รักแห่งสยาม (ฉายครั้งแรก พ.ศ.2550) ภาพยนตร์ที่หลายคนมองว่าคือ “หนังเปิดศักราช” ของการให้พื้นที่ “ชาย-ชาย” กลายมาเป็นตัวนำทางความรัก ประกอบกับบทเพลงประกอบ “กันและกัน” อันไพเราะและความหมายดี ที่กลายเป็นเหมือน “ตัวแทน” ของกลุ่มคนที่ไม่ได้มีความรักตามเพศสภาพที่สังคมยอมรับในวงกว้างในช่วงนั้นเท่านั้น หลังจากภาพยนตร์เรื่องนี้ประสบความสำเร็จ นานวันเข้าได้เข้า-ขยับพื้นที่ไปอยู่ในใจใครหลายๆ คน เรื่อยมาจนเวลา ผ่านมา 15 ปี จน ณ วันนี้พื้นที่ทางกายภาพของ “สยาม” เปลี่ยนไปมากแล้ว สังคมไทยก็เปลี่ยนไปแบบไม่มีวันหวนกลับเช่นกัน

หนังที่มีฉากเด็กผู้ชายจูบกันใน พ.ศ.นี้ กับ เมื่อ 15 ปีที่แล้วมีผลต่างกันชัดเจนในสังคมไทย อย่างน้อยๆ ก็คือ “สายตา” ของ “สังคม” ที่ปัจจุบันมองเห็นด้วยความเข้าใจ ยอมรับในความรัก ที่แตกต่างหลากหลาย และไม่จำเป็นต้องนิยามความหมายใดๆ ให้กับอัตลักษณ์ของมนุษย์ 2 คนที่มีความรักให้แก่กัน

รักแห่งสยาม
มิว และ โต้ง พบกันอีกครั้ง ในงานกรุงเทพกลางแปลง 2565

ลองนึกย้อนกลับไปถ้าเป็นสังคมไทยในอดีต คนในสังคมส่วนหนึ่งจะรีบ “ตัดสิน” และสรุปความทันที พร้อมตีตราว่าความรักและการกระทำของคู่รักคู่นั้นคู่นี้เป็นสิ่งที่ผิด เป็น “เรื่องต้องห้าม” เป็น “ตัวอย่างที่ไม่ดี” หนักที่สุดคือพยายามมอง หรือบัญญัติว่าสิ่งเหล่านี้คือ “ความวิปริต” ผิดผี ผิดเพศ ผิดแผกไปจากสังคม เบี่ยงเบนไปจาก “ความปกติ” ของคนที่ถูกปลูกฝังว่าชายต้องคู่กับหญิง ที่ต้องมีลูก เพื่อสืบสกุล ลูกผู้ชายคู่ควรกับผู้หญิงที่ดีสักคนหนึ่ง นี่คงเป็นทัศนะของ “แม่” ในโลกสมัยเก่า ทำให้หลายครอบครัว หลายคนรู้สึกอาย ไม่ภูมิใจและไม่กล้ายอมรับความจริงว่าทายาทหรือคนในครอบครัวของตัวเองไม่ได้มีความรักในแบบฉบับที่ตัวเองคาดหวัง หรือตามที่คนในสังคมส่วนใหญ่เป็น

รักแห่งสยาม
สินจัย เปล่งพานิช และ ทรงสิทธิ์ รุ่งนพคุณศรี รับบท แม่และพ่อของโต้ง ภาพจาก ภาพยนตร์รักแห่งสยาม

ความคิดเช่นนี้สะท้อนผ่านตัวละครหลักในภาพยนตร์รักแห่งสยาม ที่สำคัญมากอย่าง “สุนีย์” (แสดงโดยสินจัย เปล่งพานิช) ที่จะว่าไปแล้วเธอคือ 1 ใน คือภาพสะท้อนหรือของกรอบความคิดแบบนี้เมื่อ 15 ปีที่แล้ว ด้วยสถานการณ์ในเรื่องที่ผู้หญิงผู้เป็นแม่ในครอบครัวหนึ่ง ผจญกับปัญหาภายในครอบครัวที่รุมเร้า รอบด้าน สามีไม่เอาไหน ติดสุราเรื้อรัง ลูกสาวคนโตหายตัวไปไม่มีวันกลับ ครอบครัวที่เคร่งครัด แม่เจ้าระเบียบ ลูกชายคนเล็กก็ดันมีความรู้สึกที่ดีกับเด็กที่เคยอาศัยอยู่บ้านใกล้เรือนเคียง

รักแห่งสยาม
ภาพ http://sahamongkolfilm.com/

ทำให้ความสัมพันธ์ของลูก (โต้ง) และมิว คือ เด็กผู้ชาย 2 คนที่มีความรู้สึกดีต่อกัน หลังจากต้องจากกันในวัยเยาว์ และวันหนึ่งบังเอิญได้พบกันที่สยาม จากจุดเริ่มต้นในวัยมัธยมปลาย ได้นำพามาซึ่งความรัก ความห่วงใย ความผูกพันก่อตัวขึ้น  ความเหงา ความอ่อนแอ และสถานการณ์ได้เชื่อมประสานคน 2 คนให้บรรจบกัน รู้สึกดีต่อกันเรื่อยๆ จนนำพาสิ่งต่างๆมาสู่ครอบครัวของโต้ง เหมือนอะไรๆ ก็ดีขึ้นเมื่อเด็กมัธยมชายสองคนที่มีรักให้แก่กันนำมาสู่บทเพลงที่มิวแต่ง ครอบครัวที่อบอุ่นของโต้งคืนกลับมา และอีกสารพัดสิ่ง ความสุข และความรู้สึกดีที่ก่อตัวเกิดขึ้นไม่ทันไร ก่อนที่ “การจูบกัน” ของเด็กผู้ชายสองคน เมื่อ 15 ปีที่แล้วเป็นเรื่องที่ “ช็อกหัวอกแม่” จนนำพามาสู่อีกสถานการณ์ด้านกลับเรื่องราวสารพัดก่อกำเนิดจนทำให้กลายเป็นความเหินห่างและทุกอย่างก็เริ่มพังลง ซึ่งรวมไปถึง “ครอบครัว”

รักแห่งสยาม
ภาพจาก ภาพยนตร์รักแห่งสยาม

นอกจากความรักแล้ว ความเป็น “ชาวคริสต์” และเทศกาลคริสมาสต์ คือช่วงเวลาอบอุ่นและน่าจดจำในหนังเรื่องนี้ มีเส้นเรื่องที่ดำเนินในเทศกาลแห่งความสุข ที่ความทุกข์ของตัวละครกลับส่งผลเป็นโดมิโน่ สุนีย์ ที่พยายามกีดกัน กำหนด และเจ้าระเบียบทุกอย่างในชีวิตลูกชาย
ฉากที่สำคัญฉากหนึ่งในนั้นคือการประดับของขวัญแต่งต้นคริสมาสต์ระหว่าง สุนีย์ กับ โต้ง การบีบบังคับในชีวิตลูกชายมากไป จนทำให้ลูกชายไม่กล้าที่จะ “เลือก” ตุ๊กตา ระหว่างตัวผู้หญิง ผู้ชาย ว่าลูกจะหยิบอันไหนไปประดับ ด้วยบทบาทแม่ที่กำกับและจำกัดความรักของลูก

รักแห่งสยาม
ฉากที่ โต้ง พูดประโยคสำคัญกับ มิว


และอีกหนึ่งประโยคทองของหนังที่โต้งพูดกับมิวกลางสยามว่า “เราเป็นแฟนกับมิวไม่ได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าเราไม่ได้รักมิวนะ”


ประโยคท้ายกลายเป็นประโยคทองของหนัง ยิ่งสะท้อนว่าความรักนี้เกิดขึ้นแล้ว มีจริง แต่ไม่สามารถเป็นสิ่งที่จะสะท้อนสถานะเปิดเผยในฐานะแฟนในสังคมได้

รักแห่งสยาม
ภาพจาก ภาพยนตร์รักแห่งสยาม

รักแห่งสยาม ยังมีอะไรให้พูดถึงได้อีกเยอะมาก เมื่อมองย้อนไปว่าภาพยนตร์เรื่องนี้สร้างขึ้นในยุคที่สังคมไทยยังมี Mindset ไม่ก้าวหน้า เท่าวันนี้

หลายโรงหนังมักนำภาพยนตร์เรื่องนี้ไปฉายตอกย้ำความประทับใจในความทรงจำ แม้ว่าวันนี้จะหาชมได้ในระบบสตรีมมิ่ง แต่ 15 ปี กับบทที่ละเมียด ละเอียด และกล้านำเสนอประเด็นที่ไม่ได้ขายได้แบบหนังสำเร็จรูป คงสถานะอมตะ และอยู่ในลิสต์รวมถึงลิ้นชักแห่งความทรงจำของทุกคน กาลเวลาผ่านมา 15 ปี มาถึงในยุคโซเชียล เราจึงยิ่งได้รับรู้ว่า ภาพยนตร์เรื่องนี้ครองใจคนจำนวนมหาศาล

รักแห่งสยาม

ในมุมส่วนตัวมองว่านี่คือ “หนังครอบครัว” บางคนมองว่าคือ “หนังรัก” บางคนนิยามว่าเป็น coming of age รสชาติที่แตกต่างหลากหลาย กลายเป็นจุดตั้งต้นให้ภาพยนตร์รวมถึงซีรีส์อีกหลายเรื่อง “กล้า” นำเสนอรสชาติใหม่ๆ ที่ท้าทาย หลากหลาย หลังจากที่ รักแห่งสยาม กรุยทางนำทางเอาไว้ และมาก่อนใคร


นี่ยังไม่นับถึงรื่องของอาม่า มุมมองของหญิง  กลุ่มเพื่อน การทำวงดนตรี หรือโมเมนต์ การให้ของขวัญกันในครอบครัวที่ล้วนมีอะไรซ่อนอยู่ในทุกซีน จนทำให้ผู้เขียนนึกไม่ออกว่าจะหาหนังไทยในห้วงทศวรรษที่ผ่านมา ที่เราอยากวางไว้บนหิ้งแบบนี้อีก

15 ปีที่ผ่านมาจึงพิสูจน์ว่า ในสังคมที่เปิดกว้างมากขึ้นทำให้เห็นว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ไปอยู่ในใจคน แม้ว่าเขาจะไม่ได้มีความรักแบบในเรื่อง แต่มองว่าความรักเป็นสิ่งที่สวยงาม และสมดังในเพลงที่ว่า “ตราบใดมีรักย่อมมีหวัง” และหวังว่าหนัง/ซีรีส์ไทยจะเปิดเพดานที่กว้างและไกล และเตรียมไปอยู่ในใจคนได้อีกในวันข้างหน้า

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้ที่จำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ (Strictly Necessary Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้มีความสำคัญต่อการปฏิบัติการของเว็บไซต์ feedforfuture.co ซึ่งจะช่วยให้ท่านสามารถเข้าถึงข้อมูลและเนื้อหาต่างๆ ของเว็บไซต์เราได้ทุกส่วน โดยเฉพาะส่วนสมาชิกผู้ใช้งานของเว็บไซต์ ตลอดจนการตรวจสอบจำนวนผู้เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ของเรา

  • คุกกี้ด้านประสิทธิภาพการทำงานของเว็บไซต์ (Performance Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้ใช้เพื่อรวบรวมข้อมูลทางสถิติเกี่ยวกับการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน เพื่อวิเคราะห์ และช่วยให้เราทราบถึงพฤติกรรมการใช้งาน ซึ่งจะช่วยปรับปรุงการทำงานของเว็บไซต์เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดในการใช้งานบนเว็บไซต์ของเรา

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาเข้ากับกลุ่มเป้าหมาย (Targeting Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้ใช้ในการบันทึก และจดจำคุณลักษณะต่างๆ ที่ท่านได้เลือกขณะเข้าชมเว็บไซต์ของเรา เช่น หมวดหมู่ และเนื้อหาที่ท่านชอบอ่านมากที่สุด เราจะบันทึกข้อมูลเหล่านี้ และนำกลับมาใช้เมื่อท่านกลับเข้ามาที่เว็บไซต์ของเราอีกครั้ง เพื่อปรับให้ท่านได้รับชมเนื้อหาได้ตรงกับความชอบของท่านให้มากที่สุด

  • คุกกี้เพื่อนำเสนอโฆษณาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย (Advertising Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้ใช้เพื่อจดจำพฤติกรรมการอ่านเนื้อหาบนเว็บไซต์ของท่าน รวมถึงรายละเอียดของอุปกรณ์ที่ท่านใช้ เพื่อนำไปใช้วิเคราะห์การนำเสนอโฆษณาที่เหมาะสมกับท่านมากที่สุด และช่วยวัดความมีประสิทธิผลของโฆษณาที่เรานำเสนอด้วย ตลอดจนช่วยป้องกัน หรือจำกัดจำนวนครั้งที่ท่านจะเห็นโฆษณาเดิมซ้ำๆ

บันทึก