ย้อนกลับไปเมื่อปี 2560 สุจิตรา เอกมงคลไพศาล อดีตนักกีฬาแบดมินตันทีมชาติไทย มือวางอันดับ 5 ของโลก ตกเป็นข่าวดังในช่วงเวลานั้น หลังจากที่มีภาพพรีเวดดิ้งกับแฟนสาว “ชมพู่” วิภารัศมิ์ ทิพรดาเปรมธนัน เผยแพร่ในโลกออนไลน์ กลายเป็นกระแสฮือฮาที่หลายคนพูดถึงในฐานะคู่รัก LGBTQ+
จุดเริ่มต้นของความรักครั้งนี้ สุจิตรา เล่าว่า เคยไปกินข้าวกับรุ่นน้องคนหนึ่ง แล้วได้เจอน้องชมพู่ ซึ่งเป็นเพื่อนของแฟนรุ่นน้องอีกทีหนึ่ง หลังจากนั้นก็ได้ศึกษานิสัยใจคอกันและกัน
แม้ว่า สุจิตรา กับ น้องชมพู่ อายุจะห่างกันหนึ่งรอบ แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรค เพราะต่างฝ่ายต่างคุยกันแล้วคลิก มีความเข้าใจกันดี ก่อนที่จะขยับความสัมพันธ์จากเพื่อนสนิทสู่คู่ชีวิตในที่สุด ปัจจุบันทั้งคู่ครองรักกันมานานกว่า 9 ปีแล้ว
เหมือนเป็นตาชั่งให้กันและกัน ช่วยทำให้ชีวิตเดินไปข้างหน้า
สุจิตรา เอกมงคลไพศาล : ตามีรุ่นน้อง และรุ่นน้องเขามีแฟน คนนี้ (น้องชมพู่) เป็นเพื่อนของแฟนรุ่นน้องอีกทีหนึ่ง เราไปกินข้าว แล้วเราไปเจอกัน มีโอกาสได้เจอกัน พูดคุยกัน ศึกษานิสัยกัน ก็เลยได้เป็นเพื่อนสนิท และได้คบกันมาจนถึงทุกวันนี้ค่ะ ตอนนี้คบกันมา 9 ปีกว่าๆ แล้ว ประมาณนี้เลย
ในเรื่องของความคิด เขาเป็นคนที่จิตใจดี ความคิดดี มีน้ำใจกับคนอื่นเสมอ พอเวลาอยู่ด้วยกัน มันเหมือนเป็นตาชั่งให้กันค่ะ อย่างที่บอกคำว่าพอดีมันจะต้องมีในทุกๆ ช่วงเวลาของเรา ทำงานก็ให้พอดี ในชีวิตส่วนตัวก็ให้มันพอดี พอมันเป็นตาชั่ง 2 ข้าง บางครั้งพอเราหนักเรื่องนี้ไป เขาก็มาช่วยคานให้มันลง
มันเหมือนช่วยกันทำให้ชีวิตเราเดินไปข้างหน้าได้ดี เป็นพลังซัพพอร์ตอยู่ข้างหลังได้ดีทีเดียวเลยค่ะ บางครั้งที่เราอยากได้ในมุมที่เขาดูแลเรา เขาก็สามารถดูแลเราได้ดีในสิ่งที่เราอยากได้ อยู่ด้วยกันแล้วก็ดูแลซึ่งกันและกัน เขาเป็นคนที่พร้อมที่จะดูแลคนอื่น มีน้ำใจให้กับคนอื่นเสมออยู่แล้ว ทำให้เขาก็ดูแลเราได้ดีมากๆ ด้วย
สังคมไทยเปิดกว้างเรื่องเพศได้เป็นในสิ่งที่เราอยากเป็นจริงๆ
สุจิตรา เอกมงคลไพศาล : จริงๆ ทุกสังคมนะคะ รวมไปถึงสังคมไทยที่สำคัญมากๆ ในที่ที่เราอยู่เนี่ย เป็นสังคมที่กำลังเปิดกว้างในเรื่องของเพศที่มีหลายเพศ ไม่ใช่แค่ชายและหญิงอะไรอย่างนี้ ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีค่ะ
จริงๆ บางคนเนี่ย พี่ตามองว่าน่าสงสาร ถ้าเขาอยากเป็นในตัวของเขา แล้วเขาไม่สามารถเป็นได้ คุณพ่อคุณแม่ไม่สามารถรับได้ หรือว่าเดินไปในสังคมที่ไม่สามารถรับในจุดที่เขาเป็นได้อย่างนี้ค่ะ มันก็เป็นเรื่องที่ทำให้คนคนหนึ่งอาจจะไม่มีความสุขในการใช้ชีวิตก็ได้
แต่ตอนนี้พอสังคมมันเปิดกว้าง เราได้เป็นในสิ่งที่เราอยากเป็น ได้ทำในสิ่งที่เราอยากทำ แต่สุดท้ายแล้วก็อยากฝากไว้ว่าความพอดียังคงสำคัญมากๆ ไม่ว่าเราจะเป็นเพศไหนก็แล้วแต่ค่ะ ถ้าเราอยู่ในสังคมด้วยการที่เป็นคนดี มีน้ำใจ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อคนอื่น ไม่ทำตัวให้แย่ๆ ต่อสังคม หรือคนรอบข้างอะไรอย่างนี้ค่ะ
พี่ตามองว่าอันนั้นคือเรื่องที่ดีที่สุด ไม่ว่าเราจะเป็นเพศอะไรก็แล้วแต่ค่ะ สุดท้ายแล้วเราจะอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุขที่สุด แล้วก็ทุกๆ เพศ ทุกๆ วัยก็เปิดกว้าง รับซึ่งกันและกัน อยู่ด้วยกันแบบเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่
มันไม่มีใครรู้เนอะ เมื่อวันหนึ่งที่เติบโตขึ้นมาแล้วเรารู้สึกว่า เราอยากรักสวยรักงาม หรือเราอยากรักความแข็งแรง เราก็ไม่รู้
แต่เมื่อวันหนึ่ง เมื่อเรารู้สึกว่าเราอยากเป็นแบบนั้น และเราได้เป็น และเราได้เป็นคนดีในแบบที่เราอยากเป็น อันนี้สำคัญกว่าค่ะ
สุจิตรา เอกมงคลไพศาล กล่าวทิ้งท้าย
อ่านบทความ : เบื้องหลังชีวิต “สุจิตรา” จากเด็กที่มีความฝันอยากจะเป็นหมอ สู่นักกีฬาแบดมินตันทีมชาติ
อ่านบทความ : “สุจิตรา” ห่วงอุปสรรครอยต่อของวัย กระทบนักกีฬาแบดมินตันไทยเหลือตัวเลือกน้อย