FEED ขอนำเสนอซีรีส์สั้นชุด “แลนดิ้งสู่สภา” ซีรี่ย์ที่จะมาพูดคุยทำความรู้จักกับเหล่านักบินที่วันนี้ไม่ได้อยู่บนท้องฟ้าอีกต่อไป แต่พวกเขาได้ลงมาอยู่ในสนามเลือกตั้งปี 66 นี้ กับสนามเลือกตั้งที่เรียกได้ว่าในครั้งนี้เป็นการตัดสินอนาคตของประเทศ

ซีรี่ส์เเลนดิ้งสู่สภา EP.3 ตอนสุดท้าย เราจะมาพูดคุยกับนักบินอำพล ขำวิลัย หรือหลายคนรู้จักกันในชื่อบังยาส เรื่องราวของบังยาสเป็นเรื่องราวที่ค่อนข้างแปลกไปจากการเป็นนักบินคนอื่นที่ต้องไปสอบตามลำดับเพื่อให้ได้ทุนเรียนจากสายการบิน แต่บังยาสได้มีความมุ่งมั่นที่จะเรียนในสาขาของอาชีพนักบินมาตั้งแต่แรก แม้ว่าจะต้องหกล้มคลุกคลานจนกว่าจะได้เรียนนักบินในนาทีสุดท้าย แต่เขาก็ผ่านมาได้ในที่สุด โดยในตอนนี้บังยาสได้หันหน้ามาเดินทางในสายการเมืองกับพรรคภูมิใจไทยและได้ลงสมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรณ์ในเขตบ้านเกิดของเขาเอง วันนี้เราจะมาทำความรู้จักเขาให้มากขึ้นกันครับ

เล่าเส้นทางชีวิตกว่าจะเป็นนักบินหน่อยครับ

บังยาส อำพล ขำวิลัย : ถ้าจะบอกว่าในส่วนตัวของพี่เอง มันจะมี 2 อันก็คือว่าอย่างเเรกคือจังหวะเเละโอกาส คือพี่เป็นคนที่ ย้อนเล่านิดนึงนะครับก็เป็นคนที่เกิดมาในครอบครัวของคนธรรมดา คุณพ่อเนี่ยทำอาชีพขับรถตุ๊กตุ๊ก คุณเเม่เนี่ยขับสองเเถวเเต่เราเป็นลูกชายคนโตที่มีความฝันว่าอยากเป็นนักบินซึ่งไม่มีความเป็นไปได้เลยที่เราจะมาเป็นนักบิน เเต่สุดท้ายด้วยโชคชะตาฟ้าลิขิตก็ได้เข้ามาสู่วงการการบินนะครับ ด้วยมีการที่เเบบว่า มีการล้มลุกคลุกคลานตลอดเวลาเเต่สุดท้ายมันก็ผ่านมาได้ด้วยดีนะครับ ก็เรียนบินตอนปี 2011 นะครับเเล้วก็จบปี 2012 ต้นปี น้ำท่วมกรุงเทพนะครับ ตกงานนะครับก็ไปทำอาชีพอะไรมากมายครับ ก็ไปรับจ้างเเปลหนังสือบ้าง เก็บขยะก็มี ในช่วงของปีนึงที่เราตกงานนะครับ เเต่สุดท้ายปี 2013 ก็ได้งานที่เเรกนะครับก็เป็นนักบินอยู่สายการบินบิสิเนสแอร์ (Business Air) นะครับตอนนั้นก็บินอยู่ประมาณปีกว่าๆเเล้วก็โชคชะตาฟ้าลิขิตนะครับ ในช่วงของปีกว่าๆก็ได้บินเดินทางไปต่างประเทศ ญี่ปุ่น เกาหลี จีน ซาอุดิอาระเบียนะครับเเล้วเสร็จเเล้วบริษัทมีปัญหาทางการเงินก็ปิดตัว ก็ย้ายกลับมาอยู่ที่เมืองไทยก็ได้มาสมัครสายการบินไลอ้อนเเอร์ (Thai Lion Air) นะครับก็ตอนนั้นก็เป็นนักบินรุ่นที่ 2 เเบต 2 ของเขาเลย ก็บินมาอยู่ไลอ้อนมาตั้งเเต่เริ่มบริษัทปี 2014จนถึงปัจจุบันก็ 9 ปีนะครับ ก็บินมาชั่วโมงบินประมาณ 7,000 กว่าชั่วโมงบินนะครับ ก็อันนี้เป็นประวัตินักบินคร่าวๆครับ

ได้ยินว่าเส้นทางมันมีจุดที่ล้มลุกคลุกคลาน ช่วยเล่าให้ฟังหน่อยครับ

บังยาส อำพล ขำวิลัย : Process ของพี่เนี่ยคือพี่เรียนในหลักสูตรมหาวิทยาลัยก็คือว่าเรียนมหาวิทยาลัยรังสิตนะครับคือเป็นหลักสูตรที่จบปริญญาตรีพร้อมใบเส้นนักบินเลยนะครับ เเต่ของพี่น่ะมาเรียนด้วยโชคด้วยสิ่งที่เรารักเราฝัน ก็เรียนครับ2ปี วันมาสมัครคณะกรรมการถามว่าคุณจะหาเงิน 2,350,000 บาทอย่างไร?ที่จะมาจ่ายค่าเทอม น้องรู้ไหมว่าพี่ตอบกรรมการว่ายังไง
ผมไม่รู้ครับว่าผมจะหา 2,350,000 บาทได้อย่างไรเเต่ผมขอโอกาสจากคณะกรรมการได้ไหมให้ผมได้เรียน ถ้าผมเรียนได้ผมก็เรียนถ้าผมถึงเวลาเเล้วผมหาเงินไม่ได้ 2,300,000 ผมก็ยอมที่จะลาออก วันสุดท้ายครับน้องน็อตที่พี่จะไปลาออก มีผู้ใหญ่ใจดีคนนึงมาที่บ้านนะครับ เขามาก่อนนั้นมาเเล้ว1สัปดาห์มาพูดคุยกับตาที่บ้านว่าลูกหลานเป็นอย่างไร ตาก็เล่าให้ฟังว่าหลานชายคนโตเนี่ยเรียนนักบิน สอบทุกอย่างผ่านหมด สอบวิทยาศาสตร์การบิน สอบทุกอย่างผ่านหมดเหลือเเค่ว่ามีเงิน 2,300,000 เเต่เราไม่มีเงิน ลุงคนนั้นก็กลับบ้านไป พอวันศุกร์วันสุดท้ายที่พี่จะไปลาออกเพราะเราตกลงกับที่บ้านเเล้วว่าถ้าไม่มีเงิน 2,300,000 เราก็จะลาออก เช้าวันศุกร์นั้นคุณลุงก็กลับมาพร้อมกับยื่นซองขาวให้พี่เเล้วบอกกับตาว่าฝากไปให้หลานชายหน่อย พี่ก็เปิดซองออกมาก็เป็นเช็ค 2,350,000 บาทนั่นคือเงินที่พี่ได้มาตอนวินาทีสุดท้าย เเล้วก็เรียน เขาเรียนกัน4ปีพี่เรียน3ปีครึ่งนะครับ เรียนบินเเค่ประมาณปีครึ่งพี่ก็ได้จบเกียรตินิยมก็ถือว่าเป็น Qualified Pilot (นักบินพาณิชย์ตรี) คือเรียนด้วยทุนส่วนตัวนะครับเเล้วก็ตกงานอยู่ปีนึงเเล้วปี 2013 ก็ได้งานที่เเรกก็คือสายการบินบิสิเนสแอร์(Business Air) เเต่ในช่วงของการตกงานนั้นน่ะมันมีสาเหตุมาจากตอนนั้นน่าจะเป็นน้ำมันเเพง สายการบินเลยชะลอการรับนักบินนะครับประมาณนั้นครับ

พูดถึงเรื่องความสนใจส่วนตัวของพี่ยาสบ้างดีกว่า

บังยาส อำพล ขำวิลัย : ไลฟ์สไตล์ส่วนตัวเนี่ยเป็นคนชอบอ่านหนังสือโดยเฉพาะหนังสือทางการเมืองนะครับก็สมัยเป็นศิษย์การบินนะครับ ซื้อหนังสือพิมพ์มติชนทุกวันนะครับ นั่งรถจากบ้านเนี่ยมาสนามบินดอนเมืองเนี่ย อ่านหนังสือพิมพ์จบพอดีนะครับ นั่งรถตู้นะครับไม่มีรถส่วนตัวนั่งรถตู้ อ่านหนังสือพิมพ์ส่วนตัวเเล้วก็ชอบว่าถ้าเราเข้าไปอยู่จุดนั้น ถ้าเราคิดล่ะ เราว่าเฮ้ย เราจะเเก้ปัญหาประเทศชาติอย่างไร ก็จะชอบอ่านหนังสือพวกนี้ครับ ความสำเร็จ เรื่องผู้นำประเทศต่างๆ วลีต่างๆ ความคิดของผู้นำ เพราะว่าเราคิดว่าอาชีพนักบินของเราเนี่ยก็คือผู้นำ บนเครื่องบินเนี่ยเราคือนัมเบอร์วัน เราคือผู้นำที่จะชี้ ชี้ซ้ายชี้ขวาได้เพราะฉะนั้นเราก็ฟังไอเดียจากเขาเนี่ยเเหละครับจากหนังสือที่เราอ่านเนี่ยเเล้วเอามาเป็นไอเดียในการ decision ในการตัดสินใจนะครับ

จุดที่ทำให้พี่ยาสตัดสินใจว่าจะหันมาเล่นการเมือง คืออะไร

บังยาส อำพล ขำวิลัย : พอเราเดินทางไปต่างประเทศบ่อยๆนะครับน้องน็อต เราเห็นประเทศนั้นมีอย่างนั้น ประเทศนี้ทำไมเขาไปไกลกว่าเรา ประเทศเขามี ประเทศเล็กมาก ประชากรมีน้อยเเต่ทำไมเขาสามารถทำให้คนนั้นเดินทางไปมาได้อย่างสะดวกสบาย มันก็เป็นเพราะว่าผู้นำประเทศหรือผู้เเทนของเขาที่มีความรู้ความสามารถนะครับเเล้วประจวบกับโควิดนะครับ จากเดิมเนี่ยพี่ยาสบินเดือนละประมาณ 80 ชั่วโมงนะครับ มีอาชีพหลักคือนักบินนะครับเเต่พอโควิดมาเนี่ยทางบริษัทก็บอกว่าให้คุณลองหา solution อื่นๆที่จะสามารถมาจุนเจือครอบครัวได้นะครับเนื่องจากพอโควิดมาเนี่ย เราหยุดบิน ถูกสั่งหยุดบิน ถูกลดเงินเดือนต่างๆนานา เเล้วเราก็มานั่งมองว่าเอ๊ เราจะทำยังไงดีว่า จะทำอาชีพอะไรดี พี่ยาสขับเเกร็บนะครับเเล้วก็ไปเป็นอาจารย์สอนหนังสือเพราะเรามองว่าความรู้ที่เราบินมา 9-10 ปีเนี่ยนะครับ เราสามารถที่จะถ่ายทอดให้กับนักเรียน นักศึกษาได้ประจวบกับว่ามีรุ่นน้องคนนึงนะครับ เขาบอกว่าพี่ยาสสนใจเล่นการเมืองไหม

พี่ก็เลยถามว่าเอาอะไรมาชวนพี่เพราะว่าพี่เป็นนักบินของพี่ พี่เป็นอาจารย์ของพี่ พี่มีความสุขเเล้ว เขาบอกว่า พี่ ผมว่าพี่มีของดีอยู่ในตัวเเต่พี่น่าจะเอาของดีของพี่เนี่ยเเหละมาช่วยเหลือประชาชน เราก็เครียดเลยทีนี้นะครับเพราะว่าเราไม่คิดว่าเราจะเข้ามาวงการการเมืองเร็วขนาดนี้นะครับ ก็เลยตัดสินใจกับที่บ้านคุยกับครอบครัวนะครับเเล้วก็ภรรยาว่า มีคนมาทาบทามว่าอยากให้เล่นการเมือง พี่ยาสสนใจไหม? เราก็เลยบอกว่าประเด็นเเรกคือพรรคการเมืองอะไร? ที่จะให้เราไปอยู่นะครับ ก็บอกว่าพรรคภูมิใจไทยเราก็บอกว่า อุ้ย ท่านหัวหน้าอนุทิน ชาญวีรกูล ท่านเป็นนักบินเหมือนกัน ท่านจบโรงเรียนการบินเดียวกับพี่ยาสเรียนซึ่งท่านเข้ามาเรียนการบินเนี่ยรุ่นใกล้ๆกับพี่ยาสนะครับ ก็เลยเห็นหน้าค่าตากับท่านมาก่อนเเล้วก็เห็นความสามารถของท่านว่าท่านทำธุรกิจเเล้วท่านก็มาขับเครื่องบินได้ด้วยเเละที่สำคัญท่านยังมีในเรื่องของจิตใจ ในเรื่องของการรับส่งอวัยวะ มันก็ทำให้เราว่า เฮ้ย เราก็ยังบินได้อยู่นิ ถึงเราทำงานการเมืองเราก็ยังมีเวลาไปทำในเรื่องของบริการประชาชน ก็เลยตัดสินใจว่ามาสมัครสมาชิกพรรคภูมิใจไทยเมื่อ 3 ปีที่เเล้วนะครับเเล้วก็เริ่มทำงานการเมืองเลย ลงพื้นที่มาตลอด ก็เห็นอะไรหลายๆอย่างครับน้องน็อต มันทำให้เรารู้ว่าเราอยู่บนฟ้าเนี่ยครับ เราสบาย เรามีคนทำให้เราหมด เราอยู่บ้านหมู่บ้านที่ดีนะครับ เราเดินทางด้วยรถไฟ เราเดินทางด้วยเรือหรือรถเเท็กซี่หรืออะไรก็เเล้วเเต่ สบาย เเต่ยังมีคนอีกกลุ่มนึงที่เขาหลังคาบ้านยังเป็นสังกะสี บางบ้านที่พี่ไปเดินเนี่ยเรากลับมาร้องไห้นะ เรายังมาเล่าให้กับคนในบ้านฟังเลยว่าวันเนี้ย พี่ไปเดินตรงนี้มา พี่เห็นชาวบ้านเขาเดือดร้อน บางคนเนี่ยลูก 11 คน เเต่ทำงานคนเดียวเลี้ยง 11 คนเราก็มองว่ามันยังมีความเหลื่อมล้ำในสังคมไทยอยู่ครับ

ปัญหาสังคมอะไรที่พอเริ่มมาลงพื้นที่เเล้วรู้สึกว่าเซอร์ไพรส์ที่สุด

บังยาส อำพล ขำวิลัย : เซอร์ไพรส์ที่สุดก็จะเป็นในเรื่องของปัญหาในเรื่องของปากท้อง บางคนน่ะนะครับที่พี่ยาสได้ไปเดินได้ไปเยี่ยมเยียนชาวบ้านเนี่ย ในช่วงของโควิดมันเป็นอะไรที่สะท้อนจิตใจเรามากว่าเรายังไม่เป็นโควิดนะครับเเต่เราไปเดินบ้านบางบ้านเนี่ยเป็นโควิดไม่มีข้าวกิน คนในสังคมชุมชนรังเกียจเเต่เราเดินไปเราไปเหมือนเราคือเเสงสว่างให้กับเขา เราบอกว่าโอเคนะ คุณพี่ต้องดูเเลตัวเเบบนี้นะครับ อาหารการกินพี่อย่าพึ่งออกมานะ เดี๋ยวถ้ายังไงประสานเดี๋ยวเราจะช่วยประสานให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเเล้วส่งอาหารมาให้เพื่อจะได้ Home Isolation ของเขาอยู่ในบ้าน มันก็เหมือนพอเราช่วยเคสนึง เคสที่2เคสที่3เคสที่4 บางเคสเราพอจะประสานเรื่องเตียงหรือเรื่องอะไรได้ในช่วงนั้น เราทำหมดทุกอย่าง คือบางที4-5ทุ่มโทรมา ชาวบ้านโทรมาว่าติดโควิด ร้องไห้ ทำยังไงดี? เราก็บอกใจเย็นๆก่อนนะพี่นะ เป็นยังไงอาการเป็นยังไง? บางคนบอกว่าไม่ได้กินข้าวเลยเพราะว่าไม่มีคนเอามาให้ คนไม่รู้ คนรังเกียจ เราก็บอกโอเคงั้น เดี๋ยวผมไปช่วยนะ ผมช่วยเท่าที่ผมช่วยได้ เราก็จะประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปดูเเลต่อประมาณนั้นครับ

นักบินกับนักการเมืองมีอะไรที่เหมือนเเตกต่างกันยังไง

บังยาส อำพล ขำวิลัย : นักบินกับนักการเมืองมีอะไรต่างกันก็คือเราดูในเรื่อง เรา concern ในเรื่องของความเป็นอยู่ของเขานะครับ เพราะว่าถ้าเราเป็นนักบินเราก็ต้องรับผิดชอบผู้โดยสาร เเต่ถ้าเราเป็นนักการเมืองเราก็ต้องรับผิดชอบพี่น้องประชาชนในเขตพื้นที่ของเราว่าเขาอยู่ดีกินดีไหม มันก็เหมือนกับเราว่า เราบริการลูกค้า บริการผู้โดยสารได้อย่างดีเยี่ยมหรือเปล่า อันนี้พี่มองว่ามันเป็นอะไรที่คล้ายคลึงกันเลย เเล้วบางสิ่งบางอย่างมันจะต้องตัดสินใจ นักบินก็ต้องตัดสินใจ นักการเมืองก็ต้องตัดสินใจว่าจะช่วยเหลือพี่น้องประชาชนอย่างไรครับ

มองว่าอะไรเป็นเเก่นของปัญหาในสังคม

บังยาส อำพล ขำวิลัย : ความไม่เท่าเทียมเเล้วก็ที่สำคัญคือเรื่องปากท้อง ทุกอย่างที่พี่ยาสได้สัมผัสในการเดินลงพื้นที่ในการเยี่ยมประชาชนเนี่ยมันต่าง มันทำให้เราเห็นว่า วัฏจักรของมนุษย์เนี่ยประเทศไทยมันเริ่มห่างกันไปเรื่อยๆนะครับว่าบางคนอยู่ดีกินดีบางคน บางทีอะครับพี่เดินในชุมชนบางชุมชนเนี่ยกำเเพงรั้วสูงมากเลย เเต่หลังกำเเพงอะเป็นบ้านเพิงนะครับ ที่จะต้องเข้าไปดูเเลมันก็เลยมองว่ามันเป็นปัญหาที่เราจะต้องจัดระเบียบอะครับ จัดระเบียบนั้นคือถ้าเขามีปากท้องดีนะครับ พี่ยาสเชื่อว่าเขาสามารถจะขยับขยายได้เพราะบางคนบอกว่าจะให้ป้าไปไหน? ป้าอยู่ในที่บุกรุกเนี่ยจะให้ป้าไปไหน ในเมื่อป้าไม่มีสตางค์เเต่ถ้ารัฐบาลเข้ามาช่วยเหลือหรือจัดสรร zoning ต่างๆเนี่ยพี่ยาสมองว่าก็จะสามารถเเก้ปัญหาตรงนี้ได้นะครับ

อยากบอกคนที่มองว่า การเมืองไกลตัวยังไง

บังยาส อำพล ขำวิลัย : อยากจะบอกว่าการเมืองสำหรับพี่ยาสเนี่ยเป็นเรื่องที่อยู่กับเราตลอดเวลา เราตื่นมาเราก็เจอกับการเมืองครับ ไม่ว่าเราจะเดินทางไปทำงาน รถติดเราโทษใคร? เราก็โทษการเมืองนะครับ รถไฟฟ้าเเพงเราก็โทษการเมืองนะครับ ทุกอย่างโทษการเมืองหมดเพราะการเมืองคือการ คนที่จะนำพาบริหารราชการนะครับ บำบัดทุกข์บำรุงสุขให้กับประชาชน เพราะฉะนั้นจะเป็นคนรุ่นใหม่หรือจะเป็นคนรุ่นเก่า การเมืองอยู่กับเราตลอดเวลาเเต่ถามว่านักการเมืองที่เราเห็นเนี่ยไม่ว่าจะเป็นสก. หรือสส. พี่ยาสเชื่อว่าทุกคนมีอุดมการณ์ที่จะเข้ามาช่วยเหลือพี่น้องประชาชนเเต่ว่าจะทำยังไงก็เเล้วเเต่ให้มัดใจเเละที่สำคัญคือ 4 ปีที่ผ่านมาหรือ 4 ปีข้างหน้าเนี่ย นักการเมืองทุกคนคงอยากที่จะเข้าไปทำงานเพื่อที่จะรันนโยบายที่เขาได้หาเสียงเอาไว้ เพราะฉะนั้นพี่ยาสเลยมองว่าอย่าโทษว่าการเมืองคือเรื่องไกลตัว การเมืองคือเรื่องที่เราจะต้องอยู่กับมันเเละคงจะต้องดำรงต่อๆไปนะครับ

คิดอย่างไรที่คนรุ่นใหม่ หันมาสนใจการเมือง

บังยาส อำพล ขำวิลัย : เป็นสิ่งที่ดีนะครับ พี่ยาสมองว่ามันคือการเปิดโอกาสให้กับคนรุ่นใหม่ที่มีไฟที่สำคัญคือมีไฟ พี่ยาสก็ถือว่าเป็นคนรุ่นใหม่เพราะว่าเพิ่งจะทำการเมืองครั้งเเรกเเล้วอายุก็ยังไม่เยอะนะครับ มันเป็นการเปิดโอกาสเเล้วเป็นการเพิ่มตัวเลือกนะครับให้กับพี่น้องประชาชนว่าการที่เราเลือกผู้เเทนเข้าไป ถ้าคนนั้นทำงานดีนะครับ เราก็เลือกเขาต่อเเต่ถ้าถึงเวลาเเล้ว4ปีที่ผ่านมานะครับ ยังทำงานไม่ดีนะครับ เราก็สามารถที่จะเลือกคนใหม่เข้ามาได้ เหมือนที่บอกว่ายิ่งใหม่มันยิ่งสดอะครับ นะครับ เพราะนักการเมืองพออาวุโสเเล้วก็จะมีประสบการณ์ Experience เหมือนนักบินที่เราบินชั่วโมงเยอะๆก็จะมองขาด เเต่พอนักบินใหม่ๆคือนักบินที่เรียนรู้ประสบการณ์นะครับ พี่มองว่าถ้านักการเมืองรุ่นใหม่เเล้วได้รับเลือกเข้าไปทำงานนะครับ มันจะเหมือน Co-pilot ที่ขยันอ่านหนังสืออะครับ ขยันทำงาน ขยันทำการบ้านที่จะเข้ามาเเก้ปัญหาพี่น้องประชาชน เเต่ถ้าเป็นนักการเมืองที่อาวุโสหรือมีประสบการณ์เเล้วเขาก็จะสามารถมองว่าเฮ้ย มันถึงเวลาที่จะต้องเเก้ไขเเล้วหรือยังนะครับ หรือยังไม่ต้องเเก้ไข หรือใช้เวลาอีกสักพักนึงเเต่พอนักการเมืองรุ่นใหม่เนี่ยนะครับ ผมว่าประโยชน์มันจะได้กับพี่น้องประชาชนมากกว่า เพราะว่าอย่างที่เราบอกอะครับว่าเราเป็นนักบินเรามีชั่วโมงการบิน เเต่พอเรามาทำงานการเมืองเราเหมือนน้องใหม่เราก็เอาชีวิตนักบินเราล่ะครับมาใช้ ก่อนที่ลงพื้นที่พี่ยาสทำการบ้านก่อนนะครับว่ามีกี่หลังคาเรือน มีอะไรบ้างเเล้วปัญหาที่เเต่ละชุมชน เราต้องเเก้ไขอย่างไร ที่สำคัญคือเราจะไปหาเขาเนี่ยถ้าเขาถามเรามา พี่ยาสเคยเจอคำถามว่าคุณมาที่นี่ คุณจะเเก้ปัญหาอะไรให้เรา รับน้องครับ เหมือนคำถามเวลาครู กัปตันจะถามความรู้นักบินใหม่ว่าระบบนี้ไปยังไง มันก็เหมือนกับเราไปทำงานในพื้นที่ว่าโอเค คุณจะมาทำคุณจะมาเป็นอาสาเป็นผู้เเทน คุณยังไม่รู้เลยว่าปัญหาในพื้นที่ของคุณคืออะไรเเล้วคุณจะช่วยเหลือพี่น้องประชาชนอย่างไร มันก็เหมือนกับว่าคุณจะมาขับเครื่องบินเเต่คุณยังไม่รู้จักระบบของเครื่องบินเลย เเล้วความปลอดภัยของผู้โดยสารที่จะฝากชีวิตไว้กับคุณ มันจะเป็นไปได้อย่างไรนะครับ

อยากนำความรู้ที่มีจากบิน มาพัฒนาเขตหรือชาติอย่างไร

บังยาส อำพล ขำวิลัย : อย่างเเรกคือการที่ผมเดินทางไปต่างประเทศนะครับในตอนที่เป็นนักบินอยู่นะครับ เราก็จะเห็นว่าระบบtransportationของเเต่ละประเทศนั้นน่ะเขาลิงก์หากันหมดอย่างเช่น one day pass นะครับอย่างที่ฮ่องกงนะครับ หรือเกาหลีหรือที่สิงคโปร์ก็เเล้วเเต่ที่ใกล้ตัวเราที่สุดนะครับ คุณสามารถใช้บัตรใบเดียวขึ้นรถเมล์ก็ได้ขึ้นรถไฟฟ้าก็ได้ ได้หมดทุกอย่างเลยเเต่พอกลับมามองดูที่ประเทศเรา ทำไมฉันขึ้นแอร์พอร์ตลิงก์ ฉันมาต่อ BTS ฉันต้องเเลกเหรียญ ฉันต้องหยอดใบใหม่นะครับ เเล้วฉันจะไปต่อ MRT ฉันก็ต้องเเลกใหม่อีกรอบนึงอีก เราก็เลยมองว่าอันนั้นน่ะคือเป็นจุดพอยท์นึงที่เรามองว่ามันยากเหรอที่เราจะเอาบัตรใบเดียว one day pass ticket เข้ามาสามารถซื้อ40บาท สมมติ40บาท เเล้วพี่มองว่าการเดินทางในประเทศไทย การขนส่งtransportation ของประเทศไทยนะครับ เเพง พี่ยาสตอบเลยว่าเเพงนะครับ เพราะว่ายกตัวอย่างถ้าเดินทางจากสุวรรณภูมิเเล้วคุณจะมาดอนเมือง 100 กว่าบาทนะครับ เเต่ยกตัวอย่างประเทศสิงคโปร์นั่งรถไฟรอบเกาะเลยเเค่ 35 บาท สถานีสั้นก็ถูกนิดนึง สถานีไกล 8 สถานี 10 สถานีก็ 35 บาทมันทำให้เรารู้สึกว่ามันเกิดเฮ้ย ทำไมเขาทำได้ทำไมเราทำไม่ได้ ก็เลยมองว่าอันนี้เป็นจุดนึงที่มาอยู่พรรคภูมิใจไทยซึ่งเราดูเเลในเรื่องของกระทรวงคมนาคมนะครับ เเล้วเรามีกลุ่ม เขาเรียกกลุ่มทีมภูมิใจกรุงเทพ

เราก็มีนโยบายในเรื่องของ one day ticket นะครับ ก็สามารถเพื่อจะลดค่าครองชีพ อันเนี้ยพี่มองว่ามันเป็นอะไรที่พี่อยากทำมากเพราะว่าบางกะปิครับรถไฟฟ้าจะเป็นสายสีส้มจะเป็นสายสีไหนก็เเล้วเเต่ มีเรือโดยสารอีกเรือคลองเเสนเเสบเพราะฉะนั้นบางกะปิมี transportation ทุกอย่าง มีรถไฟฟ้า EV ที่สำคัญพี่ยาสไปญี่ปุ่นมาล่าสุดนะครับสัก 4 ปีที่เเล้ว รถเมล์เขาเรานั่งอยู่ สักพักติดไฟเเดงมันดับเครื่องยนต์ เราก็เลยถามว่าเป็นรถไฮบริด(Hybrid)เหรอ เขาบอกว่าใช่ พอติดไฟเเดงมันก็ตัดเป็นระบบไฟฟ้าเเล้วก็พอรถไหลก็จะเป็นระบบน้ำมันนะครับ เราก็มองว่าเอ้ย ถ้าเอามาอยู่บ้านเราล่ะPM 2.5 ก็จะหายไปที่สำคัญคือมลพิษในท้องถนนมันก็จะหายไป ก็เลยมันก็กลับมาตอบโจทย์อีกว่าทำไมพี่ยาสถึงเลือกพรรคภูมิใจไทย เพราะเราก็มองว่าภูมิใจไทยมีนโยบายในเรื่องของรถเมล์ EV 1,000 กว่าคัน 1,200 คันที่วิ่งอยู่ปัจจุบัน เเละจะมี 5,000 คันในอนาคต เพราะฉะนั้นพี่ยาสมองว่า มันเริ่มที่จะ เริ่มมีเเสงสว่างเเต่มันขาดคนที่จะเป็นฟันเฟืองนะครับ ก็เลยมองว่าอันเนี่ยเป็นนโยบายเป็นสิ่งที่พี่ยาสอยากเห็น อยากให้มันเกิดขึ้นในประเทศของเรา ในกรุงเทพมหานคร เขตบางกะปิที่พี่ยาสรับผิดชอบอยู่ครับ

ถ้าจัดกิจกรรมให้คนรุ่นใหม่ 1 กิจกรรม จะจัดกิจกรรมอะไร เพราะอะไร

บังยาส อำพล ขำวิลัย : พี่ยาสอยากจัดอีเว้นท์ให้คนรุ่นใหม่คือ อยากจัดเป็นงานอีเว้นท์นึงที่ให้ทุกคนมาเเสดงความคิดเหมือนจะบอกว่าไงอะครับ พี่ยาสไปประเทศเกาหลีใต้อยู่ประเทศนึง ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องที่เราเห็นเเล้วเรามาคิดกับบ้านเราว่า จะบ้านเราเป็นอย่างงี้ล่ะมันจะเป็นยังไงประเทศเกาหลีใต้เนี่ย น้องน็อตครับ มีม็อบทุกวัน ใครไม่ชอบใคร ใครมีปัญหาอะไรมาตั้งม็อบเเต่ทุกคนอยู่ในที่สงบนะครับ ก็มาชูป้ายเสร็จเเล้วชั่วโมงนึงกลับบ้าน เเต่เดี๋ยวพรุ่งนี้มาใหม่ชั่วโมงนึงกลับบ้าน มันคือการประกาศให้โลกรู้ว่าเฮ้ย มันยังมีคนนึงที่คิดต่างจากคนอื่น เพราะฉะนั้นอีเว้นท์ถ้าพี่ทำได้ก็อยากจะมีพื้นที่เเบบว่าให้ทุกคนเสนอความคิด อยากเห็นบ้านเมืองของเราเป็นยังไง อยากให้คนรุ่นใหม่เนี่ยครับมาเป็นพลังเพราะว่าตอนนี้ ในบ้านเราเนี่ยเป็นสังคมผู้สูงอายุมากขึ้นๆเเละก็มากขึ้นนะครับ เเต่ว่าคนรุ่นใหม่เนี่ยจะไม่ค่อยได้สนใจในเรื่องบ้านเมืองเท่าไหร่ เพราะฉะนั้นพี่อาจจะเปิดเวทีให้เขาได้มานำเสนอหรือจัดเป็นอีเว้นท์เล็กๆอะครับว่าใครอยากเห็นบ้านเมือง อยากเห็น อย่างยกตัวอย่างในเขตบางกะปิเป็นอย่างไร ก็มาเขียนโน๊ตไว้หรือว่ามาทำเป็นโปสเตอร์เเล้วติดไว้เเล้วอย่างน้อยคือให้คนได้เห็น เพราะบางสิ่งบางอย่างมันเป็นไอเดียครับน้องน็อต เป็นไอเดียเเล้วบริษัทหรือคนอื่นที่มาอ่านมาดูเขาเอาไปปรับใช้กลยุทธ์ให้กับตัวเองได้บริษัทหรือว่าหน่วยงาน หรือเขตของตัวเองได้ครับ

ช่วงขายของ ขายนโยบาย

บังยาส อำพล ขำวิลัย : สวัสดีนะครับพี่น้องชาวไทยนะครับ พี่น้องชาวบางกะปิ วังทองหลาง เเขวงคลองเจ้าคุณสิงห์นะครับ ผมอำพล ขำวิลัยนะครับ ผู้สมัครจากพรรคภูมิใจไทยนะครับ ผมมีความยินดีมีความตั้งใจนะครับ ที่จะมาพัฒนาบ้านเกิดเมืองนอนของผมนะครับ โดยมีนโยบายนะครับจากทางพรรคภูมิใจไทยโดยทีมยุทธศาสตร์กรุงเทพมหานครนะครับ ได้นำเสนอมาที่ผมพูดไปตอนต้นรายการก็คือในเรื่องของ one day pass ผมอยากให้ทุกคนในกรุงเทพอะครับเดินทางไปไหนมาไหนสะดวกนะครับไม่ต้องเเลกเหรียญ ขอเเค่มีบัตรใบเดียวนะครับเดินทาง เป็นตั๋วรายวันครับ 40 บาทตลอดสายเดินทางได้มีรถเมล์EVนะครับ ทั่ว คุมทุกเเขวง ทุกเขตของกรุงเทพมหานครเพราะว่าที่ไปดูมาที่ไปทำวิจัยมานะครับ บางส่วนของกรุงเทพยังไม่มีรถเมล์เลยนะครับ บางส่วนมีสายเดียวนะครับเเต่ตอนนี้เรามีนโยบายว่าเราจะเพิ่มรถเมล์EVนะครับนอกจากนี้ก็จะมีในเรื่องของโรงพยาบาลนะครับเพราะว่ากรุงเทพมหานครเป็นเมืองใหญ่นะครับเเต่มีโรงพยาบาลรัฐไม่กี่เเห่งเพราะฉะนั้นเราก็จะมีการเพิ่มจัดสรรนโยบายในเรื่องของโรงพยาบาลนะครับเเล้วก็ที่สำคัญคือพักหนี้ 3 ปีนะครับ หยุดต้น ปลอดดอกเบี้ยนะครับเพื่อที่จะได้ให้พี่น้องนั้นมีเงินใช้ 3 ปีเพื่อในการตั้งตัวเเล้วก็ในการปรับตัวเข้าสู่โลกในอนาคตนะครับ อันนี้ก็จะเป็นนโยบายที่อยากจะขายของเเต่ที่สำคัญคืออยากจะฝากกับพี่น้องชาวกรุงเทพนะครับว่าพรรคภูมิใจไทยอาจจะเป็นพรรคบ้านนอกในสายตาของคนอื่นนะครับเเต่ผมนะครับ นักบินอำพลนะครับ พร้อมที่จะเข้ามาทำงาน พัฒนาบางกะปิ วังทองหลาง เเขวงคลองเจ้าคุณสิงห์ให้มันดีกว่าเดิมครับ

Straight roads are for fast cars, turns are for fast drivers.

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้ที่จำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ (Strictly Necessary Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้มีความสำคัญต่อการปฏิบัติการของเว็บไซต์ feedforfuture.co ซึ่งจะช่วยให้ท่านสามารถเข้าถึงข้อมูลและเนื้อหาต่างๆ ของเว็บไซต์เราได้ทุกส่วน โดยเฉพาะส่วนสมาชิกผู้ใช้งานของเว็บไซต์ ตลอดจนการตรวจสอบจำนวนผู้เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ของเรา

  • คุกกี้ด้านประสิทธิภาพการทำงานของเว็บไซต์ (Performance Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้ใช้เพื่อรวบรวมข้อมูลทางสถิติเกี่ยวกับการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน เพื่อวิเคราะห์ และช่วยให้เราทราบถึงพฤติกรรมการใช้งาน ซึ่งจะช่วยปรับปรุงการทำงานของเว็บไซต์เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดในการใช้งานบนเว็บไซต์ของเรา

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาเข้ากับกลุ่มเป้าหมาย (Targeting Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้ใช้ในการบันทึก และจดจำคุณลักษณะต่างๆ ที่ท่านได้เลือกขณะเข้าชมเว็บไซต์ของเรา เช่น หมวดหมู่ และเนื้อหาที่ท่านชอบอ่านมากที่สุด เราจะบันทึกข้อมูลเหล่านี้ และนำกลับมาใช้เมื่อท่านกลับเข้ามาที่เว็บไซต์ของเราอีกครั้ง เพื่อปรับให้ท่านได้รับชมเนื้อหาได้ตรงกับความชอบของท่านให้มากที่สุด

  • คุกกี้เพื่อนำเสนอโฆษณาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย (Advertising Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้ใช้เพื่อจดจำพฤติกรรมการอ่านเนื้อหาบนเว็บไซต์ของท่าน รวมถึงรายละเอียดของอุปกรณ์ที่ท่านใช้ เพื่อนำไปใช้วิเคราะห์การนำเสนอโฆษณาที่เหมาะสมกับท่านมากที่สุด และช่วยวัดความมีประสิทธิผลของโฆษณาที่เรานำเสนอด้วย ตลอดจนช่วยป้องกัน หรือจำกัดจำนวนครั้งที่ท่านจะเห็นโฆษณาเดิมซ้ำๆ

บันทึก