เรียกได้ว่าเป็นประเด็นที่กำลังร้อนแรงกับผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรณ์ของพรรคก้าวไกล เขต 9 อย่าง แบงค์ ศุภณัฐ มีนชัยนันท์ จากนามสกุลที่มีความสัมพันธ์กับพรรคเพื่อไทย และการเมืองแบบบ้านใหญ่ ซึ่งในช่วงแรกมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์จำนวนมากถึงการเลือกลงสมัครโซนกรุงเทพฯ ชั้นในเขต 9 เขตจตุจักร

โดยในเรื่องการหาเสียงในตอนนี้ก็เรียกได้ว่าเป็นไวรัลมากเพราะแบงค์ได้ชวนพี่น้องสุดหล่อแห่งบ้านมีนชัยนันท์ มาช่วยกันหาเสียงภายในพื้นที่ โดยสามารถเรียกเสียงเฮฮาจากเหล่าแฟนคลับพรรคก้าวไกลได้เป็นยังอย่างดี โดยล่าสุดทางทีมงาน FEED ได้มีโอกาสสัมภาษณ์ แบงค์ ศุภณัฐ มีนชัยนันท์ แบบสุดพิเศษ วันนี้จะพาทุกคนมาชมกับวิสัยทัศน์และความคิดในการทำเพื่อพี่น้องประชาชนของเขากันครับ

ทำไมถึงตัดสินใจมาเล่นการเมือง ?

แบงค์ ศุภณัฐ มีนชัยนันท์ : ผมอยากเปลี่ยนแปลงประเทศครับ ผมอยากปฏิรูปการศึกษา ผมเชื่อว่าถ้าเกิดมีคนที่มีความรู้ มีความสามารถ มีความตั้งใจ เราจะสามารถเข้าไปที่จะพลักดันและแก้ไขปัญหาให้พี่น้องประชาชนได้

คิดอยู่นานไหมก่อนมาการเมือง คิดอะไรอยู่ช่วงนั้น ?

แบงค์ ศุภณัฐ มีนชัยนันท์ : นานนะครับ ผมว่าคิดนาน คือส่วนตัวต้องบอกอย่างงี้ว่า ผมอะมีความตั้งใจ แต่ด้วยโอกาสและจังหวะ เพราะว่าการทำงานการเมืองเนี่ย คุณต้องมาทำเต็มๆ คุณมาทำครึ่งๆกลางๆไม่ได้ แล้วคุณต้องพร้อมที่จะเข้าไปลุยในปัญหาจริงๆ หนึ่งคุณต้องพร้อมรับฟังปัญหาพี่น้องประชาชนจริง แล้วพร้อมหาทางแนวทางแก้ไข พร้อมสู้ เพื่อพวกเขาจริงๆเพราะคุณเป็นตัวแทนของพวกเขา เพราะฉะนั้นเนี่ย ผมต้องถามตัวเองย้ำอีกว่า ผมพร้อมแล้วหรือเปล่า ผมมั่นใจหรือเปล่า ผมต้องทิ้งธุรกิจทุกอย่างออกไปได้หรือเปล่า เพื่อที่จะพร้อมไปแก้ปัญหาให้เขา และในขณะเดียวกันเนี่ย ถ้าผมพร้อมแล้วผมชนกับปัญหา คือถ้าผมชนกับปัญหาแล้วเนี่ย แล้วมันกระทบคนอื่นๆเนี่ย ผมอะมีมายด์เซ็ตในการตัดสินใจยังไง ผมพร้อมจะยึดประชาชนไว้ได้หรือเปล่า เพราะผมถามตัวเองแล้วเนี่ย ผมรู้สึกว่า อืม มันใช่มันพร้อม ผมก็เลยตัดสินใจ

สนใจการเมืองตั้งแต่อายุเท่าไหร่ ?

แบงค์ ศุภณัฐ มีนชัยนันท์ : ต้องบอกว่าด้วยความที่ว่าเป็น ครอบครัวที่ว่ามีลุงคุณอาอยู่ในแวดวงการเมืองมานาน แน่นอนที่สุดผมก็ต้องพร้อมเหมือนกับว่าเรา เรามีความรู้สึกว่า เอ้ย สักวันอยากเป็นนักการเมืองอยู่แล้ว แต่ทว่าก็ไม่ได้คิดว่าอาจจะเร็วขนาดนี้ อืม แต่ว่าสนใจอะสนใจแน่นอน แล้วก็สนใจตั้งแต่เด็ก ผมก็ติดตามมาเรื่อยๆ แล้วก็ ก็เห็นปัญหา ว่าปัญหาที่เกิดขึ้นเนี่ย ไม่ว่าจะเปลี่ยนรัฐบาลขนาดไหนเนี่ย มันก็ซ้ำๆ ในเรื่องของการศึกษา 20 ปีมานี้ ผมก็เชื่อว่ามันไม่มีการเปลี่ยนแปลง ระบบรถเมย์ก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลง ความเหลื่อมล้ำก็เหมือนเดิม ทุกคนก็ยังบ่นเรื่องของปัญหาเศรษฐกิจปากท้องเหมือนเดิม

ลงพื้นที่แล้วเจอปัญหาที่หนักจนไม่ไหวแล้วไหม? ต้องลุย !!!

แบงค์ ศุภณัฐ มีนชัยนันท์ : จริงๆมันเยอะมากนะ ปัญหาเยอะมากไม่ว่าจะเป็นปากท้อง ปัญหาคนตกงานปัญหาค่าครองชีพแพง พีเอ็ม2.5 ก็โดนกันครบทุกคน ซึ่งบอกเลยว่า มันเป็นสำหรับสำหรับผมเนี่ย ผมเชื่อว่าพี่น้องประชาชนบางคนอาจจะมองผมว่า เอ้ย ผมกระทบน้อยซึ่งมันก็จริง ผมเชื่อว่าด้วย ด้วยตัวเราเนี่ยอาจจะมีเวย์ในการที่จะแก้ไขปัญหา หรือลดปัญหา เรียกว่าลดผลกระทบของปัญหาเหล่านั้นหนะได้ มีโอกาสได้ดีกว่า แต่พี่น้องประชาชนโดยเฉพาะอย่างยิ่งคนหาเช้ากินค่ำ เขาค่อนข้างที่จะได้รับผลกระทบเยอะกว่าเยอะ ซึ่งปัญหาเหล่าเนี่ย มันโดนแล้วก็วิธีการแก้ปัญหาเขาอะ มันต้องบอกว่าช่องทางในการแก้ปัญหาเขาน้อยกว่าเรามาก เพราะฉะนั้นเนี่ยผมจึงต้องเน้นเลยว่า การลงพื้นที่ของผมแต่ครั้งเนี่ย ต้องเข้าไปพร้อมที่จะรับฟังจริงๆ ผมอะ ตอนที่ผมลงพื้นที่ทุกครั้งเนี่ย ผมจะเน้นเลยว่าผมไม่ส่งทีมงานลง หมายความว่าทีมงานไปอย่างเดียวไม่ได้ ผมต้องไปเอง เพราะผมเชื่อว่าหนึ่ง พี่น้องประชาชนเขาอยากเห็นอยู่แล้วว่า ใครจะเป็นผู้แทนของเขา ใครจะมาสู้เพื่อเขา ใครจะมา Represent พวกเขา แล้วสองคือ ผมต้องเห็นปัญหาจริงๆ แล้วผมต้องเขาไปฟังเขาจริงๆ ซึ่งทางผมก็รับฟังปัญหาซึ่งมันเห็นปัญหาเยอะมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งของผู้สูงอายุ ซึ่งเขาไม่มีรายได้ ถูกไหมครับ แล้วก็เบี้ยผู้สูงอายุ ด้วยเรทแค่นี้ ที่มีอยู่ในปัจจุบันเนี่ยมันไม่เพียงพอ ในขณะเดียวกันเนี่ย ค่าครองชีพมันก็สูงขึ้น ค่าขนส่งสูงขึ้น อีกส่วนนึงก็คือเรื่องของการศึกษา หลายๆคนเนี่ย เอ่อก็คือคุณพ่อคุณแม่เขาจะฝากลูกหลานไว้ให้ใช่ไหมฮะ อืมมันก็จะมีปัญหาตรงที่ว่าจบมาแล้ว ไม่รู้ว่าลูกหลานจะทำอะไร คือมันเหมือนคนที่เขาสิ้นหวัง เพราะเขามืดแปดด้านฮะจบมาแล้ว ลูกบางคนจบมายังตกงานอยู่เลยไม่มีงานทำ ลูกบางคนจบมาแล้วรู้สึกว่ามันหางานไม่ได้ แล้ว แล้วรัฐบาล ไม่ได้มีวิธีแก้ปัญหาให้พวกเขาในขณะเดียวกันยิ่งช่วงโควิทเนี่ย ช่วงการบริหารวัคซีนที่มัน เรียกได้ว่าผิดพลาดอะ สำหรับผมนะ ผมมองว่ามันผิดพลาดเนี่ย มันก็กระทบกับพวกเขาค่อนข้างเยอะ หลายคนตอนนี้ก็คือเป็นหนี้เป็นสินเยอะมาก

ทำไมการเปิดตัวของคุณแบงค์ถึงเป็นคนท้ายๆที่สุด ?

แบงค์ ศุภณัฐ มีนชัยนันท์ : ก็ต้องบอกว่า พอดีมีท่านนึงเขาลาออกไปอะเนอะ อืมทางเราก็เลยได้มีการคุยกับทางพรรคแล้วก็ได้มีการเปิดตัว แต่ส่วนตัวผมเองเนี่ย เป็นสมาชิกพรรคอยู่แล้ว ทางพรรคก็พอรู้อยู่แล้วว่า ผมอะสนใจการเมือง แล้วก็มีเจตจำนงค์อยากจะลงการเมืองอยู่แล้ว แล้วทำงานการเมืองไม่ว่าจะเป็นเบื้องหน้าหรือเบื้องหลังก็แล้วแต่ ในเมื่อมีจังหวะมีโอกาสเนี่ยและทางผมพร้อม ผมเชื่อว่าผมมีความสามารถผมมีความตั้งใจจริงๆเนี่ย ที่จะเข้าไปแก้ปัญหานั้นได้ แล้วผมเชื่อว่าผมสามารถที่เข้าไปแก้ปัญหาได้เนี่ย ผมก็เลยจึงตอบรับกับทางพรรคไป

ทำไมต้องเป็นก้าวไกล ?

แบงค์ ศุภณัฐ มีนชัยนันท์ : คือ ถ้าเกิดผมมองในมิติของนโยบาย ผมเชื่อว่านโยบายของพรรคก้าวไกลเนี่ย มันเป็นการแก้ปัญหาที่โครงสร้างจริงๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งนโยบายด้านการศึกษาเนี่ย ต้องบอกว่าผมอะมีคุยกับพรรคตั้งแต่ปีที่แล้ว ก็คุยกันหลายเรื่องอะไรเงี่ย โดยเฉพาะอย่างยิ่งนโยบายทางด้านการศึกษา ซึ่งผมสนใจเรื่องนี้มากเพราะว่าส่วนตัวผมเองเนี่ย โอเค ผมอะผ่านการเรียนทั้งระบบไทย และระบบต่างประเทศมาแล้วก็การศึกษาล่าสุดเนี่ยก็จบ อสังหาการเงินที่เคมบริดมา ผมก็เชื่อว่าผมอะสามารถที่จะไปพลักดันนโยบายด้านการศึกษาเหล่านี้ได้ แล้วพอผมมาดูนโยบาย พอเราได้คุยกัน เสร็จปุ้ปแล้วก็นโยบายที่ออกมาตอนสุดท้ายของพรรคก้าวไกลที่ประกาศไปเนี่ยด้านการศึกษาเนี่ย มันตรงเรียกว่าตรงเยอะมากคือเรารู้สึกว่าเห้ยเนี่ยแหละ นี่คือโซลูชั่นที่มันตรงกับเราจริงๆ เขาพร้อมที่แก้ปัญหาจริงๆ เขาพร้อมที่จะปฏิรูปหลักสูตรจริงๆ เน้นการ ลงลึกเฉพาะทางจริงๆในขณะเดียวกันมีเรื่องของวิชาชีวิตเข้ามา วิชาชีวิตอย่างเช่นวิชาด้านกฎหมาย วิชาด้านการเงิน ซึ่งผมรู้สึกว่าเนี่ยควรเรียนในระดับมัธยมปลายทุกคนต้องรู้เรื่องกฎหมายเป็นเบสิคเบื้องต้น ทุกคนต้องรู้เรื่องการเงินเป็นเบื้องต้น ทุกคนต้องรู้เรื่องด้านสุขภาพเบื้องต้น ด้านการทำบัญชีเบื้องต้น เนี่ยแหละพรรคก้าวไกลมันตอบโจทย์เรื่องนี้ และอย่างที่สองคือการที่ว่าเรามีนวัตกรรมเปลี่ยนผ่าน เรื่องของโซเชียลมีเดียต่างๆเนี่ยแล้ว หลายๆคนเริ่มเกิดการเปลี่ยนอาชีพ พรรคก้าวไกลเนี่ยก็มีทั้งเรื่องของแพลตฟอร์ม ที่ทำให้เราเรียนฟรี เพื่อที่จะให้เกิดการที่ว่าใครอยากจะเปลี่ยนสายงานอาชีพเนี่ย เราก็สามารถที่จะเข้าไปศึกษาแพลตฟอร์มอย่างเช่น อ่าตอนนี้เราอาจจะเป็นนักข่าวอยู่ เราอยากเปลี่ยนที่จะทำงานเรื่องของกราฟฟิค เพราะเรื่องของกราฟฟิคหรือมัลติมีเดียมันมาแรง อ่าคุณก็สามารถเข้าไปเรียนแพลตฟอร์ม ไปฝึก พัฒนา แล้วก็เปลี่ยนสายอาชีพได้ ผมว่ามันรองรับในยุคเปลี่ยนผ่านได้เป็นอย่างดี

มองว่าพรรคก้าวไกลเหมือนมารื้อมาเปลี่ยนระบบ มองมุมนี้ยังไง ?

แบงค์ ศุภณัฐ มีนชัยนันท์ : ผมมองว่าถ้าเกิดมันมีความจำเป็นต้องเปลี่ยน มันก็ต้องเปลี่ยนครับ ประเทศทุกประเทศอะมันมีการพัฒนาและเติบโตอยู่แล้ว แต่ถ้าเกิดคุณมามองประเทศไทยเนี่ย ประเทศไทยเติบโตค่อนข้างช้านะครับ ถ้าเกิดดูจาก GDP เนี่ย 2-3%แล้วผมถามหน่อยว่า เมื่อไหร่คุณจะถึงเท่าอเมริกา เมื่อไหร่คุณจะเท่าจีน เพราะอเมริกาเขาก็โตปีละ 2% ถูกไหมฮะ แล้วด้วยขนาดเศรษฐกิจที่เขาใหญ่กว่าเรามากขนาดเนี่ย เราไม่มีทางชนะเขาเลย แต่คนไทยรวยกว่าคนจีน คนไทยรวยกว่าคนเกาหลี ทุกวันนี้ GDP จีนแซงไทยกระฉูด เกาหลีก็แซงไทยหมด เราเห็นได้เลยว่า ถ้าคุณใช้วิธีเดิมๆ เวย์เดิมๆ นักการเมืองกลุ่มเดิม พรรรคการเมืองกลุ่มเดิม ผมเห็นแล้วว่า ตลอด 20 ปีมานี้ มันไม่ได้เปลี่ยนอะไร และแนวทางของพรรคก้าวไกล เป็นแนวทางใหม่ ผมก็เลยเชื่อว่า มันน่าจะเป็นโอกาส ถ้าพี่น้องประชาชนเปิดใจรับเรานะมันน่าจะเป็นโอกาสดี ที่เราจะมีโอกาสที่จะเปลี่ยนประเทศ

มองจุดแข็งตัวเองคืออะไร ?

แบงค์ ศุภณัฐ มีนชัยนันท์ : จุดแข็งผมอะหนึ่ง ผมมั่นใจว่า ผมมีความตั้งใจ แล้วสองอะผมเป็นคนที่รับฟังและต้องเห็นปัญหาจริงๆ แล้วสามคือผมเชื่อว่าจากประสบการณ์ความรู้ความสามารถผมเนี่ย ผมสามารถที่จะเปลี่ยนได้

มองว่าอะไรที่ต้องเพิ่ม ?

แบงค์ ศุภณัฐ มีนชัยนันท์ : ส่วนนึงเนี่ย ผมเชื่อว่าเนื่องจากตัวผมเนี่ย ยังไม่มีประสบการณ์ในสภา แน่นอนเนี่ยอันเนี่ยน่าจะเป็นจุดอ่อนของทางผมคือ ผมอาจจะไม่ได้รู้เรื่องเกมการเมือง อาจจะไม่ได้รู้เรื่องของแทคติกการเมือง แต่ผมเชื่อว่า ความตั้งใจและความจริงใจเนี่ยแหละ มันจะเป็นจุดเดียวที่ทำให้พี่น้องประชาชนหนะ มั่นใจในตัวผม การที่เราเข้าไปรับฟังปัญหาของพี่น้องประชาชนอย่างจริงๆ เพราะจากที่ผมลงพื้นมาเนี่ย เขาขอผมอย่างเดียวอะ เป็นสส แล้วอะ คุณกลับมาให้เห็นหน้าหน่อย มันสะท้อนให้เห็นว่า พอคุณได้อำนาจไปแล้วเนี่ยคุณไม่ได้เห็นหัวเขาแล้ว ถูกไหมฮะ ของผมเนี่ย ผมตั้งใจเลยว่า ยังไงซะ ก็ต้องกลับไปหาพี่น้องประชาชน ต้องเจอให้มาก อย่างน้อยสัปดาห์ละสองครั้งก็ยังดี สองวันเต็มๆเนี่ย พยายามลงพื้นที่ให้หนักๆ เพราะผมเชื่อว่างานในสภามันต้องมีอยู่แล้ว ถ้าเรามีโอกาส แต่ในขณะเดียวกันเนี่ย เราต้องพบพี่น้องประชาชน เพราะนั้นคือผู้ที่แสดงถึงปัญหาให้เราเห็นได้แท้จริง ถ้าเราไม่เจอพี่น้องประชาชน เราก็ไม่เห็นปัญหาหรอกครับ

เรื่องแรกๆที่ชาวบ้านมาบ่นกับเราคืออะไร ?

แบงค์ ศุภณัฐ มีนชัยนันท์ : ปากท้อง ปากท้อง หนักที่สุดเลยก็คือค่าครองชีพแพง ปากท้องอันนี้หนักที่สุด เจอเรียกได้ว่าทุกวันดีกว่าโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้สูงอายุ ผมเข้าใจจริงๆเพราะว่า คือหลายๆคนทำอาชีพรับจ้างเพราะฉะนั้นเนี่ย เขาไม่ได้มีเงินบำเหน็จบำนานอะไรมา ถูกไหมฮะ แล้วก็บางทีลูกหลานก็บางคนไม่มีลูกหลาน หรือบางคนลูกหลานไม่ได้อยู่ด้วย เพราะฉะนั้นรายได้ทั้งหมดของเขาอะ บางที พึ่งเงิ่นเก็บเก่าแล้วก็เบี้ยผู้สูงอายุ ซึ่งมันไม่เพียงพออะ มันไม่เพียงพอจริงๆแล้ว เขาก็เล่าให้ฟังว่าเออ เขาแบบ เขาไม่ไหวแล้ว หลายๆคนไม่ไหวแล้ว เขาก็ ผมก็บอกว่าใจเย็นๆเดี๋ยวเราสู้ไปด้วยกัน ถ้าเกิดพรรคก้าวไกลได้เป็นรัฐบาลอย่างน้อยอะ เบี้ยผู้สูงอายุอะเราปรับขึ้นให้เป็นสามพัน ผมเชื่อว่าอย่างน้อยอะ มัน แม้ว่ามันจะไม่ได้เยอะเนอะแต่อย่างน้อยมันยังดีกว่าปัจจุบันเนี่ย

ฐานะทางสังคมสบายมาตรงนี้ทำไม ?

แบงค์ ศุภณัฐ มีนชัยนันท์ : ผมเชื่อว่าคือ ถ้าคนอย่างผมไม่ลงมา แล้ว แล้วต้องให้คนแบบไหนอะ กลุ่มไหนอะลงมา ถูกไหมฮะ ถ้าคนเหมือนผมที่เห็นปัญหาอยู่แล้วเนี่ย แล้วเราไม่ลง ไม่พร้อมที่จะมาช่วยเนี่ย ผมเชื่อว่ามันก็ถึงแบบ คือประเทศมันคงแย่มากเนอะถูกไหมฮะ ที่คนที่อยู่ระดับบนที่เห็นปัยหาอยู่แล้วอะ แล้วไม่พร้อมที่จะเสียสละอะไรเลย ลงมาเพื่อที่จะมาช่วยคนหนะ อืม เพราะผมถือว่า อ่า ผมก็มีพื้นฐานดีกว่าเขา มีโอกาสได้ดีกว่าเขาอะ แล้วถ้าคนที่มีโอกาสมากกว่า มีพื้นฐานที่ดีกว่า แล้วไม่พร้อมเสียสละ คุณต้องให้คนที่หาเช้ากินค่ำมาเสียสละหรอ ซึ่งทุกวันนี้เนี่ย เขาหาเช้ากินค่ำ เขาก็ลำบากอยู่แล้ว คุณจะไปขูดรีดอะไรกับเขา ให้เขามาเสียสละอะไรเพิ่มเติมอีกอะ

จุดต่างของการศึกษาไทยและต่างประเทศ มองว่าต้องรื้อยังไง ?

แบงค์ ศุภณัฐ มีนชัยนันท์ : คือของต่างประเทศเนี่ย คือพออยู่มัธยมประมาณม4 เงี่ย เขาจะเริ่มรู้ละ เขาอยากเป็นอะไร แล้วการเรียนของเขาเนี่ยค่อนข้างจำเพาะเจาะจง เขาจะเจาะลึกไปเลย อย่างเช่นคุณอยากเป็นคุณหมอจริงๆ คุณก็เจาะลึกไปเลย หรืออย่างของผมที่เรียนตอนปริญญาตรีเนี่ยคือ บริหารโครงการเพื่อการก่อสร้าง ผมก็จะเจาะลึกไปเลยด้านนั้นๆ เพราะผมเชื่อว่า การเจาะลึกเนี่ยจะเป็นการทำให้เราเหมือนกับว่าเราพร้อมจริงๆ แทนที่เราจะมาเรียน 8 กลุ่มสาระวิชา เรียนเยอะๆ เรียนกว้างๆ แต่ว่ามันไม่ได้เตรียมความพร้อมให้คุณเข้ามหาวิทยาลัย เฉพาะที่คุณอยากจะเข้า เข้าสายงานเฉพาะที่คุณอยากจะเข้า และในขณะเดียวกันเนี่ย การที่คุณเรียนแบบจำเพาะเจาะจง แล้วคุณจะมีเวลาว่างในแต่ละคาบวิชาเนี่ย เพื่อไปเรียนในสิ่งที่คุณสนใจ เพื่อไปทำในสิ่งที่คุณสนใจ อย่างเด็กเมืองนอกเราเนี่ย เราจะมีเวลาที่ ว่างอยู่พอสมควรในการที่เราจะทำเสิร์ชส่วนตัว หรือว่าจะทำการบ้าน หรือว่าจะทำศึกษาดูบทความต่างๆที่เราชอบในสาขานั้นๆ อย่างผมบางทีผมก็ด้านเศรษฐกิจบ้าง ดูอะไรบ้าง ดูอสังหา ซึ่งในตอนอยู่มัธยมเนี่ยมันไม่มีให้เรียนอสังหาใช่ไหมครับ ผมก็จะดูด้านอสังหาบ้าง ด้านการเงินบ้าง ด้านอะไรบ้างของผมไปตามที่ผมชอบ หรือแม้กระทั่งทางด้านการเมือง ถูกไหมฮะ แต่ในขณะที่ของไทยเนี่ย เราเรียนเต็มไปหมดเลยอะ เราไม่มีเวลาเหลือให้เขาเลย แล้วไม่พอเรียนเสร็จแล้วคุณยังมีคาบ 8 คาบ 9 เรียนพิเศษ เสาร์อาทิตย์ บางคนยังต้องไปกวดวิชาอีก แล้วหนักกว่าเดิมก็คือ บางท่านที่ไม่สามารถที่จะไปกวดวิชาได้ ก็เท่ากับเกิดความเสียเปรียบทางการศึกษาอีก เกิดความเหลื่อมล้ำไปกว่าเดิม ถูกไหมฮะ มันหนักไปหมดในขณะเดียวกัน บางทีฝากการบ้านไปทำตอนเย็นอีก มันกลายเป็นว่า มันค่อนข้างแตกต่างอย่างชัดเจนนะครับ ซึ่งตรงนี้เนี่ยมันก็เลยเป็นว่านโยบายของพรรคก้าวไกลส่วนหนึ่งเนี่ย ก็คือเน้นในเรื่องของการเจาะลึก และตัดวิชาบางวิชาที่มันไม่ได้อยู่ในความสนใจของเด็กจริงๆ เพราะเราเชื่อว่าบางอย่างถ้าเด็กไม่ได้สนใจแล้วมันไม่ได้จะไปใช้ในอนาคตอยู่แล้วอะ คุณไม่จำเป็นต้องไป Forceเขา ให้เขาเรียน แต่เราสามารถที่จะเอาตรงนี้เป็นวิชาเลือกให้เขาได้ ถ้าเขามีความสนใจเพิ่มเติม

ความฝันสูงสุดในทางการเมืองคืออะไร ?

แบงค์ ศุภณัฐ มีนชัยนันท์ : เปลี่ยนประเทศ คือแค่นั้นเลย Positionไหนแล้วแต่ ไม่ว่าคุณจะบอกว่า สส เป็นรัฐมนตรี หรือว่าเป็นนายกรัฐมนตรี แต่ถ้าเปลี่ยนประเทศไม่ได้ ไม่เป็นดีกว่า ไม่ต้องเป็นเลย คือผมรู้สึกว่าเสียเวลา ถูกไหมฮะ ในขณะเดียวกันที่เป็นเนี่ย ผมไม่ได้เข้าไปคอรัปชั่นประเทศ ผมไม่ได้ผลประโยชน์อะไรเพิ่มเติม ผมได้เงินเดือนก็ประมาณแสนนึง มันช่วยอะไรผมไม่ได้อยู่แล้ว ถูกไหมฮะ มันไม่ได้เยอะอะไรขนาดนั้น เพราะฉะนั้นเนี่ยผมมาทำธุรกิจดีกว่า ถ้าผมไม่สามารถเปลี่ยนแปลงประเทศอะไรได้เลย เพราะฉะนั้นเนี่ย Goal ของผมอย่างเดียวคือ มัน Change หรือเปล่า แล้ว Change เนี่ยมันดีพอสำหรับคนในประเทศหรือเปล่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านการศึกษาที่ผมบอกคือของผมเนี่ยมาเน้นๆเลยเนี่ย เน้นการศึกษาจริงๆ ผมอยากให้พรรคก้าวไกลเป็นรัฐบาล เพราะผมอ่านนโยบายแล้วผมรู้ว่ามันคือเวย์และทางออกของประเทศได้ด้านการศึกษา

Straight roads are for fast cars, turns are for fast drivers.

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้ที่จำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ (Strictly Necessary Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้มีความสำคัญต่อการปฏิบัติการของเว็บไซต์ feedforfuture.co ซึ่งจะช่วยให้ท่านสามารถเข้าถึงข้อมูลและเนื้อหาต่างๆ ของเว็บไซต์เราได้ทุกส่วน โดยเฉพาะส่วนสมาชิกผู้ใช้งานของเว็บไซต์ ตลอดจนการตรวจสอบจำนวนผู้เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ของเรา

  • คุกกี้ด้านประสิทธิภาพการทำงานของเว็บไซต์ (Performance Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้ใช้เพื่อรวบรวมข้อมูลทางสถิติเกี่ยวกับการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน เพื่อวิเคราะห์ และช่วยให้เราทราบถึงพฤติกรรมการใช้งาน ซึ่งจะช่วยปรับปรุงการทำงานของเว็บไซต์เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดในการใช้งานบนเว็บไซต์ของเรา

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาเข้ากับกลุ่มเป้าหมาย (Targeting Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้ใช้ในการบันทึก และจดจำคุณลักษณะต่างๆ ที่ท่านได้เลือกขณะเข้าชมเว็บไซต์ของเรา เช่น หมวดหมู่ และเนื้อหาที่ท่านชอบอ่านมากที่สุด เราจะบันทึกข้อมูลเหล่านี้ และนำกลับมาใช้เมื่อท่านกลับเข้ามาที่เว็บไซต์ของเราอีกครั้ง เพื่อปรับให้ท่านได้รับชมเนื้อหาได้ตรงกับความชอบของท่านให้มากที่สุด

  • คุกกี้เพื่อนำเสนอโฆษณาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย (Advertising Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้ใช้เพื่อจดจำพฤติกรรมการอ่านเนื้อหาบนเว็บไซต์ของท่าน รวมถึงรายละเอียดของอุปกรณ์ที่ท่านใช้ เพื่อนำไปใช้วิเคราะห์การนำเสนอโฆษณาที่เหมาะสมกับท่านมากที่สุด และช่วยวัดความมีประสิทธิผลของโฆษณาที่เรานำเสนอด้วย ตลอดจนช่วยป้องกัน หรือจำกัดจำนวนครั้งที่ท่านจะเห็นโฆษณาเดิมซ้ำๆ

บันทึก