“เมื่อประมาณ 5-6 ปีที่แล้ว เราถือว่าเราไม่ประสบความสำเร็จในด้านของนางงาม พูดตรงๆ เราอายุน้อยด้วย ความผิดพลาดมันหนักมากสำหรับเด็กคนนึงอายุในช่วง 18-19 การที่เราโตขึ้นมันทำให้เรารู้ว่าถ้าเรารักในสิ่งที่เราจะทำอยู่ สู้เพื่อมันเลย ไม่ต้องกลัวใดๆ ทั้งสิ้น คุณค่าของการเป็นนางงามในเวทีมิสยูนิเวิร์ส มันทำให้ลินอยากเข้ามาประกวด เลยอยากจะเลือกเวทีมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ในครั้งนี้ค่ะ”
“นลิน ฉัตร์ณลิณ โชติจิรวราฉัตร” สาวงามวัย 25 ปี ตัวแทน MUT Prachuap Khiri Khan หนึ่งในผู้เข้าประกวด Miss Universe Thailand 2023 เปิดใจถึงการกลับมาในเส้นทางนางงามอีกครั้งในรอบ 6 ปี โดยใช้ความล้มเหลวในวันวานเป็นบทเรียนให้ก้าวต่อกับเส้นทางนางงามที่เธอรัก
“ลินเป็นคนชอบกิจกรรมของโรงเรียน ถือป้าย กิจกรรมต่างๆ ในโรงเรียนอยู่แล้ว รวมถึงการได้ไปประกวดนางงามในเวทีระดับจังหวัดของกำแพงเพชร ก็เริ่มหลงใหลในความเป็นนางงาม สำหรับลินการเป็นนางงามไม่ใช่แค่เดินบนเวทีเพื่อโชว์ความสวยของแต่ละคน มันยังลึกไปกว่านั้น คือโชว์ด้านทัศนคติ การตอบคำถาม การจัดการสิ่งที่อยู่ตรงหน้ายังไง ทีนี้พอได้ตำแหน่งที่หนึ่งทั้งสองครั้ง เราก็รู้สึกว่าทางนี้เป็นทางของเราแล้ว แล้วเราก็รู้สึกมีความสุขทุกๆ ครั้งเลยที่ได้เดินบนนั้น แล้วก็ได้ทำหน้าที่เป็นนางงามค่ะ”
ความไม่สมหวังในวันวาน เกือบทำให้หยุดกับเส้นทางนางงาม
นลิน : เมื่อประมาณ 5-6 ปีที่แล้ว เราถือว่าเราไม่ประสบความสำเร็จในด้านของนางงาม ความที่เราอายุน้อยด้วย ความผิดพลาดที่มันหนักมากสำหรับเด็กคนนึงอายุในช่วง 18-19 มันทำให้เรารู้สึกว่า เห้ย ทำไม? มันเกิดอะไรขึ้น? แล้วเราแบลงค์ไปเลย แล้วก็ท้อ ใช้คำว่าท้อได้เลย แต่ทีนี้ด้วยการที่เราใช้ชีวิต เราโตขึ้น มันทำให้เรารู้ว่าถ้าเรารักในสิ่งที่เราจะทำอยู่ สู้เพื่อมันเลย ไม่ต้องกลัวใดๆ ทั้งสิ้น เพราะความล้มเหลวมันคือบทเรียนหนึ่งให้เราก้าวต่อไป มาถึงวันนี้ มันทำให้เรารู้แล้วว่าเราจะพัฒนาด้านการเป็นนางงามของเรายังไง แล้วคุณค่าของการเป็นนางงามในเวทีมิสยูนิเวิร์ส มันทำให้ลินอยากเข้ามาประกวดด้วย เพราะหนึ่งเขามองผู้หญิงที่ไม่ใช่แค่สวยอย่างเดียวนะ ต้องทัศนคติที่ดีในการที่จะขับเคลื่อนสังคม แล้วอยากจะเปลี่ยนแปลงสังคมจริงๆ แล้วก็เปิดโอกาสให้ทุกๆ คน เปิดโอกาสให้ทุกๆ คนได้มาโชว์ทัศนคติของตัวเองค่ะ เลยอยากจะเลือกเวทีมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ในครั้งนี้
แรงบันดาลใจ ที่จุดประกายให้ลุกขึ้นมาประกวดอีกครั้ง กับ MUT ในปีนี้
นลิน : การทำงานของลินในทุกๆ วัน ลินขอเกริ่นก่อนว่า ลินต้องดูแลครอบครัวของตัวเอง ต้องดูแลคนในบริษัท มันเหมือนกับเราเป็นฝ่ายให้มาตลอด โดยที่เราไม่รู้ตัว แต่เรามีความสุขนะ มันเหมือนกับให้คนอื่นจนลืมว่าเราจริงๆ เราต้องการอะไร ความสุขของเราคืออะไร มันแว้บกลับมามองตัวเองว่า ถ้าเราทำในสิ่งที่เรารักคือการเป็นนางงาม แล้วเราให้ไปพร้อมๆ กันด้วย ความสุขของเราจะเพิ่มไปกว่าเดิมไหม คือเราไปยืนอยู่บนนั้น แล้วเราพูดในสิ่งที่เราอยากจะให้สังคมเปลี่ยนแปลงไปในทางนั้นได้ ลินรู้สึกว่าลินจะมีความสุขมากขึ้นกว่าเดิมไหม ลินก็เลยกลับมาสู้เหมือนเดิมค่ะ
“ลินทำงานกับทีมประจวบมานานมากๆ แล้ว แล้วพี่นุ๊ก CD เป็นคนหนึ่งที่คอยอยู่กับลิน ทุกๆ ครั้งที่ลินเศร้าหรือทุกข์ หรือสุขก็ตาม เขาก็ยังยืนตรงนั้นเสมอ แล้วก็เรื่องการสื่อสาร ลินมองว่าเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดในการที่เราจะสร้างทีมขึ้นมา เพราะสุดท้ายเรารู้จักเราสนิทกันก็จริง แต่การทำงานเป็นทีมการทำงานจริงๆ มันอีกเรื่องหนึ่งเลย เราต้องจูนกันหลายๆ อย่างเยอะมาก แล้วเป้าหมายของเรามันต้องไปในแนวทางเดียวกัน ไม่ใช่แค่เรื่องว่าชนะหรือไม่ชนะ วิธีการคิดของเราไปในแนวทางเดียวกันหรือเปล่า อันนี้ก็สำคัญเหมือนกัน เพราะฉะนั้นมันมีองค์ประกอบหลายๆ อย่าง ที่ทำให้ลินเลือกประจวบและพี่นุ๊กค่ะ ลินได้ไปประจวบบ่อยมากๆ แล้วก็ได้ซึมซับกลิ่นอายของจังหวัดประจวบ วัฒนธรรม ผู้คน ลินเลยรู้สึกว่าถ้าลินพรีเซนต์จังหวัดประจวบ ก็น่าจะเป็นโอกาสที่ดีเหมือนกันในการที่จะขึ้นมาพรีเซนต์ในเวทีมิสยูนิเวิร์สครั้งนี้ค่ะ”
นลิน ได้รับการแต่งตั้งเป็น MUT Prachuap Khiri Khan เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน ที่ผ่านมา โดยมี “แอนนา เสืองามเอี่ยม” Miss Universe Thailand 2022 ทำหน้าที่เป็นผู้สวมมงกุฎประจำตำแหน่งในฐานะตัวแทนให้
“การมอบตำแหน่งในครั้งล่าสุดที่ผ่านมา ก็คือมีผู้สนับสนุนหลายๆ ท่านมากๆ ที่เขาไม่ได้มองแค่ว่าเราเป็นผู้ประกวด แล้วเขาอยากเอาสินค้าของเขามาซัพพอร์ตหรือโฆษณาสินค้าตัวเอง เขามองถึงคุณค่าของจังหวัดประจวบด้วย เขามองถึงคุณค่าของตัวนางงามหรือตัวเราด้วย เราค่อนข้างจะดีใจมากๆ ค่ะ”
ประสบการณ์บนเวทีนางงามในวันวาน สู่การเริ่มต้นใหม่ในรอบ 6 ปี
นลิน : สิ่งหนึ่งที่ลินได้จากการประกวดครั้งที่แล้ว คือการรู้แพ้รู้ชนะและยอมรับผลของมัน ยอมรับแล้วเราจะทำยังไงต่อ เราจะเดินต่อไหมในเส้นทางนี้ ถ้าเราจะเดินต่อ เราจะทำยังให้เราไปสู่ฝันของเราได้ มันก็เหมือนที่ลินรู้แพ้รู้ชนะ มันเหมือนกีฬาเลย เพราะการประกวดมันมีแพ้มีชนะ ถูกไหมคะ การที่เราจะรู้จุดอ่อนของตัวเองได้ มันคือการที่ ที่เราต้องมานั่งวิเคราะห์ตัวเองในวันนั้น ผ่านมาแล้วเราจะเอาประสบการณ์ในวันนั้นมาใช้ยังไงต่อ นั่นคือสิ่งที่ลินเรียนรู้และพัฒนาตัวเองในก้าวต่อไปค่ะ แล้วก็ด้วยการที่เราโตขึ้นด้วย มันทำให้รู้สึกว่าเห็นจุดบอดเยอะเหมือนกันในวันนั้น แล้วเราก็บางอ้อแหละ เรารู้แล้วว่าทำไมเราถึงไม่ไปถึงเส้นชัยสักที ประสบการณ์ครั้งนั้นเป็นบทเรียนยิ่งใหญ่เลยที่ทำให้ลินพัฒนาตัวเองมาถึงวันนี้และเก็บตัวมากว่า 5-6 ปี เพื่อที่จะกลับมาอีกครั้งหนึ่ง เพื่อไม่ให้มีข้อครหาใดๆ ได้อีกค่ะ
“ถ้าพูดถึงความพร้อม ถ้าวัดกันที่เป็นเปอร์เซ็นต์ ลินก็ต้องบอกว่าลิน 100% อยู่แล้ว แต่ว่าการประกวดมิสยูนิเวิร์สการประกวดนางงามมันไม่ใช่จุดจบเนอะ มันคือการเริ่มต้นไม่ว่าเราจะแพ้หรือชนะ เราก็ต้องมีหลายๆ อย่างที่เราต้องเรียนรู้และพัฒนาต่อไป ใช่ค่ะ ถ้าจะบอกว่าประกวดครั้งนี้พร้อมไหม พูดเลยว่าพร้อม และเตรียมตัวมาอย่างดี และก็พร้อมที่จะเรียนรู้และพัฒนาต่อเหมือนกัน”
“มีคำพูดนึงที่ลินจำได้น่าจะจาก Tik Tok หรืออะไรสักอย่าง เขาบอกว่า ไม่ต้องสนใจเรื่องราวในอดีต ฉันรักเธอ และฉันเชื่อในตัวเธอนะนลิน ทำให้ได้นะ เนี่ยมันเป็นอะไรที่เราอ่านแล้วรู้สึกว่า เขายังเชื่อในตัวเราเลย แล้วเรากลับมาในครั้งนี้ เราก็เชื่อในตัวเองอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นไม่มีอะไรขวางทางเราได้อีกแล้ว ไม่มีอะไรขวางทางฝันของลินได้อีกแล้ว”
คุณค่าของเวที MUT
นลิน : ที่ลินดูผู้ชนะทุกๆ ปี ของมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ รวมถึงมิสยูนิเวิร์สด้วยนะคะ ที่เห็นเลยคือความแตกต่าง ผู้หญิงบางคนไม่ได้สวยที่สุด แต่ทำไมเขาถึงชนะได้ ลินเลยรู้สึกว่าเวลาเรามองผู้หญิงทุกๆ คนของมิสยูนิเวิร์ส ที่เป็นผู้ชนะหรือไม่ใช่ผู้ชนะก็ตาม เขาจะมีอะไรที่โดดเด่นขึ้นมานอกจากคำว่าสวย ทัศนคติของเขา ข้างในของเขามันเปล่งประกายออกมามากๆ ว่าเขาอยากจะขับเคลื่อนทุกๆ คนให้ตามเขาไปในทางที่ดีจริงๆ นะ เขาอยากจะทำสิ่งดีๆ เพื่อสังคมจริงๆ นะ แล้วลินรู้สึกว่าลินเป็นคนอยากจะให้ทุกๆ คนเห็นคุณค่าในสิ่งนี้ ทั้งวัยเดียวกัน หรือชนรุ่นหลัง หรือคนที่อายุมากกว่า เพราะมองว่าคุณค่าของการเป็นนางงามนั้นมากกว่าการแค่เรามาเดินสวยบนเวที แล้วลินก็อยากเป็นหนึ่งในนั้นเหมือนกัน ที่จะยกระดับตัวเองเพิ่มคุณค่าให้ตัวเอง ขึ้นไปสู่มิสยูนิเวิร์สค่ะ ลินเชื่อว่าทุกเวทีมีคุณค่าในแบบของตัวเอง เขาอยากจะสร้างสรรค์ผลงาน สร้างสรรค์คน เป็นคนที่ดีเพื่อสังคมต่อไปอยู่แล้วค่ะ”
มาแบบไม่กดดัน สิ่งสำคัญคืออยากช่วยกันผลักดันวงการนางงาม
นลิน : จริงๆ มันมีเรื่องแบบนี้อยู่แล้ว ลินเคยให้สัมภาษณ์แรกๆ ตอนที่ลินออกมาประกาศว่าลินจะลง คือลินไม่กดดันกับผู้เข้าประกวดทุกท่าน แล้วยินดีแล้วก็รู้สึกตื่นเต้นด้วยที่เจอผู้เข้าประกวดแบบเอนเนอจี้มาเต็ม มันรู้สึกว่าเราได้เป็นหนึ่งในการขับเคลื่อนวงการนางงามไปด้วยกัน แล้วมันยิ่งผนึกกำลังกันให้เหมือนกับว่า ผู้หญิงไทยทั้งสวยทั้งเก่งขนาดนี้เลยหรอ ไม่กดดันต่อผู้เข้าประกวดค่ะ รู้สึกว่าดีด้วยซ้ำที่มีผู้เข้าประกวดตัวท็อปๆ ของประเทศไทยมา อยากจะผลักดันเรื่องนี้ไปด้วยกัน อยากจะผลักดันให้เวทีนางงามไทยมีคุณค่า แล้วยิ่งผู้เข้าประกวดทุกๆ จังหวัดมีความสามารถ มีความเก่งมากเท่าไร ลินก็รู้สึกว่าดีมากเท่านั้น
“แน่นอนมันจะมีเสี้ยวหนึ่งแหละ ถึงเราเตรียมตัวมานานมากๆ แล้ว ยังไงก็มีความกดดันแทรกเข้ามา แต่ลินกลับมองว่าอยากเอาแรงกดดันทั้งหมด เป็นแรงผลักดันให้ลินไปข้างหน้า แม้ว่าทุกอย่างที่เราคิดว่าเราทำดีแล้ว แต่เราต้องมองคอมเมนต์ต่างๆ บ้าง เพราะว่าเราสร้างสรรค์ทุกอย่างนี้มา เราทำทุกวันนี้มา เราก็อยากให้คนดูและผู้ที่ฟังเรา คล้อยตามไปกับเราด้วยแล้วก็เห็นในสิ่งที่เขากำลังจะทำอยู่ ถ้าเขาคอมเมนต์มาว่า นลินปรับตรงนี้หน่อย นลินเดินยังไม่ดีเลย นลินเรื่องหุ่นเอาอีกนิดนึงไหม เราก็ต้องฟังเขา แล้วเราก็ไม่ได้เก็บคอมเมนต์เหล่านี้มาทำให้เรากดดันนะ แต่เปลี่ยนเป็นแรงผลักดันมากกว่าที่จะทำในสิ่งที่ดีมากขึ้น”
“การเป็นนางงามหรือการเป็นมนุษย์ มันคือการเติมสิ่งต่างๆ เข้าไป เราไม่ต้องเป็นน้ำที่เต็มแก้วหรอก เราเป็นแก้วโล่งๆ ก็ได้ ที่พร้อมจะใส่น้ำอยู่ตลอดเวลา พอน้ำใกล้จะเต็มลินก็แบ่งให้คนอื่นบ้าง มันก็คือความสุขอย่างหนึ่งที่ลินมีและลินอยากจะส่งต่อให้กับทุกๆ คน”
“ตอนแรกลินแป้วๆ ไปนิดนึงนะว่า เขาจะจำเราได้ไหม เราจะกลับมาทำให้ทุกคนว้าวอีกได้ไหม แต่สุดท้ายแล้วทุกคนก็ยังเปิดโอกาส ยังรับลินเข้าเป็นหนึ่งในตัวเต็งนะ ของใครหลายๆ คน ลินก็ขอขอบคุณมากๆ แล้วก็แฟนคลับคือกำลังใจสำคัญของลินเลย ที่ทำให้ลินมุ่งไปสู่ข้างหน้าได้ แล้วก็อยากจะเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ ค่ะ”
“ก่อนอื่นขอขอบคุณจริงๆ ที่ลินได้ไปอยู่ในใจของใครหลายๆ คน แล้วลินก็ขอสัญญาว่า วันนี้ลินจะทำให้ดีที่สุด แล้ววันนั้นที่เกิดขึ้นลินจะชนะหรือไม่ชนะ แต่ลินขอบอกเลยว่าลินทำสุดใจของลินแล้ว คนที่ยังลังเลในตัวลิน หรือเอ๊ะ นลินจะยังไง ลินขอบอกไว้เลยว่าวันหนึ่งลินจะเข้าไปอยู่ในใจของพวกคุณเอง แล้วลินจะทำให้รู้ว่า ลินพร้อมและลินโตมากับคำว่าการเป็นนางงาม และลินรักในสิ่งที่ลินทำอยู่จริงๆ ค่ะ”