ผ่านไปแล้วกับการเปิดตัวรถที่จะใช้ในการแข่งขัน F1 ในซีซั่น 2023 ซึ่งแต่ละทีมได้เปิดตัวรถแข่งของตัวเอง ซึ่งเปิดตัวในวันที่แตกต่างกัน สำหรับวันนี้เราจะพามาดูรถแข่ง F1 ของแต่ละทีมกันครับว่า มีลวดลายเป็นอย่างไร แล้วในปีนี้มีเหล่านักแข่งที่จะลงแข่งเป็นใครกันบ้าง มาดูกันครับ
ทีมแรกคงหนีไม่พ้นแชมป์ในฤดูกาลที่แล้วอย่าง Red Bull Racing ครับ ที่นอกจากจะมีการเปิดตัวรถแข่งของตัวเองแล้ว ยังมีข่าวของความร่วมมือกับทาง Ford ที่จะหวนคืนสู่วงการแข่งขัน F1 ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ในส่วนของนักแข่งยังคงเป็นคู่เดิมอย่าง แม็กซ์ เวอร์สแตพเพน ยอดนักขับชาวดัตช์ คู่กับทีมเมทสายเพื่อทีมอย่าง เซอร์จิโอ เปเรซ ทั้งคู่จะมากับรถแข่งในรหัส RB19 ของทีม Red Bull ในฤดูกาลนี้
ทีมต่อมาคือ ทีมที่เรียกได้ว่าสร้างกระแสการต่อกรกับแชมป์อย่าง Red Bull ได้เป็นอย่างดีในฤดูกาลที่แล้วกับ Scuderia Ferrari ที่ในฤดูกาลนี้ ยังใช้นักแข่งคู่หู มากความสามารถอย่างชาร์ล เลอแคลร์และ คาร์ลอส ไซน์ ที่ต่างทำผลงานได้เป็นอย่างดีในฤดูกาลที่แล้ว ขาดแต่ก็เพียงโชคที่ไม่ได้เข้าข้างพวกเขามากนัก โดยในปีนี้ได้อดีตบอสใหญ่จากทีม Alfa Romeo Racing อย่าง เฟรดเดริก วาสเซอร์ มาคุมทีม ซึ่งปีนี้จะมีกับรถแข่ง SF-23
ทีมต่อไป ก็คงหนีไม่พ้นแชมป์เก่าที่ครองแชมป์มาอย่างยาวนานแต่แผ่วไปในช่วง 2 ฤดูกาลหลังสุดอย่าง Mercedes ที่ตอนนี้ได้นักขับหนุ่มอย่าง จอร์จ รัสเซลล์มาประกบคู่กับตำนานอย่างลูอิส แฮมมิลตัน แล้วก็สามารถทำผลงานได้เป็นอย่างดี แม้ว่าในช่วงที่ผ่านมารถของทีมจะไม่ได้ดูเร็วสู้คู่แข่งได้ แต่ก็นับว่าสร้างโอกาสให้ได้ลุ้นกันอยู่หลายครั้ง มาในครั้งนี้ทั้งคู่มากับรถแข่งในรุ่นใหม่อย่าง W14 นำทีมโดยโตโต้ วูลฟ์
อีกทีมต่อมา ก็คงหนีไม่พ้นทีมของเหล่าหนุ่มนักแข่งชาวฝรั่งเศสอย่างปิแอร์ แกสลี่ มาจับคู่กับ เอสเตบัน โอคอน กับทีมอัลพีนที่ทำการเปิดตัวรถแข่ง A523 ที่ถูกเปิดตัวออกมา 2 คัน ด้วยลวดลายหลักและลวดลายพิเศษที่จะใช้ใน 3 สนามแรกของปี ลวดลายพิเศษสำหรับ BWT ใน 3 สนามแรกของฤดูกาล ที่ บาห์เรน, ซาอุดีอาระเบีย, และ ออสเตรเลีย
ทีมถัดมาก็คือ Alpha Tauri ที่ปีนี้มีการเปลี่ยนแปลงของไลน์อัพนักขับโดยพวกเขาได้ตัว นิก เดอ วรีส นักแข่งที่วนเวียนอยู่ใน F1 มานานพอสมควร แต่เนื่องจากจำนวนนักขับที่มีอยู่ค่อนข้างเยอะ และเกาะที่นั่งนักแข่งเอาไว้อย่างเหนียวแน่น ทำให้ก่อนหน้านี้เขาเป็นได้แค่นักขับสำรองมาหลายครั้ง มาในปีนี้น่าติดตามว่า การจับคู่กับหนุ่มญี่ปุ่นไฟแรงอย่าง ยูกิ ซึโนดะ จะพาทีมและรถแข่ง AT04 ไปได้ไกลขนาดไหน
อีกหนึ่งทีมที่เรียกได้ว่าขาดไม่ได้ก็คงหนีไม่พ้น Mclaren F1 ที่ปีนี้ มีนักแข่งหน้าใหม่ที่ประสบกาณ์ไม่ใหม่เข้ามาอยู่ในทีมเช่นกันกับการมาของออสการ์ เปียสทรี ที่จะมาจับคู่กับ แลนโด นอร์ริส นักแข่งวัย 23 ปีที่ตอนนี้เรียกได้ว่าฮ็อตมากๆ การันตีจากผลงานในช่วงที่ผ่านมา โดยในปีนี้ Mclaren มากับรถแข่ง McLaren MCL60
ทีมต่อมาคือแอสตันมาร์ติน ที่ได้ตัวแชมป์หลายสมัยอย่างเฟอร์นันโด อลอนโซ่ มาจับคู่กับลูกชายเจ้าของทีมอย่างแลนซ์ สโตร์ ในปีนี้ โดยเหล่าแฟนก็หวังว่าปีนี้แอสตันมาร์ตินจะกลับมาทำผลงานได้ดี เพราะฤดูกาลที่แล้วค่อนข้างมีผลงานที่น่าผิดหวัง เป็นที่น่าติดตามว่าในปีนี้กับรถแข่ง AMR23 จะมีผลงานไปในทิศทางไหน
อีกทีมที่น่าจับตาก็คืออัลฟ่าโรมิโอ ที่ปีนี้ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงนักขับแต่อย่างใด ยังคงเป็น วัลท์เทอรี บอททาส จับคู่กับนักขับหนุ่มชาวจีนอย่าง โจว กวนหยู่ ภายใต้การนำทีมของบอสคนใหม่อย่าง อเลสซานโดร อาลุนนี่ บราวี่ ที่มาแทนที่ของเฟรดเดริก วาสเซอร์ ที่ย้ายไปคุมทีมเฟอร์รารี่ กับรถแข่งชื่อรหัส C43 น่าติดตามว่าบอสใหม่จะพาทีมไปได้ไกลขนาดไหนกัน
ทีมฮาสเป็นอีกทีมที่ทำผลงานในฤดูกาลล่าสุดได้ดีขึ้นกว่าในปีก่อนหน้านี้ราวฟ้ากับเหว ซึ่งในปีนี้ได้ตัวของ นิโค่ ฮอลเคนเบิร์ก มาแทนที่ลูกชายของตำนานอย่าง มิกค์ ชูมาร์คเกอร์ ที่ไม่ได้รับการต่อสัญญา โดยนิโค่จะมีพาร์ทเนอร์อย่าง เควิน แม็กนุสเซ่น และอยู่ภายใต้การนำทีมของบอสที่ได้ชื่อว่าเข้มที่สุดคนหนึ่งอย่าง กุนเธอร์ สไตเนอร์ กับรถแข่งในปีนี้อย่าง VF-23
ทีมสุดท้ายเป็นทีมที่คนไทยหลายคนต้องเชียร์กันอยู่เป็นอย่างแน่นอนกับ วิลเลี่ยม ที่มีนักแข่งอย่าง อเล็กซานเดอร์ อัลบอน นักแข่งชาวไทย จับคู่กับ โลแกน ซาร์เจนท์ นักขับหน้าใหม่ที่เข้ามาในปีนี้ พร้อมกับบอสใหม่ที่น่าจับตาที่สุดอย่างเจมส์ วาล์ว อดีตนักวางแผนของทีมมนุษย์ต่างดาวเมอร์เซเดสมาร่วมทีมในปีนี้กับรถแข่ง FW45
น่าติดตามเป็นอย่างยิ่งว่าการแข่งขันในปีนี้ ผลงานของแต่ละทีมจะมุ่งไปในทิศทางใด หลังจากที่ 1-2 ฤดูกาลที่แล้วเกิดผลงานที่พลิกกันไป พลิกกันมาของแต่ละทีม ทำให้ยากเหลือเกินที่จะเดาได้ว่า ทีมใดจะทำผลงานได้ดีในปีนี้ คงต้องติดตามกันที่สนามแรกที่บาเรนห์ในช่วงวันที่ 3-5 มีนาคม 2023 ที่กำลังจะถึงนี้ ติดตามกันว่า F1 2023 ใครจะเป็นผู้คว้าชัย
แหล่งที่มาและข้อมูล : F1-fansite
ติดตามข่าวสารกีฬาและมอเตอร์สปอร์ตได้ที่ FEE:D