บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด สนับสนุนเกษตรกร ชาวสวน และผู้ประกอบการ ด้วยบริการ EMS ส่งด่วนผลไม้ เพิ่มโอกาสออกสู่ตลาดมากขึ้น พร้อมทั้งจัดโปรโมชันพิเศษสำหรับเกษตรกร เดินหน้าสนับสนุนผ่านทั้งบริการเสริม มาตรการในด้านราคา การเข้ารับสินค้าถึงที่ อีกทั้งยังใช้ช่องทางออนไลน์ และการสื่อสารทางการตลาดเพื่อสนับสนุนให้คนไทยส่งผลไม้แทนความรู้สึกถึงกัน
ดร.ดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด กล่าวว่า ไปรษณีย์ไทย ส่งเสริมบริการ EMS ส่งด่วนผลไม้ ในการรองรับความต้องการผู้บริโภค และธุรกิจในตลาดที่มีความหลากหลาย ซึ่งหนึ่งเป้าหมายที่สำคัญคือการสนับสนุนเกษตรกร รวมทั้งผู้ประกอบการในแต่ละภูมิภาคที่มีการผลิตและจำหน่าย ผลไม้ สินค้าทางการเกษตร เพื่อช่วยผลักดันผลผลิตต่างๆ ให้กระจายออกสู่ตลาดได้มากขึ้น

ทั้งนี้บริการ EMS ส่งด่วนผลไม้ ของไปรษณีย์ไทย มีศักยภาพสูงจากเครือข่ายที่ครอบคลุมตั้งแต่จุดรับฝาก รูปแบบการขนส่งที่สามารถ ปรับแต่งตามความต้องการได้อย่างหลากหลาย การเข้าถึงเกษตรกรเพื่อรับผลผลิตได้ในทุกพื้นที่ ทำให้สามารถ คงคุณภาพสินค้าเกษตรได้ตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง ตอบโจทย์การจัดส่งผลไม้และสินค้าทางการเกษตร ที่ต้องการความสดใหม่ ถึงมือผู้บริโภคภายในระยะเวลาที่รวดเร็ว โดยเฉพาะผลไม้ตามฤดูกาลซึ่งมีความต้องการ สูงในตลาด
“เพื่อสนับสนุนการใช้บริการ EMS ส่งด่วนผลไม้ ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ไปรษณีย์ไทยยังได้เสริมบริการ ที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับเกษตรกรและผู้ประกอบการ เช่น การให้คำปรึกษาเกี่ยวกับบริการที่เหมาะสม กับการขนส่ง การเลือกใช้บรรจุภัณฑ์ที่ดีและเหมาะกับผลไม้แต่ละประเภท เทคโนโลยีติดตามสถานะพัสดุ แบบเรียลไทม์ เพื่อให้มั่นใจว่าสินค้าถึงมือผู้รับอย่างปลอดภัยและรวดเร็ว พร้อมทั้งแนะนำให้เกษตรกรใช้กล่องพัสดุ ที่มีความแข็งแรง เหมาะสมกับชนิดของผลไม้ นอกจากนี้ยังมีราคาค่าส่งที่คุ้มค่าเริ่มต้น 3 กิโลกรัม 60 บาท และราคาพิเศษสำหรับลูกค้ากลุ่มเกษตรกรหรือผู้ประกอบการร้านค้าผลไม้ ทั้งแบบเหมากระบะ เริ่มต้น 25 กิโลกรัม 260 บาท และเหมา Roll pallet เริ่มต้น 800 บาท ตลอดจนกล่องและตะกร้าที่ออกแบบสำหรับการขนส่งผลไม้ โดยเฉพาะ ซึ่งสามารถใช้บริการได้ที่ไปรษณีย์ทั่วประเทศ และเรียกพี่ไปรฯ เข้ารับฝากถึงที่ (Pick Up Service) ได้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม”

ดร.ดนันท์ กล่าวเสริมว่า นอกจากการพัฒนาระบบ EMS ส่งด่วนผลไม้ ให้สอดรับกับการกระจายผลผลิต ทางการเกษตรแล้ว ในปี 2568 นี้ ไปรษณีย์ไทยยังได้ติดตามสถานการณ์ฤดูกาลผลไม้ ซึ่งพบว่าผลไม้หลากประเภท โดยเฉพาะทุเรียน เงาะ มังคุด ลองกอง ลำไย และลิ้นจี่ จะมีปริมาณผลผลิตเพิ่มขึ้นจากปี 2567 ราว 4 แสนตัน (สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร) จึงได้ทำความร่วมมือกับหน่วยงานพันธมิตร เช่น กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ สนับสนุนด้านต้นทุนการส่ง อาทิ การมอบกล่องฟรีให้กับเกษตรกร / ผู้ประกอบการ พร้อมสนับสนุนช่องทางการ จำหน่ายผลไม้ผ่านแพลตฟอร์มไทยแลนด์โพสต์มาร์ท การันตีความสดใหม่จากผู้ปลูกส่งตรงจากสวนถึงมือผู้รับ



โดยในช่วงฤดูซัมเมอร์นี้ มีผลไม้ที่น่าสนใจมากมาย ไม่ว่าจะเป็น สละพันธุ์เนินวง จากสวนลุงถัน จังหวัดพัทลุง เมล่อนเนื้อเขียว จากนาวิต้า เมล่อนฟาร์ม จ.ปทุมธานี ส้มโอทับทิมสยาม จากสวนส้มโอทับทิมสยามอารมณ์ดี อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งไปรษณีย์ไทยได้ส่งเสริมการสื่อสารทางการตลาดแบบ Emotional Marketing ด้วยแนวคิด “บางครั้งความคิดถึงก็มีรสชาติเป็นผลไม้” เพื่อกระตุ้นการเชื่อมโยงความรู้สึกคนไทยด้วยการส่งผลไม้ ประเภทต่าง ๆ แทนความคิดถึงกับคนสำคัญ เล่าเรื่องผ่านสตอรี่ของผลไม้ที่สามารถส่งต่อเรื่องราวที่ดีไปได้ทุก ปลายทาง