ก่อนหน้าฟุตบอลโลก 2022 จะเริ่มต้น FEED มีโอกาสคุยกับ เศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) (และเชื่อกันว่าเป็น “ว่าที่” แคนดิเดตผู้บริหารประเทศในอนาคต) ถึงทิศทางและสิ่งที่น่าจะเรียนรู้จาก ฟุตบอลโลก ฉบับกาตาร์ ในฐานะทั้งนักบริหารและผู้สนใจกีฬาถึงขนาดเคยเป็น คอลัมนิสต์ในหนังสือพิมพ์กีฬามาแล้ว
เมื่อการแข่งขันเดินทางมาถึงรอบ 8 ทีมสุดท้าย เราชวนเขาคุยอีกครั้ง โดยเฉพาะเมื่อ ทีมชาติอังกฤษ ทีมที่เขาประกาศตัวเชียร์ มาถึงหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญเมื่อต้องพบกับ “แชมป์เก่า” ฝรั่งเศส อีกหนึ่งทีมเต็งในฟุตบอลโลกครั้งนี้
ทีมใหญ่มาพร้อมในรอบ 8 ทีมสุดท้าย
ภาพรวมของทีมที่เข้ารอบ 8 ทีมสุดท้าย เศรษฐา มองว่าเรื่องที่เหนือความคาดหมายมีเรื่องเดียวคือ เยอรมนีตกรอบแรก ที่เหลือเป็นเซอร์ไพรส์นิดหน่อยที่บางทีมแพ้ แต่การแพ้นัดแรก ก็เป็น Wake up call ที่ทำให้เขากระตือรือล้นมากขึ้น
ส่วนอังกฤษดีกว่าที่คิดไว้ในแง่การทำประตู แต่ก็ยังไม่ได้เจอทีมหนักๆ ที่จะมาเป็นบททดสอบว่ากองหลังจะเป็นอย่างไร
แต่น่าเสียดายที่ อังกฤษจะต้องมาพบกับฝรั่งเศส ในรอบก่อนรองชนะเลิศ ถือว่าเร็วไปนิดนึง เพราะมองว่า 3 ตัวเต็งในฟุตบอลโลกครั้งนี้ คือ อังกฤษ บราซิล และฝรั่งเศส พอ 2 ใน 3 ต้องมาพบกันในรอบ 8 ทีม ก็อาจจะทำให้รอบรองชนะเลิศจืดไปหน่อย
ขอใช้ใจมากกว่าสมองให้อังกฤษชนะ
ถ้าให้ผมต้องเลือก ผมเลือกอังกฤษมากกว่าฝรั่งเศส อาจจะเป็นใจมากกว่าสมองนิดนึง แต่ผมคิดว่าฟอร์มเขาเหมาะสม ครบเครื่องและผู้เล่นเด็ดๆ เยอะทั้งทีม โดยเฉพาะกอลกลางแน่นเอี้ยด มีทั้ง เดแคลน ไรซ์ และคนที่สำคัญที่สุด ผมว่า คือ จู๊ด เบลลิงแฮม ที่เป็นตัวบ็อกซ์ทูบ็อกซ์ เป็นกองกลางอังกฤษ ที่ไปเล่นให้โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ สโมสรในเยอรมนี
ประเมินกันว่าตอนนี้ เบลลิงแฮมน่าจะมีค่าตัวสูงถึง 150 ล้านยูโร อายุก็แค่ 19 ปียังไปได้อีกไกล และดูจากวิธีการเล่นทั้งรุกและรับ ทั้งการแทคเกิล การแตะบอล การพาบอลขึ้นไป สปีด และยิ่งไปกว่านั้นคือเรื่องควบคุมอารมณ์ ซึ่งรอบลึกๆ อย่างรอบตัดเชือกเรื่องอารมณ์เป็นเรื่องสำคัญ
ในขณะที่คนพูดถึงคีลิยัน เอ็มบั๊ปเป้ ของฝรั่งเศสกันเยอะ แต่ผมว่าคนก็พูดถึง จู๊ด เบลลิงแฮม น้อยไปนิดนึง
เอ็มบั๊ปเป้ คือคนที่เล่นปีก เกมรับไม่ได้เล่น เพราะถือว่าตัวเองเป็นซูเเปอร์สตาร์ เขาเล่นปีกซ้าย ต้องเจอทางปีกขวาของอังกฤษ คือ บูกาโย่ ซาก้า หรือไม่ก็ ฟิล โฟเด้น และต้องเจอแบ็กขวาอังกฤษ ไม่ คีแรน ทริปเปียร์ ก็ ไคล วอล์กเกอร์
ตอนที่อังกฤษรุก ถ้าเกิดว่าเอ็มบั๊ปเป้ไม่ลงมาช่วยรับ แบ็กซ้ายฝรั่งเศสจะเหนื่อยเพราะจะโดน 2 รุม 1 ทั้ง ปีกและแบ็กอังกฤษจะขึ้นมาตั้งแต่ล่างยันบน อันนี้วิเคระห์แบบคนไม่มีไลเซนต์โค้ชอะไรนะ (ยิ้ม) เพียงแต่วิเคราะห์ในมุมที่สนใจ
(ถาม-คิดว่าสกอร์จะออกมาเท่าไหร่)
ผมว่า อังกฤษชนะ 2-1 และถ้าอังกฤษผ่านฝรั่งเศสไปได้น่าจะถึงชิงแน่นอน เพราะอีกสายหนึ่งไม่ค่อยแข็งเท่าไหร่
(ถาม – ไม่มองโปรตุเกสที่จะเจอกับโมร็อกโก และผู้ชนะคู่นี้จะไปเจอกันในรอบรองชนะเลิศเลยเหรอครับ)
ผมว่าโปรตุเกสไม่น่าอยู่ในสายตา เปเป้ (กองหลังตัวหลัก) ก็แก่แล้ว ผมว่าไม่น่าไหว คริสเตียโน โรนัลโด้ ก็ไม่ได้ลง แต่ก็มีสตาร์ตัวใหม่ที่แฮตทริกไป (กอสเซโล รามอส) อย่างไรก็ตามการเป็นม้านอกสายตาที่ไม่มีความคาดหวัง โปรตุเกสก็อาจจะหลุดเข้ามาก็ได้
คู่ชิงในฝัน อังกฤษ- บราซิล
ผมอยากเห็น อังกฤษ-บราซิล เป็นคู่ชิงชนะเลิศ น่าจะเป็นคู่ที่มันที่สุด เพราะว่าในฐานะคนไทยที่ชอบดูฟุตบอล แฟนบอลไทย เชียร์อังกฤษนี่อันดับ 1 แต่รองลงมาก็คือ บราซิล เพราะฉะนั้นถ้าเจอกันเป็นสีสันแน่นอน พวกสปอนเซอร์ กิจกรรมต่างๆ น่าจะสนุกสนาน อาจจะกระตุ้นเศรษฐกิจในยามซบเซาได้บ้างเล็กน้อย
“คู่นี้น่าจะเป็นดรีมไฟนอลของคนไทย และนัดชิงเล่นกันตอน 4 ทุ่มเวลาบ้านเราด้วย ช่วง 4 ทุ่มนี่คือพีกไทม์พอดีเลย ก็หวังว่าน่าจะไปถึงได้ แต่ก็ยังอีกไกลครับตั้ง 2 แมตช์ แต่ที่ดีอีกอย่าง คือพวกใบเหลืองไม่มีใครติดเท่าไหร่ ไม่มีตัวบาดเจ็บ เพราะฉะนั้นไม่มีข้ออ้าง ฟูลทีมซัดกันเต็มที่ครับ”
อย่าปล่อยผ่าน ประเด็นใหญ่ในฟุตบอลโลก
ผมอยากจะฝากไว้นิดนึง ฟุตบอลโลกเป็นเวทีโลก ในแง่การแสดงความสามารถของนักกีฬา แต่จะไม่มีความหมายเลย ถ้าเราไม่หยิบยกประเด็นสังคมมาพูดด้วย เช่น เรื่องของการปล่อยก๊าซคาร์บอนสุงสุด เนื่องจากมีการก่อสร้างกันมโหฬาร เพราะกาตาร์ไม่มีอะไรเลย ต้องก่อสร้างทั้งสนามแข่งขัน และสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานเยอะ ทำให้มีรการปล่อยก๊าซเรือนกระจกออกมาเยอะมาก ทำลายสภาพแวดล้อมค่อนข้างจะเยอะ ประเด็นนี้ผมคิดว่าคณะกรรมการคัดสรรเจ้าภาพครั้งต่อๆ ไปต้องคำนึงถึง น่าจะเป็นประเด็นพอสมควรสำหรับประเทศที่ยังไม่มีความพร้อมเรื่องสาธารณูปโภค ไม่ว่าจะเป็นขนส่งสาธารณะหรือสนามแข่งขัน
เรื่องนี้เป็นประเด็นใหญ่เพราะอีกไม่กี่สิบปีโลกจะร้อนขึ้นอีก 1.5 องศาเซลเซียส ทำให้เกิดความพลิกผันทางอากาศเยอะแยะไปหมด ผมว่าฟุตบอลโลก เป็นกีฬาที่คนดูเยอะที่สุด ถ้าไม่หยิบยกมาพูดเลย มันก็จะเสียโอกาสในการให้ความรู้กับแฟนฟุตบอลด้วย ไม่ใช่พูดแต่เนื่อง เนย์มาร์ หรือ จู๊ด เบลลิงแฮม อย่างเดียว
รวมทั้งเรื่องสิทธิมนุษยชน ที่กาตาร์ใช้แรงงานต่างชาติ บังคับทำงานในช่วงอุณหภูมิ 50 องศาเซลเซียส โดยให้พักผ่อนไม่พอ น้ำดื่มไม่พอ เมื่อไม่สบายก็ส่งเขากลับบ้านโดยไม่มีการจ่ายเงิน พอเขากลับบ้านไปก็ไตวาย อันนี้พิสูจน์ได้อย่างชัดเจน เป็นเรื่องที่เราควรตระหนักว่าการที่เรามีความสวยงาม มีเวทีระดับโลกให้เราสนุก ดุฟุตบอลดีๆ แต่เบื้องหลังมันก็ต้องหยิบยกมาพูด ไม่ใช่มาด่ามาว่ากัน แต่ให้คนรุ่นหลังเข้าใจว่ามาทำอย่างนี้มันก็มีผลเสียเหมือนกัน
หรือวันเปิดก็ไม่ยอมเรื่องการใส่สัญลักษณ์รุ้งหลากสี LGBTQ ก็ไม่ยอมให้ใส่ ถ้าคุณเป็นเจ้าภาพคุณต้องยอมรับหลักสากลให้ได้ว่าทั่วโลกเขาทำอะไรกัน อยู่ๆ ไปบอกเขาในนาทีสุดท้ายไม่ให้ใส่ ถ้าใส่จะให้ใบเหลือง (มีบางทีมจะขอใส่สัญลักษณ์รุ้งหลากสี) มันไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไร เราไม่ได้เอาการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องแต่นี่คือเรื่องสิทธิเสรีภาพของคน
อาจจะนอกเรื่องฟุตบอลไปนิดนึงแต่อยากจะฝากไว้ว่า เรื่องของเกร็ดพวกนี้มันเป็นการเสียโอกาส ถ้าเวทีใหญ่ขนาดนี้ ปัญหาสำคัญของโลกมนุษย์ไม่ได้ถูกหยิบยกขึ้นมาพูด โดยเฉพาะเมื่อมีการเกี่ยวโยงอย่างชัดเจน
สัมภาษณ์ : เอกภัทร เชิดธรรมธร
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
เศรษฐา ทวีสิน : มากกว่าดูเกมในสนาม ฟุตบอลโลกคือโอกาสเรียนรู้ด้านการจัดการ