Indy Mania  By พอล เฮง คอลัมน์ที่จะพาย้อนกลับไปในช่วงการปะทุและระเบิดของเพลงไทยนอกกระแส ในช่วงทศวรรษที่ 90s

‘หนึ่งในบทเพลงที่เป็นคำตอบของยุค 90s อัลเทอร์เนทีฟร็อกที่ไหลรี่อย่างรวดเร็วขึ้นเป็นตัวแทนของยุคสมัยอย่างเต็มตัว ปี 2538 ซึ่งมีการเบ่งบานอย่างเต็มที่ของดนตรีแนวใหม่ที่ขึ้นสู่กระแสหลักของคนฟังเพลงในเมืองไทย 

บทเพลง ‘เคย’ ได้แย่งซีนและประกาศตัวตนว่า บทเพลงแนวนี้สามารถพุ่งสู่เบอร์ 1 ยอดนิยมในวงกว้าง มาถึงวันนี้บทเพลงนี้ก็อยู่ในความทรงจำของผู้คน แม้จะมีข้อครหาและรอยด่างพร้อยถึงที่มาที่ไปของแรงบันดาลใจและอิทธิพลจากเพลงอื่นของต่างประเทศก็ตาม แต่ออดี้ก็ขึ้นเป็นนักร้อง/นักแต่งเพลงในระดับตำนานของยุค และมีบทเพลงดีๆ ที่ออกมาจากตัวเขามากมายเช่นกัน’

‘รู้ไหม! บางทีคนเราก็ต้องมีเจ็บและช้ำใจ

บางอย่างต้องมีผิดหวัง บางครั้งต้องเข้าใจ

ถึงแม้ว่าเธอไม่เคย ต้องเจ็บอย่างนี้ มันเป็นอย่างไร

ฉันอยากให้รู้ ว่าฉันก็เคย (เป็นอย่างเธอ)’

ข้างต้นคือท่อนฮุกในบทเพลงยอดนิยมแห่งปี 2538 ที่ส่งให้ชื่อเสียงของ ออดี้-ธนะยศ จิวานนท์ ปัจจุบันใช้ชื่อและนามสกุลว่า พสิษฐ์ ธนชัยบุญยรัตน์ โด่งดังเป็นพลุแตกในปีนั้น สามารถพากระแสดนตรีอัลเทอร์เนทีฟร็อกที่เปิดศักราชและบุกเบิกยุคของโมเดิร์นด็อกในปี 2537 สานต่อพุ่งทะยานสู่ความเป็นดนตรีกระแสหลักของยุคสมัย ผนึกแน่นยุค 90s ให้มีเสน่ห์ในแบบของตัวเองที่สลัดบทเพลงร็อกกระแสหลักของไทยไปอย่างสิ้นเชิง

เพลง เคย – Audy

ทรงผมที่โดดเด่นย้อมเป็นสีทองจัดจ้าน พร้อมกับภาพลักษณ์สบายๆ แบบพ็อปพังก์ เสื้อยืดกางเกงยีนส์สะพายกีตาร์ร้องเพลงเป็นกันเองไม่แตกต่างกับผู้ชมวัยรุ่นยุคนั้น

จากกระแสยอดนิยมถล่มทลายของบทเพลง ‘เคย’ ออดี้ ได้ออกอีพี ‘ก่อนเกิดเหตุ’ ในเดือนธันวาคม ปี 2538  สังกัดบีเอ็มจี มีด้วยกัน 4 เพลง และ ‘เคย’ มี 2 เวอร์ชัน 

  • เหตุผล
  • เคย
  • เพราะ
  • รำคาญ
  • เคย (SWEET & SOUR MIX)

ทุกเพลงในอีพี ‘ก่อนเกิดเหตุ’ ของ ออดี้ ล้วนโด่งดังทั้งหมด เพราะฉะนั้นออดี้จึงมีความสัมพันธ์และความสำคัญต่อยุคอัลเทอร์เนทีฟร็อกของไทยในยุค 90s หรือในฐานะอัลเทอร์เนทีฟร็อกสตาร์รุ่นบุกเบิกของไทยอีก 1 ราย

ช่วงปี 2537-2540 ถือเป็นหนึ่งในหมุดหมายสำคัญที่สร้างสีสันและนิยามใหม่ให้กับวงการเพลงไทย ออดี้นำซาวด์อัลเทอร์เนทีฟร็อกผสมกับความเป็นพ็อปร็อกแบบไทยได้อย่างลงตัวและแสดงออกถึงกลวิธีในการเขียนเนื้อเพลงแบบใหม่ที่เป็นรูปรอยของคนรุ่นใหม่ที่ไม่ผูกติดอยู่กับรอยทางความสำเร็จแบบเดิมๆ ของดนตรีซอฟต์ร็อกและพ็อปร็อกแบบไทยจากยุคก่อนหน้านี้

ด้วยบทเพลงอัลเทอร์เนทีฟมีสูตรที่มักพูดถึงความรักในแง่มุมของผู้แพ้ หรือคนธรรมดาที่ไม่ได้สมบูรณ์แบบ (Underdog) ซึ่งตรงใจวัยรุ่นยุคนั้นอย่างมาก ออดี้ใช้ภาษาในการเขียนเนื้อร้องที่เรียบง่าย เหมือนเพื่อนคุยกับเพื่อน ไม่ประดิษฐ์คำสวยหรู ทำให้เกิดความรู้สึกร่วมได้ง่าย

การดังเป็นพลุแตกของบทเพลง ‘เคย’ นอกจากการเขียนเนื้อร้องโดย ออดี้ แล้ว บทเพลงนี้ยังมีการใช้หรือเลียนอย่างทำนองจากบทเพลง ‘The Promise’ ของคณะดนตรีทริโอแนวนิวเวฟอังกฤษ เวน อินโรม (When in Rome) ซึ่งเป็นซิงเกิลฮิตของคณะในปี 1987 และบรรจุอยู่ในอัลบั้ม ‘When in Rome’ ในปี 1988

ความยอดนิยมของบทเพลง ‘The Promise’ ซึ่งเป็นดนตรีปลายยุค 80s ที่มีกลิ่นอายแด๊นซ์ร็อก สามารถบุกตลาดเพลงอเมริกาได้ สามารถขึ้นสู่ชาร์ตเพลงฮิต US Billboard Hot 100 US Billboard ในอันดับที่ 11 และทะยานสู่อันดับ 1 ใน Dance/Club Play Songs Chart ส่วนในอังกฤษเองก็ฮิตแต่ไม่ปังมากติดชาร์ตในอันดับที่ 58

สไตล์ดนตรีโดดเด่นด้วยเสียงเปียโนเมโลดีที่เหงาแต่จดจำติดหูง่าย ผสมผสานกับเสียงสังเคราะห์ (Synthesizer) และจังหวะกลองที่หนักแน่นตามสไตล์ดนตรียุค 80s โดยมีเนื้อหาเป็นการให้คำสัญญาว่า ฉันจะอยู่เคียงข้างเธอเสมอ แม้ในวันที่เธอต้องการเพื่อนหรือตกอยู่ในอันตราย ซึ่งเป็นการสื่อสารที่ตรงไปตรงมาและซื่อสัตย์ จุดเด่นคือเมโลดี้เปียโนช่วงอินโทรคือลายเซ็นที่ทำให้คนจำเพลงนี้ได้ทันทีตั้งแต่ออกตัว การเรียบเรียงเพลงมีการไล่อารมณ์จากความนุ่มนวลไปสู่ความหนักแน่นในท่อนฮุก

บทเพลงนี้ถูกยกย่องว่าเป็นหนึ่งในเพลงประเภทอัศจรรย์ฮิตเพลงเดียว (One-Hit Wonder) ที่ดีที่สุดตลอดกาล เพราะแม้ทางคณะเวน อิน โรม จะไม่มีเพลงอื่นที่ดังเทียบเท่า แต่ ‘The Promise’ ยังคงถูกนำไปใช้ในภาพยนตร์ เช่น ‘Napoleon Dynamite’และถูกนำมาคัฟเวอร์บ่อยครั้ง เพราะเนื้อหาและท่วงทำนองที่เหนือกาลเวลา

เพลง The Promise – When In Rome

แรงบันดาลใจและอิทธิพลทางดนตรี ซึ่งเป็นที่มาของเพลง ‘เคย’ ของออดี้ ซึ่งมีโครงสร้างเมโลดี้และการเดินคอร์ด โดยเฉพาะช่วง Intro และท่อน Verse ที่มีความคล้ายคลึงกันอย่างเห็นได้ชัด โดยออดี้นำมาตีความใหม่ แม้ทำนองจะมีความคล้ายกัน แต่ออดี้ได้ทำการปรับจูนให้เข้ากับบริบทไทย ลดความเป็นซินธิ์พ็อปลง และเพิ่มความเป็น อัลเทอร์เนทีฟร็อกและพ็อปร็อกที่มีความดิบของกีตาร์มากขึ้น เพื่อให้เข้ากับยุคดนตรีสมัยนิยม

เพราะฉะนั้นความสำเร็จของบทเพลง ‘เคย’ ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เกิดจากองค์ประกอบที่ลงตัวจากบทเพลงที่ฮิตอยู่แล้วในต่างประเทศเมื่อ 8 ปีที่แล้ว มาแผลงประยุกต์กลืนกลายให้เป็นเพลงอัลเทอร์เนทีฟแบบไทย ด้วยท่วงทำนองที่ติดหูอยู่แล้ว มาผนวกกับท่อนฮุกที่โดน และผนวกกับดนตรีอัลเทอร์เนทีฟที่มีความกระด้างของเสียงกีตาร์ แต่ทางคอร์ดและทำนองมีความเป็นพ็อปสูงมากทำให้คนทั่วไปร้องตามได้ทันที ทำให้ออดี้เท่และจับต้องได้

ในเชิงเทคนิคการร้อง ออดี้อาจไม่ใช่คนที่มีพลังเสียงกว้างมากนัก แต่เขาทดแทนด้วยอารมณ์และความจริงใจในน้ำเสียง ซึ่งกลายเป็นลายเซ็นที่คนจำได้มากกว่าเทคนิคการร้องที่สมบูรณ์แบบ

บทเพลง ‘เคย’ และออดี้ จึงเปรียบได้กับการเป็นสะพานเชื่อมและขยายฐานผู้ฟังแนวเพลงอัลเทอร์เนทีฟร็อกในเมืองไทย ถ้าคณะดนตรีโมเดิร์นด็อกคือผู้บุกเบิกความแปลกใหม่ ออดี้คือคนที่ทำให้อัลเทอร์เนทีฟร็อกกลายเป็นแนวเพลงที่แมสขึ้นสู่คนฟังเพลงกระแสหลัก

หากมองโดยไม่ใส่อคติ ในข้อเท็จจริงของยุคสมัย ออดี้ นับได้ว่าอยู่ในฐานะไอคอนผมสีทองแห่งยุค 90s บทเพลง ‘เคย’ ก็คือบทพิสูจน์ชั้นดีถึงความสามารถในการสื่อสารอารมณ์ความรู้สึกในภาพของความรักที่กัดกินใจวัยรุ่นในยุคนั้นได้อย่างลึกซึ้งที่สุดเพลงหนึ่ง

‘เคย’ เป็นบทเพลงที่ทำหน้าที่เป็นเสมือนจดหมายเปิดผนึกที่ส่งถึงใครบางคนที่กำลังเผชิญกับความเจ็บปวด ผ่านการปลอบประโลมแบบคนธรรมดา ยอมรับความเปราะบางที่เป็นหัวใจสำคัญ นับเป็นความงดงามภายใน ซึ่งตรงใจวัยรุ่นยุค 90s ที่เริ่มแสวงหาตัวตนและการยอมรับในสิ่งที่ตัวเองเป็น

ในเชิงดนตรี บทเพลงนี้มีความโดดเด่นในแบบซอฟต์กรันจ์ร็อกที่มีกลิ่นอายความเป็นพ็อปร็อกที่เน้นบรรยากาศของเสียงกีตาร์โปร่งที่ตีคอร์ดเรียบๆ ในช่วงต้น ก่อนจะค่อยๆ เพิ่มความหนักแน่นของเบสและกลอง สร้างความรู้สึกเหมือนพายุที่ค่อยๆ ก่อตัวขึ้นในใจ

เสียงร้องที่เป็นเอกลักษณ์ของออดี้ไม่ได้ร้องเพลงนี้ด้วยเทคนิคแพรวพราว แต่เขาร้องด้วยเสียงที่ดูอ่อนล้าและจริงใจ ซึ่งเป็นคุณสมบัติหลักที่แฟนเพลงอัลเทอร์เนทีฟมองหา คือการไม่ต้องสมบูรณ์แบบแต่ต้องมีความรู้สึกจริงๆ

‘เคย’ จึงเป็นหนึ่งในเพลงซึ่งเป็นตัวแทนของยุคสมัยที่เด็กยุค 90s ทุกคนต้องร้องได้เวลาไปเที่ยวผับหรือลานเบียร์ เป็นสัญลักษณ์ของการรวมตัวกันของคนที่มีรสนิยมดนตรีแบบเดียวกัน มันไม่ใช่แค่เพลงฮิตติดชาร์ต แต่คือเสียงเพลงของเครื่องเตือนใจคนยุค 90s ว่าในวันที่โลกใจร้ายกับเรา ยังมีคนหนึ่งที่เข้าใจและเคยผ่านจุดนั้นมาก่อน

หากจะบอกว่า ออดี้ ได้เดินทางในเส้นทางสายดนตรีมาไกลกว่าจากห้วงเวลาแรกที่เป็นสมาชิกคณะนักร้องวัยรุ่นชาย 2 หญิง 1 ที่มีชื่อว่า ‘คาซาม่า’ (Kasama ) ร่วมกับ มาร์ค-ภราดร ยารสเอก และเอ็มมี่-นฤวรรณ ทวีศรี กับอัลบั้ม ‘KASAMA… เพื่อนใหม่’ ในสังกัดค่ายรถไฟดนตรี เมื่อเดือนกรกฎาคม ปี 2534 ด้วยแนวดนตรีพ็อปแด๊นซ์วัยรุ่น เปิดตัวด้วยเพลง ‘โทษที…เบรคหลุด’ และเพลงอื่นๆ ที่รู้จักกันในหมู่คนฟังเพลงยุคนั้นในระดับหนึ่ง แต่ยังสู้เจ้าตลาดเพลงวัยรุ่นของค่ายอาร์เอสยังไม่ได้ จึงไม่ได้ไปต่อ

เมื่อมาผาดโผนในวงการเพลงในฐานะเบื้องหลังเรียนรู้ผ่านเสือ-ธนพล อินทฤทธิ์ คนแต่งเพลงและโปรดิวเซอร์มือทองของอาร์เอสในยุคนั้น เมื่อออดี้ออกมาบินเดี่ยวจึงไม่น่าแปลกใจที่เขาเขียนและทำเพลงตรงและโดนใจคนร่วมยุค จนกลายเป็นไอคอนคนดนตรีอัลเทอร์ฯ ในยุค 90s ที่ปฏิเสธไม่ได้ว่า นี่คือคนที่นำดนตรีอัลเทอร์เนทีฟร็อกย่างเข้าสู่ตลาดเพลงกระแสหลักอย่างแท้จริง ร่วมเปิดประตูเหล็กดัดและมุ้งลวด หลังจาก ‘โมเดิร์นด็อก ‘และ ‘ครับ’ เปิดประตูบานแรกให้แล้ว…. ออดี้ทำให้สมบูรณ์ขึ้นอีกหนึ่งระดับจนบูมปังดังระเบิดกล่าวขานมาถึงทุกวันนี้

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้ที่จำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ (Strictly Necessary Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้มีความสำคัญต่อการปฏิบัติการของเว็บไซต์ feedforfuture.co ซึ่งจะช่วยให้ท่านสามารถเข้าถึงข้อมูลและเนื้อหาต่างๆ ของเว็บไซต์เราได้ทุกส่วน โดยเฉพาะส่วนสมาชิกผู้ใช้งานของเว็บไซต์ ตลอดจนการตรวจสอบจำนวนผู้เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ของเรา

  • คุกกี้ด้านประสิทธิภาพการทำงานของเว็บไซต์ (Performance Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้ใช้เพื่อรวบรวมข้อมูลทางสถิติเกี่ยวกับการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน เพื่อวิเคราะห์ และช่วยให้เราทราบถึงพฤติกรรมการใช้งาน ซึ่งจะช่วยปรับปรุงการทำงานของเว็บไซต์เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดในการใช้งานบนเว็บไซต์ของเรา

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาเข้ากับกลุ่มเป้าหมาย (Targeting Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้ใช้ในการบันทึก และจดจำคุณลักษณะต่างๆ ที่ท่านได้เลือกขณะเข้าชมเว็บไซต์ของเรา เช่น หมวดหมู่ และเนื้อหาที่ท่านชอบอ่านมากที่สุด เราจะบันทึกข้อมูลเหล่านี้ และนำกลับมาใช้เมื่อท่านกลับเข้ามาที่เว็บไซต์ของเราอีกครั้ง เพื่อปรับให้ท่านได้รับชมเนื้อหาได้ตรงกับความชอบของท่านให้มากที่สุด

  • คุกกี้เพื่อนำเสนอโฆษณาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย (Advertising Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้ใช้เพื่อจดจำพฤติกรรมการอ่านเนื้อหาบนเว็บไซต์ของท่าน รวมถึงรายละเอียดของอุปกรณ์ที่ท่านใช้ เพื่อนำไปใช้วิเคราะห์การนำเสนอโฆษณาที่เหมาะสมกับท่านมากที่สุด และช่วยวัดความมีประสิทธิผลของโฆษณาที่เรานำเสนอด้วย ตลอดจนช่วยป้องกัน หรือจำกัดจำนวนครั้งที่ท่านจะเห็นโฆษณาเดิมซ้ำๆ

บันทึก