“แต้ว” สุดาพร สีสอนดี เคยสร้างความประทับใจให้แฟนกีฬาชาวไทย กับการคว้าเหรียญทองแดงมวยสากลสมัครเล่น รุ่นไลท์เวต 60 กิโลกรัมหญิง ในมหกรรมกีฬาโอลิมปิกเกมส์ 2020 ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น และทำให้เธอกลายเป็นกำปั้นหญิงไทยคนแรกในประวัติศาสตร์ที่สามารถคว้าเหรียญโอลิมปิกมาครองได้สำเร็จ
หลังจากจบโอลิมปิก แต้ว สุดาพร ได้ลงแข่งกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 31 ที่ประเทศเวียดนาม เมื่อเดือนพฤษภาคม 2565 ปรากฏว่าเธอตกรอบ 8 คนสุดท้าย ซึ่งหลังการชกกำปั้นสาววัย 31 ปี ยอมรับว่าตนเองมีอาการบาดเจ็บที่หัวไหล่ขวา ทำให้ออกหมัดไม่ได้อย่างที่ตั้งใจ และขอโทษแฟนมวยชาวไทย ที่ไม่สามารถคว้าเหรียญกลับมาได้
จนกระทั่งเมื่อเดือนกรกฎาคม 2565 แต้ว สุดาพร ได้เปิดใจให้สัมภาษณ์กับ FEED โดยระบุว่า ได้ตัดสินใจอำลาทีมชาติไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และผันตัวมาทำหน้าที่ผู้ช่วยโค้ชมวยสากลหญิงทีมชาติไทยแทน โดยมีภารกิจแรกคือนำน้องๆ นักมวยหญิงทีมชาติไทย เดินทางไปทำศึกมวยสากลหญิงรายการ “XVII International Silesian Women’s Boxing Championships” ที่เมืองกลีวิช ประเทศโปแลนด์ ระหว่างวันที่ 4-11 กันยายน 2565
“อาการบาดเจ็บของแต้วคือเจ็บสะบักหลังข้างขวา มันทำให้เวลาฝึกซ้อม มันขัด มันซ้อมได้ไม่เต็มที่ ยกแขนไม่ขึ้น ตอนที่ไปแข่งซีเกมส์ที่เวียดนาม ก็คืออาการบาดเจ็บรุนแรงเลย เจ็บแบบว่ายกแขนไม่ขึ้น ทำให้มีอุปสรรคในการแข่งขันด้วย”
“มันเจ็บ มันทรมานตัวเองมาก ก็มีการรักษาทำกายภาพที่การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) และตอนนี้แต้วก็ได้เปลี่ยนตำแหน่งจากนักกีฬามาเป็นผู้ช่วยโค้ช ตอนนี้เราก็ได้ดูน้องๆ มาช่วยสตาฟฟ์โค้ช แต่การวางโปรแกรมอะไรต่างๆ เรายังไม่ได้ทำ เราต้องศึกษางานกับทางสตาฟฟ์โค้ชอีกเยอะ เราก็เอาประสบการณ์จากที่เราเป็นนักกีฬามาปรับใช้กับน้องๆ”
“สิ่งแรกที่เราอยากเห็นคือ นักกีฬาเราประสบความสำเร็จ เราก็ต้องทำนักกีฬาให้มันเต็มที่ ต้องดูว่านักกีฬาแต่ละคนเป็นมวยสไตล์ไหน สิ่งไหนที่มันดี เราก็จะทำให้มันดีขึ้น สิ่งไหนที่เขาขาด เราก็ต้องเติมให้เขา” อดีตนักมวยเหรียญทองแดงโอลิมปิก 2020 กล่าว
แม้จะมีหลายคนมองว่าการคว้าเหรียญรางวัลในมหกรรมกีฬาโอลิมปิกเกมส์ อาจทำให้ชีวิตนักกีฬาเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น เพราะพวกเขาเหล่านั้นจะได้รับเงินอัดฉีดจากทั้งภาครัฐและเอกชน แต่ แต้ว สุดาพร ยืนยันว่า ชีวิตนักกีฬาไม่ได้จะสุขสบายไปหมดทุกคน
“บางคนอาจจะคิดว่าได้เหรียญโอลิมปิกมาแล้ว มันอาจจะสบายไปช่วงหนึ่ง แต่คือในชีวิตแต้ว แต้วไม่คิดว่าได้เหรียญมาแล้วมันจะสบาย เพราะเราเป็นเสาหลักของครอบครัว เราต้องดิ้นรนอยู่ตลอดเวลา บางครั้งอนาคตของแต่ละคนไม่รู้หรอกว่าจะเป็นยังไง แต่ตอนนี้แต้วขอทำหน้าที่ให้มันดีที่สุดก่อน แต้วต้องดูแลครอบครัวทุกอย่าง ตอนนี้แต้วมีแค่แม่นะ พ่อก็เสียไปแล้ว แต้วมีแม่กับน้อง แต้วก็ต้องดูแลเขาให้ดีที่สุด ถ้าไม่มีแม่ แต้วก็คงไม่มีวันนี้ได้”
แต้ว สุดาพร กล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ และน้ำตาคลอเบ้า
ไม่เพียงแค่นั้น อดีตกำปั้นเหรียญเงินเอเชียนเกมส์ 2018 ที่ประเทศอินโดนีเซีย และเหรียญทองซีเกมส์ 2019 ที่ประเทศฟิลิปปินส์ ยังเป็นที่พึ่งให้กับน้องชายในทุกสถานการณ์ ซึ่งแม้ว่าน้องจะมีครอบครัวมีลูกแล้ว แต่ก็ยังถือเป็นคนในครอบครัวอยู่เสมอ ก็ต้องดูแลกันไป ถ้าหากน้องมีความทุกข์ เขาก็จะมาระบายกับแต้ว และเราก็ต้องช่วยหาทางออกให้
“ที่แต้วคุยกับแม่ตลอดคือ ถึงแม้ว่าแม่จะเป็นยังไง น้องจะเป็นยังไง แต้วก็จะดูแล เพราะว่าเขาก็คือชีวิตหนึ่งของเรา ถ้าไม่มีแม่ แต้วก็คงไม่มีวันนี้ได้ แต่น้องก็คือน้อง เขาจะไปอยู่ที่ไหน เขาก็คือน้องเราเหมือนเดิม ค่าใช้จ่ายแต่ละเดือนก็เยอะอยู่ เราก็ต้องดูแลครอบครัว บางครั้งน้องเขามีความเดือดร้อน เขาก็จะมาหาเรา ถ้าเราช่วยได้ เราก็ช่วย”
สุดท้ายนี้ แต้ว อยากขอขอบคุณ FC หรือกำลังใจจากพี่น้องชาวไทยทุกคนที่ส่งให้แต้ว ไม่ว่ากระทั่งการฝึกซ้อม หรือว่าตลอดการแข่งขัน การที่เราจะทำอะไรถ้าไม่มีกำลังใจที่ดี มันก็จะประสบผลสำเร็จไม่ได้เลย ขอขอบคุณทุกกำลังใจจากทุกๆ ภาคส่วนด้วย
สรุปผลงานนักชกสาวไทยในรายการ “XVII International Silesian Women’s Boxing Championships” ที่เมืองกลีวิช ประเทศโปแลนด์ โดย แต้ว สุดาพร ประเดิมบทบาทผู้ช่วยโค้ชมวยสากลหญิงทีมชาติไทยเป็นรายการแรก ปรากฏว่า ขุนพลกำปั้นสาวไทยคว้ามาได้ 2 เหรียญทอง 1 เหรียญเงิน และ 1 เหรียญทองแดง
โดย 2 เหรียญทองได้จาก จุฑามาศ จิตรพงศ์ รุ่น 54 กิโลกรัม กับ ใบสน มณีก้อน รุ่น 70 กิโลกรัม 1 เหรียญเงินได้จาก นิลาวัลย์ เตชะสืบ รุ่น 57 กิโลกรัม และ 1 เหรียญทองแดงได้จาก พัณพัชรา สมนึก รุ่น 66 กิโลกรัม