ใครจะคิดว่า ซีรีส์Y ของไทยจะมาไกลขนาดนี้ 

ณ ปัจจุบัน พบว่า ซีรีส์Y ของไทยเป็นที่ 1 ในเอเชีย และมีหลายประเทศ ทั้ง จีน ญี่ปุ่น เกาหลี ต่างรอชมซีรีส์Y ของไทย

ทีมงานเว็บไซต์ FEED มีโอกาส พูดคุยกับ คุณอรุโณชา ภาณุพันธุ์ หรือคุณหน่อง ผู้จัดละครและกรรมการผู้จัดการบริษัท บรอดคาซท์ ไทย เทเลวิชั่น จำกัด  ซึ่งไม่นานที่ผ่านมา ซีรีส์Y จากบรอดคาซท์ ไทย เทเลวิชั่น เรื่องหนึ่งที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงคือ พี่จะตีนะเนย

คุณหน่อง ได้ตอบคำถามในหลายๆ ประเด็นเกี่ยวกับซีรีส์Y ของไทย ในฐานะผู้สร้างผู้ผลิต ทั้งในแง่ภาพโดยรวม ทิศทางต่อจากนี้ การพัฒนาซีรีส์Y ในไทย การสนับสนุนจากภาครัฐ รวมถึงการมองเห็นโอกาสพัฒนาซอฟท์พาวเวอร์ของไทยสู่ตลาดโลก

คุณหน่อง มองทิศทางกระแสซีรีส์Y เป็นอย่างไรบ้าง

คุณหน่อง : “หลายๆปีมานี้กระแสวายมาแรงมาก  มีการพัฒนา ทั้งตัวเรื่อง โปรดักชั่น จะเห็นว่านักแสดงที่เป็นคู่จิ้น  โด่งดังไปหลายๆคู่  คนที่ทำละครทั่วไป  ไม่เคยทำสายวายก็ยังต้องหันกลับมามอง  กระแสของสายวายโด่งดัง ประสบความสำเร็จ  คนกลุ่มใหญ่ที่ชื่นชมแนวนี้ รวมทั้งในต่างประเทศ ถึงนาทีนี้ ต้องบอกว่าบูมมากนะคะ เพราะว่าการที่เราทำละครมานาน มันก็มีหลายแนว เช่นเดียวกัน ซีรีส์Y  แต่ละเรื่อง ก็มีปรับแนวทาง  ลงทุนสูง ตามกระแสการพัฒนา ทั้งเนื้อเรื่อง ทั้งโปรดักชั่น  และการคัดเลือกนักแสดงต่างๆ ได้เห็นถึงการเติบโต และพัฒนาเยอะมาก”

มีคำกล่าวว่า ประเทศไทยเป็นกึ่งๆมหาอำนาจทางด้านซีรีส์Y  ถ้าพล็อตเป็นเส้นกราฟ คิดว่าของไทย อยู่ในเส้นกราฟช่วงไหน

คุณหน่อง : “เป็นขาขึ้น ขึ้นไป สูง สูงมากๆเลย  มันมาในจุดที่ทุกคนมองเห็นศักยภาพ มองเห็นถึงตลาดที่เกิดขึ้น ในเอเชีย  ต้องบอกว่า ไทยเป็นอันดับหนึ่ง  หลายประเทศรอชมซีรีส์Y ของไทย  แม้ในขณะนี้ ก็ยังมีแนว หญิง-หญิงออกมาด้วย ผู้สร้างซีรีส์Y คือ มีแผนงานออกมาอย่างชัดเจน  หรือในอีกประเด็นคือเป็นการสร้างบุคลากรด้วย เพราะหลายคนเข้าสู่ซีรีส์Y ก็นำซีรีส์Y สู่ละครในช่วงไพรม์ไทม์ด้วย  ฉะนั้น ถือว่าเป็นขาขึ้นจริงๆ                เติบโตสูง และยังไปได้ ที่สำคัญจากนี้ไป คงแข่งกันที่คุณภาพ แนวทางที่ฉีกแนว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสคริปต์ แนวเรื่อง หรือมีการทำวายพีเรียด  อย่างที่เราทำ ก็ทำแนวพีเรียดด้วย แนวปกติด้วย คือเริ่มไปสู่ จุดที่ไม่ง่ายนะ ต้องมีเรื่องของความสมจริง เป็นอีกจุดหนึ่ง เป็นการตลาดที่ใหญ่”

พูดถึงบทละครซีรีส์ ถ้าเทียบกับในต่างประเทศ มีนักวิชาการให้ความเห็นว่า  บทของไทย  เบาหวิวไป คุณหน่อง มีความคิดเห็นในเรื่องนี้อย่างไร

คุณหน่อง : “ในเชิงวิชาการก็ไม่ผิดนะคะที่มองแบบนั้น แต่ในช่วงการเริ่มต้น ทิศทางก็ยังไม่ชัดเจน การลงทุนก็ไม่รู้ว่า ผลตอบรับ จะเป็นอย่างไร  ทีนี้ การทำละคร ถ้าแยกเป็นสองตลาด  การที่เริ่มอะไรใหม่ ถ้าต้องแย่งชิง  เราต้องสร้างคนใหม่ๆ  เป็นสิ่งที่คนใหม่อาจขาดประสบการณ์  หรือในแง่การลงทุนการทดลองตลาดก็ไม่กล้าที่จะเต็มที่ แต่ทุกคนเห็นตลาดตอนนี้แล้วก็คิดว่า ต้องเพิ่มคุณภาพในทุกๆด้าน  ก็จะสามารถเลือกนักแสดง เลือกบทได้มากขึ้น  เพราะแม้จะเห็นว่าละครวายมีเยอะ ก็อาจจะไม่ประสบความสำเร็จทุกเรื่อง  ช่วงนี้ถือเป็นช่วงพัฒนาในทุกๆ ด้าน  และตัวผู้ชมก็มีทางเลือกเยอะขึ้นมาก”

คนเขียนบทเก่งๆ ในบ้านเรา หายากด้วยหรือเปล่า

คุณหน่อง : “ยากมาก  พี่พูดเสมอ การทำละคร ต้องประกอบไปด้วย ผู้กำกับ  บทที่ดี และนักแสดงที่มีคุณภาพ

การที่เปิดเยอะ บางท่านอาจจะเก่ง แต่อาจจะขาดประสบการณ์ อาจจะต้องทำไปสักพักหนึ่ง  เป็นสิ่งที่ มันได้เรียนรู้ไปพร้อมๆกัน เรื่องไหนประสบความสำเร็จ เหมือนกับให้ผู้ผลิตได้เรียนรู้ว่า อ๋อ ทำแนวนี้ แบบนี้คนชอบ แบบนี้คนไม่ชอบ คือได้เรียนรู้ไปพร้อมๆกัน  ว่าจะควรจะทำแนวไหนออกมา  ถ้าถามว่า คนเขียนบทขาดแคลนไหม ขาดแคลนเลยค่ะ กำลังรับสมัครอยู่นะคะ  ข้อดีคือ เราได้สร้างคนใหม่”

ถาม  คนชอบเทียบบท ไทย กับบทเกาหลี

คุณหน่อง : “คำว่ามาตรฐานผู้เขียนบท อยู่ในควอลิตี้ที่ใกล้เคียงกัน คนที่ทำบททางเกาหลี มีทั้งที่เขียนเดี่ยวและเขียนเป็นทีม  สิ่งที่สำคัญ เค้ามีการศึกษาค้นคว้าหาข้อมูลของความสำเร็จ ว่าจะทำอย่างไร ให้ดูละครกันได้ทั้งโลก  ไม่ต้องไทย  ไม่ต้องเกาหลี แต่สามารถดูร่วมกันได้  เกาหลีมีองค์กรที่สนับสุนนอย่างเป็นเรื่องเป็นราว  ล่าสุดไปประชุม Asian Drama conference ที่ญี่ปุ่น  ได้พูดคุยกัน มาคิดร่วมกันว่า ทำยังไงให้ตลาดคอนเทนต์เอเชีย ไปสู่ระดับโลก  ได้รับการยอมรับ ทุกประเทศที่มีวัฒนธรรมที่ชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นไทย หรือจีน คิดว่า ในเรื่องการสร้างละคร  ยังไปได้อีก  ในประเทศไทยเอง ก็มีวัฒนธรรมที่ดีงาม เรามี soft power ที่ดี เพราะละครเรื่องหนึ่งมันอาจจะสร้างอะไรได้มากมาย สร้างกระแสให้บูม อย่างเกาหลีสร้างละคร แดจังกึม ก็สร้างเรื่องอาหาร / บุเพสันนิวาส ก็สร้างเรื่องของชุดไทย กระแสของคนที่แต่งชุดไทยไปต่างแดน เช่นเดียวกัน  แง่มุมต่างๆเหล่านี้ ของในต่างประเทศเค้ามีการศึกษา และมีการทำข้อมูล และได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานรัฐอย่างป็นระบบ พัฒนาคนใหม่ๆ เข้ามาเรียนรู้ แล้วในแต่ละปี จะมีการประชุมกัน อะไรคือความสำเร็จ แล้วข้างหน้าจะทำอะไรที่ออกสู่ตลาดโลกได้ เค้าไม่ได้คิดแค่ขายในประเทศ แต่คิดถึงผู้ชมทั้งโลก ฉะนั้นวิธีการคิดแบบนี้ทำให้เค้าไปได้ไกล”

ย้อนกลับเข้ามาที่บ้านเรา คิดว่า ภาครัฐควรเข้ามาสนับสนุนในด้านไหน

คุณหน่อง : ธุรกิจบันเทิง ถ้าทำดีๆ มันสามารถสร้างมูลค่าทางวัฒนธรรม soft powerต่างๆ ที่จะนำเงินเข้ามา  จริงๆ ควรมีการพุดคุยกันให้ชัดเจนว่า ถ้าภาครัฐช่วยได้จะทำให้เกิดการเติบโตอย่างมาก  หรือว่าถ้าละครไหนทำได้ดี แล้วได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐในเรื่องการพีอาร์ หรือให้ความร่วมมือในด้านต่างๆ อย่างกระทรวงวัฒนธรรม ถ้าภาครัฐเข้ามามันจะไปได้ดีกว่านี้อีกเยอะเลย”

รวมถึงเงินทุนด้วยหรือไม่

คุณหน่อง : อันนี้ต้องย้อนกลับไปที่เกาหลี เกาหลี ถ้าเค้าจะทำละครที่เกี่ยวกับวัฒนธรรมมันต้องลงทุนมหาศาล อย่างอาหารอย่างเดียว เค้าจะมีเครื่องเคียง วิธีการทำ ผักดองต่างๆ  ควรต้องได้รับความร่วมมือจากองค์กรด้วย  แทนที่จะคิดได้แค่นี้  มันก็จะไปได้ไกลกว่านี้  รวมถึงตัวเงินด้วย หรือถ้าเป็นบ้านเรา การทำผ้าชุดหนึ่ง ถ้าเอาชุดที่สวยงามมันต้องลงทุนที่สูงมาก อันนี้ต้องเข้าใจว่า มันขาดอะไรอยู่และเสริมอะไรบ้าง  อย่างในเรื่องวัฒนธรรมก็จะช่วยส่งเสริมได้อีกเยอะมาก ถ้าทางภาครัฐช่วยก็จะเป็นสิ่งที่ดีมากค่ะ”

แต่จากบทเรียนที่ผ่านมา ถ้ารัฐเข้ามาสนับสนุนในเรื่องวัฒนธรรม รัฐชอบเล่นบทนำ จะทำให้การครีเอทจากภาคเอกชนดร็อปลง

คุณหน่อง : “จริงๆ อยู่ที่วิธีปฏิบัติและนโยบาย อยู่ที่การพูดคุย มันเหมือนเป็นฟันเฟือง ถ้ามันลงล็อก ทุกอย่างมันหมุนไปข้างหน้าได้  ที่ผ่านมาเป็นไง ถ้ามีการพูดคุยกันว่าผู้ผลิตเค้าต้องการความช่วยเหลืออะไร  ก็น่าจะเป็นสิ่งทีดี”

ซีรีส์Y อาจจะเป็นการส่งออกซอฟท์พาวเวอร์ที่ดี คิดว่ายังไปได้อีกไกลหรือไม่

คุณหน่อง : อย่างบุพเพสันนิวาส มันติดแล้ว แต่งชุดไทยไปวัด  คิดว่า เป็นสิ่งที่ดี  ความภูมิใจมันคงอยู่ตลอดไป ใส่ชุดไทยไปปารีส โตเกียว  ความงามมีอยู่แล้ว พอมีแสงมาส่องกระทบก็เห็นความงามขึ้นไปอีก ถ้าจะทำให้คนเปลี่ยนพฤติกรรมได้ ต้องเข้าไปอยู่ในใจเค้า   อย่างผ้าไทยจะได้เห็นว่าสวยมากๆ ที่จะได้เห็นในละครพรมลิขิต  ที่กำลังจะออกมา  สรุปก็คือเราสามารถใส่ซอฟท์พาวเวอร์ เข้าไปในละครได้ ไม่ว่าจะละครปกติ หรือซีรีส์Y และคิดว่ายังไปได้อีกไกล

ซีรีส์Y ยังจัดเป็นนีชมาร์เก็ตหรือไม่

คุณหน่อง : นีชแค่ไหน นีชแต่กลุ่มคนดูที่โตมาก  ความแมสคือไปทุกกลุ่ม พี่คิดว่า แต่อันนี้เป็นกลุ่มที่มีคนชอบอยู่ ถามว่า นีชมั้ย ตอนนี้ไม่ค่อยจะนีชแล้วนะ  ที่พี่หน่องทำซีรีส์Y ออกอากาศ  อันนี้คือเรื่องแรกของเรา  ในส่วนการตอบรับ ต้องขอบคุณมากๆ นักแสดงก็หน้าใหม่ ได้รับการตอบรับที่ดีมากๆ สำหรับแฟนคลับ แฟนคลับน่ารักมาก พอรักใครก็คอยให้กำลังใจ ผูกพัน  อย่างเรื่อง พี่จะตีนะเนย ทำให้เราเห็นภาพออกมาอย่างเหมาะสมที่สุด

กลุ่มผู้ชมซีรีส์Y คุณหน่องคิดอย่างไร

คุณหน่อง : คือซีรีส์Y  มันก็เป็นโลกๆ หนึ่ง มีกลุ่มคนดูเหนียวแน่น เค้าดูกันมานานแล้ว ไม่ใช่เพิ่งมาดู  และพบว่าเป็นกลุ่มที่ใหญ่มาก

หลังจากซีรีส์พี่จะตีนะเนย ออกอากาศไปแล้ว คุณหน่องมีแผนสำหรับการสร้างซีรีส์Y  อย่างไร

คุณหน่อง : เรื่องแรกประสบความสำเร็จ การต่อเนื่องหมายถึงการพัฒนา ก็มีแพลนที่จะทำต่อ มีเรื่องในใจแล้ว อยากให้ติดตาม  

ซีรีส์Y  โตในแพลตฟอร์มออนไลน์มาก คุณหน่องมีความเห็นอย่างไร

คุณหน่อง :  โตในแพลตฟอร์มออนไลน์มากขึ้น เป็นความสะดวกในการรับชม anywhere anytime  ทำให้ได้รับความสนใจจากคนรุ่นใหม่ๆ มันก็ไปได้เรื่อยๆ ของช่อง 3 ก็ทดลองในแพลตฟอร์มออนไลน์ในช่วงไพร์มไทม์ ก็พบว่าไปได้ดีมากค่ะ

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้ที่จำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ (Strictly Necessary Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้มีความสำคัญต่อการปฏิบัติการของเว็บไซต์ feedforfuture.co ซึ่งจะช่วยให้ท่านสามารถเข้าถึงข้อมูลและเนื้อหาต่างๆ ของเว็บไซต์เราได้ทุกส่วน โดยเฉพาะส่วนสมาชิกผู้ใช้งานของเว็บไซต์ ตลอดจนการตรวจสอบจำนวนผู้เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ของเรา

  • คุกกี้ด้านประสิทธิภาพการทำงานของเว็บไซต์ (Performance Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้ใช้เพื่อรวบรวมข้อมูลทางสถิติเกี่ยวกับการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน เพื่อวิเคราะห์ และช่วยให้เราทราบถึงพฤติกรรมการใช้งาน ซึ่งจะช่วยปรับปรุงการทำงานของเว็บไซต์เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดในการใช้งานบนเว็บไซต์ของเรา

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาเข้ากับกลุ่มเป้าหมาย (Targeting Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้ใช้ในการบันทึก และจดจำคุณลักษณะต่างๆ ที่ท่านได้เลือกขณะเข้าชมเว็บไซต์ของเรา เช่น หมวดหมู่ และเนื้อหาที่ท่านชอบอ่านมากที่สุด เราจะบันทึกข้อมูลเหล่านี้ และนำกลับมาใช้เมื่อท่านกลับเข้ามาที่เว็บไซต์ของเราอีกครั้ง เพื่อปรับให้ท่านได้รับชมเนื้อหาได้ตรงกับความชอบของท่านให้มากที่สุด

  • คุกกี้เพื่อนำเสนอโฆษณาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย (Advertising Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้ใช้เพื่อจดจำพฤติกรรมการอ่านเนื้อหาบนเว็บไซต์ของท่าน รวมถึงรายละเอียดของอุปกรณ์ที่ท่านใช้ เพื่อนำไปใช้วิเคราะห์การนำเสนอโฆษณาที่เหมาะสมกับท่านมากที่สุด และช่วยวัดความมีประสิทธิผลของโฆษณาที่เรานำเสนอด้วย ตลอดจนช่วยป้องกัน หรือจำกัดจำนวนครั้งที่ท่านจะเห็นโฆษณาเดิมซ้ำๆ

บันทึก