FEE:D ขอนำเสนอเรื่องราวของผู้หญิงคนหนึ่งที่มีเส้นทางชีวิตที่พลิกผันอย่าง จีน พุธิตา ชัยอนันต์ ตัวตึงผู้สมัคร ส.ส. เชียงใหม่ เขต 4 พรรคก้าวไกล ผู้ที่ผ่านชีวิตมาอย่างน่าสนใจไม่ว่าจะเป็นแม่ค้าสู่นักเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตย วันนี้เราจะมาตีแผ่เรื่องราวชีวิตของเธอคนนี้ จะมีเรื่องราวอะไรที่คุณยังไม่รู้อีกมากมาย ติดตามชมได้ในบทสัมภาษณ์นี้ครับ
เล่าประวัติส่วนตัวให้ฟังหน่อย
จีน พุธิตา ชัยอนันต์ : ค่ะก็เป็นคนเชียงใหม่โดยกำเนิดค่ะเเล้วก็เรียนโรงเรียนเรยีนา จบโรงเรียนเรยีนาเชลีวิทยาลัยนะคะ ป.ตรี จบนิติศาสตร์มช. ป.โทพัฒนาสังคมมช.ค่ะ ที่ผ่านมาก็ก่อนหน้านี้ก่อนหน้าที่จะมาลงสมัครเป็นผู้สมัครสส.ของพรรคก้าวไกลนะคะก็เป็นผู้ช่วยสส.ของพรรคก้าวไกลมาก่อนค่ะ เเล้วก็ได้ทำงานเคลื่อนไหวในประเด็นของสิทธิมนุษยชนเนอะเเล้วก็การรณรงค์เลือกตั้งนะคะมาตั้งเเต่สมัยที่การเมืองเป็นการเมืองเสื้อเหลืองเสื้อเเดง เเล้วก็ได้มีโอกาสได้ทำงานในภาคประชาสังคมด้วยค่ะก็ทำงานเกี่ยวกับเรื่องของสิ่งเเวดล้อมเนอะ เหมืองเเร่ เมืองเลยอย่างเนี้ยค่ะ
เคยมีประวัติจะเข้าสู่วงการบันเทิงใช่ไหม
จีน พุธิตา ชัยอนันต์ : โห นานเเล้ว จริงๆเเล้วเราก็เหมือนเด็กวัยรุ่นธรรมดาทั่วไปอะนะคะ ตอนนั้นเนอะมีโอกาสได้เข้าไป สนใจ ตอนก่อนที่จะมีเรื่องของสถานการณ์ทางการเมืองเสื้อเหลืองเสื้อเเดง ก่อนที่จะมีการรัฐประหารปี 49 อะนะคะ จีนก็เป็นวัยรุ่นธรรมดาทั่วไปนะคะที่รักสวยรักงามสนใจงานในวงการบันเทิงเนอะเเต่ว่าไอ้ช่วงนั้นเนี่ยก็ธรรมดาค่ะ มีโอกาสได้ไปเเคสงานได้อะไรอย่างเนี้ยก็มีงานโฆษณาบ้างเนอะ ถ่ายเเบบบ้างเงี้ยค่ะ เเต่พอมีเหตุการณ์ทางการเมืองอย่างเนี้ยเราก็เริ่มมีการตั้งคำถามเนอะ เริ่มสนใจเเล้วว่าเฮ้ย ตอนนี้บ้านเมืองเราเกิดอะไรขึ้นทำไมถึงมีการรัฐประหารเนอะ รัฐบาลที่เราชื่นชอบ นายกที่เราชื่นชอบทำไมถึงต้องถูกรัฐประหารเเล้วสุดท้ายทำไมถึงไม่สามารถที่จะอยู่ในประเทศไทยได้เเล้วเกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงมีการสลายการชุมนุมเเล้วมีเหตุการณ์ที่ประชาชนคนตายกลางเมืองเเบบนั้นนะคะ เราเริ่มรู้สึกว่าเราอยู่เฉยๆไม่ได้เเล้ว เราในฐานะของคนไทยคนหนึ่งอะเนอะ เเล้วเราเรียนด้านกฎหมายมาเรารู้ว่าสิ่งเหล่านี้มันไม่ถูกต้อง
การรัฐประหารทหารเข้ามายุ่งเกี่ยวกับการเมืองอันนี้เป็นเรื่องผิดกฎหมายไม่ใช่เรื่องปกตินะคะ เราก็มีโอกาสที่จะได้ออกมาขับเคลื่อนเนอะรู้จักกับกลุ่มเพื่อนๆที่เป็นนักกิจกรรมในกรุงเทพอะไรเงี้ยเเล้วก็ออกมาขับเคลื่อนร่วมกันค่ะตอนนั้นเนอะ เเล้วก็ตอนนั้นเรียนปริญญาโทด้วยค่ะก็ทำวิจัยเกี่ยวกับการเมือง การเคลื่อนไหวทางการเมืองของคนเสื้อเเดงค่ะ ก็หลังจากนั้นมาก็กลายเป็นนักเคลื่อนไหวเต็มตัวเนอะด้วยความที่ว่าเราตั้งคำถามในเรื่องของการเมืองเเละเราสนใจในประเด็นความเหลื่อมล้ำเป็นพิเศษนะคะเพราะว่าที่ผ่านเนี่ยสถานะทางบ้านตอนนั้นเนี่ยเราประสบปัญหาเศรษฐกิจเนอะเเล้วเราได้รู้จักกับคนหลายชนชั้นอย่างตัวจีนเองเนี่ยนะคะนอกจากที่คนจะเห็นว่าไปทำ รับงาน เเคสงานด้านบันเทิงไรเงี้ย ในอีกด้านนึงที่คนไม่รู้คือว่าระหว่างที่เราเรียนไปด้วยเราก็ได้ทำงานเป็นเเม่ค้าขายของในตลาดตอนกลางคืนทำให้เราได้สัมผัสชีวิตผู้คนที่หลากหลายรูปเเบบเนอะ ผู้หญิงทำงานกลางคืน เเรงงานเนอะ เเรงงานต่างชาติเนอะ ต่างด้าวเนอะเเล้วก็ได้เห็นความเหลื่อมล้ำค่ะ เราก็รู้สึกว่าถ้าเรามีโอกาสได้มาเเก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำ ได้มีโอกาสช่วยเหลือผู้คน ได้มีโอกาสเปลี่ยนเเปลงสังคมเปลี่ยนเเปลงบ้านเมืองเราก็อยากจะทำค่ะ เเล้วพอได้ข่าวเนอะว่ามีพรรคอนาคตใหม่เกิดขึ้นถือว่าเป็นข่าวดีค่ะ ตอนนั้นดีใจมากเลย เเล้วก็อยากจะมีโอกาสได้มาเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมขับเคลื่อนกับพรรคอนาคตใหม่
ความเหลื่อมล้ำอะไรที่สุดฝังใจ
จีน พุธิตา ชัยอนันต์ : จากประสบการณ์คือเดิม เเรกเริ่มเดิมทีเนี่ย จีนเป็นเด็กที่เกิดมาในชนชั้นกลางเนอะที่บ้านก็ถือว่ามีเงินเป็นลูกคุณหนูเเต่พอมีวิกฤตทางเศรษฐกิจเนอะเเล้วสถานะทางบ้านเราเนี่ยมันเปลี่ยนพลิกอย่างนี้เลยนะคะ จากคุณหนูเราจะต้องมาขายของตอนกลางคืน เราจะต้องทำงานหาเงินเนอะตอนกลางคืน เอาเงินมาเอาไว้เป็นค่าเรียนเนอะเเล้วก็ค่ากินค่าอยู่เนอะ จากเดิมที่พ่อเเม่สามารถจะส่งเสียให้เรามีการศึกษาได้อย่างเนี้ยกลายเป็นว่าเราจะต้องมาขอกู้กยศ.ในเทอมสุดท้ายปีการศึกษาสุดท้ายตอนนั้นปี 4 ละค่ะ เทอมสุดท้ายเเล้วเเต่ว่าที่บ้านจะต้องขอกู้กยศ.เนอะ ตอนนั้นจีนมีพี่น้องทั้งหมด 4 คนค่ะก็ทั้งบ้านก็ต้องลุ้นว่าจะได้กู้ไหมเนอะ ถ้าไม่ได้กู้นั่นหมายความว่าทั้งครอบครัวจะไม่ได้เรียนต่อนะคะเเล้วที่บ้านเนี่ยก็เกือบล้มละลายจะต้องย้ายบ้านเนอะ ย้ายไปอยู่ในโรงงานในโกดังค่ะ ก็อันนี้เป็นอีกด้านหนึ่งที่ไม่มีคนรู้ค่ะ
พอเราได้ไปสัมผัสชีวิตเเบบนี้เเล้วเนี่ยจากคุณหนูมาเป็นปากกัดตีนถีบเนอะเเล้วได้มาเจอผู้คนในสังคมที่อีกชนชั้นนึงอะเรามีความรู้สึกเห็นอกเห็นใจ ใช่ เราเห็นอกเห็นใจคนในสังคมเเล้วมันเปิดโลกอีกใบนึงขึ้นมาค่ะเเล้วถามว่ามีเหตุการณ์ไหนเป็นพิเศษไหม ก็คงไม่มีเเต่ว่าการได้มาสัมผัสความเดือดร้อนความเป็นอยู่ที่เดือดร้อนหาเช้ากินค่ำเนอะ บางคนก็หาค่ำกินเช้านะใช้ชีวิตเเบบมื้อต่อมื้อ วันต่อวันอย่างเงี้ย คือมันทำให้เรารู้สึกว่าเราอยากเปลี่ยน เราอยากให้ความเป็นอยู่ของผู้คนดีขึ้นเนอะ คนรวยก็ไม่อยากให้เห็นความเหลื่อมล้ำระหว่างคนจนกับคนรวยที่มันมีมากจนเกินไปเเล้วนโยบายของพรรคก้าวไกลเรารู้สึกว่าเขาเเก้ใขปัญหาตรงนี้ได้ค่ะ เป้าหมายของพรรคก้าวไกลคือการสร้างสังคมใหม่เเล้วก็การสร้างความเท่าเทียมลดความเหลื่อมล้ำในสังคมลง
เล่าเรื่องตอนเป็นนักกิจกรรมให้ฟังหน่อยได้ไหม
จีน พุธิตา ชัยอนันต์ : ในงานที่เกี่ยวกับเรื่องสิทธิมนุษยชนเนอะเรื่องของผู้หญิงเนี่ยเป็นงานในส่วนของการเป็นอาสาสมัครค่ะ ก็ได้มีโอกาสได้เข้าไปเป็นอาสาสมัครของนักสิทธิมนุษยชนเนอะเเล้วก็เลือกที่จะทำงานกับองค์กรที่้เกี่ยวกับผู้หญิงเนอะเข้าไปช่วยผลักดันพรบ.อนามัยเจริญพันธุ์ค่ะเเล้วก็นอกจากนี้เเล้วเนอะอีกด้านนึงเนี่ยเราก็เป็นนักเคลื่อนไหวเรื่องของสิทธิเสรีภาพในการเเสดงออกเรื่องของประชาธิปไตย การเลือกตั้ง
ได้อะไรบ้างจากการเข้าร่วมชุมนุม
จีน พุธิตา ชัยอนันต์ : ก็ต้องย้อนกลับไปก่อนนะ ต้องระลึกว่า คือตอนนั้นในฐานะที่เราทำวิจัยด้วยเนอะเราเป็นนักศึกษาปริญญาโทตั้งใจที่จะมาเก็บข้อมูลทำงานวิจัยเรื่องของการเมืองก็ได้มีโอกาสได้เข้าไปสังเกตการณ์นั่งฟังทุกม็อบเลย ก็ไม่ว่าจะเป็นม็อบเสื้อเหลือง ม็อบเสื้อเเดง ม็อบกปปส.เเล้วก็เข้าไปนั่งสังเกตการณ์เเล้วก็ได้ฟังเเนวคิดนะคะเเนวคิดของเเต่ละม็อบเเต่ละฝ่ายเนอะเรียกว่าเป็นฝ่ายขวากับฝ่ายซ้ายเเล้วกันค่ะ ก็ทำให้เรารู้สึกว่า โอเคมันควรที่จะมีจุดกึ่งกลางเป็นฉันทามติของสังคมอะว่าตกลงเเล้วน่ะเราควรที่จะขับเคลื่อนสังคมไปยังไงเพื่อที่จะยุติปัญหาความขัดเเย้งนะคะ เเล้วสุดท้ายเนี่ยมันจะต้องใช้เเนวทางเนอะของหลักการประชาธิปไตย ยังไงก็ต้องมีหลักการประชาธิปไตยยังไงก็ต้องมีการเลือกตั้งอยู่ดีเพื่อสร้างฉันทามติของคนในสังคมค่ะ ตอนนั้นจีนก็เลยได้มาเป็นคนออกมาผลักดันเนอะให้เกิดการเลือกตั้งในตอนนั้นด้วยค่ะ
เคยเจอการต่อว่าจะคนที่เห็นต่างไหม
จีน พุธิตา ชัยอนันต์ : มีน้อยมากค่ะ มีน้อยมากคนที่จะเข้ามาด่ามาก่อกวนอย่างเนี้ยเเทบไม่มีเลยเนอะ คือโอเคเเหละว่าในสังคมเนี้ยมันยังมีคนที่ความคิดเห็นที่เเตกต่างกันอยู่มีบ้างนะคะเเต่ว่าเราเข้าไปเนี่ยเราไม่ได้หาเสียงเเต่เเบบว่าเออ ให้เลือกพรรคนี้นะ เลือกจีนเบอร์ 5 อะไรอย่างเนี้ยเเต่เราเข้าไปบอกต่อนโยบายการเมืองเนอะ นโยบายของเรา นโยบายของพรรคเรามีขึ้นเพื่ออะไร มีขึ้นเพื่อเปลี่ยนเเปลงวิถีชีวิตให้ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นเนอะ ดังนั้นเนี่ยมันก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่เขาจะต้องมาต่อว่าอะไรเราใช่ไหม ก็ไม่มีค่ะ มีน้อยๆ เเล้วการอธิบายของเราเนอะ นโยบายพรรคเราเนี่ยมีที่มาที่ไปอยู่เเล้วว่านโยบายพรรคเรามีอะไรบ้างมีสวัสดิการเนอะ ต้องการจะเปลี่ยนเเปลงวิถีชีวิตของคนไทยให้ดีขึ้นเนอะโดยการจะเปลี่ยนเเปลงวิถีชีวิตของคนไทยให้ดีขึ้นเนี่ยจะต้องเปลี่ยนการเมืองเพราะว่าปากท้องกับการเมืองเเยกจากกันไม่ได้เนอะ มีเหตุผลอยู่เบื้องหลังหมดเลยว่าอะไรจะต้องเปลี่ยนเพื่ออะไรเพราะอะไร ดังนั้นเราอธิบายอย่างมีวุฒิภาวะค่ะ อย่างมีมารยาทก็ไม่มีใครที่จะมาต่อว่าอะไรเรา
เลือกจีนอะไรจะเปลี่ยนเเปลงไปจากเดิม
จีน พุธิตา ชัยอนันต์ : อันดับเเรกเนอะก็ถ้าเลือกจีนเข้ามาเป็นสส.ในเขตเชียงใหม่ เขต 4 นะคะเเน่นอนว่าจีนตั้งใจทำงานเนอะที่ผ่านมา 1 ปีกว่าในฐานะว่าที่ผู้สมัครสส.ของพรรคก้าวไกลจีนเอาเรื่องปัญหาความเดือดร้อนของพ่อเเม่พี่น้องในเขตเข้าสภาไปเเล้วกว่า 8-9 เรื่องนะคะ เเน่นอนว่าถ้าจีนได้เป็นสส.ของพ่อเเม่พี่น้องเชียงใหม่เขต 4 จีนจะทำงานต่อเนื่องเนอะทุกปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนของจีน จีนจะไม่รีรอไม่รอช้าจีนทำงานเเก้ไขเเน่เนอะ พร้อมชนเเละพร้อมประสานในพื้นที่ค่ะ ส่วนถ้าเราเลือกพรรคก้าวไกลเป็นรัฐบาลเเน่นอนว่านโยบายต่างๆเนอะ ปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาปากท้อง ปัญหาการเมืองเเล้วก็อนาคตของลูกหลานจะดีขึ้นเเน่นอนค่ะ หลายคนเวลาลงพื้นที่คนก็จะกังวลว่าส่วนใหญ่เเล้วนักการเมืองอะมาหาเสียงถึงเวลามายกมือไหว้เนอะ เเล้วพอได้เเล้วก็หายเเต่จีนยืนยันได้ว่าจีนไม่เป็นเเบบนั้นเพราะจีนตั้งใจจะมาทำงาน ตั้งใจจะมาสร้างความเปลี่ยนเเปลง ตั้งใจจะมาทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนดีขึ้นไม่ได้ตั้งใจที่จะมากอบโกยผลประโยชน์อะไรให้กับตัวเองหรือครอบครัว ไม่มีเลยนะคะ ดังนั้นเเล้วเลือกจีน รับประกันได้ว่าหนึ่งทำงานเเน่ สองอุดมการณ์ชัดเจนไม่เป็นงูเห่า
มั่นใจไหมกับการเลือกตั้งในครั้งนี้
จีน พุธิตา ชัยอนันต์ : เอาเป็นว่าอย่างนี้ค่ะก็คือจีนทำงานเต็มที่เนอะที่ผ่านมาปีกว่า ค่อนข้างมั่นใจว่าตัวเองมีผลงานเเล้วก็มั่นใจว่าคนในพื้นที่เห็นนะว่าเราไม่ได้มาเล่นๆ เราทำงานจริงๆค่ะเเล้วก็กระเเสการตอบรับทุกวันนี้ดีขึ้น ดีขึ้นทุกวันค่ะ ก็ไม่ห่วงไม่กังวลว่าคนที่รู้จักเราเเล้ว คนที่เคยได้เจอเราได้สัมผัสเราจะเปลี่ยนใจไปที่ไหนเนอะก็เเต่ละพรรคก็อาจจะสู้กันเต็มที่เเหละ ขออย่างเดียวว่าเล่นกันในกรอบในกติกาค่ะ
อยากสื่อสารอะไรถึงพี่น้องประชาชนไหม
จีน พุธิตา ชัยอนันต์ : ก็อยากจะสื่อสารเรื่องหลักๆเลยเนอะ ก็คือเรื่องในพื้นที่คือเรื่องของพีเอ็ม 2.5 ค่ะเเล้วก็อีกเรื่องนึงก็คือเรื่องของปัญหาในพื้นที่เนอะถามว่าถ้าจีนได้เเล้วจีนจะผลักดันอะไรใช่ไหมคะ เหมือนมีคำถามนึงมาเนอะ ประเด็นเเก้ไขเร่งด่วนอันดับเเรกคือเรื่องของพีเอ็ม 2.5 นะคะต่อมาเนอะก็คือประเด็นปัญหาความขัดเเย้งในพื้นที่เนี่ย ในพื้นที่เชียงใหม่ เขต 4 เองเนี่ยมีความขัดเเย้งในหลายประเด็นด้วยกันเนอะในเเต่ละพื้นที่เนอะ เช่น ประเด็นเรื่องของรถขนดินของบ่อดินนะคะ เรื่องของผลประโยชน์ในการทำธุรกิจการท่องเที่ยวเนอะ เเล้วก็เรื่องฝาย อ่างเก็บน้ำห้วยเเม่เเฝงค่ะซึ่งเรื่องเนี้ยอ่างเก็บน้ำห้วยเเม่เเฝงเนอะ ในพื้นที่ตำบลเเม่เเฝงใหม่ค่ะ มันเป็นปัญหาที่ชาวบ้านเนี่ยรออ่างเก็บน้ำนี้มาเกือบ 20 ปีละเนอะเเล้วไม่ว่าจะนักการเมืองคนไหนเข้ามาก็สัญญาว่าจะผลักดันให้เนอะ เเต่ว่ามันไม่มีใครที่จะมาผลักดันจริงๆเเล้วงบประมาณเนี่ยไม่ถูกส่งลงมาจริงๆอะค่ะ ตรงนี้จีนก็ได้เข้าไปเเก้ไขให้โดยการเอาเรื่องเนี้ยเข้าสู่คณะกรรมาธิการสิ่งเเวดล้อมในรัฐสภาเนอะ พาชาวบ้านเข้าไปยื่นหนังสือให้กรรมาธิการค่ะเเล้วก็พยายามจะเดินใช้ช่องทาง ทางสภาในการเเก้ไขปัญหาของชาวบ้านค่ะที่ผ่านมาก็ทำเรื่องนี้มาโดยตลอดเนอะมา 8-9 เรื่องเเล้วของปัญหาในพื้นที่ค่ะ ก็อยากจะพรีเซ้นท์อย่างนี้ว่าเราตั้งใจทำงานจริงๆ