ท่ามกลางความร้อนแรงของกรุงเทพฯ ในกลางฤดูร้อน บรรยากาศกลับถูกปลุกให้คุกรุ่นยิ่งขึ้น เมื่อผู้ชมหลายหมื่นชีวิตมารวมตัวกันที่ IMPACT CHALLENGER HALL 1-3 เพื่อสัมผัสพลังของ “ดนตรี” ที่เชื่อมโยงผู้คนข้ามพรมแดนและภาษาอย่างไร้ข้อจำกัด ระหว่างวันที่ 23 – 24 สิงหาคม 2025 การกลับมาจัดเป็นครั้งที่ 2 ของ SUMMER SONIC BANGKOK ได้สร้างปรากฏการณ์ที่เปลี่ยนทั้งกรุงเทพฯ ให้กลายเป็น “เมืองแห่งเทศกาล” อย่างแท้จริง พร้อมตอกย้ำจุดยืนในฐานะ “เฟสติวัลระดับโลกจากญี่ปุ่นและเอเชีย” ที่ทรงพลังและน่าจับตามอง

กรุงเทพฯ ถูกแต่งแต้มด้วยสีสันแห่งเสียงดนตรี
สุดสัปดาห์นั้น กรุงเทพฯ ถูกโอบล้อมด้วยพลังของ SUMMER SONIC บรรยากาศรอบ IMPACT CHALLENGER HALL 1-3 เต็มไปด้วยความตื่นเต้น จอ LED ขนาดมหึมาติดตั้งด้านนอกส่องแสงเชื้อเชิญผู้คนจากทั่วโลกให้เข้ามาสัมผัสโลกแห่งเสียงเพลง
ตั้งแต่ก่อนประตูเปิด คลื่นมหาชนจากทั้งไทยและต่างชาติหลั่งไหลเข้าสู่พื้นที่งาน ภายในฮอลล์ ความมีชีวิตชีวาเริ่มต้นทันทีที่สายตาสัมผัสกับ บูธ ARTIST MERCHANDISE ขนาดใหญ่ ที่เต็มไปด้วยสินค้าทั้งออฟฟิเชียลและของที่ระลึกจากศิลปินมากมาย หลายชิ้นขายหมดจนขึ้นป้าย “SOLD OUT” ในเวลาไม่นาน สะท้อนให้เห็นถึงการรอคอยและความร้อนแรงของแฟนๆ
บริเวณรอบฮอลล์เต็มไปด้วยบูธผู้สนับสนุนจากทั้งในและต่างประเทศ พร้อมโซนอาหารและพื้นที่พักผ่อนที่ตกแต่งอย่างสวยงามสำหรับแฟนๆ ที่ต้องการชาร์จพลังระหว่างคอนเสิร์ต บรรยากาศเป็นกันเองอย่างเต็มที่—ทั้งเพื่อน ๆ ที่ยกแก้วชนกัน ครอบครัวที่นั่งรับประทานอาหารร่วมกัน และผู้คนที่พูดคุยแลกเปลี่ยนรอยยิ้มกันรอบงาน ราวกับกรุงเทพฯ ถูกเนรมิตให้กลายเป็นเมืองแห่งดนตรีโดยสมบูรณ์
ประสบการณ์เหนือระดับ และพลัง Soft Power ไทย
ในโซน VVIP และ VIP มีการจัดพื้นที่อย่างพิถีพิถันเพื่อสร้างประสบการณ์ที่หรูหราและเป็นส่วนตัวสำหรับผู้เข้าชม พร้อมด้วยศิลปะไทยที่ประดับอยู่ทั่วบริเวณ ตั้งแต่ รถตุ๊กตุ๊กสีสันสดใส ไปจนถึง โลโก้ขนาดยักษ์ของ SUMMER SONIC BANGKOK 2025 ซึ่งกลายเป็นแลนด์มาร์กยอดนิยมสำหรับการถ่ายภาพ
หนึ่งในจุดที่โดดเด่นที่สุดคือ หอคอยตกแต่งด้วยอักษรญี่ปุ่น “サマーソニック” (ซัมเมอร์โซนิค) ที่ตั้งตระหง่านกลางงาน เป็นสัญลักษณ์ของการเฉลิมฉลองพลัง Soft Power ไทย ที่ได้รับการสนับสนุนจาก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (TAT) และยังสะท้อนถึงความสำเร็จของ “เทศกาลจากญี่ปุ่นในต่างแดน” ที่ทรงพลังและสง่างาม

IMPACT CHALLENGER HALL: จากฮอลล์สู่เมืองแห่งดนตรี
ก่อนเริ่มการแสดง ความคึกคักเต็มไปทั่วพื้นที่ ผู้คนเดินขวักไขว่พร้อมถุงของที่ระลึกและรอยยิ้มแห่งความตื่นเต้น บรรยากาศถูกแปลงโฉมให้กลายเป็น “ธีมพาร์กแห่งเสียงดนตรีและการเฉลิมฉลอง” อย่างแท้จริง
สุดสัปดาห์นี้ IMPACT CHALLENGER HALL ไม่ได้เป็นเพียงคอนเสิร์ตฮอลล์อีกต่อไป แต่ได้กลายเป็น “หัวใจแห่งเทศกาล” ที่เชื่อมกรุงเทพฯ เข้ากับโลกดนตรีระดับสากล พร้อมสร้างปรากฏการณ์ที่ตราตรึงในความทรงจำของแฟนเพลงจากทั่วโลก
SUMMER SONIC BANGKOK 2025: DAY 1
ดื่มด่ำกับพลังแห่งเสียงดนตรีและโมเมนต์ประวัติศาสตร์ที่กรุงเทพฯ
วันที่ 23 สิงหาคม 2025 บรรยากาศใน IMPACT CHALLENGER HALL 1-3 ถูกปลุกให้ลุกโชนตั้งแต่วินาทีแรกที่งานเริ่มต้น เมื่อศิลปินนับสิบจากทั่วโลกและเอเชียรวมพลังกันสร้างค่ำคืนแห่งประวัติศาสตร์ที่ตราตรึงใจแฟนเพลงทุกคน
MAHANAKHON STAGE: จุดเริ่มต้นของพลังที่ไม่สิ้นสุด
เสียงเชียร์กระหึ่มเมื่อ HITGS ขึ้นเปิดเวทีหลักของวันแรก ทันทีที่ดนตรีเริ่มขึ้น พลังความสดใหม่และซาวด์ที่เต็มไปด้วยความไดนามิกได้ดึงผู้ชมเข้าสู่ “โหมดเฟสติวัล” อย่างเต็มตัว การแสดงของพวกเธอเต็มไปด้วยความเยาว์วัยและพลังงาน จนกลายเป็นการเปิดฉาก SUMMER SONIC BANGKOK อย่างสมบูรณ์แบบ
ต่อด้วยโลกเหนือจริงของ KIKUO ที่พาผู้ชมเข้าสู่ห้วงดนตรีเหนือจินตนาการ ผ่านซาวด์ล่องลอยและภาพวิชวลที่ซิงค์อย่างลงตัว ทำให้ฮอลล์ทั้งฮอลล์เหมือนหลุดเข้าไปอยู่ใน “เขตแดนระหว่างความฝันและความจริง” สร้างช่วงเวลาที่ผู้ชมแทบลืมหายใจ

จากนั้นบรรยากาศก็เปลี่ยนโทนทันทีเมื่อวง BUS because of you i shine ขึ้นเวทีด้วยโชว์สุดพลังจากสมาชิกทั้ง 12 คน การร้องประสานเสียงที่หลากหลายผสมเข้ากับท่าเต้นแบบเพอร์ฟอร์แมนซ์กรุ๊ปสุดแน่นหนา ทำให้เวทีสว่างไสวราวกับคาลิโดสโคป ผู้ชมลุกขึ้นยืนปรบมือและส่งเสียงเชียร์อย่างพร้อมเพรียง ทำให้บรรยากาศความมันส์พุ่งถึงขีดสุดตั้งแต่ต้นงาน
พลังความร้อนแรงยังต่อเนื่องกับการปรากฏตัวของ BAND-MAID ที่มาในชุดเมดสุดไอคอนิก แต่สิ่งที่ออกมาจากเวทีกลับเป็นซาวด์ร็อกจัดจ้าน เสียงกีตาร์และกลองที่กระแทกใจ ทำให้ทั้งฮอลล์ตกอยู่ในมนตร์สะกด ความคิ้วท์ภายนอกผสานกับความแข็งกร้าวของซาวด์ได้อย่างลงตัว พร้อมโซโล่กีตาร์และเบสที่เรียกเสียงกรี๊ดสนั่นฮอลล์
ความมันส์ที่พุ่งทะยานสู่จุดสูงสุด
พลังของงานถูกขับเคลื่อนต่อด้วยโชว์จาก Creepy Nuts คู่ดูโอ้ระดับตำนานจากญี่ปุ่น การปรากฏตัวของ DJ Matsunaga เจ้าของสถิติโลกในการสแครชแผ่นเสียง และ R-Shitei แรปเปอร์ตัวท็อป ทำให้ฮอลล์ทั้งฮอลล์ลุกเป็นไฟ เสียงบีตที่ซับซ้อนและฟลว์ที่คมกริบดึงผู้ชมเข้าสู่โลกของพวกเขาแบบไร้กำแพงภาษา จนฮอลล์ทั้งฮอลล์กลายเป็นคลับขนาดยักษ์ที่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ เสียงร้องตาม และการเต้นไปพร้อมกัน
ในเวลาเดียวกัน ที่ THONBURI STAGE พลังถูกส่งต่อโดย SO-SO บีทบ็อกเซอร์ระดับโลกจากญี่ปุ่น เขาใช้เพียงไมโครโฟนหนึ่งตัวสร้างจังหวะดนตรีทั้งกลอง เบสไลน์ และเมโลดี้อย่างสมบูรณ์แบบ ทำให้ผู้ชมตะลึงในฝีมือและพลังที่ถ่ายทอดออกมา

ถัดมา NELL วงอินดี้ชื่อดังจากเกาหลี สร้างบรรยากาศที่แตกต่างด้วยซาวด์นุ่มลึกและเสียงร้องก้องกังวานที่ชวนให้ผู้ชมหลับตาดื่มด่ำไปกับความงามของบทเพลง ก่อนปิดท้ายเวทีด้วย NOA ที่มาพร้อมการผสมผสานระหว่าง R&B และป๊อปสุดล้ำสมัย บวกกับการร้องสลับ 3 ภาษา—ญี่ปุ่น อังกฤษ และเกาหลี—โชว์ศักยภาพในฐานะศิลปินเอเชียนสตาร์รุ่นใหม่ที่พร้อมก้าวสู่เวทีโลก
บรรยากาศเข้าสู่จุดพีค
เมื่อถึงคิวของ JVKE เสียงเปียโนอันอบอุ่นและน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยอารมณ์ทำให้บรรยากาศทั้งฮอลล์กลายเป็นช่วงเวลาแห่งความสงบและความซึ้ง หลังจากความมันส์ต่อเนื่องมาตลอดวัน ผู้ชมหลายพันคนชูไฟจากโทรศัพท์มือถือส่องแสงจนเกิดเป็น “ทะเลทองคำ” ที่งดงามสุดประทับใจ
และแล้วเวลาที่ทุกคนรอคอยก็มาถึง เมื่อ Snow Man ขึ้นเวทีตรงเวลา 19:40 บรรยากาศในฮอลล์พลันเปลี่ยนไปทันที การเต้นที่สมบูรณ์แบบและพลังเสียงร้องที่ทรงพลังทำให้แฟน ๆ กรี๊ดสะท้านฮอลล์ พวกเขายังเซอร์ไพรส์แฟน ๆ ด้วยการพูดภาษาไทยอย่างเป็นธรรมชาติ สร้างโมเมนต์แห่งความอบอุ่นจนมีแฟนหลายคนกลั้นน้ำตาไม่อยู่ สำหรับ Snow Man การแสดงครั้งนี้คือ “ก้าวแรกสู่เวทีระดับโลก” อย่างแท้จริง

พลังแห่งโลกดนตรีปะทะกันบนเวที
พลังถูกส่งต่อไปยัง 21 Savage ซูเปอร์สตาร์ระดับโลกจากแอตแลนตา เมื่อบีตแรกดังขึ้น ฮอลล์ทั้งฮอลล์ระเบิดออกด้วยเสียงเชียร์ ดนตรีฮิปฮอปอันเข้มข้นและสไตล์มินิมอลที่เฉียบคมทำให้พลังของเขาโดดเด่นแบบไร้ข้อกังขา
ปิดท้ายค่ำคืนด้วยเฮดไลเนอร์ระดับตำนาน BLACK EYED PEAS เสียงอินโทรของ “I Gotta Feeling” ดังขึ้น ฮอลล์ทั้งฮอลล์กลายเป็นคลับขนาดยักษ์ที่สั่นสะเทือนด้วยเสียงกรี๊ดและเบสที่กระหึ่มไปทั่ว ผู้ชมกระโดดพร้อมกันราวกับคลื่นทะเล เสียงร้องประสานใน “Pump It” ดังกึกก้อง และเมื่อเข้าสู่เพลงรักอมตะ เสียงร้องจากแฟน ๆ ต่างชาติ ต่างวัย ต่างภาษา ก็ดังกังวานเป็นหนึ่งเดียวราวกับคำอธิษฐานของค่ำคืน
นี่คือการเฉลิมฉลอง “พลังของดนตรีที่ไร้พรมแดน” อย่างแท้จริง และเมื่อค่ำคืนแรกของ SUMMER SONIC BANGKOK 2025 ปิดฉากลง ฮอลล์ทั้งฮอลล์ยังคงสั่นสะเทือนด้วยความสุข พลัง และความทรงจำที่จะไม่มีวันลืม
SUMMER SONIC BANGKOK 2025: DAY 2
เมื่อกรุงเทพฯ กลายเป็นเวทีแห่งพลังดนตรีระดับโลก
วันที่ 24 สิงหาคม 2025 คือวันแห่งการเฉลิมฉลองดนตรีที่แท้จริง เมื่อศิลปินชั้นนำจากไทย เอเชีย และทั่วโลก ร่วมสร้างประสบการณ์ที่แฟนเพลงหลายหมื่นคนจะไม่มีวันลืม ณ IMPACT CHALLENGER HALL 1-3 งานวันสุดท้ายนี้คือการผสมผสานพลังวัฒนธรรม เสียงเพลง และความรู้สึกที่ข้ามพรมแดนอย่างสมบูรณ์แบบ

MAHANAKHON STAGE: เริ่มต้นด้วย Soft Power ไทยที่เปล่งประกาย
เปิดเวทีวันสุดท้ายด้วย ลำไย ไหทองคำ ศิลปินลูกทุ่งไทยรุ่นใหม่ที่สร้างความประทับใจให้แฟนเพลงจากทั่วโลก ด้วยเสียงร้องที่ผสมผสานเสน่ห์ของ ลูกทุ่งและหมอลำดั้งเดิม เข้ากับการเรียบเรียงแบบสมัยใหม่อย่างลงตัว พร้อมโชว์สุดพลังที่มาพร้อมชุดการแสดงตระการตาและทีมแดนเซอร์เต็มเวที เธอได้พิสูจน์ให้เห็นว่า “พลัง Soft Power ไทย” สามารถเปล่งประกายบนเวทีโลกได้อย่างแท้จริง
ต่อด้วยการปรากฏตัวของ KickFlip บอยแบนด์น้องใหม่ 7 คนจากเกาหลีใต้ ที่เต็มไปด้วยพลังแห่งการท้าทาย ชุดการเต้นที่คมชัด เสียงร้องที่สดใส และเพอร์ฟอร์แมนซ์ที่สมบูรณ์แบบทำให้ผู้ชมทั้งฮอลล์ลุกขึ้นร่วมจังหวะตั้งแต่ช่วงต้นงาน ถ่ายทอดพลังของคนรุ่นใหม่ที่พร้อมก้าวสู่อนาคต

THONBURI STAGE: เสียงที่ก้องไปไกลกว่าพรมแดน
ที่ THONBURI STAGE ความร้อนแรงไม่แพ้กัน Timmy Xu & Prome พาผู้ชมเข้าสู่โลกของซาวด์ร็อกสุดพลัง ผสานการแสดงอันเต็มไปด้วยเสน่ห์ ทำให้เวทีเต็มไปด้วยกลิ่นอายความเป็น “เฟสติวัลระดับนานาชาติ” อย่างแท้จริง
ต่อด้วยโชว์จาก LET ME KNOW วงร็อกอินดี้จากญี่ปุ่นที่กำลังมาแรงในเอเชีย ด้วยกีตาร์ที่เต็มไปด้วยความรู้สึก ดนตรีที่คมชัด และเสียงร้องที่บาดลึก สร้างโมเมนต์ทรงพลังที่สะกดผู้ชมไว้ในทุกจังหวะ ดนตรีของพวกเขาคือ “Nostalgic Modern” ที่กำลังเป็นคลื่นลูกใหม่ซึ่งกำลังแผ่ขยายไปทั่วเอเชีย
BE:FIRST, Jeff Satur และ The Rose: พลังที่ทำให้ฮอลล์สั่นสะเทือน
เข้าสู่ช่วงบ่าย BE:FIRST บอยแบนด์ตัวแทนจากญี่ปุ่นผู้สร้างปรากฏการณ์ระดับโลกปรากฏตัวบนเวทีหลัก เสียงร้องเฉียบคม การเต้นที่สมบูรณ์แบบ และเสน่ห์ของซูเปอร์สตาร์ทำให้ผู้ชมทั้งฮอลล์สะกดสายตาตลอดโชว์ เพลงของพวกเขาที่สลับระหว่างภาษาอังกฤษและภาษาญี่ปุ่น สื่อสารถึงหัวใจของแฟน ๆ ได้อย่างสมบูรณ์แบบ บรรยากาศทั้งฮอลล์เต็มไปด้วยเสียงเชียร์และพลังแห่งความสุข

ต่อด้วยศิลปินไทย Jeff Satur ที่สร้างโมเมนต์สุดอบอุ่นในค่ำคืนนี้ เสียงร้องที่เต็มไปด้วยอารมณ์และท่วงทำนองที่ลุ่มลึก ทำให้ผู้ชมหลายพันคนชูไฟจากสมาร์ทโฟนขึ้นเหนือศีรษะ สร้างภาพบรรยากาศราวกับ “ทะเลแห่งดวงดาว” ที่ตราตรึงใจ
พลังยังคงต่อเนื่องกับการปรากฏตัวของ The Rose วงร็อกจากเกาหลีใต้ที่กำลังเติบโตบนเวทีโลก ดนตรีของพวกเขาเต็มไปด้วยความไพเราะและพลังดิบที่สร้างการเชื่อมโยงกับผู้ชมอย่างลึกซึ้ง เสียงร้องประสานจากแฟนเพลงทั่วทั้งฮอลล์ทำให้ช่วงเวลานี้เต็มไปด้วยพลังของการรวมใจ
BABYMETAL, CHANYEOL และ Camila Cabello: จุดไฟความมันส์สู่ขีดสุด
เมื่อค่ำเข้ามา เสียงกรี๊ดดังลั่นทันทีที่ BABYMETAL ขึ้นเวที พลังของเสียงกีตาร์เมทัลและจังหวะดรัมที่หนักแน่น ผสานเข้ากับท่าเต้นแบบซิงโครไนซ์สุดสมบูรณ์แบบ ทำให้ทั้งฮอลล์ถูกพัดเข้าสู่ “เฮดแบงกิ้งโหมด” ในพริบตา นี่คือการกลับมาอย่างยิ่งใหญ่ในฐานะเมนแอคต์ของ SUMMER SONIC BANGKOK หลังจากเคยสร้างปรากฏการณ์เมื่อปีที่แล้วบนเวที BODYSLAM
ต่อด้วย CHANYEOL จาก EXO ที่สร้างฟีลลิ่งอบอุ่นผ่านการพูดคุยเป็นกันเองกับแฟน ๆ ก่อนจะปล่อยโชว์ที่ผสมผสานทั้งการแร็ปและบัลลาดเข้าด้วยกันอย่างไร้ที่ติ ความหลากหลายและเสน่ห์ที่เป็นเอกลักษณ์ทำให้เสียงเชียร์ดังกึกก้องตลอดการแสดง

ความร้อนแรงพุ่งสู่ขีดสุดเมื่อ Camila Cabello ปรากฏตัวบนเวที แค่เสียงอินโทรเพลง “Havana” ดังขึ้น ฮอลล์ทั้งฮอลล์ก็ลุกเป็นไฟ ต่อด้วย “Señorita” และเพลงฮิตระดับโลกอีกมากมาย พลังความสนุกแบบละตินแพร่กระจายไปทั่ว ทำให้ผู้ชมทั้งฮอลล์เปลี่ยนเป็นฟลอร์เต้นรำขนาดยักษ์ โมเมนต์ที่เธอลงจากเวทีเพื่อสัมผัสมือแฟน ๆ ทีละคน สร้างบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นและความใกล้ชิดที่ยากจะลืม
Alicia Keys: ปิดฉากค่ำคืนแห่งประวัติศาสตร์
ปิดท้ายวันสุดท้ายของ SUMMER SONIC BANGKOK 2025 ด้วยเฮดไลเนอร์ระดับโลก Alicia Keys เสียงเปียโนอันทรงพลังของเธอเปิดอินโทรเพลง “If I Ain’t Got You” ทำให้ทั้งฮอลล์เงียบลงอย่างพร้อมเพรียง ราวกับเวลาหยุดนิ่ง เสียงร้องที่เต็มไปด้วยวิญญาณของ Alicia สะกดผู้ชมทุกคนในฮอลล์เมื่อเข้าสู่เพลง “Empire State of Mind” ภาพมหานครนิวยอร์กซ้อนทับเข้ากับค่ำคืนของกรุงเทพฯ สร้างความรู้สึกเชื่อมโยงอันทรงพลัง และในจุดพีคของโชว์ MILLI ศิลปินหญิงไทยมากความสามารถปรากฏตัวเป็นแขกรับเชิญพิเศษ จุดไฟเสียงเชียร์จากแฟน ๆ ให้ดังกึกก้องทั่วฮอลล์
บทสรุปของค่ำคืนนี้ปิดฉากด้วยเพลง “No One” ซึ่งแฟน ๆ ทั้งฮอลล์ร้องตามพร้อมกันจนกลายเป็นคอรัสขนาดใหญ่ที่อบอุ่นและเต็มไปด้วยพลังน้ำตา การปรากฏตัวของ Alicia Keys ในครั้งนี้ไม่เพียงสร้างความทรงจำที่ยากจะลืม แต่ยังตอกย้ำให้เห็นว่า SUMMER SONIC BANGKOK คือเทศกาลที่สามารถเชื่อมผู้คนข้ามพรมแดนด้วยเสียงดนตรีอย่างแท้จริง

THONBURI STAGE: เวทีแห่งความหลากหลายทางดนตรี
ความร้อนแรงยังคงต่อเนื่องที่ THONBURI STAGE ซึ่งกลายเป็นจุดรวมศิลปินจากทั่วเอเชียและไทย สร้างบรรยากาศที่เต็มไปด้วยพลังและสีสันอย่างแท้จริง
จากฟิลิปปินส์ BGYO บอยแบนด์น้องใหม่สุดฮอตปรากฏตัวพร้อมเสียงเชียร์สนั่น ขณะที่ศิลปินจากสิงคโปร์ LULLABOY ขึ้นโชว์เป็นครั้งแรกบนเวทีนี้ นำเสนอซาวด์ป๊อปสุดละมุนที่ตราตรึงใจผู้ชม
ฝั่งศิลปินไทยก็ไม่น้อยหน้า นำโดย BETTER WEATHER & CHALADEEN, GUNCHARLIE & FRONC, PRAE CHANAA, S2, NEVONE & D-NA & WIZZLE, MOTLEY FLOWER และ DEFYING DECAY ที่สร้างสรรค์โชว์สุดพลัง ถ่ายทอดเอกลักษณ์ทางดนตรีของไทยได้อย่างน่าประทับใจ
เสียงดนตรีที่ก้องกังวานจากศิลปินหลากหลายประเทศบนเวทีนี้ ทำให้ THONBURI STAGE กลายเป็นสัญลักษณ์ของ “ความหลากหลาย” และ “การเชื่อมโยงผู้คน” ที่ชัดเจนที่สุดของ SUMMER SONIC BANGKOK 2025

SUMMER SONIC BANGKOK 2025: การยืนยันสถานะกรุงเทพฯ บนเวทีโลก
พลังความมันส์ตลอดสองวันนี้ ได้ตอกย้ำให้เห็นว่า กรุงเทพฯ ได้ก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในศูนย์กลางของเทศกาลดนตรีระดับโลกอย่างแท้จริง ด้วยการรวมพลังของศิลปินระดับนานาชาติ ศิลปินเอเชีย และศิลปินไทยไว้บนเวทีเดียว เสียงดนตรีในครั้งนี้ไม่ได้เพียงสร้างความสนุกและความทรงจำ แต่ยังสะท้อน “พลังที่ไร้พรมแดน” ของดนตรีที่เชื่อมใจผู้คนจากทั่วโลกให้เป็นหนึ่งเดียว
การจัดงานครั้งนี้เกิดขึ้นภายใต้การดูแลของ Bangkok Connect ร่วมกับ Paradise E&A และ Creativeman Productions โดยมี CI Showbiz ร่วมเป็น Official Local Partner ทำให้ SUMMER SONIC BANGKOK 2025 แสดงศักยภาพออกมาได้อย่างเต็มที่ พร้อมสร้างมาตรฐานใหม่ให้วงการเทศกาลดนตรีเอเชีย