สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) รายงานผลนับคะแนนการเลือกตั้ง 2566 อย่างเป็นทางการ มีผู้ออกมาใช้สิทธิ 39,514,973 คน คิดเป็น 75.71% ของจำนวนผู้มีสิทธิลงคะแนนทั้งสิ้นรวม 52,195,920 คน
ปรากฏว่า พรรคก้าวไกลเป็นผู้ชนะการเลือกตั้งอันดับหนึ่ง ด้วยจำนวน ส.ส.ทั้ง 2 ระบบรวม 151 คน แบ่งเป็น ส.ส.เขต 112 คน และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 39 คน ได้คะแนนรวม 14,438,851 เสียง ตามมาด้วยอันดับสอง พรรคเพื่อไทยที่ได้จำนวน ส.ส.ทั้ง 2 ระบบรวม 141 คน แบ่งเป็น ส.ส.เขต 112 คน และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 29 คน ได้คะแนนรวม 10,962,522 เสียง
ผลการเลือกตั้งที่ออกมาสร้างความประหลาดใจให้กับทั้งพรรคการเมือง นักวิชาการ วงการสื่อ และผู้ที่ติดตามการเมือง เป็นอย่างมากชนิดที่เรียกว่า “หักปากกาเซียน” เมื่อพรรคก้าวไกลกลายเป็นผู้ชนะอันดับหนึ่ง ดับฝัน “แลนด์สไลด์” แคมเปญที่พรรคเพื่อไทยใช้ในการหาเสียงตลอดการเลือกตั้งครั้งนี้
ความพ่ายแพ้ของพรรคเพื่อไทยซึ่งเป็นพรรคการเมืองใหญ่มาอย่างยาวนานเป็นโจทย์ที่ทางพรรคต้องนำกลับไปวิเคราะห์และแก้ให้ได้ว่าเหตุใดความนิยมของพรรคจึงลดลงในช่วงเวลา 4 ปีนับตั้งแต่มีการเลือกตั้งครั้งก่อนเมื่อปี พ.ศ.2562 “นายเศรษฐา ทวีสิน” หนึ่งในแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย ขึ้นเวที “JOURNEY TO TRANSFORM” เอ็กซ์คลูซีฟดินเนอร์ทอล์ก เนื่องในโอกาสก้าวสู่ปีที่ 47 ของหนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ โดยร่วมแบ่งปันประสบการณ์การเปลี่ยนผ่านจากนักธุรกิจสู่เส้นทางการเมือง และเปิดใจถึงเหตุผลที่หลายคนครหาว่า “ทำไมแคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทยไม่ยอมขึ้นเวทีดีเบต”
“หลายๆ เรื่องก็มีการต่อว่ามา ว่าแคนดิเดตพรรคเพื่อไทยไม่ไปดีเบต เพราะว่าพรรคเพื่อไทยมีนโยบายให้ผมลงพื้นที่เยอะเพราะผมเป็นคนหน้าใหม่ อยากให้พบปะกับพี่น้องประชาชนอยากให้ทราบถึงปัญหาจริงๆ อยากให้อินกับวิถีชนบทจริงๆ ซึ่งส่วนหนึ่งไม่ได้เป็นการแก้ตัว แต่ส่วนหนึ่งเป็นเรื่องจริง ช่วงที่ผ่านมาเป็นช่วงที่หนักที่สุดผมบอกจริงๆ ผมลองนึกภาพจำลองตัวเองว่าเวลาดูซิเรื่องการดีเบตวงเล็กๆ ผมลองเอาตัวเองไปใส่ในเก้าอี้ที่เขานั่งกัน 4 คน เราถูกถามคำถามที่เกี่ยวข้องกับเรื่องของการบริหารกฎหมาย เช่น พ.ร.บ. พรก. ทำไมอันนี้ ทำไมพรรคเพื่อไทยทำอันนี้ ทำไมตอนนั้นไม่ทำ คือความเฉียบแหลมทางความคิดของผมมันหายไป เพราะจากการที่ผมลงพื้นที่เยอะ จากการที่ผมเหนื่อย และสองอาทิตย์หลังผมมีไข้ตลอดทุกวัน ผมยอมรับว่าผมไม่อยู่ในสถานภาพที่จะไปดีเบตกับใคร แล้วก็ขอโทษ ส.ส.ไป ไม่ได้กลัวไม่ได้อะไร แต่ผมคิดว่าถ้าเกิดการไปดีเบตมันจะเป็นข้อเสียมากกว่าข้อดี”
“มันไม่ใช่เป็นข้อแก้ตัว แต่ว่าการที่เราทำงานหนักจริงๆ มาตั้งแต่เช้าเลยยันสี่ทุ่ม ถึงสี่ทุ่มเสร็จก็ต้องคุยกับผู้ใหญ่ในพรรคสรุปว่าเราไปทำอะไรกันมาบ้าง ผมก็คิดว่าตัวเองก็มีความเข้มแข็งทางความคิดและจิตใจพอสมควร แล้วก็มีสุขภาพที่แข็งแรงพอสมควรเหมือนกัน มันไม่ไหวจริงๆ อันนี้ก็เป็นเรื่องหนึ่งซึ่งผมก็สารภาพที่นี่เป็นที่แรก กับแน่นอนทีมงานผม 3-4 คนก็คงทราบเรื่องนี้ แต่ว่าเป็นเรื่องที่ถ้าเกิดผมไม่พูดก็ไม่สบายใจเพราะตัวตนผมชัดเจน ผมไม่มีการปิดบัง มันไม่ไหวจริงๆ”
เศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย
ยอมรับ เรียนรู้ ปรับตัว
“ต้องบอกตรงๆ ไม่นึกว่าจะแพ้ ไม่เคยนึกว่าจะแพ้ การทำงานของผมในช่วง 2 อาทิตย์หลังก็คือ ผมไม่อยู่ในสภาพที่จะทำงาน เพราะว่าป่วย เพราะว่าเต็มที่มานานมาก มีบางวันตื่นขึ้นมาบอกว่ากูไม่ไหวแล้ว แต่ว่าก็ต้องลุกขึ้นไป เพราะเหตุผลเดียวผมไม่อยากให้รัฐบาลปัจจุบันกลับมาบริหารงานอีก ผมทนไม่ได้ มันเป็นแรงบันดาลใจที่ผมไม่อยากแพ้ ยังไงผมต้องไม่แพ้ และผมมั่นใจด้วยว่าผมไม่แพ้“
“ผมยอมรับว่า 2 อาทิตย์สุดท้ายมันเหมือนมวยยก 9 มวยมี 12 ยก ยก 9 ชกมาคะแนนนำมา แต่เป๋ คิ้วแตกบ้าง ตาปิดละ รู้ว่าเป๋ แต่เป๋จาก 280 ลงมาเหลือประมาณ 230 – 250 ยังไงก็ไม่ต่ำกว่า 200 ไม่เคยคิดว่าจะแพ้ แต่ว่าพอสัก 22:00 น. พอคะแนนเราเริ่มดีขึ้นจาก 140 ต่อ 130 แล้วก็ทางฝ่ายพวกที่ลงพื้นที่เขาบอกเดี๋ยวเราจะห่างประมาณสัก 20% ผมก็สบายใจ พอพูดไม่ทันขาดคำปั๊บมันตีกลับมาเลย กลับเป็น 150 : 140 ซึ่งใน ณ จุดนั้นเราก็รู้ว่าเราแพ้ แพ้อย่างนี้ผมกลับโล่งใจ มันเป็นความโล่งอกมากกว่า”
ถ้าเกิดใครไปดูวันที่ผมปราศรัยวันสุดท้ายที่อิมแพค เขาจับกล้องมาแล้วผมเกี่ยวก้อยกับคุณอิ๊ง (แพทองธาร ชินวัตร หนึ่งในแคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย) ผมบอกน้องอิ๊ง “อิ๊ง ถ้าเกิดได้ 280 พี่เป็นให้นะ” อิ๊งเขาก็เกี่ยวก้อยกับผมแล้วบอกว่า “เท่าไรพี่ก็ต้องเป็น”
“ผมพูดตลอดเวลาถ้าผมจะเป็นนายกรัฐมนตรี ผมไม่ได้ต้องการเกียรติประวัติของการเป็นนายกรัฐมนตรี ผมต้องการเป็นนายกรัฐมนตรีที่นำมาซึ่งความเปลี่ยนแปลงได้ ผมไม่ต้องการเป็นนายกรัฐมนตรีที่ต้องเกรงใจรองนายกฯ ที่ต้องทำอะไรที่มันไม่ถูกต้อง ผมอยากจะเข้ามาเพื่อเปลี่ยนแปลงบ้านเมืองจริงๆ”
“ผมชัดเจน จุดยืนของผมยึดโยงกับพี่น้องประชาชน ผมไม่เอารัฐประหาร ผมไม่เอาเผด็จการ วงเล็บรังเกียจ ชัดเจน พูดแล้วพูดอีกทุกเวที ในเวทีต่างจังหวัดก็พูด ในเวทีกรุงเทพฯ ผมก็พูด ผมยินดีที่จะจับมือกับพรรคก้าวไกล ผมยินดีที่จะสนับสนุนคุณพิธาเพราะว่าเขามีจิตวิญญาณของการเป็นประชาธิปไตย แล้วก็ในสปิริตของการแข่งขันในการเมืองไทยถ้าคุณได้คะแนนเสียงสูงสุดเราต้องซัพพอร์ตเขา ความคิดเห็นส่วนตัวเขาทำได้ ทำไม่ได้ เก่งจริงไม่เก่งจริง มันไม่สำคัญ เสียงนายเศรษฐาก็เท่ากับหนึ่งเสียงของคนในศรีสะเกษ คุณจะบอกไม่ได้ว่าคุณเป็น CEO บริษัทแล้วเสียงคุณเยอะกว่าเขา เขาเลือกมาแล้ว เขามี ส.ส. เขามี 15 ล้านเสียง ผมได้ 10 ล้านเสียง”
“ผมบกพร่องก็เป็นความผิดของผม เราแพ้ไปแล้ว แล้ววันนี้คุณมาจะร้องแรกแหกกระเชออะไร คุณแพ้ไปแล้ว แล้วพรรคที่ชนะก็เป็นพรรคที่มีอุดมการณ์ร่วมกับผม ซึ่งไม่เอารัฐประหาร ก็ต้องพูดว่าเรื่องของการพ่ายแพ้ถึงแม้จะไม่เยอะก็ตามทีแต่ก็ต้องยอมรับว่าจากคำว่า “แลนด์สไลด์” มาเป็น “แพ้ 10 เสียง” ก็ถือว่ายับเยินเหมือนกันนะ ก็เหมือนเราจะชนะ 7-0 แล้วโดนเฉือน 1-0 ยังไงก็แพ้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเขามาจากฐานที่ต่ำมากผมจำไม่ได้ 60-70 เสียง แล้วเขาเข้ามาถึง 150 กว่าเสียงเราก็ต้องให้เกียรติพี่น้องประชาชนที่เลือกเขามา ส่วนนโยบายเขาจะสุดโต่งไม่สุดโต่งจะยังไงก็ตามที ผมไม่ได้บอกผมเห็นด้วยกับนโยบายเขา แต่ผมเห็นด้วยกับพี่น้องประชาชนที่เลือกเขามา ตรงนี้ต้องให้เกียรติ”
“แล้วเราพลาดตรงไหน เราพลาดตรงความชัดเจนในหลายๆ เรื่อง ซึ่งตรงนี้ผมเชื่อว่าคนในพรรคหลายคนก็ไม่รังเกียจที่จะพูดเรื่องนี้ ผมเองผมก็ต้องพูดว่าจริงๆ แล้วความชัดเจนของเรา เรามีความชัดเจนแต่ว่าหลายๆ เรื่องเราก็อาจจะทำให้พี่น้องประชาชน ‘เอ๊ะ’ ได้เหมือนกัน เอ๊ะมันชัดเจนจริงหรือเปล่า เอ๊ะมันช้าไปหรือเปล่า บังเอิญภาษาผมก็ไม่แข็งแกร่งเท่าเขา ผมก็อธิบายเยอะแยะไปหมด เขาพูดมาคำเดียวว่า “มีเราไม่มีลุง”“
“ต้องยอมรับว่าจริงๆ แล้วองค์กรสมัยใหม่ พรรคก้าวไกลเองก็เป็นองค์กรสมัยใหม่เขาเข้าใจถึงความเร็ว ตรงนี้เองเราก็มีหลายเรื่องซึ่งตรงนี้ผมว่าทุกคนเข้าใจทุกคนภายในพรรคเพื่อไทยเข้าใจ บ่ายวันนี้เมื่อกี้ก่อนมานี่ผมก็คุยกับสมาชิกพรรคอย่างละเอียด คุยกับ Young Turks อย่างละเอียดว่าสิ่งที่เราพลาดไปคืออะไร เราต้องพัฒนาอย่างไร เราเป็นบริษัทที่ใหญ่ แข็งแกร่ง มีครบหมดทุกอย่าง เข้าใจพี่น้องประชาชนดี แต่วันนี้เราใหญ่เราจะเป็นแบบ Kodak หรือคุณจะเป็นแบบ JP Morgan ผมอยากเป็นแบบ JP Morgan ผมไม่อยากเป็นอย่าง Kodak บริษัทที่ใหญ่ไม่ได้หมายความว่าคุณจะดีหรือเก่งเสมอไป”
แหล่งที่มาข้อมูล
- รายงานผลการเลือกตั้ง 2566 : https://official.ectreport.com/overview
ชมคลิปสัมภาษณ์เต็ม : https://www.youtube.com/watch?v=1Y07OP8jv2k