วงการบันเทิงสอนให้เรากล้าที่จะทำอะไรมากขึ้น ทำให้เราผลักดันตัวเองเยอะมาก เราต้องเล่นละครให้ดีขึ้น เราต้องร้องเพลงให้ดีขึ้น เราต้องแสดง ต้องเต้นให้มากขึ้น ทุกครั้งที่เราทำอะไรเก่งขึ้น เราจะรู้เลยว่าเราเหมือนกับทลายกำแพงตัวเองได้ดีขึ้น สิ่งเหล่านั้นเราก็เอามาใช้ในชีวิตจริงเหมือนกันนะ เราก็จะกลายเป็นคนที่เก่งขึ้นในชีวิตจริงด้วย
อิน สาริน รณเกียรติ
นักแสดงหนุ่มหน้าใส “อิน สาริน รณเกียรติ” อดีตนักแสดงดาวรุ่งของช่อง 3 ที่ปัจจุบันตัดสินใจก้าวมาอยู่ในฐานะ “นักแสดงอิสระ” ไปพร้อมๆ กับการทำธุรกิจส่วนตัว โดยอินได้ฝากฝีมือไว้ในผลงานละครเรื่องล่าสุด “คุณหมีปาฏิหาริย์” ละคร Y เรื่องแรกที่ออกอากาศทางช่อง 3 ในช่วงเวลาไพรม์ไทม์ และได้รับความนิยมเป็นอย่างมากทางแพลตฟอร์ม Netflix จนสร้างชื่อให้อินเป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้นกว่าเดิม
ชีวิตที่ผ่านมาแล้ว 20 กว่าปี ความรู้สึกตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง
อิน : รู้สึกว่าเป็น 27 ปีที่คุ้มค่า อินเป็นคนมีความฝันตั้งแต่เด็กอยู่แล้ว สมัยเด็กๆ พ่อแม่พี่น้องอวยพรวันเกิดอินก็จะบอกว่าขอให้รักษาความฝันเอาไว้แล้วก็ไปให้ถึง เขาจะพูดตั้งแต่ 10 ขวบแล้ว อินเป็นคนฝันใหญ่ อยากจะทำอย่างนู้นอย่างนี้ พอโตขึ้นมาเราพอจะมีกำลัง มีวิชา มีเงินทุน เราก็ได้ทำตามฝันมาเรื่อยๆ แบบนี้ อินเป็นคนใช้ชีวิตอยู่กับแพชชั่น รู้สึกว่าอินชอบทำ ชอบสร้างสรรค์ผลงานต่างๆ ออกมาให้คนเขาได้เห็น ให้คนเขาได้อยู่กับผลงานของเรา
ความสุขของ “อิน สาริน”
อิน : งาน ชอบทำงาน (ยิ้ม) ถ้าไม่มีความสุขกับงาน เราจะอยู่กับงานขนาดนี้ไม่ได้เลย อินทำงาน 7 วัน 24 ชั่วโมง อินหลับไปพร้อมงาน แล้วก็ตื่นมาแว้บแรกก็คืองานที่เข้ามาในหัว เพราะฉะนั้นเราต้องเลือกสิ่งที่เรารักจะทำอยู่แล้ว จะมีคนเขาบอกว่าเขาอยากมี work life balance ในชีวิต หมายความว่า work กับ life แยกกัน work เสร็จแล้วไป life, life เสร็จแล้วมา work อินไม่เชื่อ อินเชื่อว่ามนุษย์เราอยู่กับงานซะเยอะ จันทร์ถึงศุกร์คุณอยู่ออฟฟิศแน่ๆ เพราะฉะนั้นอินจะถือคติ work life harmony คือจะทำอย่างไรให้งานกับชีวิตมันเป็นสิ่งเดียวกัน แต่เป็นสิ่งเดียวกันที่มีความสุขได้ อินคิดว่าอันนั้นดีกว่า
การก้าวออกจากคอมฟอร์ตโซน ด้วยการเข้ามาเป็นดารา และคำสอนที่ได้จากวงการบันเทิง
อิน : ต้องเรียกว่ามีโอกาสเข้ามา ตอนแรกไม่ได้ตั้งใจจะเข้าวงการบันเทิงเพราะรู้สึกว่ากลัว รู้สึกว่าดาราเป็นอะไรที่แบบ (หยุดคิด) ตอนนั้นไม่ได้บอกใครเลยนะ รู้สึกว่ามันยาก อินจำได้เลย อินเห็นดาราช่อง 3 ตอนนั้นอยู่มัธยมฯ ก็เห็นแบบ พี่ณเดชน์ พี่เจมส์ พี่ญาญ่า ดารามันยาก มันต้องเล่นหนังก็ได้ ร้องเพลงก็ดี ออกอีเวนต์ก็ได้ ภาพลักษณ์หรือว่าอะไรต้องดีตลอดเวลา เรารู้สึกว่าเราทำไม่ได้ เราก็เลยบอกทุกคนว่าเราไม่ได้อยากเป็น จริงๆ ก็จะมีคนมาชวนเข้าวงการตลอดเวลา แต่เราก็แบบ อ๋อ ไม่ได้อยากเป็น แต่จริงๆ ในใจเรารู้ว่าเราน่าจะทำไม่ได้
จนกระทั่งตอนจะจบปี 4 ก็มีคนมาชวน เป็นพี่สมรักษ์ ช่อง 3 มาชวนให้มาแคสละคร เราก็อยากจะลองออกจากคอมฟอร์ตโซนดูแล้วกัน ลองทำอะไรที่เราคิดว่าเราทำไม่ได้ ลองสักหน่อย ดีกว่าจบไปทำงานแล้วไม่มีโอกาสได้ลอง ก็เลยไปลองแคส แล้วก็ได้ อินก็เลยได้เข้ามาในวงการ อินชอบวงการบันเทิงนะ มันสนุกมันเป็นอาชีพที่เราได้สร้างความสุข ได้สร้างแรงบันดาลใจให้กับคนอื่น อินว่าอินเลือกถูก
วงการบันเทิงสอนให้เรากล้าที่จะทำอะไรมากขึ้น คือถ้าเราเป็นคนธรรมดาทั่วไป เราก็จะเลือกอยู่ในพื้นที่ปลอดภัยอยู่แล้ว จะทำอะไรที่มันค่อนข้างเซฟ ทำอะไรที่เรารู้สึกว่าเราปลอดภัย ไม่ได้แบบว่าผลักดันตัวเองขนาดนั้น แต่วงการบันเทิงทำให้เราผลักดันตัวเองเยอะมาก เราต้องเล่นละครให้ดีขึ้น เราต้องร้องเพลงให้ดีขึ้น เราต้องแสดง ต้องเต้นให้มากขึ้น ซึ่งสิ่งเหล่านั้นมันมักจะมากับงานที่เป็นโปรเจ็กต์ๆ มันทำให้เราได้มีโอกาสไปฝึกมากขึ้น และทุกครั้งที่เราทำอะไรเก่งขึ้น เราจะรู้เลยว่าเราเหมือนกับทลายกำแพงตัวเองได้ดีขึ้น สิ่งเหล่านั้นเราก็เอามาใช้ในชีวิตจริงเหมือนกันนะ เราก็จะกลายเป็นคนที่เก่งขึ้นในชีวิตจริงด้วย
อิน สาริน รณเกียรติ
คุณหมีปาฏิหาริย์ : ซีรีส์ Y เรื่องแรกของในชีวิต
อิน : อ่านบท ชอบ รับเลย ได้บทมาภายในวันนั้นก็รับภายในวันนั้นทันทีเลย อินชอบมาก มีโอกาสคุยกับป้าแจ๋ว (ยุทธนา ลอพันธุ์ไพบูลย์ ผู้จัดและผู้กำกับ) ตั้งแต่ก่อนออนแล้ว ตั้งแต่ตอนวันแรกๆ เลยว่าบทมันยากนะ ป้าแจ๋วก็รู้ ป้าแจ๋วยังบอกเลยว่าบทมันยากนะ ซีรีส์ Y ส่วนใหญ่ที่มันประสบความสำเร็จแล้วดัง อย่างไรก็ต้องขายจิ้นฟิน ซึ่งเป็นเรื่องปกติเวลาเราดูซีรีส์ Y เราก็อยากจะจิ้นจะฟิน เราเป็น Y เหมือนกัน มันก็ต้องขายตบจูบ ขายโมเมนต์ต่างๆ แต่ของเรามันโดนสอดแทรกไปเรื่องการสอนชีวิตเยอะมาก ซึ่งมันค่อนข้างหนัก มันดูค่อนข้างยาก เหมือนจะเกร็ง น่าจะดังยาก เพราะว่ามันดูยาก มันดูแล้วมันมีความรู้สึกสอนตรงนู้น สอนตรงนี้ แล้วก็ร้องไห้ ดราม่า แต่ออกมาแล้วก็ถือว่าประสบความสำเร็จ คนก็ได้รับข้อมูลที่เราจะส่งผ่านไป
อินว่ามันสนุกดี อินว่ามันขายฝันดี เราดูละครสอนใจมันก็ดีอย่าง มันคือสอนใจให้แง่คิด ดู ซีรีส์ Y เสน่ห์ของมันคือความเบาๆ แต่เบาๆ ไม่ได้หมายความว่ามันจะไม่ได้มีบู๊ มีอะไรนะ มันมีแต่หมายถึงว่า อินคิดว่าคนเราทุกวันนี้ทำงานหรือใช้ชีวิตเจอโลกข้างนอกมันเหนื่อยแล้ว เวลากลับบ้านก็อยากดูซีรีส์สักเรื่องหนึ่งที่มันเอนเตอร์เทนทำให้เรายิ้มได้ มันก็มีความสุขในการดูซีรีส์ Y แล้วมีโมเมนต์ที่ฟินกัน
ซีรีส์ Y กับการเปิดกว้างเรื่อง LGBTQ แต่ครั้งแรกก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เมื่อที่บ้านยังไม่เข้าใจ
อิน : ก็ด้วย เรื่องความเท่าเทียมก็ด้วย แต่ถ้าให้อินมองอีกมุม อันนี้มองในเชิงธุรกิจ อินมองว่าผู้บริโภคละครหรือว่าซีรีส์ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง มันก็ไม่แปลกที่ผู้หญิงอยากจะดูผู้ชายน่ารักๆ หรือว่าผู้ชายหน้าตาดีสองคนอยู่ด้วยกันมากกว่า
อินเล่นอะไรก็ได้หมดเลยขอแค่ให้บทถูกใจ แล้วก็ไม่ใช่แค่บทถูกใจ แต่ว่าเรารู้สึกว่าเราต้องสามารถที่จะทำอะไรให้กับผู้จัดได้ด้วย บางทีบทถูกใจเราแต่เราก็ไม่ได้เล่นเพราะเรารู้สึกว่าเราไม่ได้มีความสามารถมากพอในบทนั้นๆ แล้วก็วินๆ เรา ดีกับเขาด้วย
ป๊าจะไม่เข้าใจ เขาจะรู้สึกว่าเขาอยู่ใน Gen ของเขา เขาไม่ผิดอะไรเลย เขาอยู่ใน Gen ที่ว่าเขาก็ไม่เข้าใจ เขาก็ยอมรับและเปิดกว้างนะ แต่เขาก็แค่ไม่เข้าใจ ก็ไม่ได้ว่ากัน คนเราชอบไม่ชอบ อันนี้มันห้ามกันไม่ได้ เราก็ต้องอธิบายแล้วก็ดูละครไปพร้อมกับเขา ละครเรื่องนี้ก็เป็นละครที่ทำให้เขาเข้าใจมากขึ้นด้วย สุดท้ายก็เห็นเขาก็ไปแอบทวิตเตอร์อะไรอย่างนี้ด้วยนะ เขาก็เข้าใจมากขึ้น มันก็เป็นจุดประสงค์หนึ่งของละครเรื่องนี้เหมือนกัน
เป้าหมายใหญ่ในชีวิตของอิน สาริน
อิน : หลักๆ ในชีวิตปัจจุบันก็แบ่งเป็นสามส่วน อันดับแรกคือนักแสดง ดารา แน่นอนแหละ เราก้าวเข้ามาในธุรกิจบันเทิงเราก็อยากประสบความสำเร็จ อยากเป็นดาราที่มีชื่อเสียง ได้ทำผลงานต่างๆ ฝากไว้ ซึ่งเป็นสิ่งที่เรารักและคนดูจะรักเราด้วย ตอนนี้สัญญาหมดแล้วอินก็ยังไม่ได้เซ็นต่อ ผู้ใหญ่ทางช่องใจดีมาก เขาไม่ได้บอกว่าไม่ต้องเซ็นหรือไม่ต้องต่อ เขาเปิดโอกาสให้เราดูว่าเราชอบอะไร แต่ถ้าจะกลับไปอีกเขาก็ยินดีต้อนรับ อินจะบอกว่าอินโชคดีมากที่ได้ผู้ใหญ่ใจดีแล้วก็น่ารักกับเรามากๆ
อย่างที่สองก็คือธุรกิจเกี่ยวกับอาหาร F&B เราอยากเป็น F&B group ที่ใหญ่ให้ได้ เรามีหวานแล้ว อนาคตเรากำลังจะมีคาว กำลังจะมีหมูกระทะ แล้วก็จะมีอื่นๆ ต่อไปด้วย เราอยากทำ เราชอบกิน แล้วเรารู้สึกว่าเราอยากเอาสิ่งที่เราชอบไปทำให้กับคนอื่นด้วย แล้วก็อันที่สามก็คงเป็นเรื่องอสังหาริมทรัพย์ ตอนนี้เราก็ได้เริ่มโปรเจ็กต์แรกแล้ว คือ Ours อนาคตก็คงมีทำต่อๆ ไปเรื่อยๆ เหมือนกันครับ
ชีวิตของอิน สาริน ในพาร์ท “นักธุรกิจ”
อิน : ลูกรักหมดเลย Holiday Pastry ก็ครบ 3 ปีแล้ว ที่เราเปิดออนไลน์มา เหนื่อยมากแต่ว่าสนุกมาก แล้วก็ตั้งใจมาก ในที่สุดเราก็ได้ฤกษ์ดีที่เราจะเปิด flagship store สาขาแรกที่เป็นสาขาใหญ่ที่ Ours ก็ตั้งใจมาก อินมั่นใจเลยว่าใครมาจะต้องรักร้านนี้ จริงๆ Holiday Pastry เราวางตัวเองเป็น creative dessert destination หมายความว่าเราต้องการจะเป็นแหล่งรวมขนมหวานที่มีความคิดสร้างสรรค์ คำว่าครีเอทีฟมันจะโดนนำมาใช้เยอะมากในร้าน เมนูทุกอย่างในร้านที่เป็นคอลเล็กชั่นแรกของเราที่กำลังจะเปิด จะโดนนำไปผูกกับสถานที่และความทรงจำที่คนมีความสุข อย่างเช่น ทุกคนชอบไปทะเล เราก็จะมีเมนูที่ชื่อว่า beach vibe เป็นเมนูที่พัฒนามาจากความรู้สึกตอนที่เราไปทะเล กินแล้วรู้สึกสดชื่นเหมือนได้ไปทะเล
อินคิดเก่ง แต่เราไม่ได้ทำเก่ง เราได้เชฟเก่ง มากๆ 3-4 คน มาช่วยเราพัฒนา หรือว่าเมนู mountain road trip เหมือนกับเมนูให้ความรู้สึกเหมือนเวลาเราขับรถ จิบกาแฟไปเขาใหญ่มันก็จะเอาความรู้สึกนั้นมาตีความเป็นขนมในร้าน นี่คือความเท่ของขนม เราใช้ของดีที่สุดอยู่แล้วไม่ต้องห่วงเลย อินชอบที่จะสร้างสรรค์ของดีๆ ให้กับลูกค้าดีที่สุด อินบอกเลยถ้าไม่ดีอินไม่ทำ เราอยากให้มันอร่อยที่สุดสำหรับทุกคน
มันเป็น full time job ทั้งคู่ แล้วก็หนักมากๆ ทั้งคู่เลย ก็ต้องยอมรับว่ามันกินเวลาชีวิตทั้งหมด 24 ชั่วโมง อาชีพนักแสดงเราก็รักเพราะว่ามันสร้างความสุขให้กับคนดูได้ อาชีพธุรกิจอื่นๆ เราก็รักเพราะว่ามันสามารถสร้างสรรค์ผลงานที่เราสามารถทำ เราอยากจะทำออกมาให้กับลูกค้าของเรา และมันเป็นสิ่งมั่นใจเลยว่าดีที่สุดเท่านั้น ใช้คำว่าแบ่งเวลาแล้วก็รักในสิ่งที่เราทำแล้วกัน
โปรเจ็กต์ Ours ที่เกิดมาจากความรัก และอยากเห็นคนที่มามีความสุข
อิน : ลูกรัก เป็นโปรเจ็กต์แรกที่เราทำในส่วนของอสังหาริมทรัพย์ ชื่อ Ours มาจากคำว่าพวกเรา หมายถึงว่าการรวมตัวกันของกลุ่ม young entrepreneur รุ่นใหม่ ผู้ประกอบการรุ่นใหม่ที่เราอยากจะทำสิ่งที่ดีๆ ให้กับลูกค้าของเรา ก็เป็นโปรเจ็กต์คอมมิวนิตี้มอลล์ที่อยู่ในซอยเจริญนคร 10 ที่อยากทำให้มันเป็นเหมือนกับที่พักใจ ให้ทุกคนสามารถเข้ามาหาอะไรอร่อยๆ กิน มาดูแลตัวเอง มาเดินเล่นในสวนได้ เราจะมีคอนเซ็ปต์ก็คือ eatery and wellness ก็คือเรื่องของการกินแล้วก็เรื่องของการดูแลตัวเอง เพราะฉะนั้นลูกบ้านในนี้ทั้งหมดก็จะเป็นเกี่ยวกับเรื่องของการกิน ข้างในจะมีร้านกาแฟ ร้านชาบู ร้านหมูกระทะ all day dining คาเฟ่ ร้านเครป มีร้านทำผมแฮร์ซาลอนที่เกี่ยวกับออแกนิก ร้านทำเล็บ ร้านนวด อีกหน่อยก็จะมีร้านอาหารไทย มีร้านอาหารอีสาน อิซากายะอีกเยอะเลยครับ
เพราะว่าที่เจริญนครยังไม่มีที่ที่สามารถให้คนมาชิลเอาต์ได้ แล้วไหนๆ ก็ทำอยู่ในซอยนี้แล้วก็เลยอยากจะทำอะไรคืนสู่สังคมด้วย เราก็เลยทำสวนขึ้นมา เรามีความสุขมากที่ตอนเย็นๆ เราเห็นอาม่า จูงเด็ก จูงหลาน มาเดินเล่น คือเขาก็ไม่ได้มาอุดหนุนอะไรเรานะ แค่มาเดินเล่นในสวนเรา แค่นี้เราก็มีความสุขแล้วที่ได้ทำอะไรให้กับสังคม ที่นี่โอเพ่นหมดไม่มีปิดเลย ตอนเย็นๆ ก็จะเห็นคนมาปั่นจักรยาน มาเดินถ่ายรูปเล่น มันก็ถือว่าเป็นความสุขของเรา ในการที่เห็นเขามีความสุข
ได้เกินใจฝัน ทุกวันนี้เวลามองไปแล้วเรารู้สึกมีความสุข เคยแบบว่าทุกคนกลับบ้านหมดแล้วนะ แล้วอินก็มาอยู่คนเดียวเงียบๆ มองแล้วก็ยิ้มอยากจะร้องไห้ มันตรงใจเรา มันคือสิ่งที่เรามีความสุข เราก็มีความฝันที่เราอยากจะสร้างสถานที่ที่คนมาอยู่แล้วมีความสุข มากินมาเที่ยวมาเดินเล่นได้
ก็ขอฝากผลงานตอนนี้มีโครงการ Ours เป็นคอมมูนิตี้มอลล์ที่ซอยเจริญนคร 10 ในนี้ก็จะมีร้านดีๆ มากมาย ลองไปดูที่ IG กันก็ได้ แล้วก็มี flagship store Holiday Pastry ของอินด้วย เป็นร้านรวมทั้งคาวทั้งหวานเลย เรียกว่าเป็น all day dining ก็อยากจะให้แวะกันมาแบบว่าเราตั้งใจทำให้ดีที่สุด คอนเซ็ปต์ที่ดีที่สุด แล้วก็เดือน 10 เราจะมีร้านเฮหมูกระทะเปิด ก็อยากจะให้แวะมาเหมือนกัน เชื่อว่าของที่เราให้คุณต้องดีที่สุดแน่นอนอยู่แล้ว แล้วก็มีร้านเสื้อผ้า hye everyday ร้านก็ร้านกำไล hye Bangkok
สามารถติดต่อมาได้ที่ [email protected] หรือว่าสามารถไปดูข้อมูลที่ IG ours_bkk ก็ได้ อยากจะมาเปิดร้านกับเราตอนนี้ก็ยังพอมีพื้นที่ว่างอยู่ และในอนาคตก็จะเปิดเฟส 2 เหมือนกัน