เรื่องราวของเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่มีหัวใจเป็นผู้หญิง แต่ต้องปกปิดตัวตนจากพ่อซึ่งมีอาชีพเป็นทหาร และแม่ที่เป็นพยาบาล ในบทเพลง “ไอ้สอง” ของวงไททศมิตร (TaitosmitH) ที่ถ่ายทอดเนื้อหาอย่างได้อารมณ์ เพื่อร่วมสนับสนุนการยอมรับความหลากหลายทางเพศ บังเอิญคล้ายคลึงกับเรื่องราวชีวิตจริงของ “ศุภวิชญ์ ผ่องใส” พนักงานฟรีแลนซ์ ที่เธอมาร่วมพูดคุยกับ FEED ถึงชีวิตครอบครัว และอาชีพฟรีแลนซ์สุดครีเอท “รับจ้างจองโต๊ะ”
ศุภวิชญ์ ผ่องใส ปัจจุบันอายุ 24 ปี เธอเล่าว่าตัวเองเกิดในครอบครัวที่มีพ่อเป็นทหาร และแม่เป็นพยาบาล ท่ามกลางสังคมในขณะนั้นที่ยังไม่ยอมรับความหลากหลายทางเพศมากเท่าไร ทำให้ต้องคอยปกปิดตัวเองกับที่บ้าน
“ความรู้สึก ณ ตอนนั้นเข้าใจว่าทางครอบครัวอาจจะรู้สึกอายที่มีลูกเป็น LGBTQ เพราะว่าเขาก็คาดหวังอยากให้รับราชการ เราก็เลยมีความกดดันว่าเรากลัวทำให้เขาเสียใจเราก็แอบ ๆ หลบ ๆ ซ่อน ๆ มาตลอด”
ศุภวิชญ์ เล่าถึงความรู้สึกในวัยเด็ก
เธอเล่าว่าสมัยเรียนอยู่ชั้นประถมฯ จะปลดปล่อยความเป็นตัวเองเวลาอยู่กับเพื่อนๆ ที่โรงเรียน แต่มีคุณครูท่านหนึ่งไปบอกกับครอบครัวว่าลูกคุณพ่อคุณแม่ตุ้งติ้งนะ ตอนนั้นเรารู้สึกว่าเรากลัวแล้ว พอกลับบ้านไปทางครอบครัวก็บอกว่ารักเรานะ แต่ก็ได้ตีเรา 3 ครั้งนะ หลังจากนั้นก็ไม่มีการพูดถึงเรื่องที่เราเป็น LGBTQ อีกเลย ครอบครัวก็เริ่มยอมรับมากขึ้น แต่ต้องอยู่ในความเหมาะสม
ตอนเด็กยังถูกล้อเลียนบ่อยๆ แต่คำที่ฝังใจคือ ตุ๊ด ผิดเพศ เธอบอกว่ารู้สึกอ่อนไหวง่ายกับสองคำนี้ เมื่อถูกล้อก็อยากจะด่ากลับ แต่ก็เลือกที่จะเฉยไม่สนใจ หันไปใส่ใจตัวเอง เพิ่มความสามารถให้ตัวเองดีกว่า
ศุภวิชญ์ เล่าต่อว่าเมื่อเธอโตขึ้นก็มีความฝันอยากจะเป็นครู เพราะเป็นคนรักเด็ก แต่เธอรู้สึก LGBTQ จะไปเป็นครูยากมากในหลายๆ เรื่อง เช่น เรื่องบุคลิกภาพ การแต่งกาย การตัดผมสั้นเกรียน การเป็นตัวตนของตัวเอง จึงทิ้งความฝันและเลือกทำงานฟรีแลนซ์มาโดยตลอด เช่นงานพิธีกร และงานล่าสุดคือ “รับจ้างจองโต๊ะ”
ลักษณะงานจะมีคนกลางซึ่งเป็นแอดมินเป็นผู้รับงานจากลูกค้าว่ารายละเอียดร้านเป็นแบบไหน สถานที่อยู่ที่ไหน ต้องการโต๊ะบริเวณไหน เวลากี่โมง จากนั้นติดต่อมาที่เราให้ไปจองโต๊ะตามเวลาที่ลูกค้าต้องการ ซึ่งลูกค้าก็จะให้สั่งเครื่องดื่ม หรืออาหารทานบ้าง ระหว่างที่รอเพื่ออุดหนุนร้านอาหารไปด้วย ก่อนที่ลูกค้าจะมาใช้บริการตามปกติ ก็ถือว่าเสร็จงาน
ลูกค้าส่วนใหญ่ก็จะเป็นพนักงานออฟฟิศ กลุ่มคนทำงาน ที่เลิกงานเย็นหรือดึก และอยากทานอาหาร ไปคาเฟ่ หรือไปเที่ยวสถานที่ชื่อดัง จะต้องไปรอคิวค่อนข้างนาน เราก็ทำหน้าที่แทนตรงนี้ ไปรอให้ถ้าลูกค้ามาถึง คุณมีโต๊ะนั่งแน่นอน
งานรับจ้างจองโต๊ะ ส่วนใหญ่คนที่มาทำงานนี้มีตั้งแต่กลุ่มฟรีแลนซ์ กลุ่มที่หารายได้เสริม และกลุ่มผู้สูงอายุก็มาทำงานนี้ค่อนข้างเยอะ เนื่องจากงานนี้ไม่ได้ปิดกั้นเพศ อายุ ขอเพียงคุณมีความรับผิดชอบ ใส่ใจรายละเอียด ก็สามารถมาทำงานได้ ไม่ได้ปิดกั้นใคร
“รายได้จะอยู่ที่ชั่วโมงละ 100 บาท ทำงานวันละ 6-7 ชั่วโมง ร้านที่ลูกค้าจองจะอยู่ที่ย่านถนนข้าวสารเป็นส่วนใหญ่ แต่อาชีพนี้ก็เผชิญกับโควิดเช่นกัน เนื่องจากร้านอาหาร คาเฟ่ สถานบันเทิง ปิดให้บริการ และบางร้านก็ไม่อนุญาตให้เข้าไปจองโต๊ะ แม้จะสั่งเครื่องดื่มและอาหารมาทานรอลูกค้า เพราะเขาเห็นว่าเราไม่ใช่ลูกค้าตัวจริง เราก็ต้องเคารพกฎของร้านที่แตกต่างกันไป”
ศุภวิชญ์ เล่าถึงรายได้และอุปสรรคในการทำงาน
ศุภวิชญ์ ขอฝากอาชีพ “รับจ้างจองโต๊ะ” หากใครสนใจใช้บริการ หรือสอบถามรายละเอียดการใช้บริการสามารถติดต่อได้ที่ Facebook : Book a Table รับจองโต๊ะ