ชาวจีน กำลังพบกับราคาบ้านและค่าครองชีพที่สูงขึ้นในเซี่ยงไฮ้ ซึ่งเป็นศูนย์กลางการค้าของจีน ทำให้เขาคิดถึงการเกษียณอายุในประเทศไทย แทนที่จะใช้เงินอย่างน้อย 4 ล้านหยวน (574,000 เหรียญสหรัฐ) เพียงเพื่ออยู่อาศัยในเขตชานเมืองของเซี่ยงไฮ้ หรือเพิ่มเป็นสองเท่าสำหรับยูนิตเฉลี่ยในเขตเมือง เฉินหาบ้านในใจกลางเมืองกรุงเทพฯ ด้วยราคาประมาณ 600,000 หยวน ซึ่งน่าสนใจกว่ามาก
นอกจากนี้ การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยอาจให้ผลลัพธ์ที่น่าสนใจ อีรี เฉิน (Eri Chen) ซึ่งอาศัยอยู่ในเซี่ยงไฮ้กำลังวางแผนที่จะไปเยือนกรุงเทพฯ และเชียงใหม่ในช่วงกลางเดือนมีนาคมเพื่อหาที่อยู่อาศัยเพื่อลงทุนและอาจจะเกษียณ “ดอกเบี้ยเงินฝากในจีนต่ำ ผมต้องการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูง เพื่อที่ผมจะได้มีเงินใช้ตอนเกษียณมากขึ้น การลงทุนอสังหาฯ ในกรุงเทพฯ นั้นคุ้มค่ากว่าเมืองอื่นๆ แน่นอน”
ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยว ชาวจีน มาอย่างยาวนาน การจองเที่ยวบินเพิ่มขึ้น 67 เปอร์เซ็นต์ในเดือนกุมภาพันธ์ เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า ข้อมูลของ Trip.com แสดงให้เห็น ในความเป็นจริง ไม่นานหลังจากที่จีนยกเลิกมาตรการควบคุมโควิด-19 เมื่อปลายเดือนธันวาคม การค้นหาเที่ยวบินออนไลน์จากจีนมาไทยก็พุ่งสูงขึ้นถึง 176 เปอร์เซ็นต์
ประเทศไทยเองก็กำลังดำเนินการเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวจีนให้มากขึ้น ทางการให้สิทธิ์วีซ่า 30 วันแก่ผู้ถือหนังสือเดินทางจีนเมื่อเดินทางมาถึงจนถึงสิ้นเดือนมีนาคม ทำให้เป็นหนึ่งในประเทศแรกๆ ที่คาดว่านักท่องเที่ยวจีนจะหลั่งไหลกลับมา หน่วยงานการท่องเที่ยวของประเทศกล่าวว่าต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวจีน 161,540 คนระหว่างวันที่ 1 มกราคมถึง 15 กุมภาพันธ์ และคาดว่าจำนวนจะสูงถึง 300,000 ในช่วงสามเดือนแรกของปีนี้ จากนั้น 5 ล้านคนตลอดทั้งปี
และในขณะที่นักท่องเที่ยวชาวจีนอยากกลับเมืองไทย แต่เฉินก็มีแผนการที่ใหญ่กว่า เมื่อมองเห็นโอกาส บริษัทอสังหาริมทรัพย์ของจีนจึงก้าวขึ้นไปอีกขั้นและกำลังจัดกรุ๊ปทัวร์เพื่อชมอสังหาริมทรัพย์ในกรุงเทพฯ ในเดือนนี้
Uoolu ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ในต่างประเทศในกรุงปักกิ่ง ได้จัดทัวร์ 3 วัน เพื่อพานักลงทุนครั้งละ 20 คนมาที่ประเทศไทย บริษัทเรียกเก็บเงินสูงถึง 2,599 หยวน ไม่รวมตั๋วเครื่องบิน นักลงทุนจะเยี่ยมชมโครงการที่อยู่อาศัย 4 โครงการ รวมถึงโครงการหนึ่งใกล้กับอิมแพคอารีน่าในกรุงเทพฯ ซึ่งบ้านที่เปิดขายจะแล้วเสร็จในเดือนกรกฎาคม หน่วยเริ่มต้นที่ 230,000 หยวนโดยมีอัตราผลตอบแทนการเช่า 5.5 เปอร์เซ็นต์ ระหว่างชมนักลงทุนจะไปจับจ่ายซื้อของเหมือนนักท่องเที่ยวทั่วไป หน่วยงานอื่นกำลังวางแผนการเดินทางหกวันซึ่งรวมถึงการเยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยวและการดูทรัพย์สิน มีการเรียกเก็บค่าทัวร์ 2,588 หยวน และส่วนใหญ่โฆษณาแฟลตในกรุงเทพฯ ที่มีมูลค่าต่ำกว่า 1 ล้านหยวน
คลาร์ก โจว ผู้อำนวยการฝ่ายขายในเซี่ยงไฮ้ของบริษัทที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ Juwai IQI กล่าวว่า “บรรดาผู้ที่ติดต่อกับผู้ซื้อชาวจีนโดยตรงได้รายงานว่ามีการสอบถามเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากเดือนมกราคมที่ผ่านมา ประเทศไทยเป็นตัวเลือกอันดับต้น ๆ สำหรับผู้ซื้อชาวจีนที่กำลังมองหาอสังหาริมทรัพย์ในต่างประเทศระหว่างปี 2561-2564 โดยพิจารณาจากปริมาณการสอบถาม โดยเลื่อนมาอยู่ที่อันดับ 4 ตามหลังออสเตรเลีย แคนาดา และสหรัฐอเมริกาในปี 2565 เนื่องจากนักลงทุนจำนวนมากขึ้น มองหาการย้ายไปยังประเทศเหล่านี้เมื่อปีที่แล้ว” โจวกล่าว ส่วนประเทศอื่นๆ ที่ผู้ซื้อชาวจีนชื่นชอบ ได้แก่ สหราชอาณาจักร ญี่ปุ่น รวมถึงประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น เวียดนาม และมาเลเซีย
Karlo Pobre รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายบริการที่ปรึกษาของ Colliers Thailand กล่าวว่า ปัจจัยที่เอื้ออำนวยได้ผลักดันให้ผู้ซื้อชาวจีนเข้ามาซื้ออสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย “ราคาและผลตอบแทนการลงทุนยังคงมีการแข่งขันสูงมาก โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯ เมื่อเปรียบเทียบกับตลาดเพื่อนบ้านอื่นๆ” เขากล่าว พร้อมเสริมว่า 49 เปอร์เซ็นต์ของห้องชุดสามารถเป็นของชาวต่างชาติได้ และเอกสารก็ค่อนข้างตรงไปตรงมา
ตั้งแต่ปี 2561 ชาวจีนเป็นกลุ่มผู้ซื้อห้องชุดต่างชาติรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย รองลงมาคือผู้ซื้อจากรัสเซีย สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร และเยอรมนี ตามข้อมูลจากศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ของประเทศไทย ศูนย์กล่าวว่าผู้ซื้อชาวจีนซื้อหน่วยได้ 3,562 ยูนิต มูลค่ารวม 17,940 ล้านบาท (511 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2565 คิดเป็น 49% ของหน่วยที่โอนไปยังชาวต่างชาติ ยูนิตที่ซื้อโดยผู้ซื้อชาวจีนมีราคา 5 ล้านบาท พื้นที่เฉลี่ย 39 ตร.ม.
“ช่วงต้นเดือนปีนี้ เราได้เห็นการซื้อคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯ จากชาวจีนในระดับราคา 5 ล้านบาทในทำเลพระราม 9 รัชดา และสุขุมวิท” ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายวิจัย คอลลิเออร์ส ประเทศไทย กล่าว และต่ออีกว่า
“เราคาดการณ์เพิ่มเติมว่านอกเหนือจากอสังหาริมทรัพย์ในกรุงเทพฯ แล้ว ผู้ซื้อชาวจีนยังเริ่มสำรวจจุดหมายปลายทางที่สำคัญในประเทศไทย เช่น พัทยา ภูเก็ต”
แหล่งที่มาและข้อมูล : South China Morning Post
ติดตามข่าวสารเศรษฐกิจและความเคลื่อนไหวทางสังคมได้ที่ FEE:D