“ขอใช้คำว่าผิดหวังมากกว่า เพราะเราก็รู้สึกว่าเราก็อยู่ของเรา โดยที่เราไม่ได้รังแกใคร”
คำตอบจากใจของ “ชมพู่ อารยา” ซุปตาร์สาว ที่เพิ่งจะผ่านดราม่าครั้งใหญ่ ถูกเต้าข่าวเมาธ์ “น็อต วิศรุต รังษีสิงห์พิพัฒน์” ผู้เป็นสามีถูกโยงเป็นสามีดาราดังมีบ้านเล็ก ทั้งๆ ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นครอบครัวสมบูรณ์แบบแสนอบอุ่นที่ใครต่อใครล้วนอิจฉา แถมยังมีโซ่ทองคล้องใจอย่าง “น้องสายฟ้า-พายุ ลูกชายแฝด” และลูกสาวคนเล็กอย่างน้องเอบิเกล ที่เป็นขวัญใจคนเกือบทั้งประเทศ แถมเลเวลความหวานในวันสำคัญๆ ของชีวิตคู่ก็หวานจนใครก็อยากเกิดมาเป็นสาวชมพู่กันทั้งนั้น
แต่ไม่วายครอบครัวที่ดูสมบูรณ์แบบอย่างไร้ที่ติ ต้องเจอเข้ากับดราม่าใหญ่รับต้นปี และชมพู่ อารยาเองที่ออกงานอีเวนต์เมื่อช่วงเย็นวันศุกร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ ก็ได้เปิดใจสยบข่าวลือเรื่องนี้เป็นครั้งแรก
“ชมว่าไม่มีใครชอบให้มาแตะครอบครัวหรอก ถูกไหมคะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับเราสถาบันครอบครัวเราให้คุณค่ามาเป็นอันดับหนึ่ง คงไม่ได้ถึงกับ จ้า อะไรก็ได้ ไม่ได้ขนาดนั้น ชมเชื่อว่าถ้าเกิดขึ้นกับครอบครัวใครก็ไม่มีใครชอบหรอก”
“เรามีคุยบ้าง แต่ว่าไม่ได้คุยในลักษณะว่า มันเป็นใคร (แบบใส่อารมณ์) แต่คุยว่ามันเป็นอย่างนี้ ใครทำอะไรเรา เป็นในทางนั้นมากกว่า จะใช้คำว่าแปลกใจหรอ ขอใช้คำว่าผิดหวังมากกว่า เพราะเราก็รู้สึกว่าเราก็อยู่ของเรา โดยที่เราไม่ได้รังแกใคร”
กับน้องที่เป็นข่าวได้คุยกันไหม? “ชมไม่ได้คุย เพราะว่ารู้สึกว่ามันไม่ได้เป็นจุดที่จะต้องไปเคลียร์ เรารู้ตรรกะ รู้เหตุผล รู้อยู่แล้วอะไรเป็นอะไร ก็เลยไม่ต้องคุยกัน ถ้าจะบอกว่าเดือดร้อนก็เดือดร้อนกันทุกคนทุกฝ่าย”
“ถ้าจะบอกว่าชมไม่รู้สึกอะไรเลย ก็คงโกหก เพราะอย่างที่บอกว่าเรา ต้องแบ่งออกเป็นสองกรณีนะ
หนึ่งพอมีข่าว ก็จะมีเรื่องความเข้าใจของสังคม คนที่มองเข้ามา ซึ่งตรงนี้ชมรู้อยู่แล้วว่าเราห้ามอะไรใครไม่ได้ ใครจะคิดอะไรหรือใครจะมองยังไง ชมไม่สามารถทำให้ทุกคนเห็นหรือคิดอย่างที่เราอยากให้คิดเหมือนกันหมดทั้งประเทศ มันเป็นไปไม่ได้ เราอยู่วงการมาเรารู้อยู่แล้ว เพราะฉะนั้นตรงนี้ก็คงต้องปล่อย ไม่รู้จะไปดีลกับมันทำไม แต่อีกจุดที่ว่า เอ๊ะ เราอยู่ของเราดีๆ ทำไมถึงเกิดขึ้นกับเรา ก็ขอบคุณทุกคนที่รักครอบครัวเราด้วย ตรงนี้ซาบซึ้งจริงๆ ค่ะ”
ล่าสุด ชมพู่ อารยา ควง น็อต วิศรุต เปิดใจในรายการ “3 แซ่บ” เป็นครั้งแรกหลังมีข่าวลือ และถือเป็นครั้งแรกที่น็อต ได้มีโอกาสพูดถึงประเด็นนี้
“มันไม่มีมูลความจริงเลย พี่เองคุยกับชม ชมรู้ดีเพราะว่าน้องที่เป็นข่าวด้วยเป็นน้องที่ทำงานอยู่แล้ว และแฟนน้องเขาจริงๆ ก็เป็นรุ่นน้องที่สนิทที่พี่เตาะบอลด้วยทุกอาทิตย์อยู่แล้ว คนในจะรู้ว่าข่าวนี้ไม่มีมูลความจริงเลยแม้แต่น้อย บอกชมว่าได้ข่าวหรือยัง เพราะตอนแรกที่รู้ว่าเป็นคนนี้ ชมเป็นคนเอามาให้ดู เราก็ก็ยิ่งตลกว่ามันเป็นไปได้ยังไง”
“แคร์ที่สุดเวลามีข่าวคือตัวภรรยาเรา อย่างข่าวนี้ผมใช้เวลาเคลียร์ 1 นาทีจบ โทรไปหาแฟนน้องเขา จริงๆ อย่างที่บอกว่าเราแคร์ที่สุดคือภรรยาเรา คนในบ้านเรา ครอบครัวเรา คือตรงนี้จบ เราไม่ติดอะไรแล้ว เป็นสามีซุปตาร์ แต่ผมไม่ใช่คนในวงการบันเทิง แล้วผมถามว่าโซเชียลมีผลต่ออาชีพ การงานผมไหม ไม่มี เพื่อนฝูงผมรู้จักผมดี เพราะฉะนั้นมันไม่ได้กระทบต่องานหรือสิ่งที่ผมพยายามสร้าง คือให้ออกมาแก้ข่าวหรือมานั่งรายงานตัว ตั้งโต๊ะแถลง มันไม่ใช่เรา ก็เลยเฉยๆ”
“ชมเขาเข้าใจผม เขาเห็นว่าผมกำลังทำอะไรอยู่ และเรามีภาพใหญ่ผมกำลังสร้างอะไรอยู่ ผมมีความรับผิดชอบต่อครอบครัวและทีมงานของผม เพราะฉะนั้นสิ่งที่คนพยายามจะสร้างปัญหาให้กับครอบครัวเรา ผมมองว่าเป็นเรื่องเล็ก เพราะผมแคร์ครอบครัว ผมแคร์ทีมงาน ลูกน้องผม ถ้าคนเหล่านี้เข้าใจผม ผมว่าผมไม่ต้องอธิบายอะไรแล้ว ที่สร้างมาทั้งหมดก็คือต้องการจะยกให้ภรรยาและลูกเท่านั้น ทุกวันนี้ก็ยกให้หมดแล้ว พินัยกรรมเขียนสั้นๆ เลย ทุกอย่างที่เป็นของวิศรุต ยกให้ชมพู่ อารยา แต่เพียงผู้เดียว 100%”
ผมมีทุกวันนี้ได้เพราะผมมีภรรยาที่ดี ที่เขาบอกว่าเบื้องหลังผู้ชายที่ประสบความสำเร็จ หรืออยากจะประสบความสำเร็จ ก็ต้องมีผู้หญิงที่แข็งแกร่งและผู้หญิงที่ดีอยู่ข้างหลังเสมอ
น็อต วิศรุต
ด้านชมพู่เองก็เปิดใจถึงเรื่องนี้อีกครั้ง และเธอยังยืนยันคำตอบเดิม มากกว่าเรื่องราว (มั่วๆ) ที่เกิดขึ้น คงไม่มีใครอยากให้คนอื่นมาแตะต้องครอบครัว โดยเฉพาะกับข่าวที่ไม่ใช่ความจริง
“ตรงนี้ต้องบอกว่าเราห้ามเขาไม่ได้ ต่อให้วันนี้เราออกมาพูดหรือไม่ได้พูดอะไร หลังจากเทปนี้ออกไปคนก็ยังอยากจะเชื่อในสิ่งที่เขาอยากจะเชื่ออยู่ดี ซึ่งตรงนี้มันเป็นสิ่งที่เราคงจะทำอะไรไม่ได้ และเราก็รู้อยู่แล้วเพราะเราอยู่วงการมา เรารู้ว่าการที่เราอยู่ตรงนี้เราจะให้คนทุกๆ คนมองเราไปในแบบเดียวกันทั้งหมด เหมือนกันทั้งหมดมันเป็นไปไม่ได้ ค่อนข้างจะทำใจได้แล้วก็รู้ว่าคงไม่ต้องไปดีลกับมัน เพราะมันเป็นเรื่องที่มันดีลไม่ได้”
“อีกมุมมองนึงก็คือ ในฝั่งที่ว่าแล้วคนที่เขาทำอย่างนี้กับเราเขาทำทำไม น่าจะเป็นจุดนี้มากกว่าที่เรารู้สึก เพราะเราเองก็ไม่เคยทำร้ายใคร ชมว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาแหละ คนเราเวลามีคนแตะครอบครัวเรา แล้วยิ่งเราเป็นคนที่ให้ค่าสถาบันครอบครัว พอมีคนมาแตะเราตรงนี้ เราก็เป็นมนุษย์คนหนึ่งเหมือนกัน ถึงแม้ใครจะมองว่าเราลอยตัวเหนือดราม่า แต่ว่าใครมาแตะบ้านเรา เราก็ไม่ชอบหรอก”
เส้นทางรัก ชมพู่-น็อต จากคนไม่รู้จัก สู่รักที่มั่นคง
น็อต วิศรุต รู้จักชมพู่ จากการแนะนำของ “หวานเจี๊ยบ” ผู้จัดการส่วนตัวของชมพู่ ที่ได้นำรูปของชมพู่มาให้ดู ทำให้น็อตเกิดความสนใจ หาประวัติและผลงานของชมพู่ในกูเกิ้ล ในขณะเดียวกันหวานเจี๊ยบก็ได้พูดแนะนำน็อตให้ชมพู่ฟัง ในตอนแรกที่น็อตได้เบอร์โทรชมพู่แล้วโทรหา ชมพู่วางสายทันทีเพราะคิดว่ายังไม่ทันรู้จักตัวจริงกันเลย จะคุยยังไง จนกระทั่ง ชมพู่ น็อต ได้มีโอกาสเจอกันในงานเลี้ยงวันเกิดของเพื่อน จึงได้เริ่มต้นคุยกัน และเริ่มพัฒนาความสัมพันธ์
กระทั่งถูกเซอร์ไพรส์ขอแต่งงานหลังคบหาดูใจกันได้ 6 ปี ด้วยแหวนเพชรเม็ดโตกว่า 7 กะรัต เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2557 และทั้งคู่ได้เข้าสู่พิธีวิวาห์ เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2558 ถือเป็นงานแต่งใหญ่สุดอลังการแห่งปี และมูลค่าสินสอดมากถึง 108 ล้านบาท
น็อต วิศรุต เปิดใจ ในวันแต่งงานว่า “หลังจากนี้ชีวิตจะเปลี่ยนไปเยอะ ถูกจับตามองมากขึ้น ต้องดูแลตัวเองให้ดี ภรรยามีคุณค่าที่ดีต่อจิตใจที่สุดแล้ว การที่มีชมพู่ทำให้เราจากคนที่มองข้ามอะไรหลายอย่าง ต้องหันใส่ใจอะไรที่เป็นเรื่องเล็กๆ แม้ว่าเราทำงานใหญ่ก็ตาม ชมพู่ทำให้เราเปลี่ยนไป เป็นคนที่ดีขึ้น การมีชมพู่ ทำให้ชีวิตสมบูรณ์แบบที่สุด”
ขณะที่ ชมพู่ อารยา กล่าวว่า “เราเริ่มต้นจากดูเขาก่อน สกรีนคุณสมบัติว่าครบไหม ทำความเข้าใจกัน มีทั้งสิ่งที่เขายอมลด และเรายอมลด ทำให้เราก้าวไปได้ไกล โดยที่มีเขาอยู่ข้างๆ”
กระทั่งมีสองมีลูกชายฝาแฝด “น้องสายฟ้า-น้องพายุ” คลอดออกมาเมื่อวันที่ 6 กันยายน พ.ศ.2560 และลูกสาวคนเล็ก “น้องแอบิเกล” เกิดเมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2565 มาเติมเต็มความสมบูรณ์แบบให้กับครอบครัว
ข่าวลือมือที่สามที่เกิดขึ้นครั้งนี้ ถือเป็นข่าวใหญ่ในชีวิตคู่ของชมพู่ อารยาและสามี เลยก็ว่าได้ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่แฟนๆ ไม่อยากให้เกิดขึ้น ขณะที่บางส่วนก็มองว่านี่เป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ให้กับชีวิตคู่ของชมพู่ อารยา ผ่านความเชื่อใจและความรักของทั้งคู่ให้จับมือกันให้แน่นขึ้นกว่าเดิม