เชื่อว่าหลายคนคงมีภาพจำว่า ซีรีส์แนวตำรวจต้องมีเรื่องราวเข้มข้น สืบสวนหนักหน่วง ลุ้นระทึกกับการไล่ล่าตามจับผู้ร้าย แต่ทว่าซีรีส์เรื่องนี้จะลบภาพจำเหล่านั้นจนหมดสิ้น เพราะสถานีตำรวจเขต 99 แห่งบรู๊คลินในนิวยอร์ก คือแหล่งรวมคนเพี้ยนเอาไว้ด้วยกัน
Brooklyn Nine-Nine เป็นผลงานของผู้กำกับ “แดน กอร์” (Dan Goor) ร่วมกับ “ไมเคิล เชอร์” (Michael Schur) ความยาว 8 ซีซั่นจบ บอกเล่าเรื่องราวสถานีตำรวจเขต 99 แห่งบรู๊คลินในนิวยอร์ก (สถานที่สมมติ) “เจค พารอลต้า” (Jake Peralta) รับบทโดย “แอนดี แซมเบิร์ก” (Andy Samberg) นักสืบที่ไขคดีเก่งได้อย่างเหลือเชื่อ แต่กลับมีนิสัยเหมือนเด็กไม่รู้จักโต แถมยังชื่นชอบการทำคดีให้คล้ายกับหนังที่เขาชอบอย่าง Die Hard แต่แล้ววันหนึ่งเขาต้องประสบปัญหา เมื่อผู้บังคับบัญชาคนใหม่อย่าง “ผู้กองเรย์มอนด์ โฮลท์” (Raymond Holt) รับบทโดย “แอนเดอร์ บรอย์เกอร์” (Andre Braugher) ย้ายมาคุมสถานีนี้ เพื่อยกระดับคุณภาพสถานีและปรับเปลี่ยนนิสัยของเจค พารอลต้า ให้เป็นผู้เป็นคนมากขึ้น และนี่คือจุดเริ่มต้นของความฮาทั้งหมด
BROOKLYN NINE-NINE — “The Therapist” Episode 608 — Pictured: Andre Braugher as Ray Holt — (Photo by: Vivian Zink/NBC)
นอกจากความตลกโปกฮาแล้ว ซีรีส์เรื่องนี้ก็มีการสอดแทรกประเด็นต่างๆ ไว้น่าสนใจทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง ระบบอาวุโส (Seniority) ภาพลักษณ์ทั่วไปของพนักงานรัฐ มักจะผูกติดกับระบบอาวุโสเสมอ ยิ่งตำแหน่งสูงก็มาพร้อมอีโก้ (Ego) ที่สูงขึ้นตามไปด้วย แต่ทว่าผู้กองเรย์มอนด์ โฮลท์ กลับไม่มีความคิดหรืออุปนิสัยเช่นนั้น เขาเปิดรับความคิดเห็นจากลูกน้อง สนับสนุนลูกน้องอย่างเต็มที เมื่อลูกน้องไขคดีหรือจับคนร้ายได้ เขาก็ไม่ลืมที่จะกล่าวชมเชยต่อหน้าผู้อื่น รวมถึงแจกแจงงานตรงกับทักษะและความสามารถของลูกน้องคนนั้นๆ ถือว่าเขาเป็นผู้นำที่ดี อีกทั้งสร้างบรรยากาศทำงานที่เต็มไปด้วยความสุขและความสนุกสนาน
อีกทั้งมีการหยิบประเด็น ความหลากหลายทางเพศ (LGBTQ+) มาถ่ายทอดได้อย่างอบอุ่น พร้อมสอดแทรกมุขตลกให้ผู้ชมรู้สึกใจฟูไปกับเรื่องราวของตัวละคร อย่างผู้กองเรย์มอนด์ โฮลท์ เขาเป็นตำรวจผิวสีคนแรกที่กล้าเปิดตัวว่าตนเองเป็นเกย์ (Gay) และพิสูจน์ให้เห็นว่าไม่ว่าจะเป็นเพศไหนก็ตาม หากมีความมุ่งมั่นตั้งใจก็สามารถประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานได้ นั่นทำให้เขาเป็นที่เคารพรักและแบบอย่างที่ดีของลูกน้อง “นักสืบโรซ่า ดิแอซ” (Rosa Diaz) รับบทโดย “สเตฟานี เบียทริซ” (Stephanie Beatriz) แม้ว่าช่วงแรกเธอจะชอบผู้ชาย แต่เมื่อเวลาผ่านไปเธอเริ่มเรียนรู้และเข้าใจความรู้สึกของตนเองแล้วว่าเธอชอบทั้งผู้หญิงและผู้ชายเช่นกัน (Bisexual) พร้อมรวบรวมความกล้าบอกกับครอบครัว ซึ่งช่วยปลดล็อคความรู้สึกอันหนักอึ้งภายในใจจนหมดสิ้น
แม้แต่ลักษณะ การชอบช่วยเหลือคนอื่น แคร์คนรอบข้าง (ENFJ) ก็ยังสะท้อนผ่านตัวละคร “เทอร์รี่ เจฟฟอร์ด” (Terry Jeffords) รับบทโดย “เทอร์รี่ ครูวส์” (Terry Crews) ภายนอกเขาเป็นผู้ชายร่างใหญ่กำยำน่าเกรงขามราวกับแบกบ้านแบกรถได้ ทำงานคล่องแคล่วไร้ที่ติ แต่ทว่าภายในเขาเป็นคนจิตใจอ่อนโยน ห่วงใยคนรอบข้างเสมอ กลัวศรีภรรยา รักลูกสาวสุดห่วงใจ คลั่งรักเมนูโยเกิร์ต และหนังสือแนวแฟนตาซี อีกทั้งให้คำปรึกษาและคำแนะนำเพื่อนร่วมงานได้เป็นอย่างดี เช่นตอนที่ “นักสืบเอมี่ ซานติอาโก” ( Amy Santiago) รับบทโดย “เมลิสซา ฟูเมโร” (Melissa Fumero) อยู่ในช่วงเลิกบุหรี่ เขาก็ช่วยสนับสนุนอยู่ข้างๆ ตลอด
เหนือสิ่งอื่นใดคือ การทำงานเป็นทีม (Teamwork) แม้ว่าสถานีนี้เต็มไปด้วยคนเพี้ยน ติดเล่น จนดูท่าไม่น่าจะรอด แต่เมื่อทุกคนผนึกกำลังกัน งัดทักษะตัวเองออกมาใช้ ก็สามารถไล่จับผู้ร้ายและปิดคดีได้หมด หากใครอยากหัวเราะจนท้องแข็งกรามค้างไปกับความวายป่วงใน Brooklyn Nine-Nine สามารถรับชมได้แล้ววันนี้ที่ Netflix
