วันเด็กทั้งที เราขอมอบความสุขและความสนุกด้วย 5 อนิเมะญี่ปุ่นใน Netflix ส่งตรงถึงมือน้องๆ หนูๆ มีเรื่องอะไรบ้างนั้นตามมาดูกันเลย

1.SPY x FAMILY – (2022)

มังงะ SPY x FAMILY เป็นผลงานของอาจารย์ทัตสึยะ เอ็นโดะ (Tatsuya Endo) เริ่มแรกลงเผยแพร่ในแอปพลิเคชันและเว็บไซต์ Shonen Jump+ (Jump Plus) ของสำนักพิมพ์ชูเอชะ (Shueisha) ต่อมากระแสตอบรับดีจึงถูกตีพิมพ์ออกวางจำหน่ายแบบรูปเล่มในเดือนพฤศจิกายนปี 2021 จากนั้นก็ถูกนำมาดัดแปลงเป็นอนิเมะโดยสองสตูดิโอ WIT STUDIO และ Clover Works ส่วนลิขสิทธิ์ฉบับภาษาไทย จัดพิมพ์และจำหน่ายโดยสำนักพิมพ์สยามอินเตอร์คอมิกส์ (Siam Inter Comics) ปัจจุบันมี 9 เล่ม ยังไม่จบ

ภาพประกอบการ์ตูน spy & family

SPY x FAMILY แนวแอคชั่น และคอมเมดี้ ว่าด้วยเรื่องราวของ ‘ลอยด์ ฟอร์เจอร์’ (Loid Forger) สุดยอดสปายหนุ่มฝีมือดีแห่งประเทศ Westalis ขององค์กรสายลับ WISE ที่มีโค้ดเนมประจำตัวว่า ‘สนธยา’ (Twilight) มีทักษะการปลอมตัวและเข้าถึงข้อมูลของกลุ่มเป้าหมายได้อย่างยอดเยี่ยม วันหนึ่งเข้าได้รับมอบหมายภารกิจสำคัญครั้งใหม่คือ ‘โอเปอเรชั่น STRIX’ ในการหาทางตีสนิทและจับตาดูความเคลื่อนไหว ‘โดโนแวน เดสมอนด์’ ประธานพรรครวมชาติแห่งประเทศ Ostania บุคคลที่เป็นภัยคุกคามต่อสันติภาพของประเทศ Westalis และ Ostania แต่ด้วยเดสมอนด์เป็นคนระวังตัวและเก็บตัวมาก เขาจะปรากฏตัวแค่ที่งานสังสรรค์ในโรงเรียนอีเดนของลูกชายเท่านั้น เพื่อภารกิจนี้ลอยด์ต้องสร้างครอบครัวแบบปลอมๆ ขึ้นมา และส่งลูกเข้าโรงเรียนดังกล่าว ในที่สุดเขาก็ได้พบกับ ‘อาเนีย’ (Anya) มารับบทเป็นลูกสาว เด็กสาวน่ารัก ผมสีชมพู ดวงตากลมโต ชื่นชอบถั่วเป็นชีวิตจิตใจ พร้อมวลีติดปากเมื่อเธอรู้สึกตื่นเต้นคือ ‘วาคุ วาคุ’ แถมมีพลังอ่านใจคนได้ด้วย ส่วนผู้รับบทเป็นภรรยาคือ ‘ยอร์’ (Yor) ข้าราชการสาววัย 27 ปี แต่ฉากหลังของเธอเป็นนักฆ่านามว่า ’เจ้าหญิงแห่งหนาม’ พร้อมด้วย ‘บอนด์’ (Bond) น้องสุนัขที่มีพลังมองเห็นอนาคตได้ และแล้วภารกิจสุดชุลมุนของลอยด์ ฟอร์เจอร์ ได้เริ่มขึ้นแล้ว สามารถรับชม SPY x FAMILY จำนวน 25 ตอน ได้ที่ Netflix

2.Jujutsu Kaisen – มหาเวทย์ผนึกมาร (2020)

มังงะมหาเวทย์ผนึกมารเป็นผลงานของอาจารย์เกเงะ อาคุตามิ (Gege Akutami) ได้รับการตีพิมพ์ลงในนิตยสาร Shonen Jump รายสัปดาห์มาตั้งแต่ปี 2018 และถูกดัดแปลงเป็นอนิเมะโดยสตูดิโอชื่อดังอย่าง MAPPA ในช่วงปลายปี 2020 การันตีคุณภาพด้วยผลงานมากมาย อาทิ Yuri!!! On Ice, Kakegurui, และ Attack on Tiatan: The Final Season เป็นต้น นอกจากนั้นยังถูกนำมาดัดแปลงเป็นละครเวที (Live Action) ที่เหล่านักแสดงราวกับหลุดออกมาจากโลกแห่งมังงะ แถมเพลงประกอบก็มันส์ปลุกใจเหล่าไสยเวทย์สุดๆ อย่าง Kaikai Kitan – Eve และ VIVID VICE – Who-ya Extended

ส่วนลิขสิทธิ์ฉบับภาษาไทย จัดพิมพ์และจำหน่ายโดยสำนักพิมพ์สยามอินเตอร์คอมิกส์ ได้แก่ ภาคก่อนเนื้อเรื่องหลักคือเล่ม 0 ความมืดอันเจิดจ้าเล่มเดียวจบ ภาคหลักมี 20 เล่มจบ และภาคนิยายมี 2 เล่มจบ

มหาเวทย์ผนึกมาร แนวแอคชั่น ดราม่า และแฟนตาซี ว่าด้วยเรื่องราวของ ‘อิตาโดริ ยูจิ’ (Itadori Yuji) เด็กหนุ่มชั้นปีที่ 1 แห่งโรงเรียนมัธยมปลายสุงิซาวะไดซัง เป็นคนจิตใจดี ร่าเริง และมีร่างกายแข็งแรงกว่าคนปกติทั่วไป นอกจากนั้นเขาเป็นหนึ่งในสมาชิกชมรมวิจัยสิ่งลี้ลับของโรงเรียนด้วย วันหนึ่งเขาบังเอิญเก็บวัตถุประหลาดในศาลของโรงเรียน และนำกลับมาให้รุ่นพี่ 2 คนในชมรม ขณะเดียวกัน ‘ฟุชิงุโระ เมงุมิ’ (Fushiguro Megumi) ก็ออกตามหาคำสาประดับพิเศษ นั่นก็คือ ‘นิ้วมือ’ ของเรียวเมน สุคุนะ ราชาแห่งคำสาป เมื่อเมงุมิรู้ว่าวัตถุต้องคำสาปอยู่กับยูจิ จึงรีบตามไปเอาคืน แต่ทว่าสายไปเสียแล้ว เพราะรุ่นพี่ของยูจิได้แกะยันผนึกออกทำให้เหล่าคำสาปที่อยู่ใกล้บริเวณนั้นสัมผัสได้ถึงพลังแข็งแกร่ง จึงรีบมุ่งมาแย่งนิ้วมือของสุคุนะ เพราะเป็นสิ่งที่ช่วยเพิ่มพลังให้กับผู้ที่กินเข้าไป สุดท้ายยูจิตัดสินใจกินคำสาประดับพิเศษเองเพื่อช่วยชีวิตรุ่นพี่และเมงุมิที่ได้รับบาดเจ็บจากการต่อสู้ อีกทั้งเขายังได้เจอ ‘โกโจ ซาโตรุ’ (Gojo Satoru) ผู้ใช้คุณไสยที่แข็งแกร่งที่สุด นั่นจึงเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญในชีวิตของยูจิ และนำไปสู่จุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมด สามารถรับชมมหาเวทย์ผนึกมารฉบับซีรีส์จำนวน 24 ตอน และฉบับภาพยนตร์แอนิเมชั่น Jujutsu Kaisen 0 The Movie – มหาเวทย์ผนึกมาร ซีโร่ เดอะ มูฟวี่ (2021) ได้ที่ Netflix

3.Demon Slayer : Kimetsu no Yaiba – ดาบพิฆาตอสูร (2019 – 2021)

มังงะดาบพิฆาตอสูรเป็นผลงานของอาจารย์โคโยฮารุ โกโตเกะ (Koyoharu Kotouge) ที่การันตีความฉูดฉาดด้วยยอดขายที่แซงหน้ามังงะในตำนานอย่าง Dragon Ball, Slam Dunk, และ One Piece และยังช่วยให้วงการสิ่งพิมพ์ญี่ปุ่นขยับตัวดีขึ้นด้วย ดาบพิฆาตอสูรได้รับการตีพิมพ์ลงในนิตยสาร Shonen Jump รายสัปดาห์ของสำนักพิมพ์ชูเอชะ (Shueisha) และถูกดัดแปลงเป็นอเนิมะโดยสตูดิโอฝีมือระดับเทพ Ufotable ที่ทำให้ฉากการฟันดาบมีมิติและสวยงามออกฉายครั้งแรกในเดือนเมษายนปี 2019 จากนั้นก็ดัดแปลงเป็นฉบับภาพยนตร์อนิเมชั่นออกฉายในปี 2020 พร้อมเพลงประกอบมันส์ดุเดือดอย่าง Gurenge – LiSA และ Zankyosanka – Aimer ส่วนลิขสิทธิ์ฉบับภาษาไทย จัดพิมพ์และจำหน่ายโดยสำนักพิมพ์สยามอินเตอร์คอมิกส์มี 23 เล่มจบ และดาบพิฆาตอสูร เดอะมูฟวี่ ศึกรถไฟสู่นิรันดร์ ฉบับนิยายเล่มเดียวจบ

ดาบพิฆาตอสูร แนวผจญภัย และแฟนตาซี ว่าด้วยเรื่องราวเกี่ยวกับอสูรและนักล่าอสูรโดยถ่ายทอดผ่าน ‘ทันจิโร่ คามาโดะ’ เด็กหนุ่มที่มีจิตใจอ่อนโยนและเฉลียวฉลาด วันหนึ่งมีอสูรบุกมาที่บ้านทำให้เขาสูญเสียคนในครอบครัว เหลือเพียงแค่น้องสาว ‘เนซึโกะ คามาโดะ’ ที่รอดตายมาได้คนเดียว แต่ทว่าเธอกลับกลายเป็นอสูรที่ยังคงมีความรู้สึกนึกคิดอย่างมนุษย์หลงเหลืออยู่ ดังนั้นทันจิโร่จึงตัดสินใจเป็นนักล่าอสูรตามคำชักชวนของ ‘โทมิโอกะ กิยู’ เสาหลักวารี พร้อมหาวิถีทางที่ทำให้น้องสาวกลับมาเป็นมนุษย์ดังเดิม และชำระแค้นให้กับสิ่งที่ตนเองสูญเสียไปให้จงได้ สามารถรับชมดาบพิฆาตอสูรฉบับซีรีส์ 2 ซีซั่น และฉบับภาพยนตร์อนิเมชั่น ศึกรถไฟสู่นิรันดร์ ได้ที่ Netflix

4.Dr.Stone – ดร.สโตน เจ้าแห่งวิทยาศาสตร์กู้คืนอารยธรรมโลก (2021)

มังงะดร.สโตน เป็นผลงานของอาจารย์ริอิจิโระ อินากาคิ (Riichiro Inagaki) ที่เคยมีผลงานชื่อดังอย่าง EYESHIELD21 และวาดภาพประกอบโดย Boichi ได้รับการตีพิมพ์อย่างต่อเนื่องในนิตยสารรายสัปดาห์ Shonen Jump ของสำนักพิมพ์ชูเอชะ (Shueisha) ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2017 ถึงมีนาคม 2022 จากนั้นก็ถูกดัดแปลงเป็นอนิเมะทีวีโดยสตูดิโอ TMS Entertainment นอกจากนั้นยังมีฉบับละครเวที (Live Action) อีกด้วย ส่วนลิขสิทธิ์ฉบับภาษาไทย จัดพิมพ์และจำหน่ายโดยสำนักพิมพ์สยามอินเตอร์คอมิกส์มี 26 เล่มจบ

ดร.สโตน แนวผจญภัย และไซไฟ บอกเล่าเรื่องราวเมื่อแสงสีเขียวประหลาดปกคลุมทั่วท้องฟ้า จู่ๆ คนทั้งโลกกลับกลายเป็นหินแต่ไม่ตาย หลังจากนั้นผ่านไปประมาณ 3,700 ปี ‘เซ็นคู อิชิงามิ’ (Senku Ishigami) เด็กหนุ่มผู้มีสติปัญญาปราดเปรื่องทางด้านวิทยาศาสตร์ และโอกิ ไทจู (Oki Taiju) เด็กหนุ่มผู้มีพละกำลังแต่มีจิตใจงดงาม ทั้งสองเป็นเพื่อนสนิทกันได้หลุดออกมาจากการเป็นหิน เมื่อพบว่าโลกเปลี่ยนสภาพคล้ายยุคหิน ทั้งคู่จึงตัดสินใจช่วยกันสร้างอารยธรรมของโลกใหม่ โดยเซ็นคูรับหน้าที่เป็นมันสมอง ส่วนไทจูจะรับหน้าที่เป็นพละกำลัง แล้วพวกเขาจะสามารถทำสำเร็จได้หรือไม่ สามารถรับชมต่อได้ที่ Netflix ได้แล้ววันนี้

5.Howl’s Moving Castle – ปราสาทเวทมนตร์ของฮาวล์ (2004)

วรรณกรรมเยาวชนเรื่องปราสาทเวทมนตร์ของฮาวล์เป็นผลงานปลายปากกาของไดอาน่า ไวนน์ โจนส์ (Diana Wynne Jones) ตีพิมพ์ครั้งแรกในปี 1986 และได้รับรางวัลเกียรติยศ Boston Globe Horn Book Awards จาก The Horn Book องค์กรหนังสือสำหรับเด็กและวัยรุ่น จากนั้นก็ถูกนำมาดัดแปลงเป็นภาพยนตร์อนิเมชั่นโดยสตูดิโอจิบลิ (Ghibli) ที่เคยรังสรรค์ผลงานสุดวิจิตรอย่าง Spirited Away, Totoro, และ Kiki’s Delivery Service เขียนบทและกำกับโดยอาจารย์ฮายาโอะ มิยาซากิ (Hayao Miyazaki) สำหรับลิขสิทธิ์ฉบับภาษาไทย จัดพิมพ์และจำหน่ายโดยสำนักพิมพ์มติชนเล่มเดียวจบ

ปราสาทเวทมนตร์ของฮาวล์ แนวแฟนตาซี บอกเล่าเรื่องราวของ ‘โซฟี แฮตเตอร์’ เด็กสาววัย 18 ปี เป็นคนเก่ง รักสะอาด และมองโลกในแง่บวก โดยเธอรับหน้าที่สานต่อกิจการหมวกจากพ่อ ระหว่างทางไปหาน้องสาว เธอถูกทหารลวนลาม และได้รับการช่วยเหลือจากพ่อมดหนุ่มเจ้าเสน่ห์นามว่า ‘ฮาวล์’ (Howl) นั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เธอได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งระหว่างฮาวล์และแม่มดแห่งทุ่งร้าง จนเธอถูกสาปให้กลายเป็นหญิงแก่ชรา ดังนั้นเธอจึงตัดสินใจออกจากร้านหลีกหนีความวุ่นวาย และมุ่งหน้าไปยังปราสาทเวทมนตร์เคลื่อนที่ได้ แต่ทว่าโชคชะตาก็ได้นำพาเธอให้กลับมาพบฮาวล์อีกครั้งในปราสาทเวทมนตร์เคลื่อนนี้ แล้วเธอจะสามารถถอนคำสาปได้หรือไม่ ความรักของทั้งคู่จะลงเอยอย่างไร สามารถหาคำตอบได้ที่ Netflix

ทาสนก เสพติดคาเฟอีน คลั่งรักป๋าแมดส์ สิ่งเดียวที่ทำให้ใจเต้นแรงได้คือวันที่ 1 และ 16

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้ที่จำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ (Strictly Necessary Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้มีความสำคัญต่อการปฏิบัติการของเว็บไซต์ feedforfuture.co ซึ่งจะช่วยให้ท่านสามารถเข้าถึงข้อมูลและเนื้อหาต่างๆ ของเว็บไซต์เราได้ทุกส่วน โดยเฉพาะส่วนสมาชิกผู้ใช้งานของเว็บไซต์ ตลอดจนการตรวจสอบจำนวนผู้เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ของเรา

  • คุกกี้ด้านประสิทธิภาพการทำงานของเว็บไซต์ (Performance Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้ใช้เพื่อรวบรวมข้อมูลทางสถิติเกี่ยวกับการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน เพื่อวิเคราะห์ และช่วยให้เราทราบถึงพฤติกรรมการใช้งาน ซึ่งจะช่วยปรับปรุงการทำงานของเว็บไซต์เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดในการใช้งานบนเว็บไซต์ของเรา

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาเข้ากับกลุ่มเป้าหมาย (Targeting Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้ใช้ในการบันทึก และจดจำคุณลักษณะต่างๆ ที่ท่านได้เลือกขณะเข้าชมเว็บไซต์ของเรา เช่น หมวดหมู่ และเนื้อหาที่ท่านชอบอ่านมากที่สุด เราจะบันทึกข้อมูลเหล่านี้ และนำกลับมาใช้เมื่อท่านกลับเข้ามาที่เว็บไซต์ของเราอีกครั้ง เพื่อปรับให้ท่านได้รับชมเนื้อหาได้ตรงกับความชอบของท่านให้มากที่สุด

  • คุกกี้เพื่อนำเสนอโฆษณาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย (Advertising Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้ใช้เพื่อจดจำพฤติกรรมการอ่านเนื้อหาบนเว็บไซต์ของท่าน รวมถึงรายละเอียดของอุปกรณ์ที่ท่านใช้ เพื่อนำไปใช้วิเคราะห์การนำเสนอโฆษณาที่เหมาะสมกับท่านมากที่สุด และช่วยวัดความมีประสิทธิผลของโฆษณาที่เรานำเสนอด้วย ตลอดจนช่วยป้องกัน หรือจำกัดจำนวนครั้งที่ท่านจะเห็นโฆษณาเดิมซ้ำๆ

บันทึก