หากพูดถึงผู้เข้าประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2023 นอกจากบรรดาตัวเต็ง นางซุก นางซ่อน ม้ามืด นางปาด อีกหนึ่งสาวที่ถูกพูดถึงมากที่สุดอีกคนก็คงจะเป็นใครไปไม่ได้ ถ้าไม่ใช่ “เอมมาลิน พิชญอมร” MUT 05 จากปทุมธานี ผู้มากับคอนเทนต์ประโยคฮิต “เว่าแล้วก็ไป๊” ที่แปลกแหวกแนวเพื่อนสาวงามคนอื่น ซึ่งเธอบอกกับ FEED ว่านี่คือคอนเทนต์เพิ่มแสงจากความเป็นตัวของตัวเอง ที่ทำให้แฟนๆ จดจำเธอได้ ท่ามกลางเพื่อนสาวงามกว่า 50 ชีวิต เป็นความสำเร็จที่ทำให้เธอกลายเป็นที่รักและมีแฟนๆ คอยให้กำลังใจอย่างท่วมท้น
เส้นทางมาสู่การประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2023
เอมมาลิน : จริงๆ แล้วเรียนอยู่ที่สงขลา เรียนออกแบบแฟชั่นและสิ่งทอที่สงขลา แล้วก็เป็นช่วงผ่านโควิดมาเนาะ เราก็ทำธุรกิจหลายอย่างแล้วก็ติดลบค่ะ แล้วก็เป็นจังหวะที่มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์เค้ามาเปิดเป็นรอบจังหวัดครั้งแรก เราก็รู้สึกว่ามันเป็นจังหวะชีวิตที่ดีของเรา ประจวบกับ TikTok ไทยแลนด์ เข้ามาเป็นสปอนเซอร์ เฮ้ย เราคอนเทนต์เก่งนี่หว่า แล้วเค้าก็หาคนที่มีความสามารถหลากหลายไม่ใช่แค่สายสปีช หรือว่าคนที่มีเพอร์ฟอร์แมนซ์ดี ดรอปเลยดรอปเรียนแล้วก็เข้ามากรุงเทพ มาประกวดค่ะ
“นางงาม” เป็นความฝันหรือแค่สิ่งที่อยากลองหาประสบการณ์
เอมมาลิน : มันเป็นความฝันไหม มันเป็นสิ่งที่เราอยากทำ เป็นหนึ่งในความฝันที่เราอยากทำ แล้วก็คือเราลองทำมาหลายอย่างหลายอาชีพ ด้วยความที่ส่งตัวเองเรียนมาแล้วก็มันมีโอกาสได้ทำงานหลายๆ อย่าง หนูเคยทำเป็นเด็กเสิร์ฟ เป็นพีอาร์ ทำธุรกิจ ทำแบรนด์สบู่ด้วย ขายเมี่ยงปลาเผา คือเราลองทำทุกอย่างที่เราคิดว่าเราจะทำได้และทำมันได้ดี ส่วนตัวเราเองไม่อยากตัดสินว่ามันจะต้องเป็นอาชีพไหน อาชีพทุกอาชีพในสายตาเรามีคุณค่าเท่ากันหมด คือมันจะมีทักษะวิชาชีพที่แบบว่า แม้แต่คุณถ้าคุณลองไปขายไส้กรอก คุณก็ย่างไม่ได้สวยเท่าเขา ห่อไม่ได้สวยเท่าเขา หรือกว่าที่เราจะเป็นออริจินัลได้ แล้วก็ตอนอยู่ที่หาดใหญ่ก็เคยประกวดดาวเดือนแล้วก็มีช่างแต่งหน้าทาบทามว่าประกวดนางงามไหม มันก็เป็นจุดเริ่มต้นที่เราเคยประกวดนางสาวหาดใหญ่ แล้วก็มาเป็นมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ปี 2023 ที่เป็นเวทีใหญ่ขึ้น
ซึ่งเราคิดว่าถ้ามันเป็นเกม เราจะเดินเกมมันยังไง ถ้าสปีชเราไม่ได้แข็งเท่ากับสาวงาม 50 กว่าคน เพอร์ฟอร์แมนซ์เราไม่ได้แข็ง เราก็เอาจุดแข็งเราไปสู้ คือในเรื่องของการทำคอนเทนต์ใช่ไหมคะ แล้วก็ถือว่ามันเป็นความฝันที่เราคิดว่าเราทำมันได้ดีพอสมควร
เพิ่มแสงให้ตัวเองเฉิดฉาย ด้วยการสร้างบุคลิกให้เป็นที่จดจำ
เอมมาลิน : ต้องบอกว่าแต่ละวันในกองฯ มันมีเวลาน้อยมากที่เราจะทำคอนเทนท์ แต่ละคอนเทนท์หนูใช้เวลาทำไม่ถึง 3 นาทีหรือ 5 นาที คือมันต้องใช้เวลาทำค่อนข้างรวดเร็ว ซึ่งเราก็มาคิดว่าเราจะทำยังไงให้คนรักเราและจดจำเราได้ ให้มันโดดขึ้นมาจากสาวงามที่ทุกคนมาสวยหมด 50 กว่าคน แล้วเราจะโดดออกมายังไง ก็เลยคิดว่าถ้าคนมันจะรักเรา ก็คงจะรักเราที่เราเป็นตัวเอง ก่อนหน้านี้ก็ทำคอนเทนท์ตลกมาแล้วก็เอามาปรับใช้ในกอง กระแสของมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2023 มันมาแรงอยู่แล้ว คือแสงมันส่องทั่วถึงทุกคนอยู่แล้ว อยู่ที่ว่าเราจะดึงแสงให้มาที่ตัวเราได้มากแค่ไหน
“เข้ากองมาหนูไม่ได้นับว่ากี่วันแล้วกี่แคมเปญแล้ว ประมาณครึ่งหนึ่งแล้ว ยอดฟอลโลวเวอร์ใน TikTok เพิ่มขึ้นเกือบๆ 20,000 แล้วก็ยอดคนกดไลท์วันนี้ 1.2 ล้าน คือมันอะเมซิ่งมันว้าวมาก จากที่ก่อนหน้านี้เราก็ทำคอนเทนต์เหมือนกัน แต่คนไม่ได้เข้าถึงแล้วก็ลึกซึ้งขนาดนี้ ตอนนี้อัพอะไรไปมันก็แมส รู้สึกว่าหลังจบการประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ไปเราต้องได้อะไรกลับไปจากมิสยูนิเวิร์สไม่มากก็น้อยจริงๆ ค่ะ”
“ไม่กดดันเลยค่ะ พอเราเข้ามาแล้วเราได้เป็นตัวเอง ได้ชาเลนจ์ มีความสุขกับการเป็นตัวเองแล้ว เวทีเขาเปิดรับ หนูจะบอกว่ามายด์เซ็ตเจ้าของเวทีมันดีมากจริงๆ นะคะ เค้าเปิดรับหลายๆ มุมมองหลายๆ คาแรกเตอร์ แล้วเราก็ไม่ได้จะมาเล่นอย่างเดียว เราก็มีความสามารถ หนูร้องเพลงได้ เป็นนักร้อง เราเป็นช่างภาพ เป็นครีเอเตอร์ เรียนทำแบรนด์เสื้อผ้า เราสามารถต่อยอดให้กับเวทีอีกได้ พร้อมใช้สำหรับแม่ปุ้ยมากๆ 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 อะไรก็ได้บอกเลย”
นางงามเพิ่มโอกาสให้ชีวิต
เอมมาลิน : อยากจะบอกว่า จริงๆ แล้วไม่เคยมีแฟนคลับมาก่อน ไม่เคยได้ได้มานั่งสัมภาษณ์แบบนี้ โอมายก็อด แต่ทุกวันเนี่ยได้สัมภาษณ์ มีแฟนคลับทักอินบ็อกซ์เข้ามา เป็นกำลังใจให้นะ มีคนมาคอยคอมเม้นต์ เราเป็นดาราสาวท่านหนึ่งแล้วนะ อะไรอย่างนี้ค่ะ มันรู้สึกว่าเราได้ก้าวข้ามเข้ามาอีกขั้นหนึ่งของชีวิตแล้ว แล้วอนาคตเราก็จะไปได้อีกเรื่อยๆ
“ก็อยากขอบคุณมากที่คอยซัพพอร์ต คอยให้กำลังใจ ถึงแม้มันจะเป็นแบบสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่ทำให้กันได้ หนูรู้สึกว่ามันยิ่งใหญ่สำหรับหนูมาก ขอบคุณมากนะคะ ขอบคุณมากจริงๆ”
