Analog Squad ทีมรักนักหลอก เป็นซีรีส์ความยาว 8 ตอน เผยแพร่เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2566 บนแพลตฟอร์ม Netflix น่าจะเป็นคอนเทนต์ของไทยชุดสุดท้ายก่อนปิดปี 2566 ที่ใช้เวลาเพียงสัปดาห์เดียวก็ไต่ขึ้นไปเป็นซีรีส์คนดูมากสุดอันดับ 1 ใน Netflix ประเทศไทย

เพจหนัง, เพจรีวิวซีรีส์ ต่างๆ พร้อมใจกันอวยยศอย่างพร้อมเพรียงโดยมิได้นัดหมาย ให้คะแนนตั้งแต่ 10/10 ไปยัน 2000/10 เชียร์กันแบบไม่พัก ตกหลุมรักเรื่องราวของ “ทีมรักนักหลอก” กันแบบถอนตัวไม่ขึ้น และผู้เขียนก็เป็นอีก 1 ที่มิอาจต่อต้าน ได้แต่เข้าร่วมขบวนอวย ช่วยกันเชียร์แต่โดยดี

ต้องยอมรับว่า ซีรีส์ชุดนี้จากฝีมือการกำกับของ ต้น-นิธิวัฒน์ ธราธร (คิดถึงวิทยา, หนีตามกาลิเลโอ และ Seasons Change เพราะอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย) ทำออกมาได้กลมกล่อม ลงตัวครบองค์ประกอบในแทบทุกด้านจริงๆ

เมนคอนเซ็ปต์ที่แข็งแรง ว่าด้วยเรื่องทีมเฉพาะกิจที่รับจ้างไปแสดงตัวเป็นครอบครัวปลอมๆ ของ “ปอนด์” เพื่อกลับไปเยี่ยม “ปู่เขียว”, “ย่าสดใส” บนความคาดหมายว่า ทำเพื่อวาระสุดท้ายให้ “ปู่เขียว” ชื่นใจก่อนจะลาโลก แล้วทุกคนก็แยกย้าย ได้เงินกันไปตามที่ตกลง (แบบที่เราเคยได้ยินข่าวว่า ในจีน, ญี่ปุ่น มีบริการรับจ้างเป็นญาติ รับจ้างเป็นแฟนเพื่อกลับไปให้คนในครอบครัวสบายใจ)

นั่นกลายเป็น Messege หลักที่ชวนคิดว่า มันก็ไม่น่าจะผิดบาปอะไรกับการ “โกหกเพื่อให้อีกฝ่ายสบายใจ”

แต่เรื่องราวก็ค่อยๆ ขยายออกไปไม่จบสิ้นกันง่ายๆ เพราะครอบครัวตัวปลอมที่ดันอินจัดเกินค่าจ้าง แถมยังค่อยๆ สานต่อความสัมพันธ์ที่พัฒนาไปอย่างน่าสนใจสำหรับคนแปลกหน้ากลุ่มนี้ ขณะเดียวกันก็เริ่มคลี่ขยายปมของตัวละครแต่ละคน แต่ละคู่ ที่ต่างก็มีบาดแผล และเรื่องราวที่ชวนให้ผู้ชมเข้าไปสำรวจกันทีละจุดๆ

ขอชื่นชมทีมเขียนบทที่ต้องทำการบ้าน, รีเสิร์ช อย่างหนักทั้งในแง่การเล่าเรื่องของตัวละครอย่างน้อย 3-4 ครอบครัววางประเด็นเชื่อมโยงอย่างมีเหตุมีผลและความเป็นไปได้ที่น่าเชื่อถือ ยังไม่นับการทำข้อมูลเกี่ยวกับสภาพสังคม เศรษฐกิจ วิถีชีวิตของคนในช่วงเวลาดังกล่าว (พ.ศ.2542หรือ ค.ศ.1999) อันเป็นรอยต่อของยุค 90s ที่กำลังจะเปลี่ยนผ่านไปสู่ยุคมิลเลเนียม (ค.ศ.2000)

ความคลั่งไคล้ในยุค 90-2000 ถูกหยิบใส่มาแบบจัดเต็ม และจังหวะดีมาก ทั้งเรื่องข่าว เหตุการณ์ระดับโลก (Y2K) เพลง, ดนตรี, กีฬา (แมนฯยู-ลิเวอร์พูล), ร้านเช่าวิดีโอเทป , สื่อสารผ่านเพจเจอร์, ตู้โทรศัพท์สาธารณะ , ทามาก๊อตจิ, เกมบอย, การถ่ายภาพด้วยกล้องฟิล์ม ฯลฯ (วัยรุ่นและคนยุค 90s ย่อมฟิน ถวิลหาอดีตอันดีงามในห้วงเวลานั้น)

ในซีรี่ส์ยังมีมีลายเซ็นของความเป็นคนรักหนัง ดูหนังอย่างเนิร์ด จำประโยคที่ตัวละครสนทนากันได้ขึ้นใจ แอบเสียบเข้าไปในหลายฉาก และแน่นอนว่าในซีนที่ให้ปู่เขียวเลือกกินยาเม็ดสีฟ้า, สีแดง นั้น แฟนานุแฟน Matrix ต้องมีแอบยิ้มกันบ้างละ

มีความประดิษฐ์ประดอยอย่างเนี๊ยบ ให้ทุกซีน ทุกฉาก มีความลงตัวขององค์ประกอบ โทนสี การจัดแสง สไตล์คล้ายๆ งานของผู้กำกับญี่ปุ่น (ฮิโรคาสุ โคเรเอดะ) หรืออารมณ์ประมาณที่ พี่เก้ง-จิระ มะลิกุล ปั้นงาน “เหมืองแร่” ได้เป๊ะทุกสิ่งอัน (ผมชอบทั้งฉากในร้านถ่ายรูป, ห้องของ ลิลลี่ และเกสต์เฮ้าส์บ้านของ เก๊ก)

ที่สำคัญ เท่าที่ผานมานั้น มีหนัง-ซีรี่ส์ไทยมีน้อยเรื่องมาก ที่เล่นกับยุค 90 อันยึดโยงกับจุดเปลี่ยนสำคัญของสังคม นั่นคือ วิกฤตต้มยำกุ้งปี 2540(1997) ซึ่งมีผลกระทบต่อชีวิตคนทุกระดับชั้นในสังคม ไม่ว่าจะเป็นภาวะ ตกงาน, ขาดทุนจากการทำธุรกิจ กลายเป็นคนหนี้สินล้นพ้นตัว ต้องเปลี่ยนตัวเอง ตั้งต้นชีวิตใหม่ ฯลฯ (ทุกครอบครัวในเรื่องต่างก็โดนชะตากรรมนี้)

งานเขียนบทพาร์ทโรแมนติก ก็ทำออกมาได้พอดีๆ ไม่เวิ่นเว้อ  ทั้งคู่ของ ปอนด์-ลิลลี่ (สาวเฟี๊ยวกับหนุ่มใหญ่แบดบอย), เก๊ก-บุ้ง (วัยรุ่นสร้างตัว กับสาวทอมที่สับสนว้าวุ่น) , ป๋ารัก-ปูเป้ (รักรุ่นใหญ่ที่ผ่านชีวิตมาโชกโชนและอยากแก้ไขอะไรบางอย่าง)

ทีเด็ดแบบเหนือความคาดหมายคือการแคสติ้งแบบฟ้าประทาน และ นักแสดงปล่อยของกันแบบโคตรเทพ  เหล่าศิลปินดารา-นักร้อง ที่เราต่างคุ้นตาในยุค 90s มารวมตัวกันรับบทต่างๆ ในเรื่องนี้ ซึ่งการได้เห็นคนที่ไม่คิดว่าจะกลับมารับงานแสดงอย่าง น้ำฝน-กุลณัฐ กุลปรียาวัฒน์, ตุ๊ก-วิยะดา โกมารกุล ณ นคร, โยโกะ ทาคาโน่, กษาปณ์ จำปาดิบ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พี่อ้อง-สุรสีห์ อิทธิกุล (ซึ่งผมไม่เคยรู้มาก่อนว่าแกรับงานแสดง) มาโลดแล่นถ่ายทอดเรื่องราวพร้อมกันแบบนี้

ขออนุญาตอุทานแบบในซีรี่ส์เลยว่า

“เชี่ย!… แม่งโคตร คลาสสิก”

แล้วไม่ใช่แค่กลับมาปรากฎตัวตามบทธรรมดา แต่ทุกคนทำหน้าที่ได้อย่างยอดเยี่ยม จนต้องยอมรับว่า พลังฝีมือในการแสดงของนักแสดงเหล่านั้น มีส่วนสำคัญที่พาให้ผู้ชมรู้สึกผูกพัน เห็นอกเห็นใจ อินไปกับเรื่องราวของแต่ละคนที่ต่างก็มีปมแตกต่างกันไป

พี่อ้อง-สุรสีห์ ในบทปู่เขียว เล่นน้อยๆ แต่อิมแพ็คดีมาก ถือว่าเหนือความคาดหมายจริงๆ (อารมณ์เดียวกับที่พี่มาด-สามารถ พยัคฆ์อรุณ โดดเด่นเหลือเกินใน “มนต์รักนักพากย์”) น้ำฝน ไม่ได้แค่มาโชว์หุ่นเซี๊ยะเกินวัย แต่ถ่ายทอดอารมณ์ของคนเหงาได้อย่างมีมิติ(ผมชอบฉากกินเหล้าข้างโลงศพมาก)

ขณะที่นักแสดงหลักทั้งหมดก็ไม่มีใครเป็นจุดด้อย ทำหน้าที่ได้สมบูรณ์แบบ ชนิดที่ ผู้กำกับฯ ก็น่าจะขออะไรได้ไม่มากไปกว่านี้

ส่งท้ายกลับไปที่เมนไอเดียเริ่มต้น ซีรี่ส์พาผู้ชมไปสำรวจการให้คุณค่ากับชีวิต ความสัมพันธ์กับคนรอบตัว คนในครอบครัวซึ่งที่สุดแล้ว มันก็ไม่ง่ายที่จะไปพิพากษาใครต่อใคร จากมุมที่เรามองเข้าไป แล้วอาจยังเห็นไม่ครบถ้วน

แทนที่จะสั่งสอนว่า ต้องเป็นคนดี มีจริยธรรม ไม่โกหก … แต่หนังกล้าตั้งคำถามชวนให้ถกกันว่าแล้วถ้า โกหกมันช่วยให้คนสบายใจล่ะ…??

เช่นเดียวกับคำว่า “ยอมรับ” หรือ “ให้อภัย” จริงๆ แล้วเป็นคำใหญ่ เป็นความรู้สึกที่ต้องผ่านความเจ็บปวด อดทน จนตกผลึกมาพอสมควร กว่าที่จะเลือกตัดสินใจได้

และมุมหนึ่งที่ซี่ส์ พยายามส่งสารออกมายังผู้ชมโดยเฉพาะในช่วงกลาง-ท้ายเรื่องนั่นคือ ที่สุดแล้ว ก็ต้องกลับไปเผชิญหน้ากับความจริง และผลักดันให้ชีวิตเดินหน้าต่อไป กล้าที่จะสู้ กล้าที่จะลองผิดลองถูก กับทุกๆ เรื่อง เหมือนที่ ย่าสดใสสอนม่อนเอาไว้ให้ตะโกนใส่มัน….

“กูไม่กลัวมึงหรอกโว้ยยยย”

แค่มองย้อนอย่างเข้าใจ เชิดหน้าเดินต่อ มูฟออน กับชีวิต… เพราะโลกก็ยังไม่แตกง่ายๆ หรอกนะ วัยรุ่น Y2K

ปีเตอร์-นพชัย ชัยนาม รับบทเป็น ปอนด์
น้ำฝน-กุลณัฐ กุลปรียาวัฒน์ รับบทเป็น ลิลลี่ / แหม่ม (ตัวปลอม)
เจเจ-กฤษณภูมิ พิบูลสงคราม รับบทเป็น เก๊ก / ม่อน (ตัวปลอม)
ปริมมี่-วิพาวีร์ พัทธ์ณศิริ รับบทเป็น บุ้ง / แม็ก (ตัวปลอม)
สุรสีห์ อิทธิกุล รับบทเป็น เขียว ปู่ของแม็กและม่อน
วิยะดา โกมารกุล ณ นคร รับบทเป็น สดใส ย่าของแม็กและม่อน
โยโกะ ทาคาโน่ รับบทเป็น ปูเป้ แม่ของเก๊ก นางแบบถ่ายภาพนู้ด
กษาปณ์ จำปาดิบ รับบทเป็น รักหรือป๋ารัก เพื่อนร่วมงานของเก๊ก
พิมฐา-ฐานิดา มานะเลิศเรืองกุล รับบทเป็น แม็ก
ต้น-นิธิวัฒน์ ธราธร กำกับภาพยนตร์

ดูหนัง-ซีรีส์ที่ชอบแล้วคัน...กระตุกต่อมคิด (เลยอยากชวนคุย)

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้ที่จำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ (Strictly Necessary Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้มีความสำคัญต่อการปฏิบัติการของเว็บไซต์ feedforfuture.co ซึ่งจะช่วยให้ท่านสามารถเข้าถึงข้อมูลและเนื้อหาต่างๆ ของเว็บไซต์เราได้ทุกส่วน โดยเฉพาะส่วนสมาชิกผู้ใช้งานของเว็บไซต์ ตลอดจนการตรวจสอบจำนวนผู้เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ของเรา

  • คุกกี้ด้านประสิทธิภาพการทำงานของเว็บไซต์ (Performance Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้ใช้เพื่อรวบรวมข้อมูลทางสถิติเกี่ยวกับการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน เพื่อวิเคราะห์ และช่วยให้เราทราบถึงพฤติกรรมการใช้งาน ซึ่งจะช่วยปรับปรุงการทำงานของเว็บไซต์เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดในการใช้งานบนเว็บไซต์ของเรา

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาเข้ากับกลุ่มเป้าหมาย (Targeting Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้ใช้ในการบันทึก และจดจำคุณลักษณะต่างๆ ที่ท่านได้เลือกขณะเข้าชมเว็บไซต์ของเรา เช่น หมวดหมู่ และเนื้อหาที่ท่านชอบอ่านมากที่สุด เราจะบันทึกข้อมูลเหล่านี้ และนำกลับมาใช้เมื่อท่านกลับเข้ามาที่เว็บไซต์ของเราอีกครั้ง เพื่อปรับให้ท่านได้รับชมเนื้อหาได้ตรงกับความชอบของท่านให้มากที่สุด

  • คุกกี้เพื่อนำเสนอโฆษณาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย (Advertising Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้ใช้เพื่อจดจำพฤติกรรมการอ่านเนื้อหาบนเว็บไซต์ของท่าน รวมถึงรายละเอียดของอุปกรณ์ที่ท่านใช้ เพื่อนำไปใช้วิเคราะห์การนำเสนอโฆษณาที่เหมาะสมกับท่านมากที่สุด และช่วยวัดความมีประสิทธิผลของโฆษณาที่เรานำเสนอด้วย ตลอดจนช่วยป้องกัน หรือจำกัดจำนวนครั้งที่ท่านจะเห็นโฆษณาเดิมซ้ำๆ

บันทึก