“ซ้ายดารา” ตะวันฉาย พี.เค. แสนชัย มวยไทยยิม เตรียมขึ้นสังเวียนป้องกันบัลลังก์แชมป์โลก ONE มวยไทย รุ่นเฟเธอร์เวต (155 ป.) ครั้งแรกของตัวเอง โดยจะพบกับ จามาล ยูซูพอฟ นักชกหมัดหนักจากตุรกี ซึ่งเป็นผู้ท้าชิงอันดับ 2 ในวันเสาร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ 2566 ที่สนามมวยเวทีลุมพินี (รามอินทรา)
ก่อนขึ้นชกไฟต์นี้เจ้าตัวบอกกับเราว่าโปรแกรมการฝึกซ้อมในแต่ละวันคือเปรี๊ยะและเป๊ะมากๆ ทั้งเรื่องการกิน การนอน การพักผ่อน และการซ้อม พร้อมกับยอมรับว่าคู่ชกคนนี้มีความอันตรายมาก และจะไม่ประมาทเด็ดขาด
“ซ้อมหนักก็นอนพักผ่อนให้เพียงพอ อย่างต่ำก็ 7-8 ชั่วโมง เราซ้อมหนักอย่างนี้ เราเผาผลาญแคลอรี่เยอะ เราต้องกินให้ถึงกับพลังงานที่เราเสียไป ไม่ใช่เราซ้อมหนักมาก เตะเป้าเกือบสิบยก แล้วกินข้าวผัดกะเพราจานเดียว มันก็ทดแทนสิ่งที่สึกหรอไม่หมด มันก็ทำให้ร่างกายเราเมื่อยล้า พยายามกินให้ถึง” ตะวันฉายกล่าว
สำหรับเส้นทางสู่บัลลังก์แชมป์โลกของตะวันฉายถือว่าโหดไม่น้อย เขาเริ่มจากประเดิมต่อยในรุ่นแบนตัมเวต (145 ป.) โดยเอาชนะน็อคเอาท์ ฌอน แคลนซี นักมวยจอมบู๊ชาวไอริช ดีกรีแชมป์โลกมวยไทย WBC ในช่วงต้นยกที่ 3 เมื่อเดือนพฤษภาคม ปี 2564
ต่อด้วยไฟต์หักเหลี่ยมโหดกับ เสมาเพชร แฟร์เท็กซ์ นักมวยรุ่นพี่คนสนิท ในกติกามวยไทยแคตช์เวต (146.5 ป.) เมื่อเดือนมกราคม ปี 2565 และตะวันฉายสามารถเอาชนะน็อคเอาท์ได้ตั้งแต่ยกแรก ก่อนที่จะขยับไปชกในรุ่นเฟเธอร์เวต
จากนั้น ตะวันฉาย ขึ้นสังเวียนดวลกับ นิคลาส ลาร์เซน นักชกหน้าใหม่จากเดนมาร์ก และเจ้าตัวก็ไม่ทำให้แฟนๆ ต้องผิดหวัง โดยเอาชนะน็อคเอาท์ได้ในยกที่ 2 เมื่อเดือนมิถุนายน ปี 2565 พร้อมกับคว้าสิทธิ์เป็นผู้ท้าชิงแชมป์โลก ONE มวยไทย รุ่นเฟเธอร์เวต
ถัดมาในเดือนกันยายน ปี 2565 ตะวันฉายได้โอกาสท้าชิงตำแหน่งแชมป์โลก ONE มวยไทย รุ่นเฟเธอร์เวต กับ เพชรมรกต เพชรยินดีอะคาเดมี ผู้ครองเข็มขัดแชมป์เส้นนี้มานานเกือบ 3 ปี
ตลอดการชกทั้ง 5 ยก ตะวันฉาย และ เพชรมรกต แลกหมัดกันอย่างดุเดือด ประทับใจแฟนๆ เป็นอย่างมาก แต่สุดท้ายกรรมการตัดสินให้ ตะวันฉาย ชนะคะแนนอย่างเป็นเอกฉันท์ ส่งผลให้ “ซ้ายดารา” ขึ้นแท่นเป็นแชมป์โลกคนใหม่ทันที
“ก็เป็นไฟต์ที่ผมต่อยกับ เสมาเพชร เสร็จแล้วก็ต่อยกับ นิคลาส ลาร์เซน ผมก็พูดมาตลอดว่ารุ่นนี้ไม่ไหวแล้ว พอชนะ นิคลาส ก็ได้ตั๋วชิงแชมป์ ก็ไปท้าพี่เขา (เพชรมรกต เพชรยินดีอะคาเดมี) ก็เป็นการสร้างกระแสให้ต่อยกัน ก็เป็นค่ายใหญ่กับค่ายใหญ่ชนกัน ก็เป็นศักดิ์ศรีที่ยอมกันไม่ได้ โอ้สนุกมากๆ”
“ถือว่าประทับใจมาก เพราะผมซ้อมหนักมากไฟต์นั้น ผมซ้อมหนักมาก พอผมรู้ว่ามีรายการ ผมซ้อมเลย ผมซ้อมหนักเกือบประมาณ 3 เดือนได้มั้ง ซ้อมอยู่ทุกวัน นอนไม่หลับสองอาทิตย์เกือบเดือน พยายามนอนคิดตลอดว่าเราจะชนะไหม เราจะเป็นแชมป์ได้ไหม มันคิดมาก มันกดดันหลายๆ อย่าง มันไม่ใช่แค่ชิงแชมป์อย่างเดียว มันมีอะไรกดดันเราหลายอย่างที่ต่อยวันนั้น”
“ตอนที่ได้แชมป์ ตอนที่เข็มขัดมันพาดบ่า มันเหมือนฝัน มันเหมือนฝันว่าเราเป็นแชมป์โลกจริงเหรอเนี่ย เป็นแชมป์จริงเหรอเนี่ย นี่คือในใจ กลับมาห้องแล้วนะ กลับมาที่ค่ายมวยแล้ว ยังคิดอยู่เลยเข็มขัดอยู่ข้างๆ เรา อุ๊ย! เราเป็นแชมป์โลกแล้วเหรอวะ รู้สึกดีใจมาก ยังภูมิใจอยู่เลย”
“เอาเป็นว่าแล้วแต่เขาจะจัดมาให้แล้วกันตอนนี้ก็ไม่อยากพูดทาบทามอะไรมาก ก็พร้อมเจอ พร้อมชกกับทุกคนที่เขาอยากมาชกด้วยกันกับผม” ตะวันฉายกล่าว
ส่วนการพบกับ จามาล ยูซูพอฟ ในวันเสาร์ที่ 25 กุมภาพันธ์นี้ นักชกหนุ่มวัย 23 ปี ยอมรับว่า คู่แข่งของเขาเป็นนักมวยที่เก่งกาจ มีความแข็งแกร่งและหมัดหนัก เพราะเคยเอาชนะนักมวยไทยมาแล้วหลายคน อาทิ โจ ณัฐวุฒิ กับ ยอดแสนไกล ไอเว แฟร์เท็กซ์
“ผมเตรียมตัวมาค่อนข้างที่จะดีมาก ทำการบ้านดีมาก ผมเคยดูเขาต่อยที่จีน เพราะเขาต่อยรายการเดียวกับผม เขาต่อยรุ่นใหญ่กว่าผม ผมต่อยรุ่นเล็ก เขาเป็นนักมวยที่เก่งมาก แข็งแกร่ง หมัดหนัก คือประมาทเขาไม่ได้เลย ใครว่าต่อยง่ายอะไรง่าย อย่าไปเชื่อ โหคนนี้เขาเก่งผมดูเขามานานแล้ว เคยต่อยยอดมวยหลายคนน็อกมาหลายคนแล้ว”
ก็คิดว่าถ้าเผลอไปโดนหมัดหลับก็ให้เขาเอาเข็มขัดไป แต่ถ้าไม่หลับก็ให้อยู่ที่เดิมแล้วกัน!
ตะวันฉาย กล่าวทิ้งท้ายพร้อมรอยยิ้ม