ลืมไปเลยว่าเคยใส่รองเท้าผ้าใบ เพราะรองเท้าแตะก็ใส่วิ่งได้ (หรอ ?) จากความเจ็บปวดเมื่อรองเท้าผ้าใบพังในงานวิ่งมาราธอน ทำให้ “เวย์ วาที วิเชียรนิตย์” อดีตโปรแกรมเมอร์ ต้องซื้อรองเท้าแตะจากร้านสะดวกซื้อใส่วิ่งจนจบพบว่ารองเท้าแตะก็ใส่วิ่งได้ และใส่สบายด้วย
เขาจึงปิ๊งไอเดียผลิตรองเท้าแตะวิ่งแบรนด์คนไทย ภายใต้แบรนด์ “V-ing” (วี-อิ้ง) น้ำหนักเบา พกง่าย ไม่กัด ทนทาน ใส่วิ่งได้สบายเท้า เนื่องจากนักวิ่งหลายคนประสบปัญหารองเท้ากัด หรือ ใส่รองเท้าวิ่งปกติแล้วไม่สบายเท้า หรือได้รับการบาดเจ็บ
แม้ในช่วงเริ่มต้น V-ing จะไม่มีเงินลงทุนไม่สูงนัก แต่ก็ไม่ใช่ปัญหา ด้วยการจัดรายการวิ่งเวอร์ชวลรัน โดยแจกรองเท้ารุ่นแรก ให้ผู้สมัครวิ่งได้ลองสวมใส่ ที่สามารถระดุมทุนก้อนแรกเพื่อผลิตสินค้าจำหน่ายในล็อตต่อ ๆ มาได้ และมากไปกว่านั้นคือทำให้ผู้สมัครวิ่งนั้นลองใช้สินค้าของแบรนด์ มีการถ่ายรูปและแชร์ต่อในโซเชียลมีเดียจนกลายเป็นกระแสในกลุ่มนักวิ่ง รวมถึงส่งฟีดแบ็คกลับมานำมาพัฒนาสินค้าต่อ
จากนั้นก็พัฒนา และทดสอบจนได้เป็นรองเท้าแตะ V-ing รุ่น 100k ที่การันตีแล้วว่าสามารถวิ่งระยะทางเกิน 100กิโลเมตรต่อเนื่อง จับกลุ่มลูกค้าอัลตร้ามาราธอนหรือคนที่วิ่งระยะไกล
ด้านการตลาดนั้น บริษัทชูจุดขายการเป็น รองเท้าแตะวิ่งมาราธอน และเป็นสปอนเซอร์ให้กับนักวิ่งอัลตร้าหลายคนที่ใส่ชนะการแข่งขันมาแล้ว รวมถึงจับกลุ่มตลาดผู้สูงอายุ สำหรับกลุ่มผู้มีปัญหาสุขภาพเท้า เช่นรองช้ำ ปวดข้อเข่าอีกด้วย ทำให้หลังตลาดเพียงไม่นาน บริษัทก็มียอดขายทะลุ 15 ล้านบาทต่อปี และมีแฟนคลับกลุ่มคนชอบใส่รองเท้าแตะวิ่งด้วย
แนวคิดการทำธุรกิจของ เวย์ วาที ผู้ก่อตั้งแบรนด์ V-ing คือการ กระจายงานให้ผู้เชี่ยวชาญแต่ละส่วนทำ ส่วนเจ้าของธุรกิจเลือกทำงานที่สำคัญ ๆ เพื่อให้มีเวลาโฟกัสกับสิ่งที่ต้องทำจริง ๆ เท่านั้น
เราไม่ใช่คนขยันผมเป็นคนขี้เกียจ นั่นคือข้อดี เราพยายามที่จะไม่ทำเอง แต่หาคนที่เขาทำได้ แล้วก็ยกงานให้คนโน้น คนนี้ทำ อันไหนที่มันสำคัญแล้วค่อยทำเอง แล้วผมไม่ได้โฟกัสที่ปัญหา ผมไม่เคยรู้สึกว่าอุปสรรคคือปัญหา มันเป็นโอกาสทั้งหมดเลยมากกว่า ถ้าอันไหนมันยังไม่มี ถ้าอันไหนเป็นปัญหา ทำไม่ได้ ผมคิดไว้เสมอว่าถ้าเราทำได้มันคือโอกาสของเรา
เวย์ วาทีกับแนวคิดการทำธุรกิจของเขา