เดี่ยว 13 การแสดง Stand Up Comedy ของ โน้ส อุดม แต้พานิช เปิดแสดงไปเมื่อเดือน ส.ค. ที่ผ่านมา โดยกระแสหลักที่ตามมาตอนนั้นสำหรับคนที่เข้าไปชม (ผสมกับคนที่ไม่ได้ดูแต่ขอแสดงความเห็นด้วย) คือ หมดยุคการแสดงเดี่ยวของโน้สแล้วหรือยัง บางคนบอกว่าทำได้ดี บางคนบอกว่าไม่สนุก บางคนบอกว่าเป็นผลมาจากการเลื่อนแสดงเพราะโควิดทำให้หลายมุขต้องปรับเปลี่ยน บ้างก็ว่าข้อจำกัดของยุคสมัยที่ตลกโดยการล้อปมด้อยคนอื่นจะทำไม่ได้อีกแล้วทำให้ตลกน้อยลง โดยกระแสเรื่องเนื้อหาที่พูดถึงการเมืองตอนนั้นมีบ้างประปราย
แต่ทันทีที่มี “เดี่ยว 13” เผยแพร่ใน Netflix และได้ชมกันแบบเต็มๆ โดยเฉพาะในช่วงท้ายที่ โน้ส ออกตัวว่า การแสดงของเขาควรจะจบลงแค่นี้ แต่เขายังมีเรื่องที่อยากจะเล่าต่อ
“จริงๆ โชว์ผมควรจะจบแถวๆ นี้นะ แถวๆ นี้แหละ แต่ว่า แต่ว่าผมยังไม่อยากจบนะ ผมขอไปต่ออีกหน่อยได้ไหม”
จากนั้นเขาก็เริ่มด้วยที่นำเข้าสู่เรื่องว่า
“เพราะว่ายังไม่ได้พูดถึงคนคนหนึ่งที่แบบ ผมจะไม่ทนเขาแล้ว คือผมก็ทนเขามาแปดปีแล้วครับ” แล้วแสดงมุมมองของเขา เช่น
“ตอนนี้ประเทศเราเหมือนเครื่องบินที่ขับโดยซีเคียวริตี้การ์ด ผมไม่ได้ว่าท่านเป็นคนไม่ดีนะครับ แยกแยะก่อน คือผมก็เคยชอบเหมือนกับท่านนั้นแหล่ะฮะ เราไม่ได้แปลว่าเขาเป็นคนไม่ดี คือการขับเครื่องบินเก่งมันคนละเรื่องกับคนดี ไม่ใช่ว่าเราไปเจอพระรูปหนึ่งปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ศีล 227 แล้วนิมนต์ท่านขึ้นมาขับเครื่องบิน คนละเรื่องกัน มันเป็นเรื่องผู้ชำนาญ ตอนนี้ประเทศเราขับโดยคนขับเครื่องบินไม่เป็นครับ”
“สมมติมีคนมาสมัครทำงานกับคุณ ด้วยทัศนคติที่ว่า ‘คุณคิดว่าผมอยากทำงานตรงนี้เหรอ มาทำเองไหมล่ะฮะ’ ลองคิดว่าเป็นลูกน้องตัวเองมาสมัครงาน คุณจะรับเข้าทำงานไหม แต่ตอนนี้เราได้คนแบบนี้ทำงานให้เราอยู่ เห็นอนาคตบริษัทไหมครับ”
“เลือกชัชชาติก็ได้แค่ ทำงาน ทำงาน ทำงาน แต่ถ้าเลือกลุงตู่จะได้ ทำใจ ทำใจ ทำใจ ตามด้วย รำคาญ รำคาญ รำคาญ”
หลังเผยแพร่ออกไปเสียงตอบรับในโซเชียลมีเดียหลังจากนั้น มีทั้งที่ชื่นชอบและชิงชัง
ฝ่ายที่ชื่นชอบจำนวนมากปฏิเสธไม่ได้ว่ามาจากจุดยืนทางการเมือง ที่ไม่เห็นด้วยกับ พล.อ.ประยุทธ์ ด้วยอยู่แล้ว เมื่อมีคนออกมาพูดแทนก็รู้สึกโดนใจ
ฝ่ายที่ชิงชังบางคนบอกว่าสะสมซีดีการแสดงของ อุดม ไว้หลายสิบแผ่น ได้ทิ้งทั้งขยะแล้ว และระบุเลิกสนับสนุน
บางคนเห็นว่า เรื่องการเมืองไม่ใช่เรื่องที่ควรนำมาแสดงความเห็นแม้แต่คุยกันเองเพราะทำให้แตกแยก อุดม ควรจะเป็นตัวอย่างที่ดี ไม่ใช่เป็นคนเติมเชื้อไฟ
หรือ อายุขนาดนี้ ผ่านการบวชเรียนมาแล้ว ไม่ได้ทำให้คิดได้เลยหรือ หรือต้องการทิ้งทวนการหารายได้ครั้งสุดท้าย
ไม่ใช่ครั้งแรกที่ล้อ “ลุงตู่”
“เดี่ยว 13” ไม่ใช่ครั้งแรก ที่ พล.อ.ประยุทธ์ ถูกพูดถึง ถ้าย้อนกลับไปใน “เดี่ยว 11” ปี 2558 (ซึ่งยังเป็นช่วง พล.อ.ประยุทธ์ มีอำนาจเต็ม จากการมี ม.44 ในมือ) อุดม นำเพลง ท.ทหาร อดทน ของคาราบาว มาแปลงเนื้อหาเล่าล้อเลียนแบบเบาๆ ถึงการออกโทรทัศน์ รายการคืนความสุขให้ประชาชน ของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่มักจะมาแทรกเวลาละคร และพาดพิงไปถึงการทำงาน
“ค่ำคืนเขายืนเดี่ยวไมค์ เปิดไปดูเมื่อไร อุ่นใจจนนอนหาว
หรือว่าอาจมีแค่เรา ที่ติดตามดูเขาทุกราตรีกาล
ท.ทหาร ทำรายการคืนความสุข ดูละครกำลังสนุก เอาความสุขคืนซะงั้น (ผู้ชมหัวเราะ ปรบมือ) …”
น่าสนใจว่า พล.อ.ประยุทธ์ เองก็ออกตัวว่าเป็นคนตลกและครั้งหนึ่ง เขาเคยพูดถึง อุดม ไว้บนเวทีที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
“อ้าวหลับไปแล้ว (ชี้นิ้วไปที่คนฟัง) ตัวก็ใหญ่ยังหลับเร็วเดี๋ยวเถอะ ผมแหย่เล่นนะ พอดีผมหันไปเห็นพอดี ผมก็ว่าผมพูดเสียงดังแล้วนะ ปกติถ้าเป็นทหารต้องยึดพื้นแล้วนะ เอ๊ ตกลงเดี๋ยวผมไปแข่งกับอุดม แต้พานิช หรือเปล่าเนี่ย (ผู้ฟังหัวเราะ) หรือไม่มีสาระก็ไม่รู้เนี่ย ชักไม่เข้าท่าแล้วนะ … ลูกน้องมันยังไม่เชื่อเลยว่าผมพูดตลกได้เนี่ย”
ไม่ใช่รัฐบาลและผู้นำคนแรกที่ถูกพูดถึง
ระหว่างแสดง “เดี่ยว 13” และพูดถึง พล.อ.ประยุทธ์ อุดม กล่าวตอนหนึ่งว่า
“ผมล้อทุกรัฐบาลนะครับ ไม่ว่าคุณยิ่งลักษณ์ คุณอภิสิทธิ์ คุณทักษิณ หรือในอดีตใครก็ตามผมล้อหมด แต่โอเค ไม่เคยเห็นแบบนี้ เป็นเอกฉันท์แบบว่า พอบอกวันนี้วันเกิดนายก แล้วใน คอมเมนต์น่ะ ตัว ค ตัวเดียว ค ๆๆๆๆ อีเหี้ย เกิดมาไม่เคยเห็น”
ถ้าย้อนกลับไปก่อนหน้านั้น อุดม เคยพาดพิงทั้งรัฐบาลทักษิณ (เรื่องโกงกิน) คมช. และรัฐบาลขิงแก่ (เรื่องทำงานไม่เป็น) ใน “เดี่ยว 7” ปี 2551 ในช่วงที่เขาแสดงร้องแหล่ผสมแร็ป
“ในการเปลี่ยนแปลงการปกครอง เมื่อ 1 ปีที่ผ่านไป
ทำให้เกิดการปฏิวัติรัฐประหารขึ้นมา เป็นที่น่าหวั่นใจ
ต้นเหตุนั้นมันคืออะไร มันเกิดจากรอยร้าวเล็กๆ บนรันเวย์สุวรรณภูมิ
เป็นรอยร้าวเล็กๆ แตกๆ แยกๆ
ทำให้ใครหลายคนคิดว่า เฮ้ยนี่ร่องรอยแห่งการคอร์รัปชันแน่ๆ
หลายคนคิดๆ แล้วไม่ทำอะไร แต่บางคนคิดๆ แล้วเขาทำลงไป
คนเหล่านั้นเขาใช้ชื่อว่า คมช.นั่นไง
เขารวมตัวกันมาคิดๆๆๆๆๆๆ
คิดไปแล้วว่าใช่ ต้องใช่แน่ๆ
มันเป็นอะไรที่ยุ่งยาก เลยอยากเข้ามาแก้
คมช.แปลว่า เขาเข้ามาช่วยๆ อะไรที่เฮงซวยมาช่วยแก้ ช่วยแก้…
รู้กันอยู่ก็โกงกินกันบ้าง คมช.ก็เข้ามาล้างบางให้เรียบแปล้
แล้วก็ตั้งพวกพ้องเข้ามาบริหาร ในสไตล์รัฐบาล…ขิงแก่
รู้ก็รู้ว่าขิงนั้นมีประโยชน์ แต่พี่ครับขอโทษ นี่ไม่ใช่บ้านบางแค
แคร์ไม่แคร์ ไม่แคร์ไม่แคร์
1 ปีที่ผ่านไป คมช.ทิ้งอะไรไว้ ไม่ถึงกับแย่
เศรษฐกิจวอดวายก็ไม่กี่แสนล้าน ชาวบ้งชาวบ้านก็แค่ไม่มีจะกิน
ลำบากยากจนเป็นหนี้เป็นสิน ที่ไม่ไหวจริงๆ ก็ปล้นชิงวิ่งราวกันไป
1 ปีที่ผ่านมา ลำบากครับๆ จนครับแต่ว่าจนแบบเข้าใจ
เราเข้าใจว่าพวกท่านเป็นนักปฏิวัติมือใหม่ ช่วงชิงอำนาจมาได้ไว้ แต่ยังใช้กันไม่เป็น ไม่เป็น
เหมือนท่านไปยึดรถเขามา ทำได้ก็แค่เข็น
ก็ดันเสือกทำไม่เป็น ประเทศก็เลยเหมือนหวานเย็น
ค่อยๆ เข็น ค่อยๆ ดัน ค่อยๆ ดุนกันไป เหมือนฤาษีนั่งรถเข็น
อย่าตกใจอยากบอกให้พวกท่านใจเย็นๆ
ทำครั้งแรกมันก็ดูอินโนเซ็นต์ ปฏิวัติครั้งแรกมันก็ดูเหมือนไม่เป็น
ของอย่างนี้จะต้องทำบ่อยๆ จะได้เก่งๆ (ครบดูหัวเราะ ปรบมือ)ปฏิวัติอีกสิครับ ปฏิวัติอีกสิพี่ ปฏิวัติอีกสักทีถ้าพี่ไม่มีอะไรจะทำ
พวกผมรู้มันเป็นเวรเป็นกรรม แต่ก็ให้กำลังใจถ้าท่านจะทำครั้งต่อไป รักนะ จุ๊บๆ”
ก่อนจะต่อด้วยเพลง ที่ดัดแปลงมาจาก “16 ปีแห่งความหลัง” ของสุรพล สมบัติเจริญ
“1 ปีแห่งความหลัง ทั้งรักทั้งชัง รัฐบาลขิงแก่
ขับไล่พรรคเก่าเขาออกไป
หวังเลือกตั้งเอาพรรคใหม่เข้ามาแทน
แต่ซวยเหลือแสน เขาเลือกพรรคเดิม”
ใน “เดี่ยว 8” ในรอบที่ตัดมาลงวีซีดี อุดม บอกผู้ชมว่า รอบนี้เป็นรอบพิเศษเขามีเพลงที่เพิ่งแต่งเมื่อเช้า โดยควักกระดาษที่จดไว้มาร้องสดๆ และสะดุด จนต้องขอเริ่มใหม่ เนื้อหาคือ การแซวนายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ โดยใช้ทำนองเพลง โอ๊ย…โอ๊ย ของ แจ้ ดนุพล แก้วกาญจน์ ซึ่งภาพวีซีดีที่ตัดมา จะเห็นผู้ชมนั่งหัวเราะตลอดทั้งเพลง โดยหนึ่งในนั้นคือ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์
“ตั้งแต่มีนายกหลายปี เราก็พึ่งมีนายกรูปหล่อ
ชาติตระกูลการศึกษาดี นี่แหละผู้นำที่เราเฝ้ารอ
อยากจะเอาอะไรได้เลย ไม่ต้องขอ มีเทพเทือกประทาน โอ๊ย..โอ๊ย
บริหารกันมาตั้งปี นโยบายที่มีก็ลอกพรรคเก่า
อะไรดีเอาเข้าพรรคเรา ความชั่วให้เข้าแก๊งภูมิใจไทย
เค้าเคยรักภักดีเพ่แม้วเงินหมดแล้ว….หักหลังเป็นพวกเรา โอ๊ย..โอ๊ย งูเห่าน่าคบจริงๆ
งานเด่นคือให้ร้องเพลงชาติ 6 โมงเย็น ทะเลาะกับฮุนเซน เป็นประจำเรื่อง แม้ว แม้ว
แต่งตั้ง ผบ.ตร. มาชาตินึงก็ยังไม่เห็นแวว แถมยังยกเลิกหวยออนไลน์ แม่เดือด ร้อน อ๊อด..อ๊อดเกิดเป็นบ้านนายกทั้งที ยังถูกมือดีมาปาขี้ใส่
เครื่องจีที 200 ซื้อไว้ โคตรแพงบรรลัย ช่วยไม่ได้เลย
เป็นกังวลแทนนายกฯเรา หน้าแก่ไว้…ไว ดูคล้ายคนโดนของ
โอ๊ย..โอ๊ย ต้องลองกินน้ำ ป้าเชง”
จนมายุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ ในช่วง “เดี่ยว 10” ปี 2556 เขาเล่าเรื่องประกอบทำนอง เรื่อง “ไทยแลนด์โอนลี่” ตอนหนึ่ง โดยเอาประเด็นความผิดพลาดเรื่องการสื่อสารของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มาล้อว่า
“กรุงเทพฯ เมืองหนังสือโลก ไม่ได้มาเพราะโชคคนทั้งโลกรู้ดี
คนไทยนั้นรักการอ่าน นี่ไม่ได้บอกผ่าน 8 บรรทัดต่อปี
ผู้ใหญ่ควรอ่านให้เด็กเห็นบ้าง เป็นตัวอย่างดี
ตัวอย่างมีอยู่ถมไป ไม่ต้องดูอื่นไกล นายกรัฐมนตรี
ภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษ
ภาษาอังกฤษหรือภาษาไทย แค่มีโพยยื่นให้ก็อ่านได้ทันที
อ่านมากๆ มันก็มีพลาดผิด
ถนน คอ-นก-รีต ประเทศซิดนี่ย์
ตอนอ่านจะเก็ตหรือไม่เก็ต แต่พออ่านเสร็จอย่าลืมแต๊งกิ้ว 3 ที
Thank you 3 times”
โฆษณาผู้ว่าฯ ดื่มเบียร์ล้อผู้ใหญ่ เป็นเรื่องผิดไหม
ย้อนกลับไปปี 2541 เรื่องอารมณ์ขันเคยเป็นประเด็น เมื่อเบียร์ยี่ห้อหนึ่ง ออกโฆษณาชุด “ถูกคอถูกใจ” โดยเนื้อหาตัวเอกเป็น ผู้ว่าฯ ที่เป็นประธานในงานแต่งและดื่มเบียร์ระหว่างอวยพรบ่าวสาว แต่ผู้ว่าฯ ดื่มจนติดลม แม้แขกเหรื่อจะกลับไปแล้ว ผู้ว่าฯ ก็ยังดื่มไม่เลิก
หลังเผยแพร่ สมาคมนักปกครองแห่งประเทศไทย ซึ่งมีข้าราชการและอดีตข้าราชการสังกัดกระทรวงมหาดไทยเป็นสมาชิก แสดงความรู้สึกไม่พอใจ เกรงจะทำให้ภาพพจน์ผู้ว่าราชการจังหวัดเสียหาย และจะให้มีการแก้ไขโฆษณา
โดยเห็นว่า ผู้ว่าฯ เป็นพ่อเมืองแต่ถูกทำให้มีพฤติกรรมมั่วอบายมุข “การดื่มเบียร์เป็นเรื่องปกติ แต่ไม่ใช่ดื่มจนแขกเหรื่อในงานกลับกันหมดแล้วยังไม่รู้ตัว ลักษณะเหมือนคนบ้ามากกว่าจะเป็นผู้ว่าฯ แม้จะไม่ได้หมายถึงผู้ว่าราชการจังหวัด แต่เป็นผู้ว่าการรัฐวิสาหกิจก็เสียหายเช่นกัน”
จนผู้บริหารบริษัทเจ้าของเบียร์ต้องชี้แจงว่าไม่ได้มีเจตนาจะลบหลู่ อยากให้มองว่าเป็นเรื่องการโฆษณา พร้อมเปรียบเทียบโฆษณาในยุคเดียวกันที่ตำรวจยิงกับผู้ร้ายแล้วตำรวจตัวขาดไปครึ่งตัวว่า เป็นภาพที่ไม่น่าดูกว่าด้วยซ้ำ
ส่วนผู้ผลิตโฆษณาก็ระบุว่า ไม่ได้เจตนานำเสนอแง่มุมไม่ดี แค่ต้องการที่จะสร้างภาพตัวสินค้าว่ามีคุณภาพ การที่เลือกงานแต่งงานในท้องถิ่นเพราะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นอยู่แล้วในต่างจังหวัด การที่เอาผู้ใหญ่มาเป็นพรีเซ็นเตอร์เพราะต้องการเสนอว่าผู้ใหญ่ยังยอมรับในสินค้าตัวนี้
“การตีความอันนี้ไม่ได้เสนอเป็นเรื่องที่จริงจัง เราพยายามสื่อเรื่องที่เฮฮา เพราะบ้านเมืองก็เครียดอยู่แล้ว ที่ผ่านมาเราก็ทำวิจัยและออกสำรวจตลาดต่างจังหวัดก็ได้รับการตอบรับที่ดี น่าจะมองเรื่องนี้เป็นเรื่องเฮฮามากกว่า ไม่นึกว่าจะมีมุมสะท้อนออกมาเป็นเนกกาทีฟอย่างนี้ จริงๆ ไม่ต้องการกล่าวร้ายใครเลย”
หลังจากนั้น เจ้าของสินค้ามีการตัดช่วง 15 วินาทีสุดท้ายของโฆษณาจากความยาวรวม 90 วินาทีออกไป ซึ่งส่วนท้ายเป็นส่วนที่ตัวแสดงผู้ว่าฯ ยังยกแก้วดื่มต่อเนื่องแม้แขกในงานจะกลับหมดแล้ว โดยบริษัทเจ้าของสินค้า บอกว่า ตัดสินใจตัดทอนโฆษณาส่วนดังกล่าวออกเอง เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องละอียดอ่อน โดยไม่มีแรงกดดันจากกระทรวงมหาดไทยแต่อย่างใด
ตอนนั้น สำนักข่าวเอพี รายงานข่าวนี้ไปทั่วโลก
ขณะที่นักวิชาการบางท่าน ให้ความเห็นในตอนนั้นว่า จุดที่สมาคมนักปกครองและท่านผู้ว่าทั้งหลายควรจะสนใจและแก้ไขปรับปรุงคือความเป็น “เจ้าขุนมูลนาย” และความยึดมั่นถือมั่นใน “อำนาจนิยม” มากกว่า ด้วยจิตสำนึกที่ว่าที่แท้จริงแล้ว นายที่แท้จริงของตนคือประชาชน มิใช่กรมการปกครองที่ส่งไปเป็น “นาย” ประชาชน เช่นที่ประชาชนและสังคมมักมองผู้ว่าราชการจังหวัดไปในมุมนั้น
พล.อ.ประยุทธ์ นักการเมืองเต็มตัว
หลังการแสดงของ โน้ส อุดม เผยแพร่ จนถึงวันที่เขียนบทความนี้ (13 ต.ค.) ยังไม่มีการออกมาแสดงความเห็นถึงเรื่องนี้ของ พล.อ.ประยุทธ์ มีเพียงฝ่ายที่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ (บางส่วน) ที่แสดงออกถึงความไม่พอใจและเป็นวิวาทะในโซเชียลมีเดีย
มีการตั้งประเด็นวิเคราะห์ว่า ตกลงแล้วเราจะวิจารณ์ (ไปจนถึงล้อเลียน) นายกรัฐมนตรีได้ไหม โดยเฉพาะ พล.อ.ประยุทธ์ ที่เป็นข้าราชการมาทั้งชีวิตและเคยกุมอำนาจในฐานะหัวหน้าคณะรัฐประหาร
ครั้งหนึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จะมองตัวเองว่าเป็นข้าราชการเต็มรูปแบบ แม้จะเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องการเมืองโดย เป็นผู้นำรัฐประหารเข้ามายึดอำนาจแล้ว โดยย้ำว่า เป็นนักการทหาร ไม่ใช่นักการเมือง (ซึ่งบีบีซีไทย เคยรวบรวมว่า เขาเคยพูดว่าไม่ใช่นักการเมืองถึง 9 ครั้ง) ก่อนที่จะยอมรับว่าตนเองเป็นนักการเมืองเป็นครั้งแรก ช่วงต้นปี 2562 ก่อนจะมีการเลือกตั้ง
ดังนั้น สถานะของ พล.อ.ประยุทธ์ ในปัจจุบัน จึงเป็นนักการเมืองเต็มตัว เช่นเดียวกับคนอย่าง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง สุเทพเทือกสุบรรณ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ทักษิณ ชินวัตร อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
เมื่อคนเหล่านี้ถูกวิจารณ์และตรวจสอบ (รวมไปจนถึงล้อเลียนในบางโอกาสได้) ได้ คนอย่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ไม่ต่างกันไม่ใช่หรือ
