ดร.สนธิ คชวัฒน์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ เป็นผู้หนึ่งที่ได้โพสต์ข้อความเตือนเกี่ยวกับ สารกัมมันตรังสีซีเซียม-137 มาตั้งแต่แรกๆ ที่พบว่าแท่งเหล็กบรรจุสารหายไป

ล่าสุด ทางผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี ได้ออกมาแถลงข่าวว่าพบแล้ว และแท่งบรรจถสารนี้ได้เข้าเตาหลอมไปเรียบร้อยแล้วนั้น

อ่านรายละเอียดต่อที่ ผู้ว่าฯ ปราจีนบุรี แถลง “ซีเซียม137” ถูกหลอมแล้ว คาดมีคนได้รับผลกระทบไม่ต่ำกว่า 4-5 คน https://feedforfuture.co/feed-news/27643/

ทางด้าน ดร.สนธิ คชวัฒน์ ได้โพสต์ข้อความเตือนดังนี

“หายนะแท่งซีเซียม ถูกหลอมในโรงงานหลอมเหล็ก มีทั้งฝุ่นที่ปล่อยออกจากปล่องควัน ฝุ่นแดงในถุงกรองอากาศ ขี้เถ้าหนัก รวมทั้งฝุ่นในโรงงาน คืออนุภาคซีเซี่ยมที่ปล่อยรังสีแกมมาและเบต้าออกมา คือสารสารก่อมะเร็ง ในอากาศ ในพืช ผัก ผลไม้ แหล่งน้ำผิวดิน น้ำใต้ดิน รัศมีอย่างน้อย 5 กม.ระยะยาวอาจมีคนป่วยมากขึ้นเรื่อยๆ”

โดยก่อนหน้านี้ ดร.สนธิ ได้โพสต์อธิบายกระบวนการและผลกระทบ ว่า

“ถ้าแท่งโลหะที่บรรจุซีเซียม137 ถูกหลอมรวมกับเศษเหล็กในโรงงานหลอมเหล็กแล้ว ผลกระทบที่ตามมาคือ

1.ฝุ่นขนาดเล็กของ ซีเซียม137 ที่ปล่อยออกมาจากปลายปล่อง จะกระจายสู่บรรยากาศและตกลงสู่แหล่งน้ำ ดินที่อยู่รอบๆโรงงานและเกิดการปนเปื้อนเข้าสู่วงจรอาหารได้แก่ ผัก ผลไม้ อา หารจากแหล่งน้ำใกล้เคียงและอาหารแปรรูปจากวัตถุดิบทางการเกษตร เป็นต้นรวมทั้งอาจมีบางส่วนที่ประชาชนหายใจเข้าไปด้วย

   สารนี้เมื่อเข้าสู่ร่างกายบางส่วนจะถูกขับออกจากร่างกายทางเหงื่อและปัสสาวะและบางส่วนจะตกค้างและสะสมในกล้ามเนื้อ,ตับ,ไขกระดูก หากได้รับในปริมาณมากหรือเป็นเวลานานจะทำให้เกิดความผิดปกติในระดับโครโมโซมคือเป็นมะเร็งนั่นเอง

2.หากโรงงานหลอมเหล็กมีอุปกรณ์ควบคุมมล พิษทางอากาศ เช่น Baghouse Filter โดยจะทำการกรองฝุ่นเหล็กขนาดเล็กที่ปนเปื้อนสาร ซีเซียม137 หรือที่เรียกว่าฝุ่นแดงไว้ในถุงกรองในปริมาณมาก ซึ่งโรงงานหลอมเหล็กจะขายฝุ่นแดงดังกล่าวให้กับโรงงานประเภท106 นำไป Recycle เพื่อสกัดเอาธาตุสังกะสีไปใช้ ซึ่งจะทำให้สาร ซีเซียม137แพร่กระจายออกไปในวงกว้างมากขึ้น และเกิดอันตรายต่อประชาชนและระบบนิเวศ

3.เมื่อเข้าเตาหลอมแล้วส่วนหนึ่งจะกลายเป็นขี้เถ้าหนัก(Bottom ash)โดยจะมีอนุภาคของ สารซีเซียม137ปนเปื้อนในเถ้าหนักด้วย หากโรงงานนำไปฝังกลบใต้ดินก็อาจปนเปื้อนน้ำใต้ดินและน้ำผิวดิน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการผลิตอาหารและน้ำต่อไป

4.เจ้าหน้าที่ของรัฐต้องสวมอุปกรณ์คุ้มครองความปลอดภัย(PPE)เพื่อป้องกันการได้รับรังสีและทำการตรวจการปนเปื้อนของสารซีเซียม137 ภายในโรงงานทุกบริเวณ เช่น เถ้าหนัก ฝุ่นแดง กองเหล็ก เตาหลอม ดินและแหล่งน้ำและฝุ่นละอองในโรงงาน เป็นต้น รวมทั้งต้องตรวจหารังสีปนเปื้อนที่ตัวพนักงานทุกคนด้วย”

ทางด้าน  นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า กัมมันตรังสีซีเซียม -137 ทำให้เซลล์ของมนุษย์เกิดความผิดปกติขึ้น ปัจจัยความรุนแรง ขึ้นอยู่กับระยะเวลา วิธีที่สัมผัส และปริมาณสารที่ได้รับ เดิมซีเซียม137 มีประโยชน์ใช้รักษามะเร็งโดยการฝังแร่ซีเซียม แต่ค่าครึ่งชีวิตนานไปกำจัดยาก จึงเปลี่ยนเป็นโคบอลต์ ที่มีครึ่งชีวิต 5 ปี และการแพทย์ก็พัฒนามาเรื่อยๆ จนเปลี่ยนมาใช้พลังงานไฟฟ้าที่หลาย รพ. ใช้อยู่ในปัจจุบัน การใช้รังสีทางการแพทย์ไม่มีปัญหา มีการจัดการเอาเข้าออกอย่างดี

แต่ที่เกิดขึ้นใน จ.ปราจีนบุรี เกิดจากการถูกขโมยไป ซึ่งหากถูกหลอมไปแล้วจะเกิดอะไรขึ้น ก็ต้องดูว่า ลักษณะความร้อนที่สูงมากก็ไม่น่ากังวล สารก็สลายไป แต่ที่น่ากังวลคือ เศษที่มีซีเซียมติดอยู่อาจกระจายออกไป ต้องให้สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติตรวจสอบและวัดสารดังกล่าวในสิ่งแวดล้อม เนื่องจากสารดังกล่าวไม่มีสี ไม่มีกลิ่น มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า จึงเป็นเรื่องยากที่จะรู้ว่าร่างกายได้รับสารนั้นมาแล้ว แต่สังเกตได้จากอาการป่วยที่มีประวัติสัมผัสสารดังกล่าว ต้องพบแพทย์เพื่อสอบสวนโรค โดยต้องติดตามตั้งแต่เส้นทางการขนย้ายภายในโรงงาน กับพื้นที่โรงงานด้วย

นพ.ศุภกิจ กล่าวว่า ส่วนการรักษาต้องดูว่า สารนั้นถูกอวัยวะสำคัญหรือไม่ ซึ่งอาจเสียชีวิตได้ทั้งในระยะสั้นและยาว เหมือนโคบอลต์ 60 ที่ซาเล้งขายของเก่าเก็บโคบอลต์และได้รับสารพิษ หากถูกอวัยวะสำคัญก็มีผลกระทบ และยังรวมไปถึงเซลล์และกระดูกไขสันหลัง เกิดการติดเชื้อได้ง่าย รวมไปถึงการก่อให้เกิดโรคมะเร็ง ส่วนที่ข้อกังวลของคำแถลงที่สำนักปรมาณูฯ ระบุว่า ฝุ่นในโรงงานหลอมมีซีเซียมปน หากมีปริมาณโมเลกุลที่เล็กมาก ซีเซียมก็มีผลน้อย แต่เนื่องจากสารไม่สีไม่มีกลิ่นก็ต้องเฝ้าดู

ทั้งนี้ ไม่ต้องกังวลผลกระทบจากกัมมันตรังสีซีเซียม-137 ไม่เทียบเท่ากับ เชอร์โนบิล ที่ยูเครน ดังนั้น ไม่ต้องกังวลมาก อย่างไรก็ตาม คนที่สัมผัสในโรงงานหลอมต้องเฝ้าระวังต่อไป ส่วนคนภายนอก ต้องเฝ้าระวัง หากป่วยสงสัยเข้าข่ายมีอาการทางผิวหนัง หรือความผิดปกติอื่น ก็ควรไปพบแพทย์ เพื่อสอบสวนโรค เนื่องจากตามข้อปฏิบัติการป้องกัน เฝ้าระวังสารกัมมันตรังสีไทยปฏิบัติตาม พ.ร.บ. พลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติ พ.ศ. 2559 และขั้นตอนปฏิบัติตามมาตรฐานสากล

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้ที่จำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ (Strictly Necessary Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้มีความสำคัญต่อการปฏิบัติการของเว็บไซต์ feedforfuture.co ซึ่งจะช่วยให้ท่านสามารถเข้าถึงข้อมูลและเนื้อหาต่างๆ ของเว็บไซต์เราได้ทุกส่วน โดยเฉพาะส่วนสมาชิกผู้ใช้งานของเว็บไซต์ ตลอดจนการตรวจสอบจำนวนผู้เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ของเรา

  • คุกกี้ด้านประสิทธิภาพการทำงานของเว็บไซต์ (Performance Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้ใช้เพื่อรวบรวมข้อมูลทางสถิติเกี่ยวกับการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน เพื่อวิเคราะห์ และช่วยให้เราทราบถึงพฤติกรรมการใช้งาน ซึ่งจะช่วยปรับปรุงการทำงานของเว็บไซต์เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดในการใช้งานบนเว็บไซต์ของเรา

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาเข้ากับกลุ่มเป้าหมาย (Targeting Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้ใช้ในการบันทึก และจดจำคุณลักษณะต่างๆ ที่ท่านได้เลือกขณะเข้าชมเว็บไซต์ของเรา เช่น หมวดหมู่ และเนื้อหาที่ท่านชอบอ่านมากที่สุด เราจะบันทึกข้อมูลเหล่านี้ และนำกลับมาใช้เมื่อท่านกลับเข้ามาที่เว็บไซต์ของเราอีกครั้ง เพื่อปรับให้ท่านได้รับชมเนื้อหาได้ตรงกับความชอบของท่านให้มากที่สุด

  • คุกกี้เพื่อนำเสนอโฆษณาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย (Advertising Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้ใช้เพื่อจดจำพฤติกรรมการอ่านเนื้อหาบนเว็บไซต์ของท่าน รวมถึงรายละเอียดของอุปกรณ์ที่ท่านใช้ เพื่อนำไปใช้วิเคราะห์การนำเสนอโฆษณาที่เหมาะสมกับท่านมากที่สุด และช่วยวัดความมีประสิทธิผลของโฆษณาที่เรานำเสนอด้วย ตลอดจนช่วยป้องกัน หรือจำกัดจำนวนครั้งที่ท่านจะเห็นโฆษณาเดิมซ้ำๆ

บันทึก