กระแสพรรคก้าวไกล ยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง และพุ่งแรงแบบฉุดไม่อยู่ โดยเฉพาะในช่วงโค้งสุดท้ายของการเลือกตั้ง 2566 และเมื่อพิจารณารายชื่อผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคทั้งระบบบัญชีรายชื่อ และส.ส.เขต พบว่าพรรคก้าวไกลถือเป็นอีกหนึ่งพรรคที่ส่งผู้สมัครหน้าใหม่หลากหลายอาชีพลงสู้ศึกเลือกตั้งครั้งนี้จำนวนมาก หนึ่งในนั้นคือ ภคมน หนุนอนันต์ หรือ ลิซ่า สาวพัทลุง ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ จากพรรคก้าวไกล ซึ่งเธอเป็นอดีตนักข่าวภาคสนาม สายการเมืองมาก่อน

FEED จึงได้พูดคุยกับ ลิซ่า ถึงเส้นทางชีวิตของเธอ กับการตัดสินใจทิ้งอาชีพสื่อมวลชน จากภาคสนามข่าวมาลงสนามการเมือง

ลิซ่า ภคมน : สวัสดีค่ะ ภคมน หนุนอนันต์ ชื่อเล่นชื่อลิซ่า เป็นคนจังหวัดพัทลุง เรียนจบปริญญาตรีคณะนิเทศศาสตร์ วารสารศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ จบปริญญาโทรัฐศาสตร์  มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ที่บ้านทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ขายวัสดุก่อสร้าง

ภคมน หนุนอนันต์
ภคมน หนุนอนันต์

นักข่าวการเมืองอาชีพในฝัน

ลิซ่า ภคมน : เรารู้ตั้งแต่เด็กว่าเราชอบอะไร อยากเป็นอะไร เลยตั้งใจว่าเราจะเรียนนิเทศศาสตร์ ก็ตัดสินใจเข้ามาเรียนที่มหาวิทยาลัยกรุงเทพ เพื่อที่เรียนจบแล้วจะมาเป็นนักข่าวทีวี ส่วนที่เลือกสายการเมืองเพราะการเมืองไม่ใช่เรื่องไกลตัวเลยสำหรับเรา ครอบครัวเราคุยเรื่องการเมืองเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว พอเรียนจบก็ไปสมัครงาน และได้เป็นนักข่าวการเมืองสมใจ

ความเจ็บปวดของ ลิซ่า ก้าวไกล

ลิซ่า ภคมน : เราเป็นนักข่าวช่วงปลายปี 2553 เป็นช่วงเวลาที่สถานการณ์ทางการเมืองมันพีคมากๆ เพราะมันคือช่วงหลังการสลายการชุมนุม เราก็ได้เห็น เราได้รู้หลายๆ อย่าง วันหนึ่งเรามาอยู่ในวงที่ไม่ใช่แค่ผู้ชมที่ดูผ่านทีวีแล้ว เราเป็นคนที่ต้องทำงาน เราเป็นคนที่ต้องนำเสนอ คือช่วงนั้นเป็นช่วงที่เราเรียนจบใหม่ๆ ยังแยกไม่ได้ว่านี่คืองาน นี่คือความรู้สึกส่วนตัว นี่คืออุดมการณ์ ทุกอย่างมันดิ่งไปหมด แล้วก็เราได้รับมอบหมายให้ทำสกู๊ปข่าวครอบครัวของผู้เสียชีวิต ทั้ง 99 ศพ จำไม่แม่นว่าเราทำไปกี่ครอบครัว แต่ทุกครั้งที่เราไปเรารู้สึกว่ามันแย่ เราจัดการกับความรู้สึกเราไม่ได้ เราไปเห็นบ้านเขาแล้วเรารู้สึกว่ามันแย่อยู่แล้ว และยังต้องไปเจอกับความสูญเสียที่เขาได้รับ สูญเสียหัวหน้าครอบครัว สูญเสียเสาหลักของครอบครัว แล้วคนที่เขาอยู่เขาเล่าตลอด 2 ชั่วโมง เขาร้องไห้ๆ เราก็ไม่รู้ว่าทางออกของการสัมภาษณ์นี้มันจะนำไปสู่อะไรให้เขาได้บ้าง กลับมาแล้วเราก็จัดการกับความรู้สึกนั้นไม่ได้ มันหดหู่และมันเป็นสิ่งที่อยู่ในใจตลอดเวลาว่าคนเหล่านี้ทางออกของเขาคืออะไร เขาจะได้รับการเยียวยาอย่างไรบ้าง เราตั้งคำถามมาตลอดเวลา

ลิซ่า ภคมน : จนวันหนึ่งที่เรารู้สึกว่าอินมากๆ เราไม่สามารถที่จะดึงตัวเองขึ้นมาได้ กลับกันแกนนำหรือคนที่มีอำนาจในขณะนั้น ความรู้สึกเรา ณ ขณะนั้น และอันนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวว่าเขาไม่ได้รู้สึกว่าต้องหาทางออกให้คนเหล่านี้เลย สกู๊ปที่เราทำมันเป็นสกู๊ปต่อเนื่อง แต่ก่อนนักโทษทางการเมืองมันจะมีคุกอยู่ที่หลักสี่ เราก็จะต้องไปบ่อยๆ มีคนหนึ่งที่เรารู้สึกสลดใจมากๆ คือวันที่เราไปครั้งแรกเขายังมองเห็นอยู่เลย แล้วเราก็ติดตามเรื่องนี้มันประมาณสองเดือนสามเดือน จนวันสุดท้ายที่เราไปคือตาเขามองไม่เห็นอะไรแล้ว มันบอกถึงความริบหรี่ไม่ใช่แค่ดวงตาของเขา ความหวังเขา ความหวังของประเทศนี้ แล้วมันต้องอย่างไรต่อ จนวันหนึ่งที่มีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองอีกครั้งแบบเหมาเข่ง วันนั้นเรารู้สึกเราหมดศรัทธาทางการเมือง เราหมดศรัทธากับผู้นำ เราหมดศรัทธากับผู้มีอำนาจมากๆ ก็เริ่มที่จะถอยออกมาแล้วกลับไปช่วยที่บ้าน ไปเรียนปริญญาโท และเริ่มทำธุรกิจ

“ตอนนั้นเราไม่เชื่อ มันหมดศรัทธา มันไม่ใช่แค่การเมือง ไม่เชื่อในวงการสื่อสารมวลชนด้วย เพราะว่ามีเพื่อนแรงงานข่าวหลายคนมากๆ ที่มีความมุ่งมั่นในการนำเสนอ แต่เขานำเสนอมันไม่ได้ด้วยข้อจำกัดหลายๆ อย่าง เราก็เลยรู้สึกว่าสิ่งที่เราคิดสิ่งที่เราฝัน พอวันที่เรามาอยู่ตรงนี้มันไม่ได้เป็นแบบนั้น เราก็เอาตัวเองออกมา”

ลิซ่า ภคมน หนุนอนันต์
ลิซ่า ภคมน หนุนอนันต์

จุดเริ่มต้นฝ่ายสื่อสารฯ พรรคอนาคตใหม่

ลิซ่า ภคมน : ตอนนั้นเราก็ทำธุรกิจของตัวเอง และช่วยที่บ้านไปด้วย จนมีพรรคอนาคตใหม่เกิดขึ้น ซึ่งน้องชายแท้ๆ ได้ไปร่วมกับปีกเยาวชนของพรรค และมีเพื่อนที่เคยเป็นนักข่าวด้วยกันอยู่ในพรรคด้วยก็เลยติดต่อมาว่าสนใจไหม เราก็เข้าไปคุยตอนนั้นยังลังเลเพราะเราทำธุรกิจ จะทำอย่างไรต่อ จนกระทั่งช่วงประมาณเดือนตุลาคม ปี 2561 เพื่อนก็ติดต่อมาอีกครั้งหนึ่งว่าต้องมาแล้วมาช่วยกันจนจบเลือกตั้ง 2562 เราก็มาช่วยกันทำหน้าที่นำเสนอข่าวสารของพรรค เพราะเป็นพรรคใหม่ คนรู้จักน้อย สื่อมวลชนเองก็ไม่ได้ให้ความสนใจ เราก็เลยต้องสื่อสารเอง ก็เป็นการรวมตัวกันของคนที่มีอุดมการณ์ และเคยทำงานสื่อสาร ตั้งแต่บัดนั้นก็ยังทำกันมาจนถึงวันนี้

“วันที่เราหมดศรัทธากับผู้มีอำนาจที่เขาไม่ได้รู้สึกเป็นเดือดเป็นร้อนกับคนที่โดนกระทำในวันที่เราไปสัมผัสมา แล้ววันหนึ่งที่มันมีตัวเลือกใหม่เข้ามา เรารู้สึกว่านี่อาจจะเป็นความหวังก็ได้ เราก็เลยสนใจแล้วพอไปดูโครงสร้างข้างหลังบ้าน เรารู้ว่าเขาเป็นใครบ้าง เพื่อนเราที่เคยสู้กันมา เราเห็นอยู่แล้วว่าคนนี้คือใคร คนนี้สู้กันมาเท่าไหร่ เขาไปรวมกันตรงนี้มันคือพรรคใหม่ แต่กับคนกลุ่มนี้มันทำให้เชื่อว่านี่อาจจะเป็นไฟกองสุดท้ายก็ได้ ที่มันอาจจะจุดไฟในตัวใครหลายๆ คนขึ้นมาอีกครั้ง”

ความแข็งแกร่งของพรรคก้าวไกล

ลิซ่า ภคมน :  วันนั้นวันที่ยุบพรรคอนาคตใหม่เราก็อยู่ตรงนั้น ยังไม่มีเวลาได้เสียใจเพราะต้องเดินต่อเลย พรรคก้าวไกลในวันนั้นมีข้อครหามากมาย เพราะผู้นำเปลี่ยนคน แต่ ณ วันนี้เราเชื่อว่าทุกคนที่อยู่ข้างในพรรคหรือคนที่ติดตามพรรคก้าวไกลไม่ได้มีคำถามเหล่านั้นแล้ว ความแข็งแกร่งของพรรคก้าวไกลวันนี้มันไม่ใช่ตัวของคุณพิธา (พิธา ลิ้มเจริญรัตน์) ไม่ใช่ตัวผู้นำ แต่มันเป็นสถาบันทางการเมืองที่เชื่อได้ แล้วพูดถึงในสิ่งที่ไม่เคยถูกพูดมาก่อน สมัยก่อนเราเป็นนักข่าวเวลาเราติดตามหาเสียงก็จะบอกว่าพรรคนี้จะให้เงินเท่านี้ แต่ไม่มีใครออกมาพูดว่าเราจะรื้อโครงสร้าง มันดูยิ่งใหญ่ มันดูวุ่นวาย เมื่อไหร่จะจัดระเบียบได้ แต่เรารู้สึกว่าสิ่งนี้แหละ มันจะไปต่ออย่างไร เหมือนบ้านเมืองพังทาสีใหม่ บ้านพังทาสีใหม่ มันไม่หายเอียงหรอก

ภคมน หนุนอนันต์ ลงพื้นที่หาเสียงพัทลุง
ขอบคุณภาพจาก : Pukkamon Nunarnan – ภคมน ลิซ่า หนุนอนันต์

สิทธิแรงงานกรรมกรข่าว

ลิซ่า ภคมน :  มันอาจจะดูเป็นเรื่องย่อยมาก แต่จิตวิญญาณการเป็นสื่อมวลชนในตัวเรามันเยอะมากๆ วันนี้เรารู้สึกว่าการเมืองมันยังไม่ได้เปลี่ยนไป วิถีของการเมืองมันไม่ได้เปลี่ยนไปไหนเลย วงการสื่อมวลชนดีกว่าเดิมไหมวันนี้มันดีกว่าเดิม มีความกล้ามากขึ้นที่จะนำเสนอ แต่มันก็ยังมีช่องโหว่มากมาย ที่เรารู้สึกว่าถ้ามันมีสิ่งนี้มันจะดีมากๆ ถ้ามีโอกาสเสนอได้จะขอเสนอ พ.ร.บ.รับรองสิทธิแรงงานสื่อมวลชน เนื่องจากกฎหมายในประเทศไทยพูดถึงสื่อมวลชนนะ แต่พูดถึงระดับองค์กรใหญ่ พูดถึงการควบคุมเนื้อหา แต่ไม่มีใครพูดถึงกรรมกรข่าวอย่างพวกเราเลย  ในวันที่เราออกไปทำงานเราได้เบี้ยเลี้ยง 150 บาท คนที่ต้องตามนายกรัฐมนตรี ถ้าคนข่าวอาจจะรู้ว่ารถที่เร็วที่สุดและรถที่อันตรายที่สุดคือรถที่สื่อมวลชนใช้ขับตามนายกรัฐมนตรี เขาไม่ได้สนใจด้วยซ้ำว่าความปลอดภัยของคนที่นั่งมันอยู่จุดไหน แต่ว่าเราต้องไปให้ทันหมายนั้น เรารู้สึกว่าแรงงานพวกเราเนี่ยมันขาลอยมากๆ มันไม่ได้มีอะไรที่จะทำให้มันมั่นคงในอาชีพการงานเลย อันนี้หมายถึงสวัสดิภาพการทำงาน และอีกอย่างหนึ่งคือเรื่องของอุดมการณ์ สมมติว่าจากประสบการณ์ส่วนตัวเพื่อนเราที่มีความมุ่งมั่นมากๆ อยากจะแสดงออกถึงสิ่งนี้ แต่สุดท้ายเขากลายเป็นคนตกงาน เรารู้สึกว่าถ้ามันมีกฎหมายที่รองรับแรงงานข่าวอย่างพวกเราจริงๆ ทำให้เกิดความมั่นใจในการทำงาน และเดินไปข้างหน้าอย่างมั่นคงได้ เพราะเราเชื่อว่าสื่อมวลชนเป็นกลไกที่สำคัญมาก ถ้าสื่อมวลชนแข็งแรง เราคิดว่าหลายสิ่งหลายอย่างมันจะง่ายดายมากๆ

ลิซ่า ภคมน :  เราไม่ได้ต้องการให้สื่อมวลชนเห็นด้วยกับพรรคก้าวไกล ขอแค่คุณกล้าที่จะนำเสนอในสิ่งที่เราพูดแค่นั้นเอง ให้ประชาชนเป็นคนตัดสินว่าเขาเห็นด้วย ไม่เห็นด้วย แต่ขอแค่ให้โอกาสพวกเราพูดออกไปในช่องทางหลักของสื่อมวลชนประเทศนี้ ประเทศที่เป็นประชาธิปไตยจริงๆ สื่อมวลชนมีอิสระ สามารถที่จะนำเสนอข้อเท็จจริงได้

ลิซ่า ภคมน หนุนอนันต์
ลิซ่า ภคมน หนุนอนันต์

“กาก้าวไกลทุกอย่างจะไม่เหมือนเดิม เหมือนที่เราพูดไปว่าเราเป็นนักข่าวตั้งแต่ปี 2553 จนวันนี้ปี 2566 แล้ว วัฏจักรการเมืองมันไม่เคยไปไหนเลย แต่ก่อนไปทำข่าวแล้วก็ยืนสัมภาษณ์นักการเมือง บางคนเราใช้เวลาตั้ง 20 นาที พอเราเอาไมค์ลง เรารู้สึกว่าเราได้อะไรจากสิ่งนี้ ทำไมเขาไม่กล้าที่จะพูดอย่างตรงไปตรงมา ทำไมทุกคนดูสนุกกับการผลิตวาทกรรมอย่างอ้อมแอ้ม เรารู้สึกว่าวันนี้ไม่ต้องลังเลเลยว่ากาก้าวไกลแล้วได้อะไร กาก้าวไกลแล้วได้ทุกอย่างที่คุณไม่เคยมีมาก่อนในประเทศนี้”

 ลิซ่า ภคมน กล่าวทิ้งท้าย

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้ที่จำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ (Strictly Necessary Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้มีความสำคัญต่อการปฏิบัติการของเว็บไซต์ feedforfuture.co ซึ่งจะช่วยให้ท่านสามารถเข้าถึงข้อมูลและเนื้อหาต่างๆ ของเว็บไซต์เราได้ทุกส่วน โดยเฉพาะส่วนสมาชิกผู้ใช้งานของเว็บไซต์ ตลอดจนการตรวจสอบจำนวนผู้เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ของเรา

  • คุกกี้ด้านประสิทธิภาพการทำงานของเว็บไซต์ (Performance Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้ใช้เพื่อรวบรวมข้อมูลทางสถิติเกี่ยวกับการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน เพื่อวิเคราะห์ และช่วยให้เราทราบถึงพฤติกรรมการใช้งาน ซึ่งจะช่วยปรับปรุงการทำงานของเว็บไซต์เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดในการใช้งานบนเว็บไซต์ของเรา

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาเข้ากับกลุ่มเป้าหมาย (Targeting Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้ใช้ในการบันทึก และจดจำคุณลักษณะต่างๆ ที่ท่านได้เลือกขณะเข้าชมเว็บไซต์ของเรา เช่น หมวดหมู่ และเนื้อหาที่ท่านชอบอ่านมากที่สุด เราจะบันทึกข้อมูลเหล่านี้ และนำกลับมาใช้เมื่อท่านกลับเข้ามาที่เว็บไซต์ของเราอีกครั้ง เพื่อปรับให้ท่านได้รับชมเนื้อหาได้ตรงกับความชอบของท่านให้มากที่สุด

  • คุกกี้เพื่อนำเสนอโฆษณาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย (Advertising Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้ใช้เพื่อจดจำพฤติกรรมการอ่านเนื้อหาบนเว็บไซต์ของท่าน รวมถึงรายละเอียดของอุปกรณ์ที่ท่านใช้ เพื่อนำไปใช้วิเคราะห์การนำเสนอโฆษณาที่เหมาะสมกับท่านมากที่สุด และช่วยวัดความมีประสิทธิผลของโฆษณาที่เรานำเสนอด้วย ตลอดจนช่วยป้องกัน หรือจำกัดจำนวนครั้งที่ท่านจะเห็นโฆษณาเดิมซ้ำๆ

บันทึก