“Star In My Mind” แล้วแต่ดาว เป็นซีรีส์ Y สุดปังของปีอีกเรื่อง นอกจากเนื้อหาที่ทำให้เลือดสาว Y ต้อง พลุ่งพล่าน ยังมีฉากชวนฟินจนต้องจิกหมอนกระจุยกระจาย ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเคมีดีเวอร์ ของนักแสดงวัยรุ่นคู่จิ้นน้องใหม่ จุง-อาเชน ไอย์ดึน และ ดัง-ณัฎฐ์ฐชัย บุญประเสริฐ ที่สามารถถ่ายทอดบทบาทของ ตัวละคร คาบคลื่น และ ดาวเหนือ ออกมาได้อย่างน่ารักลงตัว จนโกยกระแสความฟินจากแฟนคลับทั้งชาวไทยและต่างประเทศอย่างมากมาย จนทำ #จุงดัง ขึ้นเทรนด์ทวิตเตอร์อยู่เสมอ
วันนี้ FEED ขอพาท่านผู้อ่านไปทำความรู้จักและล้วงลึกถึงเรื่องราวในชีวิตและเส้นทางกว่าจะเป็น “ดาว” ของทั้งคู่
FEED ความรู้สึกต่อตัวเอง ณ วินาทีนี้
จุง : ณ วันนี้จริงๆ ถ้าพูดถึงวันแรกเลยที่เราเข้าจีเอ็มเอ็มแล้วพวกเราได้เจอกัน ก็รู้สึกว่าพวกเราได้ทำงานด้วยกันมาเยอะ แล้วก็เห็นความตั้งใจของกันและกันมากๆ ครับผม แล้วก็วันนี้มีคนชื่นชอบมากมายนะครับ ฟีดแบ็ก “แล้วแต่ดาว” ก็ค่อนข้างดี ก็รู้สึกว่าก็ภูมิใจในตัวเองแล้วก็ภูมิใจในตัวเค้าด้วย ไม่ว่าจะเป็นพวกผมทั้งสองคนหรือว่าทีมงานทุกคนก็ตั้งใจกันมาก แล้วก็ดีใจและภูมิใจในตัวเองครับ
ดัง : ส่วนนอกจากเรื่องงานนะครับ เรื่องชีวิตประจำวันส่วนตัวบ้าง ชีวิตส่วนตัวบ้างชีวิตส่วนตัวจริงๆ เราสนิทกันมาก คือเราสนิทกันตั้งแต่วันแคสต์เลย เจอกันวันแรกก็คุยกันเฮฮาแล้ว อาทิตย์นึงเค้าก็มานอนบ้านผมแล้ว คือสนิทมากแล้วก็ไปที่ไหนก็ไปด้วยกัน ไปออกกำลังกาย ไปกินข้าว ไปเที่ยว ไปดูหนัง
จุง : เค้าภูมิใจมากเลยนะที่ผมไปนอนบ้านเค้าแค่อาทิตย์เดียวเนี่ย เค้าพูดทุกสื่อเลยนะ (หัวเราะ)
ดัง : คือมันไม่เคยมีใครที่ผมเจออาทิตย์แรกแล้วมานอนบ้านเลย คือตกใจนะที่บอกว่าไปนอนบ้านหน่อย (หัวเราะ) คือไม่เคยมีใครถามมาอย่างนี้
FEED ถามเหตุผลเขามั้ยที่ขอไปนอนบ้านทั้งที่เจอแค่อาทิตย์เดียว
ดัง : เออจริงๆ ยังไม่เคยถาม ถามเลยดีกว่าที่แรก ทำไมถึงต้องมานอนบ้าน (หัวเราะ)
จุง : ก็อยากรู้จักกันให้มากขึ้น คือเวลาเราทำงานไปทำโน่นทำนี่เราก็จะได้เห็นในมุมอีกมุมนึงที่เราทำงาน แต่ถ้าเรากลับบ้านเราก็จะได้เห็นตัวตนที่แท้จริงว่า ตัวตนที่แท้จริงเค้าเป็นยังไงเวลาเค้าอยู่บ้านจริงๆ เค้าเป็นคนยังไงกันแน่ ก็เหมือนศึกษากันมากกว่าครับ
ดัง : อืม..ศึกษา
FEED แล้วได้ศึกษาจริงๆ มั้ย
จุง : ก็ศึกษาครับ ทุกวันนี้ก็ยังไม่จบการศึกษา ก็ยังศึกษาไปเรื่อยๆ
ดัง : ทุกวันนี้ก็ยังไม่จบเลย ตอนนี้ยังอยู่ปี 3 อยู่เลย กำลังจะขึ้นปี 4
จุง : ไม่ นี่รู้สึกว่ายังอยู่ปี 1 นะ ยังรู้สึกว่ายังต้องรู้จักดังอีกยาวไกลมากๆ ไม่ได้แปลว่ายังไม่รู้จักดังนะ รู้สึกว่าเค้ายังมีอะไรที่น่าค้นหาอยู่เรื่อยๆ
ดัง : นึกว่ารู้หมดแล้ว ไม่น่าเหลือเลย (หัวเราะ)
จุง : มีๆๆ
FEED เวลาเขาไปค้างบ้านเรา เขาเป็นยังไงบ้าง
ดัง : ตอนเค้ามานอนใช่มั้ยครับ ก็โอเคก็ชิลๆ ก็รู้สึกว่าเค้าตรงๆ ดี
จุง : ก็นอนครับ นอนตะแคงบ้าง นอนตรงบ้าง นอนหงายแบบนี้บ้าง
ดัง : นอนทับด้วย (หัวเราะ) กรนครับ ตอนแรกคือเราก็ไปนอนที่ต่างจังหวัดกันตอนนั้นที่ไปถ่าย 4 คิวแรกเราไปนอนต่างจังหวัดกัน ซึ่งผมจะนอนไม่ค่อยหลับเลย เพราะเค้าคือหลับแล้ว แล้วเค้าดิ้นแล้วก็กรน ผมแบบถ้าเกิดมีเสียงอะไรผมจะไม่ค่อยหลับ ผมต้องหลับแบบเงียบๆ
จุง : ใช่ แล้วเป็นคนนอนดิ้นอะไรอย่างนี้ บางครั้งดังก็ตื่นมาอารมณ์แบบ “จุงมึงรู้มั้ยว่าเมื่อวานมึงนอนดิ้นทับกู” ผมก็ไม่รู้ตัวไง อาจจะนอนมะเมอตะโกนเป็นภาษาโน้นภาษานี้ ในหัวมันก็มีหลายภาษาใช่มั้ย
ดัง : แล้วก็มีแบบสะดุ้ง! แล้วก็หลับ ฝันร้ายแล้วก็หลับไปเลยแล้วผมไปมองหน้า เอ้า! หลับแล้ว สะดุ้งเสร็จก็คือหลับเลย
จุง : ใช่ๆ แต่ดังก็นอนกรนเหมือนกันครับ ไม่เชื่อเดี๋ยวผมลองเปิดคลิปในโทรศัพท์ให้ดู (หัวเราะ)
FEED ตอนนี้ชีวิตกำลังมีความสุขกับอะไร
ดัง : กำลังมีความสุขกับอะไร ตอนนี้มีความสุขกับการทำงาน แล้วก็การได้เจอผู้คนใหม่ๆ ที่ไม่เคยเจอ จริงๆ ก็เหมือนที่เจอ จุงเลย ถ้าเกิดเพราะไม่ใช่ซีรีส์เรื่องนี้เอาจริงๆ เราก็ไม่น่าจะได้เจอกันนะ เพราะว่าเค้าก็อยู่ตุรกีด้วย
จุง : อยู่ไทย
ดัง : อ้าวเหรอ แล้วไม่ได้กลับมาเพื่ออันนี้ใช่มั้ย
จุง : ไม่ๆ ก็อยู่ไทยๆๆ อยู่ไทยอยู่แล้ว ก็อาจจะไม่ได้มีโอกาสถ้าไม่มีซีรีส์เรื่องนี้ ถ้าผมไม่ได้เข้าจีเอ็มเอ็มทีวีก็อาจจะไม่ได้มีโอกาสร่วมงานด้วยกัน แต่ถ้าเป็นอย่างนั้นไปเจอกันในโอกาสอื่นก็ได้ใครจะไปรู้ใช่มั้ยล่ะ จริงๆ ผมก็มีความสุขกับอะไรเล็กๆน้อยๆ ครับ ไม่ได้ว่าเราต้องมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้น แค่เราตื่นเช้ามารู้สึกสบาย รู้สึกโล่ง เฮ้ยวันนี้วันชิลๆ ตื่นเช้า ตอนเที่ยงตื่นเช้ามาอาบน้ำแต่งตัวออกจากบ้านบ่ายสอง ออกไปกินข้าว ได้ทำแอคทิวิตี้แค่นี้ก็มีความสุขแล้ว ไม่จำเป็นต้องมีอะไรที่เข้ามาในชีวิตแบบปึ้งๆๆ แต่ถ้าวันหนึ่งซื้อหวยแล้วถูกขึ้นมาก็อีกเรื่องนึงครับ ก็หวังว่านะครับจะถูกสักวัน พอโตขึ้นมาแล้วมันมีบางสิ่งบางอย่างและมีหลายๆ เรื่องที่เราต้องมานั่งคิดว่าต้องทำยังไง ก็รู้สึกว่าเวลามันไม่มีอะไรเลยเวลาที่ตื่นเช้ามาไม่มีปัญหาไม่มีอะไรเลยมันเหมือนเป็นรางวัลสำหรับเราแล้วมันเป็นความสุขสำหรับเราครับ
FEED ชีวิตวัยเด็กชีวิตครอบครัวของทั้ง 2 คน
ดัง : ชีวิตวัยเด็กของดังนะครับ คือดังจะถูกเลี้ยงดูมาโดยสภาพแวดล้อมแบบเด็กอินเตอร์ก็ คือ ดังจะเรียนอินเตอร์ตั้งแต่เด็ก ก็คือไม่เคยเข้าโรงเรียนไทยมาก่อนแล้วสังคมดังจะเป็นพวกฝรั่งหรือเด็กไทยที่เรียนอินเตอร์เหมือนดังเอง เอาจริงๆ ภาษาไทยก็ไม่ถนัดขนาดนั้นก็เลยต้องมาเรียนเพิ่ม แต่เรียนตอนเด็กแล้วนะ ตอนโตเลยรอด ถ้าเกิดไม่เรียนก็คือไม่น่ารอด (หัวเราะ) ดีครับ พ่อแม่ทุกคนก็รัก อยู่ครบทุกคนอบอุ่นมากๆ กับครอบครัว ตอนนี้ก็ขอบคุณทุกคน ขอบคุณพ่อแม่ที่เลี้ยงดังมาตั้งแต่เด็กจนถึงตอนนี้
จุง : ของผมถ้าเทียบกับของดังแล้วดูเป็นแอดเวนเจอร์มากเลยครับ ค่อนข้างผจญภัยครับ จริงๆ ผมก็อยู่กับคุณแม่ครับ คุณแม่เป็นซิงเกิ้ลมัมตั้งแต่แด็กๆ ก็โตมากับคุณแม่ 2 คน แม่ไปไหนมาไหนทำงานอะไรก็จะพาผมติดไปด้วย ช่วงเด็กๆ คุณแม่ก็มีกิจการทำเบเกอรี ก็ไม่ได้ช่วยหรอกครับ อยู่กับคุณแม่ ดูคุณแม่ทำขนมอะไรอย่างนี้ แล้วก็มีกิจกรรมร้านเกม ผมก็เข้าไปสิงอยู่ร้านเกมของคุณแม่ ก็มันส์อยู่แล้ว
ตอนเด็กๆ ก็อยู่กับคุณแม่ครับจนตอนอายุ 8 ขวบมั้งครับ คุณแม่ก็เหมือนมีแฟนใหม่ก็เลยมูฟไปที่ประเทศตุรกีครับ แล้วก็อยู่นั่นจนยาวจนผมอายุ 16 เลยครับ ก็อยู่กันจนมีน้องเพิ่มอีก 3 คน ชื่อ ซาเร อาเหม็ด แล้วก็ อาเซีย ครับผม ตอนนี้ก็อยู่ประเทศตุรกีครับผม แล้วผมก็กลับมาตอน 16 เพื่อมาเรียนต่อครับ เพราะว่าเหมือนตอน 8 ขวบที่ผมกลับไปผมเรียนอยู่ ป.2 แต่พอไปตุรกีปุ๊บ ผมต้องเรียนภาษาต่างๆ นานา เลยเริ่ม ป.1 ใหม่ ก็เลยเสียไปปีครึ่งถึง 2 ปีครับ ก็เลยกลับมาตอน 16 เพื่อมาสอบเทียบจบไฮสคูลให้มันเท่ากับอายุของเราครับ แบบ 18 ก็จบไฮสคูลแล้วก็เข้ามหาลัยตอน 19 เลย ก็มาสอบเทียบประเทศไทย
ระหว่างนั้นเหมือนมีโอกาสได้ประกวดเดินแบบแล้วก็ไปแคสติงซีรีส์แล้วก็ได้เล่นเป็นนักแสดง ก็จุดเริ่มต้นการเป็นนักแสดงก็ประมาณนี้ครับ จนมาถึงได้มีโอกาสมากมายหลังจากที่เป็นนักแสดงแล้วพอมันมีคนรู้จักเราก็เหมือนมีหลายๆ คนที่เค้ามอบโอกาสให้กับเราให้ไปแฟนมีตติ้งหรือว่าไปประเทศจีน ไปร้องเพลง ไปเรียนเต้น ให้โอกาสเราได้ทำในสิ่งต่างๆ ในวงการบันเทิงจนทุกวันนี้ก็อยู่ จีเอ็มเอ็มทีวี ก็ได้มาเล่นคู่กับดังใน “แล้วแต่ดาว”
FEED นามสกุล ไอย์ดึน เป็นลูกครึ่งหรือเปล่า
จุง : คนไทยครับ แต่พ่อเลี้ยง ผมขอเรียกคุณพ่อก็แล้วกันนะครับ คุณพ่อก็เป็นคนตุรกี นามสกุลผมเปลี่ยนมาหลายรอบแล้วครับ แต่นามสกุล ไอย์ดึล เป็นนามสกุลของพ่อเลี้ยงครับ คือคุณพ่อผมเสียแล้วก็เลยอยากเปลี่ยนนามสกุลให้เป็นของคุณพ่อเลย จริงๆ ถ้าดูในระบบจริงๆ ก็ไม่ได้เป็นครอบครัวเดียวกัน แต่แค่ผมอยากให้ชื่อผม นามสกุลผมเป็นเหมือนของพ่อครับ แล้วก็นามสกุลแม่ตอนนี้ก็ของพ่อเหมือนกัน น้องๆ ก็เป็นไอดึลย์เหมือนกัน ผมก็เลยเปลี่ยนชื่อไทยให้เป็นชื่อของคุณพ่อครับ
FEED ชีวิตในต่างประเทศเป็นอย่างไร
จุง : ผมเหรอครับ จริงๆ ผมโตมาโดยหน้าแข้งครับ เค้าเรียกว่าโตมาโดยโดนฟาด โดนด่า โดนสารพัดอย่าง โดนบูลลี่ คือพูดง่ายๆ ว่าทุกวันนี้ผมรอดมาได้ผมก็รู้สึกดีใจแล้ว ก็ถือว่าเป็นบุญที่รอดมาได้จนถึงทุกวันนี้ เพราะถ้าเล่าประสบการณ์ตอนอยู่ต่างประเทศก็ค่อนข้างดุเดือด บางครั้งเคยโดนบูลลี่ เคยโดนกระทืบ เคยโดนถุยน้ำลายใส่หน้า เคยโดนดึงกระเป๋าวิ่งหนี โดนไถตังค์ คือเจอมาหมดแล้ว ด้วย ณ ตอนนั้น หน้าตาผมอาจจะแตกต่างจากพวกเค้ามั้งครับ ก็เลยอาจจะโดนอะไรอย่างนี้ค่อนข้างเยอะ
แต่พอโตมาเรื่องพวกนี้ก็หายไปแล้วครับ เราเริ่มไม่สนใจ รู้แล้วว่าจะรับมือกับมันยังไง ถ้ารื่องบูลลี่ ต่อยตีอะไรอย่างนี้ ถ้าเป็นตอนนั้นนะอย่ายอมใคร เขาตีเรามาหนึ่งเราตีสิบ คือ ณ ตอนนั้นนะ ตอนนี้ผมไม่สู้หรอก ก็มันไม่มีใครมาหาเรื่องผมไง เราก็โตแล้วทุกคนก็คุยกัน ใช้การคุยในการแก้ปัญหา แต่ถ้าเป็นตอนนั้นถ้าใครมาตีก็คือตีกลับสองที ตีหนึ่งทีตีกลับสองทีนะ แม่ก็จะสอนไม่ให้ยอมใคร คุณแม่ก็ให้ผมตั้งใจเรียน ถ้าเรื่องความรักคุณแม่ก็ไม่อยากให้มีช่วงตอนนั้นแบบไม่อยากให้มีเลย ให้โฟกัสเรื่องของการเรียนมากๆ
ตอนเรียนก็คือ ต่อให้มีคนเข้ามาจีบหรือว่าอะไรก็ตามก็จะไม่สนใจเลย แล้ว ณ ตอนนั้นก็ไม่ได้รู้สึกว่าต้องการด้วย รู้สึกว่าเราโฟกัสแข่งขันเรื่องการเรียนมากกว่าเพราะว่ามีคนมากมายอยู่ในโรงเรียนแล้วแข่งขันกับเรา แล้วเราต้องครองจุดๆ นั้นไว้คือผมอยู่ไฮสคูลอันดับ 1 ของห้องไง แล้วมันก็จะมีหลายห้อง แล้วมันก็จะมีสอบที่เขาต้องเอาตัวท็อปมาตีกันเราก็ต้องครองตำแหน่งครับ
ดัง : สุดยอด แอดเวนเจอร์
จุง : มันไม่ได้โตมาง่ายๆ ของดังดูเรียบหรูมากเลยนะ แบบเรียบสบายอิจฉาเลยอ่ะ ถ้าเทียบกับของไอนี่รู้สึกว่านี่โตมาแบบด้วยหน้าแข้ง ยากลำบาก แต่คุณแม่ผมก็บอกว่าจุงโตในสภาพแวดล้อมแบบนั้น ณ ตอนนั้นโตมาได้ขนาดนี้ก็คือเก่งมากแล้ว เราใช้หลักการว่าเราเป็นคนดีไง แบบหลักๆ เลยว่าเราเป็นคนดี
ดัง : แต่สุดยอดเลยนะชีวิตเค้าก็ตื่นเต้นดี มีทุกโมเมนต์เลยตื่นเต้นอ่ะ
FEED การศึกษา
ดัง : ของผมไฮสคูลเรียนที่ Heathfield International School ครับ แล้วก็ย้ายมาที่ลาดกระบังเลย Computer Innovation Engineering ซึ่งตอนนี้กำลังขึ้นชั้นปีที่ 4 ครับ ก็อีกปีนึงก็จะจบแล้ว ช่วงนี้ก็หนัก ของผมหนักทุกช่วงต้องทำโปรเจกต์สอบอะไรอย่างนี้ วิศวะใจร้ายกับผมมาก เป็นคณะที่ใจร้าย
จุง : ของผมเหรอครับ ผมเรียน Stamford International University ครับ เรียนคณะ CMD เป็น Creative Media Design ครับ ออกแบบสื่อสร้างสรรค์ครับ ปี 2 ครับ หนักๆ อยู่ครับช่วงนี้ (หัวเราะ) แค่ช่วงนี้แหละ ช่วงอื่นไม่ค่อยหนักมาก
FEED ไลฟ์สไตล์
ดัง : ผมชอบใช้ชีวิตชิลๆ คือจะชอบเที่ยวแบบชิลๆ ไม่เหนื่อยมาก ถ้าเกิดปีนเขา ไปเซิร์ฟ ลงทะเล อาจจะไม่ใช่ไลฟ์สไตล์แบบดัง ไลฟ์สไตล์ดังจะออกมาถ่ายรูปเล่น กินข้าวเจอเพื่อน แฮงเอาต์ชิลๆ มากกว่าจะชอบแนวอย่างนั้นไม่ชอบเอ็กซ์ตรีมมาก
จุง : จริงๆ ผมชอบทำอะไรใหม่ๆ ชอบเอ็กซ์ตรีมด้วยและชอบชิลๆ แบบดังด้วย แล้วแต่โอกาสมากกว่าถ้าวันชิลๆ ก็ไปคาเฟ่ไปถ่ายรูปดื่มกาแฟ กลับมาบ้านกินข้าวเย็นแล้วก็นอนอะไรอย่างนี้ครับ แต่ถ้าวันสเปเชียลที่แบบ เฮ้ย เรามีเวลา 2 วัน 3 คืน หรือว่าเรามีเวลาทั้งวัน ว่าง อาจจะไปทำอะไรที่แปลกๆ อาจจะไปนั่งรถกับเพื่อนไปต่างจังหวัด ไปถ่ายรูป ไปขึ้นเขา ไปถ่ายรูปกับโน่น ถ่ายรูปกับนี่ ไปเจอลิงไปถ่ายรูปกับลิง ไปถ่ายรูปกับม้า ไปขี่ม้าไปจั๊มปิ้ง บันจี้จั้มพ์ที่กระโดด ตกลงมาเคยนะหน้ามันแดงออกมาเลย
ดัง : ของผมจริงๆ ก็เหมือนกันเลยครับ จริงๆ ที่ผมพูดว่าชอบชิลๆ อย่างเดียวจริงๆ บางวันก็ออกไปเอ็กซ์ตรีมได้บ้างแต่อาจจะไม่บ่อย เอาจริงๆ อยากลองมานานแหละพาราชูตจากเครื่องบินแต่มันอันตรายมาก มันก็เป็นอะไรที่น่าลองดูสนุกดี
FEED เส้นทางเข้าวงการบันเทิง
ดัง : ของผมเริ่มต้นจาก เข้ามหา’ ลัยปุ๊บ ได้เป็นคฑากร เป็น 1 ใน 9 คน ได้โชว์เพอร์ฟอร์ม แล้วก็ได้ถ่ายรูป จากรูปภาพที่เป็นคฑากรคนก็แชร์ไปเยอะ จนจีเอ็มเอ็มทีวีก็เห็นก็เลยเรียกไปดูตัวครับ พอเข้าไปในตึกวันนั้นก็ตกลงทำงานเลย เข้าวันนั้นตกลงวันนั้นเลยครับ เหมือนมากับดวงเลยครับ เอาจริงๆ ก็เป็นเกียรติมาก ขอขอบคุณผู้ใหญ่ทุกๆ คนที่ให้โอกาสดังนะครับ ถ้าเกิดดังไม่ได้เป็นคฑากรวันนั้นก็อาจจะนั่งเรียนอยู่เฉยๆ เป็นเด็กวิศวะอินเตอร์คนนึง แล้วก็ดีใจที่เราได้เทกสเต็ปมาสเต็ปนึงครับ
ตอนนั้นก็คุยกับคุณแม่ ตอนแรกคุณแม่ก็กลัวว่าจะเรียนไม่ได้รึเปล่า แต่ผมก็บอกว่าตรงนี้ผมอยากทำ ก็เลยคุยกับคุณพ่อคุณแม่สุดท้ายท่านก็ยอม ก็เลยมาตึกแกรมมี่ด้วยกับผม คุณแม่กับผมก็เข้าไปคุยในออฟฟิศพี่ถา (สถาพร พานิชรักษาพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร GMMTV) เลยวันนั้น ก็มากับดวงต้องขอบคุณผู้ใหญ่ด้วยจริงๆ ครับ
จุง : ของผมเข้าไม่ยากครับ แต่ยากระหว่างทางมากกว่า ก็คือเข้ามาออดิชั่น ได้เฉยเลยแล้วก็แสดงไป พอมีผลงานออกมาก็มีคนชื่นชอบ พอมันมีคนชื่นชอบเราก็เหมือนได้รับโอกาสจากผู้ใหญ่หลายๆ ท่าน ได้ทั้งเรียนร้องเพลง เรียนเต้น เรียนการแสดงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ได้มีโอกาสทำหลายอย่างมาก ทั้งเดินแบบ ถ่ายแม็กกาซีน ถ่ายนิตยสารอะไรอย่างนี้ ถ่ายเยอะแยะมากมายแล้วก็ไปต่างประเทศ ไปแฟนมีตติ้ง ไปประเทศจีน เกือบจะได้ไปเข้ารายการไอดอลของประเทศจีนด้วย แต่สถานการณ์โควิดที่ทำให้เราคอนโทรลไม่ได้ก็ทำให้กลับมาไทย
แต่กลับมาไทยก็ไม่ได้หยุดแค่นั้น แบบประตูหนึ่งปิด ประตูหนึ่งเปิด ก็เข้ามาจีเอ็มเอ็มทีวีครับ ผมเล่าเหมือนชิลมากเลยนะ แต่ระหว่างทางโหปาดเหงื่อ ปาดน้ำตา ระหว่างทางมีอะไรมากมายที่เราต้องคิด ถึงแม้ว่าในวันที่ทุกคนเห็นว่าเรามีความสุข เห็นว่าเรายิ้ม เราอาจจะลงรูปยิ้มในโซเชียลมีเดีย แต่คือเบื้องหลังเรามีอะไรให้คิดเยอะมากๆ อาจจะหลายๆ คนด้วยซ้ำที่เห็นนั่งลงรูปยิ้มในคาเฟ่ แต่จริงๆ แล้ว ณ วันนั้น..
ดัง : ถ่ายเป็นพันรูป เครียดเลือกรูปไหนดี (หัวเราะ)
FEED เส้นทางบันเทิงของจุงไม่ง่ายเหมือนกับชีวิตเลยนะ
จุง : เหมือนเจอมาหลายๆ อย่างครับ เคยพลาดก็พลาดเยอะ แต่ก็ค่อยๆ ปรับไปทีละเรื่อง ตรงไหนเราพลาดเราก็แค่แก้ไขแล้วไม่ทำมันอีกครับ พลาดยังไงเหรอ ยังไงดีนะ คืออาจจะพลาดทำในสิ่งที่คิดไม่ทั่วถึง พูดอะไรออกไปอาจจะไม่เข้าหูคนอื่น อันนั้นเราอาจจะคิดน้อยไป ณ ช่วงนั้นที่เรายังไม่ได้มีวุฒิภาวะขนาดนั้น หรือว่าเราอาจไม่ได้คิดว่าเรื่องนี้มันเป็นเรื่องเซนสิทีฟสำหรับคนอื่น ก็อาจจะทำให้คนอื่นรู้สึกไม่ดีหรือรู้สึกเสียใจในการกระทำที่เราทำไป แต่ทุกวันนี้ก็ได้รับบทเรียนและเรียนรู้จากมันค่อนข้างเยอะ ก็ฟิกมันแล้วก็พัฒนาตัวเองเยอะๆ ครับ
แคสติ้งแรกของผมคือวันนั้นผมไปเที่ยวกับเพื่อนที่สยามครับ ตอนนั้นคือรู้ว่ามันมีแคสติ้งครับแต่ก็ไม่ได้คิดว่าจะไปสมัคร จนเพื่อนที่ไปเที่ยวสยามด้วยบอกว่า เฮ้ยมึงๆๆๆ กูอยากแคสติ้งว่ะ ก็เลยไปด้วยก็ได้ เลยเดินไปร้านเอกสารไปปรินต์รูป เค้าบอกขอบัตรประชาชน ขอรูปถ่าย 2 นิ้ว 1 นิ้ว อะไรอย่างนี้ ก็ไปสมัครครับ แล้วก็อยู่ดีๆ ก็ได้เฉยเลยได้เข้ารอบ รอบ 2 ก็ผ่าน แล้วก็เข้ารอบ 3 ก็ผ่านเป็นนักแสดง
ดัง : หลับตาลืมตามา เอ้า ได้แล้วเหรอ (หัวเราะ) จริงๆ เค้าก็เป็นรุ่นพี่ในวงการแหละครับ คือผมเข้ามาคือน้องใหม่เลยเค้ามีประสบการณ์เยอะ ผมก็ถามเค้า มีอะไรควรไม่ควรเค้าก็จะแนะนำผมได้ ซึ่งผมอาจจะไม่ได้รู้เยอะพึ่งเข้ามาเลยเรื่องแรกเลย
FEED นิยามความเป็น “จุง” กับ “ดัง”
ดัง : ชิล เฮฮา สนุก เฟรนด์ลี่ครับ
จุง : จุงเหรอ แล้วแต่ช่วง (หัวเราะ) มันคงแล้วแต่ช่วงแล้วแต่จังหวะ แล้วแต่โหมดแล้วแต่วันว่าวันนั้นรู้สึกยังไงมากกว่า แต่จริงๆ แล้วถ้าคนเจอผม ผมก็ไม่ใช่คน alert ขนาดนั้น ยกเว้นช่วงทำงานจะ alert แต่ถ้าเจอข้างนอกหรือเจอไปอยู่กับเพื่อนผมก็ไม่ได้ alertขนาดนั้น ก็คือเรียกว่านิ่งได้ถ้านิ่งก็คือนิ่งไปเลย แต่ถ้า alert ก็ alert ไปเลย
ดัง : เสียงดัง เฮฮา แล้วมีอะไรอีก บันเทิง เฟรนด์ลี่
จุง : ขิง
ดัง : ปลูกขิง
จุง : ชาขิง เป็นเม็ด ขิงเม็ด ขิงผง ขิงชง
ดัง : เอาเป็นแง่งขิง (หัวเราะ) ขิงเต็มไร่
จุง : นั่นแหละครับ (หัวเราะ)
ดัง : ก็ประมาณนั้นๆ ขิงล้นๆ อาจจะแปลกนิดๆ หน่อยๆ แต่ว่าพวกเราก็ว่าตลกดี ตลกดีเฮฮา
จุง : พวกผมก็ชอบทำให้แฟนคลับมีความสุข อะไรที่อาจจะดูเพี้ยนๆ ทุกอย่างก็คือทำให้คนที่รักเราเค้ามีความสุข ที่ทุกคนเค้าเปิดโซเชียล ทุกคนล้วนมีความเครียดกลับไปทำงาน แล้วมันก็เป็นช่องทางนึงที่พวกเราก็สื่อสารกับแฟนคลับได้ทางโซเชียลมีเดีย พวกผมก็เหมือนอยากให้พวกเค้าเปิดโซเชียลมีเดียมาแล้วเจอพวกเราแล้วใจมันหายเหนื่อย ใจมันดี ทุกอย่างมันดีขึ้น เครียดมาทั้งวัน โดนบอสด่าโดนโน่นนี่นั่น เจอโน่นนี่นั่นมา เปิดโซเชียลมาแล้วเห็นหน้าพวกเราทวิตหรือลงโพสต์ทำให้เค้ามีความสุขได้ก็ดีใจครับ
ดัง : ก็ดีใจทำให้เค้าใจพองโต
FEED รู้ใจกันขนาดไหน
จุง : ก็รู้ใจนะ
ดัง : รู้ใจครับ รู้ทุกซอกทุกมุม
จุง : ตอนนี้คิดอะไรอยู่
ดัง : คิดว่าจะตอบอะไรดี (หัวเราะ)
จุง : เนี่ยง่ายมาก ถูกต้อง ตอนนี้เขาก็คิดว่ามันจะตอบอะไรดีน้า
ดัง : ก็ถูก ใช่ได้ๆ
FEED ร่วมงานกับค่ายใหญ่ GMMTV กดดันไหม
ดัง : ตอนแรกๆ กดดันมาก ตอนแรกๆ คือไม่กล้าขึ้นตึกเลย มันกลัวอะไรไม่รู้กดดันอะ ก็เอาแม่ไปด้วย (หัวเราะ) แต่ตอนนี้ก็ไม่มีอะไร ทุกคนเฟรนด์ลี่ดี ผู้ใหญ่ใจดี เพื่อนๆ เฟรนด์ลี่ทุกคน
จุง : กดดันไหม มันก็ไม่ได้กดดันที่จะเจอทุกคนนะ แต่กดดันสำหรับหน้าที่ที่เราได้รับมากกว่า ด้วยที่เราเข้ามาก็เป็นนักแสดงนำของเรื่อง ก็กดดันว่าเราจะทำออกมาได้ดีไหม เราจะทำให้คนที่ให้โอกาสเรารู้สึกดีที่เลือกเรา ก็กดดันในส่วนของพาร์ตทำงานมากกว่า
ดัง : ส่วนทำงานกดดันอยู่แล้วครับ แต่ก็เต็มที่ครับ ก็มีการ Workshop ปรับแอคติ้ง ปรับทัศนคติ ปรับความคิดให้ตรงกับตัวละคร ซึ่งก็มีการ Workshop กับผู้กำกับของเรื่องนี้
FEED ความรู้สึกแรกที่เรารู้ว่าได้เล่นคู่กัน
ดัง : ของดังคิดว่าเค้าน่าจะเป็นรุ่นพี่ ก็ยกมือไหว้นำมาก่อนเลย ตอนเค้าเปิดเข้ามา เราก็สวัสดีครับ คือเค้าจะเป็นคนสุดท้ายที่เดินเข้ามาในห้องแคสติ้งวันนั้น วันนั้นมีอยู่ 3 คน บวกเค้าก็เป็น 4 ก็ดูว่าใครจะได้เล่นเป็นตัวละครไหน ดาวเหนือ คาบคลื่น ขั้วฟ้า ปริ้นซ์ ก็ยังไม่ลงตัว แต่ก็รู้สึกว่าเค้าเป็นคนเฟรนด์ลี่ตอนแรก แล้วพอได้ไปคุยก็เฟรนด์ลี่ คุยได้ รู้สึกสนิทเร็วมาก ไม่มีกำแพงกั้นระหว่างเรา คุยแล้วคลิกเลย คนที่ใช่
จุง: ชงตัวเองเลยนะ ก็วันแรกที่เราเจอก็คล้ายๆ ดังเลย เจอก็เอ๊ะอายุมากกว่าเราหรือเปล่านะ ก็ตัวเท่าๆ กัน ตัวใหญ่พอๆ กันอะไรงี้ ก็เลยคิดว่าโตกว่า แต่พอคุยก็อายุเท่ากันนี่หน่า วันแรกอย่างที่ดังบอกก็สนิทเลย เที่ยงคืนก็ยังโทรไปหาเค้า อารมณ์แบบวันแรกเรายังไม่รู้ว่าใครจะเล่นคู่ใคร แต่พวกผมก็สนิทกันละ ก็เลยคิดว่าเล่นคู่กันน่าจะดีนะ ก็เป็น first impression ที่ดีครับ
FEED ได้ประสบการณ์อะไรจากการทำงานบ้าง
จุง : จริงๆ ค่อนข้างเยอะเลย เหมือนรู้สึกว่าพออยู่วงการเราจะแค่แสดงอย่างเดียวไม่ได้ เราต้องมีสกิลรอบด้านเรื่อยๆ อย่างเช่น ร้องเพลง หรือว่าเต้น ถ้าเป็นไปได้เรียนเครื่องดนตรี หรือจะเป็นเรื่องของภาษา ภาษาอังกฤษ ภาษาจีน ภาษาต่างชาติอะไรงี้ครับ เพื่อสื่อสารกับคน
ดัง : ก็ International fan เราก็อยากคุยให้ทั่ว ภาษาอังกฤษจะครอบคลุมได้เยอะ แต่ก็จะมีหลายภาษาอยู่นะ ส่วนของผมเรื่องวินัย ความอดทน แล้วก็จริงๆ เหมือนที่จุงบอกสกิลรอบด้าน ร้องเพลงก็ต้องเรียน เต้นก็ต้องเรียน เรียนพูดด้วย เรียนการตอบคำถาม เหมือนรู้สึกว่าได้ทำงานเร็ว ปกติต้องเรียนจบก่อนค่อยทำงาน อันนี้มาทำงานตั้งแต่ปี 3 ได้ เหมือนเราต้องโต ต้องเรียนรู้ที่จะเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ถ้าไม่ได้อยู่ตรงนี้ดังก็จะเป็นเด็กน้อยของหม่ามี้อยู่นะครับ
FEED ถ้าวันหนึ่งเจอดราม่า
จุง : อยู่เหนือดราม่า เพราะผมรู้สึกว่าเหมือนเรามาเป็นคนในวงการ แล้ววันนึงมีแสงไฟส่องมาที่เรา ก็มีคนมากมายที่เค้าเห็นเรา สิ่งที่เราทำไปมันอาจจะไม่ได้ทำให้ทุกคนถูกใจ มันก็อาจจะมีคนที่เค้าไม่ถูกใจเหมือนกัน หน้าที่ของเราก็คือแบบก่อนจะทำอะไรก็พยายามคิดเยอะๆ แคร์ให้มากขึ้น คิดให้มากขึ้น แคร์คนอื่นให้มากขึ้น เค้าเรียกว่าอะไรล่ะ เอาใจเค้ามาใส่ใจเราครับ
ดัง : ส่วนดังเรื่องวิธีการรับมือ เอาจริงๆ ถ้าเกิดกับตัวเรา คอมเมนต์ที่ไม่ถูกใจเราก็มองข้ามพวกเนกาทีฟไปงี้ แต่ถ้าที่มันเป็นประเด็นดราม่า เอาจริงๆ ดังไม่ค่อยทราบเรื่องพวกนี้เท่าไหร่อาจจะตอบได้ไม่เยอะ ดังคงปรึกษาผู้ใหญ่ว่าควรทำยังไงดี
จุง : บางอย่างบนโซเชียลมีเดียบางครั้งเสพเยอะเกินไปหรือผิดวิธีมันก็ท็อกซิกสำหรับเรา ถ้าผมยกตัวอย่างแย่ๆ เลยนะ เค้าส่งข้อความมาโดยที่ตอนนั้นเราไม่ได้ทำอะไร ตื่นเช้ามา กินข้าว กลับมาบ้าน แล้วเปิดโซเชียลมีเดียในไดเร็คแมสเสจเค้ามาด่าเรา ด่าแบบมากๆ เหมือนเราไปฆ่าพ่อแม่เค้าอะไรงี้ หรือเราไปทำอะไรให้เค้าเดือดร้อนมากมาย หรือผมไปเผาบ้านเค้า ด่าแบบยันพ่อแม่ผมเลย แบบนั้นถ้าผมเจอผมบล็อกไปเลย แล้วก็อย่ามาโกรธกันด้วยว่าบล็อกทำไม เพราะว่าคุณด่าผม แล้วทำไมผมต้องมาเห็นข้อความแบบนี้ล่ะ ผมไปทำอะไรให้คุณ ถ้าท็อกซิกมากๆ ผมบล็อกครับ
ดัง : เลี่ยงไปเลยดีกว่า
จุง : กดบล็อกเลยอะ เป็นอะไรเอ่ยๆ ปะทะได้นะ เจอกันหน่อยดิ
ดัง : อย่าเลยๆ
จุง : จริงๆ ผมอยากรู้มากเลยว่าพวกเค้ามีกระบวนการในการคิดยังไง เราไปทำอะไรให้เค้า แล้วด่าเรายังกับไปฆ่าพ่อแม่เค้า ถ้าเจอก็เจอกันหน่อยก็ได้ แต่ถ้าเจองี้ผมก็บล็อกนั่นแหละครับ
FEED เป้าหมายในอนาคต
จุง : สำหรับ Goal ในวงการบันเทิงของผม จริงๆ ตั้งแต่ผมเข้ามาแรกๆ ผมก็ไม่ได้คิดว่าผมจะมาถึงจุดนี้ แต่ละปีที่อยู่มาเรื่อยๆ พอเราได้เห็นคนนั่นคนนี้ทำอะไร เหมือนความฝันมันก็เริ่มใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จากตอนนั้นที่เราคิดแค่ว่าเป็นนักแสดงประมาณนี้ คนรู้จักประมาณนี้โอเคแล้ว แต่พอได้ทำมันจริงๆ มีโอกาสได้ทำทั้งร้องเพลง การแสดง ไปเจอผู้คนมากหมาย ความฝันมันก็ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ สูงสุดก็คือ อยากเป็นที่รู้จัก เป็นที่รักของคนทั่วโลก
ดัง : ส่วน Goal ของดัง เห็นมีหลายๆ คนคอมเมนต์มาก็รู้สึกดีใจ หัวใจมันพองโต อยากให้ทุกคนรักดัง รักพวกเราให้มากๆ ยิ่งเยอะขึ้นไป ทำให้คนรัก ทำให้ทุกคนดีใจที่ดูผลงานเรา ดูแล้วหายเครียด Stressed ก็ไม่ Stressed (Stressed ความเครียด)
จุง : ในฐานะนักแสดงก็อยากให้ทุกคนที่รับชมผลงานของพวกเรา มีความสุข แล้วก็เอนจอยไปกับพวกเราด้วย
ดัง : เอนจอยไปกับพวกเราด้วย
จุง : ถ้าในซีรีส์มีความสุขก็มีความสุขไปด้วยกัน ถ้าเศร้าก็เศร้าไปด้วยกัน
ดัง : อยู่ด้วยกันไปก่อนมีความสุขแน่นอน (หัวเราะ)
จุง: ก็อยู่กับพวกเราไปนานๆ ถ้าเครียดๆ ก็เปิดทวิตเตอร์ดูได้ครับ (ยิ้ม)
ดัง : เปิดแล้วยิ่งเครียด (หัวเราะ)
FEED มุมความรักเป็นยังไงบ้าง
จุง : มุมนี้ก็ดีนะ (ยิ้ม)
ดัง : มุมนี้ก็ได้อยู่นะครับ (หัวเราะ)
จุง : ไม่ค่อยมีเวลาเรื่องความรักเลยครับ ทุกวันนี้ทำงานอยู่กับเค้า ก็มีความสุขดี
ดัง : มุมมองความรักเอาจริงๆ ก็เหมือนกันเลย เน้นทำงาน เรียน แค่เรียนก็เยอะแล้ว ทำงานด้วย จริงๆ ก็ดีใจที่ได้ทำทั้งสองอย่างนี้พร้อมกัน และก็จะทำให้เต็มที่ จะทำงานทุกด้านให้เต็มที่ครับ
จุง : มีความสุขครับช่วงนี้
ดัง : แฮปปี้ แฮปปี้ไลฟ์
จุง : สำหรับผมนะครับ ผมยังไม่พร้อม แต่ถ้ามาก็ไม่ติด (ยิ้ม)
ดัง : ของผมก็ไม่พร้อมเหมือนกัน อย่างที่บอกว่าตอนนี้ค่อนข้างไม่ได้อินกับความรัก ต้องผ่านคุณแม่ด้วย (หัวเราะ)
จุง : ที่ไม่อินไม่ใช่ไรนะ กลัวแม่ เพราะดังก็มีคุณแม่ดูแลงี้ ใครเข้ามาคุณแม่ก็ต้องสแกนหน่อย
ดัง : คนนี้ (หมายถึง จุง) เข้ามาแม่ก็ต้องสแกน
จุง : แล้วเป็นไงผ่านไหม
ดัง : ไม่รู้ต้องไปถามเอง
จุง: ในความรู้สึกเราเป็นไง
ดัง : ได้อยู่มั้ง อาจจะได้
จุง : อย่าอาจจะดิ
ดัง : ได้ๆ
จุง : ชัดเจนหน่อยดิ
ดัง : ยังตอบไม่ได้ครับ ตอนนี้ต้องดูไปก่อน
FEED ซีรีส์ แล้วแต่ดาว ในความรู้สึกของเรา
จุง : สำหรับของจุงนะ ซีรีส์เรื่องนี้ ผมชอบมาก ชอบมากจริงๆ ไม่ว่าจะเป็น EP ไหนเลย ไม่รู้นะอาจจะเป็นเพราะซีรีส์ตัวเองด้วย สำหรับผมมันไม่ค่อยมีซีรีส์เรื่องไหนที่ทำให้ผมกลับมาดูย้อนมาดู EP เดิมๆ หลายๆ รอบ 4-5 รอบ มันก็เคยมีแหละ แต่ก็ไม่ได้มีบ่อยที่ผมกลับไปดูวนๆ แล้วก็ยิ้มได้ทุกครั้งที่ดู ไม่รู้ทุกคนคิดยังไง ผมดูผมรู้สึกอินนะ สนุกดู ใจมันพองโต เป็นโรคหัวใจ (หัวเราะ) ไม่ใช่ ชอบครับ ชอบ
ดัง : ดังก็ชอบมาก
จุง : ชอบซีรีส์เหรอ
ดัง : ชอบคุณ เฮ้ยย (หัวเราะ) ดังชอบซีรีส์เรื่องนี้มาก เรื่องแล้วแต่ดาว ก็วนไปดูทุก EP แล้วก็วนเป็น 10 รอบ ยังไม่รวมกับช่องที่ดูรีแอ็ก ก็ไปไล่ดูเลย EP1 ปล่อยมาก็ไปไล่ดูรีแอ็กให้หมด EP2 ก็ดูของ EP2 คือดูรีแอ็กของทุกคน เป็นงานอดิเรกเลย
FEED ได้อะไรจากการเป็นคาบคลื่นและดาวเหนือ
จุง : ฝึกสมาธิมั้งครับสำหรับผมนะ เพราะมันต้องเป็นตัวละครที่นิ่งๆ มากๆ และพอมันนิ่งมากๆ เราก็กลัวคนดูจะไม่เข้าใจในตัวละคร ก็ไปฝึกด้วยการสื่อสารด้วยสายตา แค่มองตาแล้วต้องรู้ว่าคิดอะไร เค้ามีความสุข ต่อให้ตามันนิ่งมากๆ แต่ก็ต้องทำให้รู้ว่ามันมีความสุข หรือตา คาบคลื่น มันโกรธก็ต้องรู้ว่ามันโกรธ เศร้าก็ต้องรู้ว่าเศร้า ต่อให้ตามันเหมือนเดิม แต่ความรู้สึกที่คนดูได้ดูมันต้องเปลี่ยน มันก็ค่อนข้างยากมากๆ ระหว่างถ่ายทำก็ยังคุยกับพี่นิว (ผู้กำกับ) เลยว่าผมเล่นนิ่งเกินไปไหม ขอยิ้มหน่อย นิดนึงได้มั้ย กลัวมันจะนิ่งเกินไปคนดูอาจจะไม่เข้าใจตัวละคร
ดัง : ส่วนของดังจริงๆ แล้วดาวเหนือจะเป็นตัวละครที่รีแอ็กค่อนข้างชัดเจน เอาเป็นว่าเก็บทรงไม่อยู่ แฮปปี้คนดูก็จะรู้ว่าตัวละครนี้แฮปปี้ เสียใจคนก็จะรู้ว่าตัวละครนี้มีความเศร้า หรือเวลาเจ็บตอนหัวโขกเตียง ถ้าเป็นดังก็จะ โอ๊ยเบาๆ แต่ถ้าเป็นดาวเหนือจะมีความค่อนข้างเวอร์ ดังก็เรียนรู้จากพวกรีแอ็กใหญ่ๆ จากพี่นิวด้วย พี่นิวผู้กำกับก็จะให้ไปดูพวกการ์ตูนที่มีรีแอ็กเยอะๆ เราก็ไปดูตัวละครพวกนั้นเอามาใส่ในดาวเหนือ
FEED ฉาก NC
ดัง : ไม่ยากนะครับ ไม่กี่เทคผ่านล่ะ
จุง : มันก็เขินนะช่วงแรก พอถ่ายผ่านไปเรื่อยๆ มันชินแล้วจริงๆ
ดัง : ชินจนทุกวันนี้ มากอดเล่นยังไม่เขินเลย ไม่เหลือครับ (หัวเราะ) จูบจริงครับจูบจริง ถ่ายแล้วมันเอาบังไม่ได้ (หัวเราะ)
จุง : เอาให้เต็มที่เลยไอ้หนู ช่วงแรกผมเขินครับ ส่วนมากผมจะไปแหย่เล่นเค้า แล้วดังก็จะไม่กล้ามาแหย่ผมกลับ แล้วมีวันหนึ่งอยู่ดีๆ มันกล้าเฉยเลย แหย่ผมกลับผมก็เขิน
ดัง: ถ้าเกิดวันไหนที่กล้าก็จะเขิน ถ้าผมปกติก็ไม่มีอะไร
จุง : ถ้ามันเป็นวันปกติที่ไม่เขินมันก็ไม่มีอะไรนะ ถ้ามันกล้าขึ้นมาน่ากลัว
ดัง : ก็จะเขิน
FEED แฟนคลับและด้อม
ดัง : ชื่อนะครับ ชื่อว่าอะไร ดุงจัง นะครับ เอาจริงๆ ที่มาของ ดุงจัง ก็มาจาก ดังจุงบวกกับจุงดัง ซึ่งหลายคนก็เรียกผิดด้วย
จุง : แล้วเวลาดังจังจุงดัง แล้วมันเป็นมงคล มีความมีชื่อเสียงอะไรงี้ครับ แล้วชื่อมันค่อนข้างน่ารักด้วย
ดัง : แฟนคลับในด้อมน่ารักครับ น่ารักทุกคนเลย เราก็แบบหยอกเล่นกันในโซเชียลมีเดียนี่แหละ คอมเมนต์อะไรไปก็คอมเมนต์มา
จุง : ก็คุยในโซเชียลมีเดียค่อนข้างเยอะเลยครับผม ก็ไปอยู่ในทวิตเตอร์มันเป็นช่องทางหนึ่งที่เราสามารถเข้าไปคุยเล่นๆ กับแฟนคลับได้ นานๆ ที แต่ก็ทุกวัน
ดัง : ไม่นานๆ ที ทุกวิเลย (หัวเราะ)
จุง : ช่วงนี้ค่อนข้างเยอะครับ
ดัง : ดีใจเลยอะ พองโต
จุง : ดีใจ แต่ขอคำอื่นที่ไม่ใช่พองโตได้เปล่า
ดัง : มันจะมีคำไหนอีก
จุง : fulfill เหรอ
ดัง : My heart is full fill by you guys
FEED ถ้าย้อนเวลากลับไปบอกตัวเองได้
จุง : ผมจะบอกไอจุงตอน 16 ก็จะบอกตัวเองว่าฟังเยอะๆ พูดน้อยๆ ทำอะไรก็คิดเยอะๆ แล้วก็ไปเรียนร้องเพลง กับเรียนเต้นนะ ไปเรียนภาษาอังกฤษ กับภาษาจีนด้วย ภาษาญี่ปุ่นด้วย ถ้ามีเวลาว่างก็ไปเรียนภาษาซะ แล้วก็รักตัวเองให้มากๆ นะ
ดัง : สำหรับดังจะย้อนตัวเองไปตอน Primary School คือมันจะมีคลาสภาษาจีน แล้วดังไม่ได้เรียน ก็จะโทรไปว่าไปเรียนภาษาจีนด้วยนะ ภาษาจีนมันก็สำคัญ ส่วนภาษาอังกฤษคือดังเรียนตั้งแต่เด็กแล้วมันโอเค ภาษาไทยก็ได้ คือดังไม่เคยคิดว่าจะมาในจุดของนักแสดง ดังเลยไม่ได้มีการเตรียมร้องเพลง เตรียมการเต้น หรือการแสดงมาตั้งแต่เด็ก ซึ่งดังจะโทรไปหาตัวเองตอนเด็กให้เรียนจะเก่งได้เร็วมากขึ้น