การประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2023 ปีนี้ แฟนนางงามมีโอกาสได้เห็นสาวงามผู้เข้าประกวดมากหน้าหลายตา หลากอาชีพ ตบเท้าเข้าร่วมการประกวดเป็นจำนวนมาก หนึ่งในนั้นมีสาวงามที่เป็นพยาบาลสาว ขออนุญาตลงเวรมาขึ้นเวทีประกวด นั่นก็คือ “ซาร่า สุภัสสรา สุปัญญา” MUT อุดรธานี กับภารกิจพิชิตความฝันที่มีมาตั้งแต่เด็ก ที่เธอตั้งใจอยากจะทำให้สำเร็จ
FEED ที่ได้เจอซาร่าในรอบ Moment Per Second by AssetWise เลยถือโอกาสดีพูดคุยกับเจ้าตัว ถึงเส้นทาง Road To Miss Universe Thailand ที่เธอเล่าว่าเป็นความฝันที่อยากจะทำให้สำเร็จถึงขั้นยอมดรอปบทบาทพยาบาลสาว เพื่อมาทำตามความฝันในครั้งนี้
“สวัสดีค่ะ ซาร่า MUT 02 อุดรธานีค่ะ ซาร่ามีความฝันค่ะ ชอบดูนางงามตั้งแต่เด็กๆ อยากลองทำดูบ้าง ตอนเด็กๆ ก็ได้มีโอกาสไปประกวดเป็นหนูน้อยนพมาศค่ะ ผลที่ตอบรับออกมาก็ไปในเชิงที่ดี ทีนี้พอโตขึ้นมาก็เลยเลือกเรียนพยาบาลค่ะ แต่ก็ยังไม่ถึงความฝันการเป็นนางงามนะคะ เพราะว่าพอมีเวลาว่างจากการฝึกงานหรือว่าวันหยุด ซาร่าก็ยังไปเดินสายประกวด แต่ในใจของเราคือเรายกให้เวทีมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์คืออันดับหนึ่งของเวทีนางงามในประเทศไทย การทำงานก็ต้องมีการเลื่อนขั้นทำผลงานเพื่อที่จะได้เลื่อนตำแหน่งใช่ไหมคะ การประกวดนางงามก็เหมือนกันค่ะ ซาร่าให้มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์คืออันดับข้างบนสุดที่ซาร่าต้องการจะพัฒนาตัวเองให้ไปถึงความสำเร็จระดับนั้นได้ค่ะ ก็เลยเลือกมาที่มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ปีนี้”
“เราได้เห็นแพลตฟอร์มการประกวดนางงามที่ไม่ได้วัดกันแค่ความสวย นางงามยังเป็นแรงบันดาลใจให้กับอีกหลายๆ คน ซาร่ารู้สึกว่าเราก็สามารถทำได้ เราเคยเป็นผู้รับเพราะเราเป็นผู้ชมนางงาม แล้ววันนึงเราก็อยากเป็นนางงามที่เป็นผู้ให้ตอบแทนแรงบันดาลใจตอบคืนให้กับสู่สังคม ให้ทุกคนได้รับรู้แล้วก็ได้รับแรงผลักดันในด้านบวก”
เลือกเรียนพยาบาล โดยที่ความฝันในเส้นทางนางงามก็ไม่เคยทิ้งให้หายไป
ซาร่า : ตอนที่เรียนพยาบาลอยู่เราก็ทุ่มเทให้กับทั้งสองบทบาท รับผิดชอบในการเป็นนักศึกษาพยาบาล แล้วก็ประกวดนางงามเพื่อหาประสบการณ์ พัฒนาตัวเองและที่สำคัญคือได้ค่าขนมมาดูแลตัวเอง แสดงให้พ่อแม่ได้เห็นว่าการเป็นนางงามก็ไม่ได้แย่ แล้วหนูก็รับผิดชอบในเรื่องของการเรียนได้ดีค่ะ ทีนี้พอเรียนจบมาตอนนั้นจำได้ว่าเป็นปีที่พี่แอนนา เสืองามเอี่ยม ประกวดค่ะ พี่เลี้ยงชวนซาร่าว่าเรียนจบลองดูหน่อยไหมมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ จริงๆ เราก็คุยกันมานานมากแล้วว่าเวทีนี้เราต้องมาให้ได้ครั้งหนึ่งในชีวิต ตอนนั้นก็เรียนเพิ่งจบใหม่มันก็มีจะมีความลังเลใจเกิดขึ้นมาแว้บนึง ว่าเราจะเลือกเดินทางไหน คุณพ่อคุณแม่ก็เคารพการตัดสินใจ ซาร่าก็เลยขอคุยกับพี่เลี้ยงก่อนว่า ถ้าอย่างงั้นหนูขอก้าวเข้าสู่วิชาชีพพยาบาลก่อน เพราะว่ามันจะมีการสอบใบประกอบวิชาชีพค่ะ เป็นเด็กจบใหม่เราก็อยากจะมีประสบการณ์ในการทำงานจริงๆ ตอนเป็นนางงามเราก็เก็บประสบการณ์ตั้งแต่อายุ 17 มาแล้วเดินสายมาตลอด มันต่อยอดได้เรื่อยๆ ก็เลยหยุดเพื่อทำงานไปปีนึงค่ะ
“แต่ก็มีประกวดนะคะวันหยุดก็มีไปลงเวทีวัฒนธรรม นพมาศ สงกรานต์อะไรก็ว่าไป มีโอกาสก็ไป ทีนี้พอมันอิ่มตัวในเรื่องของการทำงานแล้ว พี่เลี้ยงบอกว่าปีนี้เขามีระดับจังหวัดสนใจไหม โห รออะไรล่ะคะก็เอาเลยสิ ตอนนั้นก็หวังแค่ว่า อ่ะลองดู ถ้าเกิดว่ามิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์มันใช่สำหรับเรา ระดับจังหวัดเราต้องมงแน่นอน ก็เลยมงที่จังหวัดอุดรธานีแล้วก็ได้มาต่อยอดที่นี่ค่ะ”
หน้าที่การงานมีผลต่อการมาทำตามความฝันเราขนาดไหน
ซาร่า : ซาร่าทำงานที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งที่ขอนแก่นนะคะ ก็ตอนสัมภาษณ์งานทางผู้ใหญ่ก็รับทราบอยู่แล้วค่ะว่าเราเป็นเด็กกิจกรรม เคยประกวดดาวมหาลัยแล้วก็เป็นนางงามเดินสายมาก่อน แล้วก็เรามองว่าจุดนี้มันคือจุดแข็งที่องค์กรอยากให้เราทำงานด้วย เพราะว่าพยาบาลนอกจากจะเป็นหัตถการดูแลเรื่องภาวะการเจ็บไข้ได้ป่วยแล้ว การเซอร์วิส ยิ้มไหว้ทักทาย บุคลิกก็สำคัญเหมือนกันค่ะ แล้วเราก็เคลียร์กับทางผู้ใหญ่ด้วยว่าถ้าระหว่างการทำงาน เราสามารถไปประกวดด้วยได้ไหม ซึ่งก็มีการอธิบายแล้วทุกอย่างก็ไม่ได้ผิดกฎของทางโรงพยาบาล แต่ว่าเราจะต้องเซฟตัวเองในเรื่องของภาพลักษณ์ ซึ่งเวทีวัฒนธรรมแน่นอนค่ะไม่มีภาพลักษณ์ที่เสียหายแน่นอน เป็นการส่งเสริมวัฒนธรรมไทยด้วยซ้ำค่ะ แล้วก็การจัดสรรตารางเวร ตารางเวลา เราก็จะคุยกับหัวหน้าในแผนกว่าอาจจะสามารถไปวันไหนได้บ้าง ซึ่งซาร่าไม่เคยใช้ขอสิทธิพิเศษ ไม่เคยใช้ขอลาพักร้อนเพิ่มเติมค่ะ ก็ถ้าวันไหนหัวหน้าจัดมาว่าซาร่าหยุดช่วงนี้ แล้วบังเอิญมีงานประกวดซาร่าก็ไป หรือถ้ามันชนกันซาร่าก็เลือกทำงานก่อน เพราะตอนนั้นเราเป็นพยาบาลวิชาชีพ อันดับแรกสุดตอนนี้ก็คือต้องเป็นพยาบาลทำหน้าที่ตรงนี้ให้เต็มที่ที่สุดก่อน
“พอเห็นมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์รับสมัครรอบจังหวัด ก็เลยลองคุยกับหัวหน้าดูว่าหนูอยากไปทำตามความฝัน ซึ่งผลตอบรับคือดีมาก หัวหน้า คุณหมอ พี่ๆ ในแผนกเชียร์ ทุกคนสนับสนุนค่ะ กลายเป็นว่าทุกคนสนับสนุน แล้วหนูก็จัดสรรตารางเวลาได้พอดีเป๊ะ วันหยุดตัวเองก็ไปประกวดที่อุดรธานี พอสวมมงกุฎปุ๊บวันถัดมาหนูก็กลับมาขึ้นเวร ตอนนี้ก็ก้าวเข้าสู่มาเป็นบทบาทนางงามเต็มตัว หนูก็เลยเลือกที่จะดรอปอาชีพพยาบาลไว้ก่อนเพื่อที่เราจะได้เต็มที่กับการเก็บตัวค่ะ แต่ถึงแม้ว่าหนูจะดรอปตรงนั้นไว้แล้วมาประกวดนางงาม แต่จิตวิญญาณเราก็ยังเป็นพยาบาลและเป็นนางงามด้วยค่ะ เพราะความฝันของเราก็อยากเป็นทั้งสองสิ่งนี้ค่ะ”
ยอมดรอปหน้าที่การงาน เพื่อมาทำตามความฝัน
ซาร่า : แรกๆ กดดันมากเลยค่ะ เพราะว่าที่บ้านก็เป็นห่วงในเรื่องของความมั่นคง แล้วเราก็มีแพชชั่นในการประกวดมาตั้งแต่เป็นวัยรุ่นเลย คุณพ่อคุณแม่ก็รับทราบดีว่าความฝันของเราอยากเป็นทั้งพยาบาลและเป็นนางงาม มันกดดันมากๆ ตรงที่ว่าตอนที่หนูสมัครไปหนูยังไม่ได้ปรึกษาที่บ้าน แต่พอเพจต่างๆ ให้กระแสตอบรับดีว่าซาร่าพยาบาลสาว Road to มิสยูนิเวิร์สอุดรธานี คุณพ่อก็เลยโทรมาถามว่าหนูจะไปประกวดหรอลูก เราก็คุณพ่อโทรมาถามขนาดนี้แล้ว เราก็พูดค่ะว่าความฝันของหนูคือการเป็นนางงาม ตอนเนี่ยพยาบาลหนูเป็นได้แล้วนะ แต่เหลือความฝันอย่างหนึ่งที่ยังทำไม่ได้ก็คือมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ เพราะฉะนั้นแล้วหนูขอลองทำตามฝันครั้งนี้ให้เต็มที่ดูก่อน ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นยังไงก็ช่าง หนูมองว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เราได้เก็บประสบการณ์ครั้งนี้มันจะพัฒนาให้ซาร่ากลายเป็นซาร่าเดอะเบสเวอร์ชั่นค่ะ แล้วก็เรื่องวิชาชีพเราก็ไม่ทิ้งแน่นอนเพราะความรู้มันยังอยู่ที่เรา จิตวิญญาณเรายังเป็นพยาบาลอยู่ คุณพ่อก็เลยโอเคลูก พ่อแค่อยากรู้ ถ้าหนูวางแผนไว้แล้วเต็มที่เลยไม่ว่าจะเป็นยังไงพ่อสนับสนุน ความกดดันมันก็เลยหายไปหมดเลยค่ะ
“ตอนนี้มีแค่กำลังใจดีๆ จากที่บ้านแล้วก็พร้อมสู้เต็มที่ ซาร่าไม่เคยมองว่าตัวเต็งต่างๆ มากดดันเรา เราไม่มองอย่างนั้นค่ะ จริงอยู่ว่าการประกวดเป็นการแข่งขัน แต่ซาร่ามองว่าตัวเต็งคือตัวอย่างที่ดีที่เราจะนำข้อดีของเค้ามาพัฒนาตัวเราเอง สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือตัวเราเองค่ะ เราต้องแข่งขันกับตัวเอง เรารู้ดีว่าตัวเองด้อยตรงไหน เพราะฉะนั้นแล้วคนที่จะปิดจุดบอดของตัวเองได้ก็คือตัวเราค่ะ”
การเป็นนางงาม จะช่วยเป็นกระบอกเสียงเพื่อเพื่อนร่วมอาชีพได้อย่างไรบ้าง
ซาร่า : ซาร่ามองว่าอันนี้ก็เป็นโอกาสที่ดี ถ้าสมมติว่าเราได้เป็นมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์นะคะ ซาร่าก็พร้อมที่จะใช้กระบอกเสียงตัวเอง ในการไม่ใช้คำว่าเรียกร้องดีกว่า ในการกระจายเสียงในมุมมองความคิดของทางวิชาชีพเราว่า ณ ตอนนี้เราวิชาชีพพยาบาลเราต้องการอะไร ต้องการแก้ไขปัญหาที่จุดไหน เพื่อที่จะยกระดับแล้วก็ให้คุณภาพของบุคลากรวิชาชีพนี้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น มีคำว่า Work-Life Balance ที่เกิดขึ้นจริงที่ไม่ใช่แค่คำพูดสวยหรูค่ะ แต่มันก็เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนด้วย เขาเรียกว่าอะไร เวลาที่สื่อหรือว่ามีคนยิงคำถามแบบนี้มาเนอะ ซาร่าก็จะตอบในมุมมองของเด็กคนหนึ่งนะคะที่เพิ่งเรียนจบแล้วก็เพิ่งเป็นพยาบาลได้แค่ปีเดียว ถามว่าเรามองเห็นปัญหาหลายๆ อย่างไหม เรามองเห็น ฉะนั้นแล้วซาร่ามองว่ามันจะฟังความข้างเดียวฟังเสียงจากเราข้างเดียวไม่ได้ เพราะว่าบุคลากรวิชาชีพนี้มีอยู่มาก แล้วด้วยอะไรต่างๆ ซาร่ามองว่ามันเกิดขึ้นที่โครงสร้างของการบริหาร ถ้าเรามีการขยายความเจริญในเรื่องของการเข้าถึงสิทธิการรักษาได้ทุกพื้นที่ ประชาชนได้รับสวัสดิการขั้นพื้นฐานตรงนี้ทุกคน จำนวนผู้ป่วยของเราอาจจะมีจำนวนที่ลดลงก็ได้ หรือว่าได้รับการดูแลที่มากขึ้น มันจะไม่มีการกระจุกหรือว่าโอเวอร์โหลดงานผู้ป่วยแค่ที่ใดที่หนึ่งค่ะ เมื่อใดก็ตามที่ผู้ป่วยไปกระจุกอยู่แค่โรงพยาบาลที่เจริญแค่ที่เดียว แต่บุคลากรมีจำนวนเท่าเดิม แน่นอนว่าโอเวอร์โหลดแน่
“ซาร่าก็เคยสัมผัสจุดนั้นมาแล้ว ตอนที่ฝึกปฏิบัติการเป็นนักศึกษาพยาบาล ซาร่ามองว่ามันต้องแก้ปัญหาจากทุกๆ ภาคส่วนเลยค่ะ แต่ก็หวังว่าเราจะใช้เสียงของเราให้เกิดการจุดประกายประเด็นนี้ขึ้นมา ได้ดังและกว้างที่สุด เพื่อที่จะให้ทุกคนได้ตระหนักถึงตรงนี้ อย่างน้อยถึงแม้ว่าหนูจะไม่ได้เปลี่ยนแปลงทุกอย่าง 100% แต่หนูเชื่อว่ามันจะดีขึ้นได้ค่ะ”