เมื่อเราพูดถึงรถยนต์อย่าง Audi หลายคนก็คงนึกถึงรถยนต์ที่ให้ภาพลักษณ์ของผู้บริหารที่ไม่ซ้ำใคร โดดเด่น ดูดี และแปลกตา หากถามเหล่าหนุ่มสาวรวมไปถึงนักเล่นรถยนต์ในยุค 80-90s เมื่อพูดถึง Audi ก็คงหนีไม่พ้นภาพรถยนต์คันเล็กน่ารักอย่าง Audi TT เป็นอย่างแน่นอน รถยนต์ที่เปิดตัวในปี 1995 และได้ทำตลาดในช่วงปี 1998 เรียกได้ว่าสร้างความฮือฮาเป็นอย่างมากจากรูปทรงที่ดูแปลกใหม่และน่ารัก พร้อมราคาที่สามารถเอื้อมถึง จนมาในวันนี้ Audi ได้ปล่อย Audi TT รุ่นล่าสุดออกมาแล้วกับ “Audi TT Final Edition” รุ่นสุดท้ายของการทำตลาดตระกูล Audi TT ปิดตำนานการทำตลาดมากว่า 25 ปีลง จากสาเหตุที่ในปัจจุบันรถยนต์แนวนี้เป็นที่นิยมน้อยลง ลูกค้าสามารถเลือกรถยนต์ที่มีสมรรถนะเร็วแรงที่มาพร้อมกับฟังก์ชั่นการใช้งานที่มากกว่ารถยนต์สไตล์นี้ได้ วันนี้เรามาติดตามรายละเอียดของ “Audi TT Final Edition” กันครับ
สำหรับ Audi TT Final Edition รุ่นพิเศษนี้ จะมีให้เลือกทั้งในรุ่นมาตรฐาน TT และ TTS มาทั้งในรูปแบบคูเป้ และโรดสเตอร์โดย Audi TT Final Edition รุ่นพิเศษ ที่เปิดตัวในสหราชอาณาจักรจะมีให้เลือกหลากหลายรุ่น ได้แก่ 40 TFSI Coupe, 45 TFSI Quattro Coupe, TTS Coupe, 40 TFSI Roadster, 45 TFSI Quattro Roadster และ TTS Roadster
ในด้านการตกแต่งของ TT Final Edition จะมากับชุดแต่งภายนอกที่เป็นเฉดสีดำทั้งหมด เริ่มจากโลโก้ Audi ที่จะมาในโทนสีดำ รวมทั้งในส่วนของฝาครอบกระจกมองข้าง นอกจากนั้นในส่วนของปีกหลังก็ได้รับการปรับเปลี่ยนให้มาในเฉดสีดำทั้งหมด รวมทั้งในส่วนของปลายท่อไอเสียด้วย ขณะที่ในรุ่น Roadster เปิดประทุนจะได้รับการติดตั้งแผงดิฟฟิวเซอร์ และโรลบาร์สีดำ ขณะที่รุ่นคูเป้จะได้เป็นกระจก Privacy Glass นอกจากนี้ยังยังมาพร้อมล้ออัลลอยด์ขนาด 20 นิ้วและคาลิปเปอร์เบรกสีแดง ขณะที่รุ่น TTS Final Edition สปอร์ตกว่าด้วยล้ออัลลอยด์สีดำ 7 ก้าน
ภายในห้องโดยสารจะมาพร้อมกับแพ็คเกจ Extended Leather Pack ซึ่งจะตกแต่งด้วยวัสดุหนังที่บริเวณมือจับประตู, ที่วางแขนประตู และคอนโซลกลาง นอกจากนี้ในส่วนพวงมาลัยและเบาะนั่งเพิ่มมิติความหรูหราด้วยการหุ้มหนัง Alcantara พร้อมเสริมความร้อนแรงด้วยการเย็บเดินตะเข็บด้วยด้ายสีแดง และตกแต่งด้วยแถบวัสดุสีแดง Tango Red ที่โครงเบาะนั่ง, ช่องแอร์ และคอนโซลกลาง
ในด้านเทคโนโลยีของ Audi TT Final Edition ทุกรุ่นมาพร้อมกับ MMI Navigation Plus พร้อม MMI Touch และบริการ Audi Connect Infotainment นอกจากนี้ ในรุ่น TTS จะได้รับแพ็คเกจ Comfort & Sound Pack ซึ่งจะประกอบด้วยชุดเครื่องเสียงจาก Bang & Olufsen, กล้องถอยหลัง และชุดเซ็นเซอร์จอดรถ
Audi TT Final Edition จะเริ่มวางจำหน่ายในช่วงเดือนเมษายนนี้ มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ สีเทา Chronos Grey, สีแดง Tango Red และสีขาว Glacier White โดยประเดิมที่ตลาดบนเกาะอังกฤษ ก่อนจะขยายไปส่วนอื่นในยุโรป และทั่วโลก ราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 41,910 ปอนด์ (1,738,123 บาท) ในรุ่น TT Coupe ไปจนถึง 56,435 ปอนด์ (2,340,515 บาท) ในรุ่น TT S roadster นับเป็นการปิดฉากตำนานที่ทำตลาดมากว่า 25 ปี ลงในที่สุด
แหล่งที่มาและข้อมูล : Motor1
ติดตามข่าวสารยานยนต์และเทคโนโลยีได้ที่ FEE:D
