมือนแบบเต้น Catch the Night แรงของ Catch the Night , My time มาใส่ในเพลงน่ารักน้อยลงหน่อย เป็นแบบน่ารักตะโกนเกิน โอ เธอช่วยน่ารักน้อยลงหน่อย ฟีลอย่างนี้ ตกใจกันหมดเลย
ปาล์ม: ครูที่สอนบอกว่าเบาๆ หน่อยก็ได้
กฤติน: ค่อยๆ บอก
เน: ผมรู้สึกว่ามันก็สนุกเหมือนกันพอเราต้องมาแบบเปลี่ยนคาแรคตอร์ หรือเปลี่ยนการเพอร์ฟอร์ม เหมือนมันก็ได้รู้จักกับตัวเองมากขึ้น ได้ลองแบบเพอร์ฟอร์มในมุมใหม่ๆ มากขึ้นอะไรอย่างนี้ครับ ก็สนุกดีครับ
ฟีดแบ็กเป็นไงบ้าง
ปาล์ม: ชื่นใจครับ เพราะว่าทุกคนบอกพวกเราหมดเลยครับว่าให้น่ารักน้อยลงหน่อย (หัวเราะ) เหมือนแอบชมๆ นิดนึงครับ พวกเราก็ดีใจครับแล้วก็มีแฟนคลับเหมือนเห็นมีแฟนคลับต่างประเทศด้วยครับ หลายๆ ประเทศ ที่เขาฟีดแบ็กกลับมาว่าเพลงเรามันน่ารักอะไรอย่างนี้ครับ พวกเราก็ดีใจมากๆ ครับ ที่พวกเรามีแฟนคลับต่างประเทศด้วย
ฝากซิงเกิลที่ 4 และผลงานต่อไปของ PERSES กันหน่อย
เน: ครับผมก็ขอฝาก MV ซิงเกิลที่ 4 ของพวกเราด้วยนะครับ เพลงน่ารักน้อยลงหน่อย หรือว่า Cuteless นะครับผม ทุกคนสามารถเข้าไปดู MV ได้ที่ Youtube Channel: gnest_official ครับผม
ปลั๊กกี้: สำหรับเพลงนี้พวกเราก็ยังคงมีชาเลนจ์ให้ทุกคนได้เต้นกันเหมือนเดิมนะครับ ถ้าเกิดว่าใครแกะท่าแล้วนะครับ แล้วก็อยากจะไปเต้นกันก็สามารถเข้าไปเต้นได้นะครับ แล้วก็อย่าลืมติดแฮชแท็ก cutelees_challenge ครับผม
กฤติน: ครับผมแล้วก็มี Social Media ของเราครับ ถ้าทุกคนอยากได้รับข่าวสาร หรือต้องการติดตามก็สามารถติดตามได้ที่ perses_officail ทุกแพลตฟอร์มเลยครับ