เป็นที่รู้จักจากซีรีส์แห่งยุคเรื่อง “ฮอร์โมน” แต่น้อยครั้งมากที่ “แบงค์ ธิติ มหาโยธารักษ์” จะให้สัมภาษณ์แบบเปิดใจ Feed พาผู้อ่านทำความรู้จักกับ แบงค์ ในอีกหลากหลายมุมที่หลายคนอาจไม่เคยรู้มาก่อนว่าชายหนุ่มหน้าหล่อๆ คูลๆ แบบนี้ จริงๆ แล้วเป็นคนที่ซีเรียสกับชีวิต และคิดเยอะมากๆ

“บางครั้งผมก็ไม่ค่อยรู้จักตัวเองนะ ผมก็เป็นคนที่ค่อนข้างจะซีเรียสกับกับทุกโปรเจ็คต์ ทุกโอกาสที่เข้ามาในชีวิตผมเลย พอเราได้สำรวจได้อยู่กับตัวเองบ่อยๆ มันทำให้รู้ว่าเราเป็นคนที่ค่อนข้างเครียดกับงาน  เป็นคนจริงจังกับชีวิต ไม่อยากจะปล่อยให้มันเป็นแค่งานที่ทำ แล้วก็ทำให้มันเสร็จไป

แบงค์ ธิติ

ถ้าไม่เกี่ยวกับงานผมจะเป็นคนที่ชอบหาประสบการณ์ใหม่ๆ ให้กับชีวิตตัวเอง ผมจะยึดคติประจำตัวที่ผมรู้สึกว่ามันเข้ากับชีวิตแล้วไลฟ์สไตล์ของผมก็คือผมอยากเป็นคนที่ใช้ชีวิตให้เต็มที่ แล้วก็ได้ออกไปสำรวจสิ่งต่างๆ ที่อยู่ในโลกใบนี้ที่เรายังไม่เคยเจอมาก่อน ผมชอบท่องเที่ยวไปหาประสบการณ์ใหม่ๆ มาเติมให้กับชีวิตตัวเอง เราไม่รู้เลยว่าเราจะมีเวลาอยู่บนโลกใบนี้อีกนานแค่ไหน ผมกลัวว่าถ้าเกิดวันนึงเราแบบเกิดอุบัติเหตุเป็นอะไรขึ้นมา เราจะรู้สึกเสียดายว่าเรายังใช้ชีวิตได้ไม่เต็มที่พอ ผมอยากจะใช้เวลาทุกวันให้คุ้มค่าที่สุด พยายามทำในสิ่งที่ตัวเองอยากทำให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ในแต่ละวัน”

แบงค์ ธิติ
ธิติ มหาโยธารักษ์
Thiti Mahayotaruk
bank_thiti
แบงค์ – ธิติ มหาโยธารักษ์

ความคิดผู้ชายในวัย 25 ปี ของ “แบงค์ – ธิติ”

“ผมในวัยนี้รู้สึกว่าตัวเองโตขึ้นค่อนข้างเยอะ อาจจะเป็นจากประสบการณ์ที่ผ่านมาเรื่องราวต่างๆ ทำให้เราได้เรียนรู้หรือว่าเจอมาในช่วง 25 ปี มันทำให้เรารู้สึกอยากจะเป็นเสาหลักของครอบครัว อยากจะเลี้ยงดูครอบครัวได้ เราอยากจะทำให้พ่อแม่ของเราสบายที่สุด เพราะว่าเราเห็นเขาเหนื่อยมามากตั้งแต่ตอนที่เรายังเด็กๆ เห็นเขาทำงานหนักจนมาถึงพาร์ทที่เราสามารถทำงานหาเงินส่งครอบครัวได้ เราสามารถทำให้ชีวิตเขาสบายขึ้นได้ อยากช่วยแบ่งเบาภาระหน้าที่ให้กับครอบครัวได้ ผมก็เลยอยากจะประสบความสำเร็จให้ได้มากกว่านี้ เพื่อที่จะเลี้ยงดูเขาแล้วก็ทำให้เขาสบายได้มากขึ้น”

ยังไม่คิดว่าตัวเองประสบความสำเร็จในวงการบันเทิง?

“สำหรับตัวผมรู้สึกว่ายังนะครับ เพราะว่ามันมีภาระหน้าที่หลายอย่างมากๆ ที่ผมจะต้องรับผิดชอบทั้งพาร์ทของตัวเองด้วย แล้วก็พาร์ทของครอบครัวด้วย รู้สึกว่าสิ่งนี้มันเป็นแค่จุดสตาร์ทที่ทำให้เราเป็นที่รู้จักในสังคมเพื่อที่จะไปต่อยอดในสิ่งที่จะทำในอนาคตก็เป็นได้”

แสดงว่าในอนาคตของ “แบงค์ ธิติ” ยังมีสิ่งที่ใหญ่กว่าวงการบันเทิง?

“มันมีสิ่งที่เราอยากจะมี สิ่งที่เราอยากทำมากขึ้นกว่านี้ แล้วก็มีสิ่งที่เราอยากจะค้นหาตัวเองเพิ่มขึ้นมากกว่านี้ด้วย การเป็นนักแสดงมันก็เป็นสิ่งที่ผมรักมากแล้วก็เป็นสิ่งที่ผมชอบ ผมสนุกกับมันทุกครั้งที่เราได้รับบทบาท ไม่ว่าจะเป็นบท Loser บทโรคจิต หรือว่าบทอะไรต่างๆ ที่เข้ามาในช่วงเวลาของเรา เรารู้สึกตื่นเต้นไปกับทุกๆ บทบาทที่เข้ามาเพราะเราได้มีโอกาสได้ไปเรียนรู้ตัวละครและได้ถ่ายทอดให้กับคนดูได้รับชมกัน”

จุดหนึ่งของ “แบงค์ ธิติ” ที่เลือกเดินเข้ามาเส้นทางบันเทิง ตอนนั้นหอบความฝันอะไรมา?

“ตอนนั้นน่าจะเป็นแค่เราอยากลองประสบการณ์ใหม่ๆ ในชีวิต ผมรู้สึกว่าเป็นโอกาสที่ดีครั้งหนึ่งที่ผ่านเข้ามาในชีวิตเรา แล้วเราไม่อยากจะปล่อยให้มันหลุดไป เราก็เลยเลือกที่จะลองดูสักตั้งแล้วก็ทำให้เต็มที่ โดยที่เราไม่รู้ เราไม่ได้วางแผนไว้ว่าถ้าเกิดเราเข้ามาแล้วเราจะเป็นยังไงต่อ หรือว่าก้าวต่อไปของเรามันจะต้องได้เล่นหนังไหม มันจะต้องได้เล่นซีรีส์ที่มีคนรู้จักหรือเปล่า หรือว่ามันจะมีคนติดตามมากขึ้นในอินสตาแกรมขนาดนี้ไหม คือเราไม่ได้วาดฝันไว้เลย

ในตอนแรกที่เราก้าวเข้ามาสมัครใน โปรเจกต์ฮอร์โมน เดอะ เน็กซ์ เจน (Hormones The Next Gen) ในตอนนั้นเลยมันแค่เป็นความรู้สึกว่ามันเป็นโอกาสที่ดีที่เราอยากจะลองทำ มันเป็นสิ่งที่เราชอบด้วยในพาร์ทการแสดง”

แบงค์ ธิติ
ธิติ มหาโยธารักษ์
Thiti Mahayotaruk
bank_thiti
แบงค์ – ธิติ มหาโยธารักษ์

ตอนนั้น “แบงค์ ธิติ” คิดว่าตัวเองจะทำมันได้ไหม ในฐานะนักแสดง กับการเข้ามาในโปรเจกต์คัดเลือกนักแสดงของฮอร์โมน

“ไม่ได้คาดหวังเลยครับ เพราะว่าจากการที่เราเข้าไปในรอบแรกก็คือการออดิชั่นที่จังหวัดขอนแก่น ตอนนั้นอยู่ที่เซ็นทรัลแล้วเรารู้สึกว่าตอนนั้นแต่ละคนมีแต่คนหน้าตาดีกว่าเราเยอะ แล้วก็หน่วยก้านก็ดี ตอนนั้นเราก็ยังเป็นเด็กเสี่ยวๆ คนนึง ยังไม่ได้มีทรงที่จะสามารถผ่านเข้ารอบมาได้เลย แต่เราก็ใช้ความรู้สึกที่ว่ามันไม่มีอะไรจะเสียแล้ว พอเราได้เข้ามาเราก็อยากทำอะไรสักอย่างให้เต็มที่ จนเราผ่านเข้ารอบมาที่กรุงเทพฯ

มันก็ยิ่งทำให้เรารู้สึกว่าเราน่าจะไม่ผ่านแหละ เพราะว่าแต่ละคนเขาเตรียมความสามารถพิเศษมากันเยอะมาก เช่น เจมี่ เจมส์ เขาก็มีการเล่นกีต้าร์คลาสสิก พอเรามองแล้วก็รู้สึกว่าเราไม่ได้มีอะไรที่จะไปเทียบความสามารถกับคนอื่นๆ ได้เลย”

แล้วเดินเข้าไปสมัครด้วยแพชชั่นอะไร

“ยอมรับว่าตอนนั้นไม่มีภาพอะไรในหัวเลย เพราะว่าเราไม่เคยเห็นภาพว่าการที่เข้ามาในวงการแล้วมันจะเป็นยังไง ทุกอย่างมันเป็นสิ่งใหม่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นการเรียนแอคติ้ง การออกกอง การที่ไปออกอีเว้นต์ ทุกๆ อย่างมันเป็นภาพใหม่ในชีวิตเราหมดเลย เราไม่รู้ว่าเมื่อก่อนว่าดาราหรือนักแสดงเขาเป็นยังไง จนเราได้มาเจอกับตัว

ทุกอย่างมันเกินตัวเรามากๆ ไม่ว่าจะเป็นการที่เราได้เริ่มเรียนการแสดง ได้รู้จักกับคำว่าแอคติ้งจริงๆ ว่ามันเป็นยังไง ไม่ใช่แค่การที่อ่านบทแล้วก็พูดไปอะไรอย่างนั้น มันก็มีการทั้งการฝึกซ้อมทั้งทางกายเราแล้วก็ทั้งจิตใจด้วยในการที่จะรับคาแรกเตอร์ต่างๆ รวมถึงการไปออกอีเวนต์ การโปรโมทซีรีส์ โปรโมทหนังที่มีคนมาคอยต้อนรับเราโดยที่เราไม่เคยคิดเลยว่าจะมีคนมารอต้อนรับเราเยอะขนาดนี้ มันเป็นภาพใหม่มากๆ สำหรับตัวผม”

เคยถาม “ย้ง ทรงยศ” ไหมว่าทำไมถึงเลือกเรามาเป็นหนึ่งในโปรเจกต์ฮอร์โมน

“พี่ย้งบอกว่าเหมือนผมเป็นคนที่ซื่อๆ ตรงๆ ดีในตอนนั้น ก็เลยอาจจะเป็นเสน่ห์ที่เขามองเห็นในตอนนั้น ซึ่งผมก็อาจจะไม่รู้ตัว มันอาจจะเป็นเพราะความที่ผมไม่ได้คิดอะไร มันเลยดูรีแลกซ์ทำให้เต็มที่กับสิ่งนั้นโดยที่เราไม่รู้ว่าผลลัพธ์มันจะออกมาเป็นยังไง เราไม่ได้คาดหวังว่าเราจะติดไหม มันก็เลยทำให้มีผมในทุกวันนี้”

ในตอนนั้นอะไรที่เราวาดฝันเอาไว้สำหรับอนาคตของ “แบงค์ ธิติ”?

“ธุรกิจครับ แต่การได้มาทำงานในวงการบันเทิงมันแตกต่างกับการทำธุรกิจ ตรงที่ว่าถ้าเกิดเราทำธุรกิจจะมีแบบแผน 1234 สมมติว่าเราจะเปิดร้านอาหารเราจะรู้สึกว่าเราจะมีภาพวาด คนจะต้องชอบเมนูนี้ คนจะต้องเข้ามาในร้านเราประมาณนี้ต่อวัน อันนี้เรายังจะพอคิดภาพออกได้ แต่ถ้าในภาพวงการบันเทิงมันเป็นสิ่งที่เราไม่รู้มาก่อนเลย จนเราได้มาสัมผัสด้วยตัวเราเอง”

แบงค์ ธิติ
ธิติ มหาโยธารักษ์
Thiti Mahayotaruk
bank_thiti
แบงค์ – ธิติ มหาโยธารักษ์

จากจุดเริ่มต้นที่ไม่ได้วาดฝันอะไรไว้ “แบงค์ ธิติ” ได้อะไรจากโรงเรียนนาดาวกลับมาบ้าง

“ได้ทุกอย่างเอามาใช้กับชีวิตในตอนนี้เลย เมื่อก่อนผมก็จะเป็นแค่เด็กผู้ชายคนนึงที่ไม่ได้มีเป้าหมายในชีวิต ไม่ได้คิดว่าโตขึ้นอยากเป็นอะไรหรืออยากจะทำอะไรต่อเพื่ออนาคต แต่หลังจากที่เข้ามาในนาดาวแล้ว เราได้มาเจอกับความรับผิดชอบในงานต่างๆ ได้ลองทำอะไรหลายอย่างเลยในวงการบันเทิง ทำให้เรารู้สึกว่าเรามีเป้าหมายมากขึ้น เรามีความรับผิดชอบมากขึ้น นาดาวบางกอกก็ทำให้ผมเป็นแบงค์ ธิติ ในทุกวันนี้ครับ”

ต้องปรับตัว เปลี่ยนแปลงตัวเองไปจาก “แบงค์ ธิติ” คนเดิมเยอะไหม

“ผมว่ามันไม่ใช่แค่การปรับตัวแต่มันคือการพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือในแบบที่ยังเป็นตัวผมอยู่ มันเป็นสิ่งที่ค่อยๆ เรียนรู้จากข้อผิดพลาดในแต่ละงาน หรือว่าสิ่งที่เข้ามาในชีวิตเราวันนี้มากกว่าแล้วก็ค่อยๆ ปรับให้มันเป็นไปตามสถานการณ์ของเรา ผมรู้สึกว่าผมวางตัวเองมาตั้งแต่แรกแล้วว่าผมไม่อยากเปลี่ยนแปลงตัวเองเป็นคนอื่นผมยังอยากเป็นแบงค์ ธิติ

ผมอยากเป็นแบงค์ที่เป็นเด็กต่างจังหวัดเหมือนเดิม เป็นแบงค์คนที่รู้สึกว่าเราเป็นเราคนเดิมไม่อยากไปเปลี่ยนหรือว่าทำให้ตัวเองต้องเป็นคนอื่น แต่ว่าสิ่งที่เปลี่ยนก็คือ Mindset ความรับผิดชอบที่มีต่องาน การที่เราได้เรียนรู้สังคมมากขึ้นมากกว่า”

“แบงค์ ธิติ” คิดว่าเส้นทางที่เลือกของเราในตอนนี้เป็นเส้นทางที่ตรงกับความรู้สึกที่เราอยากจะเป็นไหม

 “ผมก็เคยถามตัวเองบ่อยครั้งเหมือนกันนะว่าสิ่งที่เราเป็นอยู่ตอนนี้เราเลือกถูกแล้วหรือเปล่า ผมได้คำตอบมาตลอดเลยว่ามันก็เป็นสิ่งที่เรารัก เป็นสิ่งที่เราชอบและเราก็ยังสนุกกับมันอยู่จนถึงปัจจุบันนี้ ไม่ว่าเราจะเข้ามาตั้งแต่ตอนอายุ 17 จนตอนนี้ 25 แล้ว เราก็ยังรู้สึกสนุกทุกครั้งที่เราได้รับบทบาทใหม่ๆ ได้เวิร์คช็อป ได้แสดง เรายังสนุกกับมันอยู่ ก็เลยรู้สึกว่าอันนี้แหละมันน่าจะเป็นคำตอบที่ตอบเราได้ว่ามันเป็นเส้นทางที่เราชอบ”

8 ปีในวงการบันเทิง กรอบความคิด “แบงค์ ธิติ” เปลี่ยนไปยังไงบ้าง

“เป็นเรื่องของความละเอียดกับงานมากขึ้น พอโตขึ้นเราเริ่มมีความคิดมากขึ้นกว่าตอนเด็กๆ ตอนเด็กเราอาจจะทำอะไรไปโดยที่เราไม่ได้คิดหน้าคิดหลัง หรือทำตามสัญชาติญาณของเราไป แต่พอโตขึ้น เรามีการวางแผน การแสดงของเรามีการลงลึกมากขึ้น

เมื่อก่อนเรายังเด็กอยู่เราจะได้รับคาแรกเตอร์ที่ใกล้ตัวกับเรามากๆ ซึ่งมันก็ไม่ได้ยากกับการที่เราจะแสดงออกมา แต่พอเราโตขึ้นการที่เราจะเล่นคาแรกเตอร์เดิมๆ มันก็น่าเบื่อแล้ว ก็เลยรู้สึกว่ายิ่งโตขึ้น บทบาทที่ได้รับหลากหลายมากขึ้น มันก็ยิ่งสนุก เราได้ศึกษาในตัวละครนั้นมากขึ้น มีความละเอียดกับมันมากขึ้น มีอะไรให้ค้นหามากขึ้น”

8 ปีในวงการบันเทิงไม่ใช่ธรรมดา มีวันที่เบื่อบ้างไหม

“เราเคยเจอทางตันในด้านการแสดง มันจะมีช่วงนึงที่เรารู้สึกว่าเราไม่พัฒนาเลย เราเล่นแบบเดิม การแสดงอยู่กับที่ เราไม่สามารถที่จะทำลายกำแพงการแสดงนี้ไปได้โดยอะไรไม่รู้ เราก็แบบพยายามหาคำตอบ ตอนนั้นเครียดมากรู้สึกว่าเราเล่นแต่แบบเดิม เราเล่นแต่เป็นแบงค์เราไม่รู้สึกว่าการแสดงเราก้าวกระโดดหรือพัฒนาขึ้นเลย

แต่ด้วยกาลเวลา เราก็พยายามออกไปหาประสบการณ์มาเติมให้กับชีวิตมากขึ้น เพื่อที่จะทำให้เราได้เห็นมุมมองหลากหลายของมนุษย์ เพื่อที่จะมาปรับใช้ในคาแรกเตอร์ต่อๆ ไป

เรียนคลาสการแสดงด้วย ลงเรียนเอง เพื่อที่จะทำลายกำแพงการแสดง ตอนนี้ผ่านมันมาได้แล้ว แต่เรากลับค้นพบว่า แม้เราจะก้าวข้ามมาได้ เราก็จะเจอกับกำแพงหนึ่งอีกเรื่อยๆ เราก็ต้องพยายามไปเรื่อยๆ

 การใช้ชีวิตท่ามกลางสปอร์ตไลท์นั้นไม่ง่าย “แบงค์ ธิติ” มีวิธีจัดการอย่างไรกับดราม่า และข่าวฉาวต่างๆ

“ผมอาจไม่ค่อยเจอเรื่องดราม่าเยอะ แต่พอเจอก็เจอหนักเลย ตอนนั้นผมต้องบอกว่าผมจัดการอะไรไม่ได้เลย ได้แต่อยู่กับตัวเองในห้อง นั่งคิดทบทวนว่าเราควรที่จะต้องทำยังไงต่อ เราไม่ได้เป็นคนที่ฉลาดหรือเป็นคนที่สามารถควบคุมทุกอย่างได้ ตอนนั้นเราแค่แบบปล่อยให้สิ่งที่กระทบเรามา แล้วเราก็มานั่งอยู่กับตัวเอง มานั่งคิดว่าเราจะทำยังไงเพื่อที่จะแก้ไขปัญหาตรงนี้ให้ผ่านไปให้ได้ หรือว่าเราจะทำยังไงเพื่อรับผิดชอบกับสิ่งที่เราได้ทำไปให้ดีที่สุดเท่าที่เราจะทำได้ ตอนนั้นผมก็หนักมากเหมือนกัน”

แสดงว่า “แบงค์ ธิติ” เป็นคนที่แคร์คนอื่นมาก

“ใช่ เพราะว่าเรารู้สึกว่าถ้าเราทำอะไรผิดเราควรรับผิดชอบต่อสิ่งนั้น เราต้องหาวิธีที่ไม่ใช่การแก้ตัว มันไม่ใช่เราออกมาแก้ตัวว่าเราไม่ได้ผิดนะ แต่มันเป็นการที่เรายอมหาวิธีที่จะมายอมรับแล้วก็ชดใช้ในสิ่งที่ทำผิดไปให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ในตอนนั้น”

สุดท้ายก้าวข้ามมันไปได้อย่างไร?

“กำลังใจจากคนรอบข้างครับ แล้วก็เวลา มันจะค่อยๆ ฮีลให้เรากลับมาดีขึ้น คือมันไม่ใช่ว่าเราจะรู้สึกดีในตอนนั้นเลยนะ ผมว่ายาก สำหรับตัวผมนะ ผมทำไม่ได้ ผมอาจจะต้องใช้เวลาครับ ก็นานเหมือนกัน เพราะมันก็ค่อนข้างกระทบต่อจิตใจเรามากๆ เรารู้สึกแย่กับตัวเราเองด้วย ทำไมไม่รอบคอบ”

แบงค์ ธิติ
ธิติ มหาโยธารักษ์
Thiti Mahayotaruk
bank_thiti
แบงค์ – ธิติ มหาโยธารักษ์

ถ้าถามว่าตอนนี้ชีวิต “แบงค์ ธิติ” กำลังมีความสุขกับอะไรมากที่สุด?

“ผมมีความสุขกับสิ่งเล็กๆ น้อยๆ เช่น การที่เราได้ไปออกกำลังกายหรือได้พักผ่อน มันอาจจะเป็นความสุขเล็กน้อยที่เข้ามาในช่วงนี้ ผมรู้สึกว่ามันเป็นสิ่งที่ทำให้เรารู้สึกสะใจในแต่ละวัน ถ้าเกิดวันไหนไม่ได้ออกกำลังกายจะรู้สึกหงุดหงิด จะรู้สึกว่าวันนี้เหงื่อยังไม่ออกเลย รู้สึกสุขภาพไม่ดี แต่ถ้าจะถามว่าความสุขที่เรามองภาพรวมแบบในชีวิตของเราเลยมันอาจจะต้องเป็นอะไรที่อีกไกลมากๆ ที่เรายังเดินไปไม่ถึง”

ถึงขั้นมีคลิปไวรัลตอนที่ “แบงค์ ธิติ” ออกกำลังกายเลยนะ ต้องอินขนาดนั้นเลยเหรอ

“เวลาเราออกกำลังกายเราจะเป็นคนที่แบบชอบเสียงดัง เพื่อที่จะให้มันมีแรงเยอะๆ จริงๆ มันไม่ได้จำเป็นขนาดนั้นนะครับ แต่ว่าเวลามันเล่นกับพวกกลุ่มเพื่อนๆ เราก็สนุกกับการออกกำลังกายการที่เราได้ทำลายสถิติตัวเอง มันก็เลยทำให้เกิดการเปล่งเสียงออกมา

พอเราได้มาดูคลิปตัวเองในโซเชียลก็รู้สึกว่าเราก็ร้องดังไปจริงๆ แหละ แต่ตอนที่เราอยู่ในสถานการณ์นั้น เราว่ามันเป็นปกติ เพราะคนที่นู่นเขาค่อนข้างที่จะเล่นกันหนักแล้วก็มันแบบมันก็จะมีเสียงแบบนี้ค่อนข้างที่จะเป็นปกติ”

แบงค์ ธิติ
ธิติ มหาโยธารักษ์
ฐานิดา มานะเลิศเรืองกุล
พิมฐา ฐานิดา
แบงค์ ธิติ – พิมฐา ฐานิดา

จู่ๆ “แบงค์ ธิติ” ก็ได้ฉายาเป็นคนคลั่งรัก?

“อาจจะเป็นเพราะสิ่งที่ผมทำมั้งครับ จริงๆ แล้วผมไม่ได้เป็นคนที่ชอบเซอร์ไพรส์อะไรขนาดนั้น จะเป็นแล้วแต่โอกาสมากกว่า พอเรานานๆ ทำที เราก็อยากทำอะไรที่มันแตกต่างจากคนอื่น กลายเป็นคนอื่นมาเห็นแล้วรู้สึกว่าเราทุ่มเทกับความรักมากเลย ที่ทำเราก็ไม่ได้ฝืนหรือพยายามกับมัน

เราอยากจะเซอร์ไพรส์เขาเล็กๆ น้อยๆ บ้าง แต่ไม่ใช่แบบจองภัตตาคารร้านอาหารแต่งตัวหล่อๆ มีดอกไม้ช่อใหญ่ๆ อันนั้นอาจจะไม่ใช่ทางผม ผมจะทำไม่เป็น ผมก็เลยเลือกในสิ่งที่เราแสดงออกได้ง่ายๆ โดยที่เราไม่ต้องเคอะเขิน มันก็เป็นสิ่งที่ง่ายๆ เช่น การเซอร์ไพรส์ในน้ำอะไรที่มันก็ไม่ได้เป็นสิ่งที่ยาก เพราะว่ามันเป็นทริปที่เราจะไปดำน้ำอยู่แล้ว เราก็แค่ขอให้พี่ที่เขาจัดปริปให้เตรียมให้หน่อย อะไรที่มันเป็นเล็กๆ เอาลงไปในน้ำได้แล้วไม่ส่งผลต่อระบบนิเวศ ผมก็แอบกังวลเหมือนกันในตอนแรก พอเสร็จแล้วเราก็เก็บกลับขึ้นมา”

ถ้าพูดถึง “พิมฐา” (ฐานิดา มานะเลิศเรืองกุล) ชอบอะไรในผู้หญิงคนนี้

“ชอบที่เขาใส่ใจ ดูแลเราได้ดีครับ เขาเป็นคนจิตใจดี คอยซัพพอร์ตผมในทุกเรื่องที่ผมจะทำ ผมชอบตรงที่เราเป็นพาร์ทเนอร์กันโดยที่เราไม่ได้มานั่งคุย สมมติผมจะทำร้านกาแฟเขามีความคิดเห็นยังไงบ้าง ถ้าเกิดมุมนี้เขารู้สึกอยากถ่ายรูปกับมุมนี้ดีไหม มันมีอะไรให้ปรึกษากันค่อนข้างเยอะเหมือนกันครับ ไม่ว่าจะเป็นในพาร์ทของเบเกอร์รี่ หรือว่าพาร์ทของเครื่องดื่มต่างๆ ผมชอบตรงที่ว่าเขาให้คำปรึกษาในสิ่งที่ผมจะทำได้ทุกๆ เรื่อง

เราเรียนรู้กันมา 2-3 ปีแล้ว บางพาร์ทเขาก็ยังไม่เคยได้เห็นในตัวเรา บางพาร์ทของเขาเราก็ยังไม่เคยได้เห็นก็เป็นสิ่งใหม่ มีเวลาวันนึงมานั่งคุยกันให้ฉันเป็นอย่างนี้ เธอเป็นอย่างนี้ และเรียนรู้กันไปภายในวันเดียว ผมว่าของอย่างนี้มันต้องใช้เวลา”

มองความรักครั้งนี้ไว้ถึงขั้นไหน

“ทุกๆ ความรักที่ผ่านมา ผมเป็นคนที่ไม่อยากจะไปคาดหวัง ผมอยู่กับปัจจุบันอยู่ในโมเมนต์นั้นๆแล้วมีความสุขในแต่ละวันมันก็โอเคแล้ว เราไม่อยากจะฝันว่าอนาคตว่ามันจะต้องเป็นยังไง ในใจลึกๆ เรากลัวว่าเราผิดหวัง เราก็เลยไม่อยากคาดหวัง เพราะว่าเราเคยคาดหวังมาแล้วและเราเคยผิดหวังมา เรารู้สึกว่าการที่เราไปคาดหวังอะไรมันแย่มาก มันเป็นความรู้สึกที่ไม่ค่อยดี ก็เลยเลือกที่จะไม่คาดหวังดีกว่า เราก็ทำปัจจุบันให้มันดีที่สุด

ผมคิดไว้ตั้งแต่ตอนเด็กๆ แล้วว่าเราเป็นคนที่อยากจะมีครอบครัว อยากจะมีลูก เราเห็นภาพเราใช้ชีวิตในการเลี้ยงลูกนะ แต่ว่ามันก็ยังเป็นเรื่องที่ไกลเพราะว่าผมรู้สึกว่าตอนนี้มันมีภาระหน้าที่เราต้องดูแลข้างเยอะมากๆ ผมวางแผนไว้อยู่ว่าเมื่อไหร่ที่ผมพร้อม ซึ่งตอนนี้ยังไม่ได้เห็นความพร้อมเท่าไหร่ ก็เลยรู้สึกว่าถ้าเกิดว่าเรามีสิ่งที่ต้องรับผิดชอบอยู่ ก็เคลียร์ให้มันเรียบร้อยก่อน ในยุคนี้ผมรู้สึกว่าการที่เราจะแต่งงาน หรือว่าการที่เราจะมีลูกมันมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างเยอะ เราไม่อยากจะมีลูกแล้วยังเลี้ยงดูเขาได้ไม่ดี เราไม่อยากจะมีลูกหรือไม่อยากจะแต่งงานแล้วเราไม่สามารถที่จะดูแลพาร์ทเนอร์ของเราได้เต็มที่ ผมก็เลยรู้สึกว่าอยากทำตัวให้พร้อมก่อนที่จะเริ่มเอาคนอื่นเข้ามาในชีวิตแบบเป็นคู่ชีวิต”

แบงค์ ธิติ
ธิติ มหาโยธารักษ์
ฐานิดา มานะเลิศเรืองกุล
พิมฐา ฐานิดา
แบงค์ ธิติ – พิมฐา ฐานิดา

 ในอนาคต “แบงค์ ธิติ” วางเป้าหมายไว้อย่างไรบ้าง

พอผมโตขึ้นมา พอผมรู้ว่าครอบครัวของผมมีรายจ่ายที่ต้องจ่ายค่อนข้างเยอะ ก็เลยรู้สึกว่าจะพยายามวางแผนให้ตัวเองมีรายได้จากหลายๆ ทาง จากที่ก่อนหน้านี้เราอาจจะทำแค่การแสดงอย่างเดียว ตอนนี้เราก็เริ่มจะหาช่องทางอื่นเพื่อที่จะหาเงินเพื่อช่วยครอบครัว เรารู้สึกว่าถ้าเราจะรอแต่รายได้จากการแสดงอย่างเดียวมันอาจจะไม่เพียงพอ

และมันก็มีอย่างอื่นที่เรายังอยากจะทำอีกด้วย เช่น ตอนนี้ผมตัดสินใจเปิดร้านกาแฟ เป็นธุรกิจแรกในชีวิตเลยที่ไม่ได้ไม่เป็นธุรกิจครอบครัว ผมเริ่มทำสิ่งนี้เพราะเรามีแพชชั่นกับมัน ผมใช้เวลาค่อนข้างเยอะก่อนที่เราจะตัดสินใจเปิดร้านกาแฟ เราเริ่มจากการที่เราชอบดื่มกาแฟ เราไปเรียนทำกาแฟ เราไปศึกษากาแฟก่อน แล้วเราก็อยู่กับมัน จนทำให้เราแน่ใจแล้วว่าเราชอบมันจริงๆ เราถึงจะเริ่มเปิดร้านกาแฟ”

ทุ่มกับธุรกิจครั้งนี้มากถึงขนาดยอมควักกระเป๋า  10 ล้าน ทำไมถึงทุ่มเยอะขนาดนั้นทั้งที่เป็นธุรกิจแรกในสภาพเศรษฐกิจแบบนี้

“อันนี้แค่ในความคิดของผมเองนะ ผมรู้สึกว่าการที่เราจะทำอะไรสักอย่างนึง เราอยากทำให้มันเต็มที่ไปเลย เหมือนพอรู้สึกว่าเรามีโอกาสที่จะทำมันแล้ว เราก็อยากจะใส่ให้สุด ถ้าเกิดมันจะเจ๊งก็ให้มันเจ๊งด้วยตัวของเราเอง ให้เราไม่เสียดายว่าเราพลาด เราไม่ได้มานั่งดู ไม่ต้องมาคุมการผลิต ก็เลยต้องลงทุนเยอะเพราะว่าเราอยากจะให้ลูกค้าที่เข้ามาในร้านเราได้รับทั้งบรรยากาศในเรื่องของสถานที่ เรามีรสชาติกาแฟที่เราชอบ เรามีวิธีการคั่ว เรามีวิธีการชง เรามีอะไรหลายๆ อย่างพร้อมที่อยากจะเสิร์ฟ อยากจะทำให้มันเต็มที่ที่สุด ฉะนั้นเราก็เลยรู้สึกว่าการลงทุนครั้งนี้มันคุ้มค่ากับสิ่งที่ลูกค้าที่มาที่ร้านเราจะได้รับ มันก็เลยจำเป็นที่จะต้องลงทุนเยอะ จริงๆ มันอาจจะไม่ต้องลงทุนเยอะขนาดนี้ก็ได้”

มาถึงงานละครที่เราจะได้ดู “แบงค์ ฐิติ” กัน My Sassy Princess

“ผมว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ใหม่ครับ เพราะว่าโปรเจกต์ My Sassy Princess หลายคนอาจจะเห็นว่ามันเป็นพล็อตของนิยายของเจ้าหญิง แต่จริงๆ แล้วมันไม่ใช่ มันเป็นแค่การเอา Symbolic ของเจ้าหญิงแต่ละคนมาเชื่อมโยงใหม่ในปี 2022 อย่างเช่น ซิลเดอริลล่า ก็จะมี Symbolic คือรองเท้าแก้ว ถ้าเมื่อก่อนก็จะเป็นเจ้าหญิงไปเต้นรำที่งานไปงานเลี้ยงปาร์ตี้แล้วกลับมาลืมรองเท้าแก้วไว้ เจ้าชายเอามาสวมให้แล้วทั้งคู่ครองรักกัน แต่ว่าในปี 2022 มันจะเป็นการพรีเซนต์ความเป็น Girl Power มากขึ้น ผู้หญิงยุคนี้ไม่จำเป็นที่ต้องรอคอยความช่วยเหลือจากเจ้าชาย หรือว่าไม่ต้องรอคอยที่จะให้ความรักดีๆ เข้ามา มันเป็นการปรับ Mindset ที่เจ้าหญิงในปี 2022 เขาจะออกไปหาผู้ชายที่เหมาะกับเขา”

จะเห็น “แบงค์ ธิติ”ในรูปแบบไหน?

“ผมว่าจะไม่เคยเห็นผมในมุมนี้นะครับ เป็นมุมที่เป็นทายาทธุรกิจหมื่นล้าน แล้วก็ร่ำรวยใช้เงินซื้ออะไรก็ได้ ผมว่าคนน่าจะยังไม่เคยเห็น ถามว่ายากไหม มันก็มีส่วนที่ยากตรงที่ว่าเราไม่เคยใช้เงินโดยที่ไม่คิดหน้าคิดหลัง แต่ว่าเรื่องนี้ภูผาสามารถใช้เงินได้แบบนั้นเพราะความรวย เราก็ต้องมีการปรึกษาคนรวยเขาทำยังไง ท่าทางความมั่นใจในตัวเป็นยังไงบ้าง ภูผาเขาเป็นคนฉลาดถึงอาจจะเห็นว่าเขาใช้เงินไปเยอะกับสิ่งต่างๆ แต่สุดท้ายแล้วสิ่งที่เขาให้ไป เขารู้ว่าเขาจะได้รับอะไรกลับมา”

แบงค์ ธิติ
ธิติ มหาโยธารักษ์
เอินเอิน
เอินเอิน ฟาติมา
My Sassy Princess
แบงค์ ธิติ – เอินเอิน ฟาติมา ภาพจากซีรีส์ My Sassy Princess

ซีรีส์  My Sassy Princess ต้องการสื่อสารอะไรกับคนดู?

“ต้องการให้คนดูได้เห็นมุมมองของแต่ละคาแรกเตอร์ในละครเรื่องนี้ครับ เพราะว่ามันจะมีทั้งพาร์ทของครอบครัวที่จะเป็นเรื่องของการที่เราได้เห็นว่าการเลี้ยงลูกแบบนี้สุดท้ายแล้วมันจะส่งผลยังไงต่อทั้งสภาพจิตใจของลูกแล้วก็ทั้งตัวแม่ อยากจะให้ทุกคนได้เห็นว่ายุคนี้ผู้หญิง ผู้ชายมันมีความเท่าเทียมกันแล้ว มันไม่ใช่แบบเมื่อก่อนที่คุณจะรู้สึกว่าผู้หญิงจะต้องนั่งอยู่บ้านคอยคอยดูสามีที่กลับมา แต่ในซีรีส์โปรเจกต์นี้จะทำให้เราเห็นว่าผู้หญิงมีความสามารถอะไรอีกเยอะที่บางครั้งความสามารถนั้นอาจจะเยอะมากกว่าผู้ชายก็ได้ 

เป็นซีรีส์ที่นำเสนอความเท่าเทียมกันทางเพศ

ผมว่าเป็นสิ่งที่ดีนะ ลองนึกภาพกลับไป ผมรู้สึกว่าผู้หญิงมีความอดทนเยอะผู้ชายมากนะ ไม่ว่าจะเป็นการสู้กับประจำเดือนในทุกๆ เดือนที่ผ่านมาที่ต้องเจอ พอมีลูกต้องแบกท้อง 9 เดือน ไหนจะตอนคลอดอีก ผมรู้สึกว่าเราจะได้เห็นความสามารถอะไรเยอะแยะมากมาย คือพอยุคนี้แล้วมันไม่ควรที่จะต้องมาแบบเป็นผู้หญิงนะทำแค่นี้เถอะ หรือว่าเป็นผู้ชายต้องทำอันนี้ ผมก็รู้สึกว่ายุคนี้มันยุคที่ทั้งผู้หญิง ผู้ชาย สามารถที่จะทำอะไรเหมือนกันได้แล้ว และบางทีเราจะได้เห็นสิ่งที่ดีมากๆ ได้เห็นถึงความรอบคอบความละเอียดของผู้หญิงอีกด้วย 

มีอะไรอยากฝากทิ้งท้าย

“เริ่มจากธุรกิจส่วนตัวใหม่ของผมนะครับก็คือร้านกาแฟที่จะเปิดที่ขอนแก่น ตอนนี้ยังไม่อยากโปรโมทเยอะเท่าไหร่อยู่ในช่วงการก่อสร้างอยู่

ตอนนี้ถ้าอยากจะคุยกับ “แบงค์ ธิติ” อยากจะบอกเขาว่ายังไง”

“อยากจะบอกว่า สู้ๆ นะแบงค์ แล้วก็อดทนอีกนิดนึง เราจะผ่านทุกอย่างไปได้”

ดูอัลบั้มภาพเพิ่มเติม

เสาหลักนักข่าวบันเทิงไทย

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้ที่จำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ (Strictly Necessary Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้มีความสำคัญต่อการปฏิบัติการของเว็บไซต์ feedforfuture.co ซึ่งจะช่วยให้ท่านสามารถเข้าถึงข้อมูลและเนื้อหาต่างๆ ของเว็บไซต์เราได้ทุกส่วน โดยเฉพาะส่วนสมาชิกผู้ใช้งานของเว็บไซต์ ตลอดจนการตรวจสอบจำนวนผู้เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ของเรา

  • คุกกี้ด้านประสิทธิภาพการทำงานของเว็บไซต์ (Performance Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้ใช้เพื่อรวบรวมข้อมูลทางสถิติเกี่ยวกับการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน เพื่อวิเคราะห์ และช่วยให้เราทราบถึงพฤติกรรมการใช้งาน ซึ่งจะช่วยปรับปรุงการทำงานของเว็บไซต์เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดในการใช้งานบนเว็บไซต์ของเรา

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาเข้ากับกลุ่มเป้าหมาย (Targeting Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้ใช้ในการบันทึก และจดจำคุณลักษณะต่างๆ ที่ท่านได้เลือกขณะเข้าชมเว็บไซต์ของเรา เช่น หมวดหมู่ และเนื้อหาที่ท่านชอบอ่านมากที่สุด เราจะบันทึกข้อมูลเหล่านี้ และนำกลับมาใช้เมื่อท่านกลับเข้ามาที่เว็บไซต์ของเราอีกครั้ง เพื่อปรับให้ท่านได้รับชมเนื้อหาได้ตรงกับความชอบของท่านให้มากที่สุด

  • คุกกี้เพื่อนำเสนอโฆษณาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย (Advertising Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้ใช้เพื่อจดจำพฤติกรรมการอ่านเนื้อหาบนเว็บไซต์ของท่าน รวมถึงรายละเอียดของอุปกรณ์ที่ท่านใช้ เพื่อนำไปใช้วิเคราะห์การนำเสนอโฆษณาที่เหมาะสมกับท่านมากที่สุด และช่วยวัดความมีประสิทธิผลของโฆษณาที่เรานำเสนอด้วย ตลอดจนช่วยป้องกัน หรือจำกัดจำนวนครั้งที่ท่านจะเห็นโฆษณาเดิมซ้ำๆ

บันทึก