ถือเป็นอีกหนึ่งความสัมพันธ์ที่น่ารักมากๆ อีกหนึ่งคู่ สำหรับสองพี่น้อง “เพิร์ธ ธนพนธ์ สุขุมพันธนาสาร” และ “แซนต้า พงศภัค อุดมโภชน์” หลังมีโอกาสร่วมงานคู่กันครั้งแรกในซีรีส์ ‘Perfect 10 Liners สายรหัสเทวดา’ เรียกได้ว่าจากพาร์ทเนอร์ที่ความชอบไม่เหมือนกัน กลายเป็นจุดลงตัวที่พอดีของความสัมพันธ์ในการทำงานร่วมกันในระยะเวลาไม่ถึงปี
FEED อยากพาแฟนๆ ไปรู้จักความสัมพันธ์ที่น่ารักของ “เพิร์ธ-แซนต้า” ผ่านบทสัมภาษณ์ที่จะทำให้ทุกคนรักเขาทั้งคู่เพิ่มมากขึ้น

สวัสดีครับผม เพิร์ธ ครับ สวัสดีครับผม แซนต้า ครับ
เป็นไงบ้างกับกระแสซีรีส์สายรหัสเทวดา ?
แซนต้า: ขอบคุณมากๆ นะครับ ขอบคุณทุกคนที่ซัพพอร์ตพวกเรานะครับ ดีใจมากๆ ไม่คิดเลยว่าคนจะมาชอบพวกเราเยอะขนาดนี้ครับ
เพิร์ธ: ก็เหมือนที่น้องบอกคือตอนแรกผมคุยกับน้องเยอะมากครับ ตอนช่วงถ่าย น้องก็แบบถามว่าเราเหนื่อยไปมันจะมาไหม ทุกคนจะดูหรือเปล่าคนจะยอมรับหรือเปล่า ก็เลยบอกน้องว่าพี่ไม่กล้าที่จะให้คำพูด หมายถึงสัญญาว่ามันจะมาหรือว่าอะไรอย่างนี้ เพราะผมไม่กล้าคิดเลยเหมือนกัน แต่พอวันนี้มันออกมาต้องขอบคุณทุกคนมากๆ จริงๆ ที่ชื่นชอบในซีรีส์ ชื่นชอบในตัวตนของพวกเรา ก็ขอบคุณจากใจไม่เคยคิดว่าจะมาถึงวันนี้ จะมีคนมาชอบเยอะขนาดนี้ ครับผม
ชีวิตเปลี่ยนแปลงไปมากน้อยขนาดไหน ?
แซนต้า: จะใช้คำว่าอะไรดี มันไม่ได้เปลี่ยนแปลงมากขนาดนั้นนะครับ ในความรู้สึกในตัวของเรา เราก็ยังเป็นตัวเราเหมือนเดิม แต่แค่รู้สึกว่าอยากจะเก่งให้ได้มากกว่านี้ละกัน อยากจะรับผิดชอบหน้าที่ตรงนี้ให้มันดีขึ้นกว่านี้ อยากพัฒนาตัวเองให้เก่งขึ้นกว่านี้
เพิร์ธ: จริงๆ ก็ 8 ปี 9 ปี ที่ทำงานวงการมา ก็รู้สึกเหมือนเด็กตลอด รู้สึกได้อะไรใหม่ๆ มา อยู่มาทุกรุ่น แต่ก็รู้สึกมันเหมือนแบบมันได้ทำงานบ่อย
แซนต้า: เหมือนได้เรียนรู้สิ่งใหม่
เพิร์ธ: ได้เรียนรู้เรื่อยๆ ได้เป็นตัวเราในเวอร์ชั่นที่ดีขึ้นเรื่อยๆ รู้สึกว่าผมได้อะไรจากแซนต้าเยอะมาก จริงๆ เขาเป็นน้องผม แต่เขาให้บทเรียนผมเยอะเหมือนกัน หมายถึงว่าแนวใหม่ๆ หรือว่าสไตล์อะไรใหม่ๆ การใช้ชีวิตแบบใหม่มันก็สนุกดีไปอีกแบบ จากที่สมัยก่อนผมเป็นคนที่อินโทรเวิร์ตมาก ผมโลกส่วนตัวสูง ผมไม่คุย คุยก็จะคุยน้อย ไม่กล้าพูดเยอะ ไม่ชอบเล่นโซเชียลแต่กลับพอมาเจอแซนต้า มันได้ทำสิ่งใหม่ๆ มันก็เป็นอะไรที่ดีมากๆ เหมือนกัน
แซนต้า: เต้นครับ
อะไรที่รู้สึกว่าต้องเปิดรับสิ่งนี้เข้ามา ?
เพิร์ธ: แซนต้าเลย แซนต้าเป็นคนชวน แล้วก็ตอนแรกบอกไม่เอาเขิน แต่ผมก็ไม่ได้ปฏิเสธคุณตั้งแต่วันแรก
แซนต้า: ใช่ ตั้งแต่วันแรกเขาไม่ปฏิเสธเลยนะที่ผมชวนเขาเต้น
เพิร์ธ: เรารู้สึกลองดูกับน้อง เพราะว่าตอนแรกกลัวน้องเสียใจ ถ้าเราบอกว่าเราไม่ชอบ ลองดูตั้งแต่วันแรกพอทำมาเรื่อยๆ มันก็รู้สึกว่าสนุกดี เป็นอะไรที่แปลกใหม่ดี
แซนต้า: แต่ดีนะดีนะรู้สึกดี
ทำไมถึงคิดว่าถ้าปฏิเสธแล้วกลัวน้องเสียใจ ?
เพิร์ธ: เจอกันแรกๆ ด้วย แล้วก็เห็นน้องยิ้มแบบนี้พี่ กลัวจะปฏิเสธแกแล้วจะเสียใจ
แซนต้า: (แล้วเรารู้มาก่อนไหมว่าเขาไม่ได้มาทางนี้) รู้รู้มาตลอดครับผม จริงๆ เราก็รู้จักกันมาตั้งนานแล้ว
เพิร์ธ: จริงๆ รู้จักตั้งแต่ 7 project ครับ
แซนต้า: ใช่ 7 project
เพิร์ธ: 3-4 ปี แต่แทบไม่ได้คุย
แซนต้า: ไม่ได้คุยเลย ก็แค่เห็นหน้าผ่านๆ แล้วรู้ว่าแบบพี่เขาเป็นคนที่น่าจะค่อนข้างเงียบ เคร่งขรึม เป็นสายร็อคเขาเป็นสายร็อคใช่ปะละ ก็จะมีเน้นเท่ๆ แล้วก็รู้สึกว่าแอบกังวลนิดนึงว่าเราไปชวนเขา แล้วเขาจะยอมทำกับเราไหมอะไรอย่างนี้ ซึ่งดีใจนะที่เขาไม่ปฏิเสธเรา

ความสนิทกับระยะเวลาไม่ถึงปี ?
เพิร์ธ: โคตรสนิท
แซนต้า: สนิทไวมาก
เพิร์ธ: สนิทมาก ผมพูดเลยนะอันนี้คือเหมือนน้องชายผมจริงๆ สนิท ไม่รู้จะพูดยังไง
แซนต้า: จริง
เพิร์ธ: คือเราคุยกันแทบทุกเรื่องครับพี่ แค่ 6 เดือนเอง
แซนต้า: 7 เดือนแล้ว
เพิร์ธ: 7 เดือนที่ทำงานมา แล้วก็ตอนที่เล่นซีรีส์รู้สึกว่าผมกับต้าไม่ได้รู้สึก
แซนต้า: มันเรียกว่าไง ไม่สนิท
เพิร์ธ: ไม่รู้สึกว่าขัดกันหรือว่าอะไร มันโฟลว์มากทุกอย่างครับ แค่ 2 เดือน ก็สนิทแล้วตอนนั้น จริงๆ ก็คือเป็นคนคุยกับคนไม่ได้ยากมากหรอกครับ แต่การที่เราจะเปิดให้ใครสักคนเข้ามาจริงๆ ให้รู้จักตัวเรามันน้อย น้อยมาก ด้วยเขาเหมือนเรา
แซนต้า: นิสัยคล้ายๆ กัน
เพิร์ธ: บางคนข้างนอกอาจจะคิดว่าผมกับต้าแตกต่างกัน แต่บางอย่างเราคิดเหมือนกันร้อยเปอร์เซ็นต์เลย ต้าเอาไง เอาอย่างนี้ดิพี่มันเหมือนกันมาก
แซนต้า: อย่างบางความคิดเราไม่ต้องพูดออกมาด้วยซ้ำ เรามองหน้ากันรู้ละว่าต้องการอะไร อย่างที่พี่เพิร์ธบอกว่าเราสองคนเหมือนกันด้วยคล้ายๆ กัน มันเลยมีความที่ไม่ต้องตั้งใจที่จะเข้าหา ตั้งใจที่อยากจะสนิทเก็ทปะ ก็แค่ไหลไปเรื่อยๆ
เพิร์ธ: ผมชอบอย่างนึงของเขามากเลย คือเขาเป็นคนที่โทรหาผม ตอนนั้นโทรมา หมายถึงว่าโทรมาขอบคุณ พิมพ์มาขอบคุณ วันนี้ขอบคุณนะครับที่ทำงานด้วย
แซนต้า: ก็หลังเลิกงาน
เพิร์ธ: เป็นเด็กน่ารักมาก ก็เลยสนิทมาเรื่อยๆ คุยก็โทรคุยกันบ่อยหลายเรื่อง
แซนต้า: ใช่ๆ
เพิร์ธ: เรื่องโชว์อย่างนี้ LOL ที่จะถึงก็มีโทรคุยกันประจำ อันนี้แอบคุยกันมาแล้วว่าอยากจะเป็นแนวไหนก็วางแผนไว้
แซนต้า: ก็มีวางแผน อยากเอาตรงนี้ที่คนนั้นเก่ง ตรงนี้ที่คนนี้เก่งมารวมกันอะไรอย่างนี้หรือเปล่า
จุดลงตัวที่ไปด้วยกันได้ดีที่สุดคืออะไร ?
เพิร์ธ: ผมว่าความง่าย ความเหมือนกัน เราจะไม่บังคับกันไม่บังคับกันเลย สมมุติถ้าบางวันมีนัดอะไรต่อ แล้วรู้สึกว่าเหนื่อยงานแล้วเราแค่มองตาเขาเราก็จะไม่ไปตื้อเขา ต้องมานะ ต้องไปนะ สบายๆ เอาง่ายๆ กลายเป็นว่ามันสบายใจต่อกันและกัน
แซนต้า: ถ้าอีกฝ่ายไม่อยากทำก็ชิลๆ ครับผม
ความเปลี่ยนแปลงหลังมาเจอกันอีกฝ่าย ?
เพิร์ธ: ผมน่ารักขึ้น
แซนต้า: ไหนน่ารักสิ้
เพิร์ธ: สมัยก่อนไม่มีเลยนะ เขินมากทำอะไรแบบวัยรุ่นไม่ได้ มีความน่ารักขึ้น
แซนต้า: เขาทัน TIKTOK แล้วนะ คอนเทนต์อะไรอย่างนี้
เพิร์ธ: คำศัพท์เดี๋ยวนี้ ซ้ายตกขอบโลก โรงพยาบาลใกล้ฉัน
แซนต้า: ก็มีคำใหม่ๆ มา
เพิร์ธ: (เคยคิดไหมว่ามันจะมีความน่ารักในตัวเรา) ไม่พี่ ตอนแรกผมไม่เลย ผมไม่ชอบเลย
แซนต้า: รู้สึกว่ามันเขิน เขินๆ ที่จะทำ
เพิร์ธ: อย่าง K-POP ก็ไม่ใช่แนวผม ก็จริงๆ ดีในมุม K-POP แหละ ด้วยผมก็อาจจะเขินๆ แนวเต้นอะไรอย่างนี้ ก็เป็นสิ่งที่ทำได้ ก็รู้สึกว่าก็น่ารักดีเป็นแบบเรียกว่าโลกใบใหม่ละกัน
แซนต้า: รู้สึกว่าก่อนหน้านี้เราจะมองเขาว่าเป็นซุปเปอร์สตาร์ดังมาก ก็เขาดังจริงๆ เขาดังจริงๆ
เพิร์ธ: ไม่ขนาดนั้น
แซนต้า: โห อย่าถ่อมตัวๆ
เพิร์ธ: ธรรมดาไอน้อง
แซนต้า: นั่นแหละเราเห็นว่าเขาดังมาก แล้วเราก็รู้สึกว่าเราอยากพัฒนาตัวเองให้คู่ควรที่จะมาอยู่เป็นพาร์ทเนอร์เขา ด้วยความที่เรารู้สึกว่าเรายังเด็ก เรายังเก่งไม่พอ เรายังพัฒนาได้มากกว่านี้ ก็อยากจะพัฒนาให้มันคู่ควรที่จะมายืนข้างพี่
เพิร์ธ: จริงๆ เขาเก่งอยู่แล้วแต่เขาชอบไม่มั่นใจ จริงๆ อยากให้ทุกคนบอกว่าเขาเก่ง สำหรับผมบางมุมเขาคือคนที่เก่งมากๆ พี่ พร้อมที่จะรับทุกอย่าง แล้วก็เต้นดีมากๆ ไม่รู้จะพูดยังไง ให้มั่นใจว่าเก่งจริงๆ ต้าเป็นเด็กที่โคตรเก่ง
แซนต้า: ขอบคุณครับ
เพิร์ธ: น้อยคนที่จะหาได้ แล้วก็พร้อมที่จะเปิดรับอะไรตลอดเวลา
แซนต้า: น้อยคนที่จะได้นะจ๊ะ

แซนต้าบอกว่าต้องพัฒนาตัวเอง ด้านไหนบ้าง ?
เพิร์ธ: กวนขึ้นพี่จริงๆ
แซนต้า: ผมยังเป็นเด็กที่น่ารักเหมือนเดิมไงพี่
เพิร์ธ: เป็นเด็กที่กวนจุดๆ มาก น่ารักๆ ครับ
แซนต้า: จริงๆ ทุกๆ ด้านเลยนะ ทุกๆ ด้าน ทั้งด้านความสามารถด้วย ทั้งเรื่องนิสัยด้วย เราก็พยายามที่จะเบรนตัวเองเพื่อที่จะเข้าหาเขา
พี่เพิร์ธเขามีกำแพงกับเราบ้างไหมในความรู้สึก ?
แซนต้า: ความรู้สึกผมหรอ ไม่มีเลย เพราะว่าเรารู้สึกว่าสองคนเราสนิทกันเร็วมาก
เพิร์ธ: เร็วครับ ผมก็แทบไม่มีกำแพงอะไรเลยกับต้า เพราะตั้งแต่วันแรกรู้สึกว่าเด็กคนนี้มันน่าจะคล้ายๆ เรา แล้วก็เหมือนกับ ตั้งแต่คุยในห้องพี่เอ็กซ์ ที่เขาเรียกเราเข้าไปคุย โอเค ตั้งแต่คุยกับน้องคนนี้ แล้วก็โทรไปถามปอนด์ว่าน้องเป็นยังไง นิสัยดีไหม เพราะว่าปอนด์จะสนิทกับแซนต้ามากครับ ปอนด์เขาก็บอกดีเพื่อน น้องคนนี้น่ารักทำงานด้วยยาวๆ ได้เลย ผมเชื่อเรื่องโหงวเฮ้งเหมือนกัน หมายถึงว่าความรู้สึกของเราตั้งแต่แรก
แซนต้า: เจอครั้งแรก
เพิร์ธ: เขาดูไม่มีพิษไม่มีภัย
แซนต้า: วันนั้นผมก็รู้สึกเหมือนพี่เพิร์ธนะ ใช่
เพิร์ธ: เขาไม่ต้องการเข้ามาทำอะไร เขาไม่มีพิษมีภัย รู้สึกว่าการทำงานมันน่าจะไหลลื่น
แซนต้า: ตัวผมก็รู้สึกเหมือนกัน ก็เลยไม่มีกำแพงตั้งแต่แรก
หลอมรวมกันได้เร็วขนาดนี้แปลกใจตัวเองไหม ?
แซนต้า: แปลกใจครับ แปลกใจเลย ไม่คิดว่าจะสนิทกันเร็วขนาดนี้ด้วยซ้ำ แต่ก็รู้สึกดีที่ได้พี่เขามาเป็นพาร์ทเนอร์
เพิร์ธ: เหมือนกัน
แซนต้า: เพราะว่ามันสบายใจจริงๆ
ตอนไหนที่รู้สึกว่าเขาสามารถเป็นเซฟโซนของเราได้ในการทำงาน ?
แซนต้า: ทำงานไปเรื่อยๆ ครับผม พอทำงานไปเรื่อยๆ แล้วรู้สึกว่าเราทำงานกับคนนี้แล้วเราสบายใจ เรารู้สึกปลอดภัยที่เวลาไปทำงานแล้วมีเขาคอยช่วยอยู่ เรารู้สึกปลอดภัยเราเซฟๆ ครับผม
เพิร์ธ: ช่วยหรือแกล้ง
แซนต้า: ช่วยนี่เป็นส่วนน้อย แกล้งส่วนใหญ่
เพิร์ธ: เขาเป็นน้องน้อยอะพี่ ผมเป็นน้องสุดมาตลอดพอเรามาเจอน้องเราก็นั่นแหละ (เอาคืนที่พี่ๆ แกล้งเรา) เอาคืนๆ
แซนต้า: แล้วทำไมมาลงที่ผม
เพิร์ธ: รักๆ
แซนต้า: รักๆ ผมก็ไม่ได้ยอมอย่างเดียว ผมก็แกล้งเขาคืนนั่นแหละ
เพิร์ธ: เขาเป็นเด็กที่ออกอาการ หมายถึงว่าแกล้งแล้วมีอาการยิ่งคนมีอาการ เราแกล้งเด็กแล้วมีอาการชอบ
แซนต้า: หลังจากนี้ผมแอคแล้วผมเก็บ
เคยมีเรื่องไม่สบายใจแล้วคุยกันบ้างไหม ?
แซนต้า: เน้นปรึกษามากกว่า ยังไม่ถึงขั้นที่แบบจับบ่าแล้วร้องไห้
เพิร์ธ: ยังๆ ผมว่าอาจจะยังไม่เจอหนทางข้างหน้าอาจจะมีครับยังไม่แน่ แต่ก็จะเป็นคนที่ผมเลือกที่จะปรึกษา
แซนต้า: เหมือนกันครับ
เพิร์ธ: ผมเลือกที่จะปรึกษา ผมรู้สึกว่าผมได้ความวัยรุ่นมากขึ้นครับ ความเด็กยุคนี้เขาเล่นกัน (แต่เราก็ไม่ได้แก่ขนาดนั้น)
แซนต้า: ห่างกัน 2 ปี
เพิร์ธ: ผมไม่ได้ตามโซเชียลพี่ ผมไม่เล่น TIKTOK ผมไม่ชอบอะไรที่เป็น เขาเรียกว่า
แซนต้า: วัยรุ่น
เพิร์ธ: วัยรุ่นแมสๆ จะน้อยมาก มีช่วงนึงที่ชอบ
แซนต้า: อยู่กับตัวเอง
เพิร์ธ: แนวเก่าๆ เลือกเกิดได้จริงๆ อยากกลับไปเกิดยุคสมัยก่อนช่วงนึงผมเลย
แซนต้า: เราไม่เลือกที่จะปรึกษาเขาเป็นคนแรกหรอก เพราะรู้สึกว่าปรึกษาเขาแล้วเราได้มุมมองที่มันแปลกใหม่ มันเป็นอีกมุมมองนึงที่บางทีตัวเราอาจจะไม่ได้มองครับผม ซึ่งมันก็รู้สึกดีครับผมที่ได้มีคนให้ปรึกษา
มุมมองการทำงานเปลี่ยนไปไหม ?
เพิร์ธ: เยอะครับ เยอะมาก ก็อย่างที่บอกไปรู้สึกว่าทุกคนน่าจะรู้สึกว่าผมได้เป็นอีกมุมนึงอะไรใหม่ๆ มาก ที่สมัยก่อนเราไม่ทำตอนนี้ก็ทำ ก็กล้าที่จะทำ ก็รู้สึกว่ามันเป็นเพิร์ธเวอร์ชั่นใหม่อีกแบบนึง ที่เรารู้สึกว่าเราสบายใจกับตัวเองแล้วไม่ได้รู้สึกฝืน ไม่ได้รู้สึกว่าไม่อยากทำ รู้สึกว่าเป็นเวอร์ชั่นโดนกลั่นกรองมาสักพักแล้ว ผมเป็นคนไม่ค่อยปิดรับกับต้า รู้สึกว่าเปิดรับแล้วมันก็ได้อะไรใหม่ๆ มา
แซนต้า: เราต้องพร้อมเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ตลอด ผมว่ามันคือความสบายใจ ผมว่ามันคือความสบายใจมันอยู่ด้วยแล้วมันไม่ต้องคิดอะไรเลย เราเป็นตัวเราได้เต็มที่ร้อยเปอร์เซ็นต์เวลาเราอยู่กับเขา เราเลยรู้สึกว่า
เพิร์ธ: เรื่องบทก็ไม่คิด
แซนต้า: มันไม่คิดอะไรเลยอะไรอะ เรื่องบทจำ เราก็เป็นตัวเราซนๆ อะไรอย่างนี้ มันเหมือนเวลาเราอยู่กับคนสนิท กับคนไม่สนิทเก็ทไหม เวลาเราอยู่กับคนสนิทกับคนไม่สนิทเก็ทไหม เวลาเราอยู่กับคนไม่สนิทเราก็จะเป็นอีกตัวนึง เป็นอีกเวอร์ชั่นนึง แต่พอเราอยู่กับคนสนิทมันจะมีอะไรบางอย่างที่เรากล้าเล่นด้วยตลอดครับผม
เพิร์ธ: แล้วผมว่าสังคม GMMTV หล่อหลอมน้องด้วย
ถือว่า GMMTV ก็หล่อหลอมเพิร์ธได้ดีเหมือนกัน ?
เพิร์ธ: ผมเกร็งมากตอนแรกๆ ผมเข้ามา
แซนต้า: ตอนนี้เขานะ โห ตอนนี้นะหลังจากจบกองสายรหัสมาเขาเดือดนะคนนี้
เพิร์ธ: ไม่ขนาดนั้น พี่จูเนียร์ ปณชัย เป็นตัวหล่อหลอมพวกเรา แต่จริงๆ ผมรักที่นี่มาก ผมรู้สึกว่าทุกคนเป็นเหมือนครอบครัว
แซนต้า: จริงครับผม
เพิร์ธ: รักทั้งพนักงาน รักทั้งผู้ใหญ่ แล้วก็เพื่อนๆ
แซนต้า: พี่ๆ นักแสดงด้วย
เพิร์ธ: มันทำให้เราเป็นเรา ครอบครัวนี้จริงๆ หล่อหลอม (หรือจริงๆ แล้วตัวตนเราเป็นแบบนี้อยู่แล้ว) ไม่นะ ตอนแรกผมไม่เลย ต้องถามพี่ตั้งแต่เจอกันแรกๆ ไม่เป็นแบบนี้ แต่มาเปลี่ยนก็คนเราเปลี่ยนเรื่อยๆ (พี่รู้สึกว่าเพิร์ธดูมีความสุขได้ง่ายขึ้นกว่าเมื่อก่อน) ใช่ครับ

ก้าวสเต็ปต่อไปสำหรับ “เพิร์ธ-แซนต้า” จะเป็นยังไงต่อไป ?
แซนต้า: ก้าวแรกไม่เป็นไร ก้าวต่อไป
เพิร์ธ: ไฟไหม้สบงอะไรอะ อีกอย่างนึงสบายใจเรื่องการตอบโต้กันอะครับ หมายถึงว่ามันไม่ต้องฝืน หมายถึงว่าตะกี้เราเล่นกัน มันอาจจะไม่ฮาหรอกแต่เรารู้สึกว่า
แซนต้า: มันเล่นได้
เพิร์ธ: มันสบายใจที่มีคนที่อยู่ข้างๆ แล้วมันทันกัน มันทันกันโดยที่มันไม่ต้องไปแก้อะไรเลยนั่นแหละ ถึงแม้ไม่ตลกก็ตาม
แซนต้า: ตลกไม่ตลกไม่รู้แหละ เล่นไปก่อนครับผม (การทำงานร่วมกันหลังจากนี้เป็นยังไง)
เพิร์ธ: จะมีเรื่องซีรีส์ แล้วก็เรื่องผลงานเพลง ซีรีส์ก็รู้สึกว่าอยากทำให้แฟนๆ รู้สึกคนที่เขาตั้งตารอเรา ทำให้รู้สึกไม่ให้เขาผิดหลังแล้วกันครับ เป็นสิ่งที่เขาเฝ้ารอเพราะว่าเดี๋ยวเรามีซีรีส์กันปลายปีที่คู่กันอีกเรื่องนึงครับ
แซนต้า: รักครูเท่าโลก ครับผม Love You Teacher ฝากทุกคนไปดูด้วยนะครับ
เพิร์ธ: ก็อยากตั้งใจทำครับ ใช่ แต่งานเพลงก็อาจจะมี (ผลงานเพลงร่วมกันก็อาจจะมี) ไม่แน่นะ ก็อาจจะมีเพิร์ธแซนต้า
แซนต้า: อาจจะมีเพลงคู่ก็ได้ก็ต้องรอลุ้นครับผม ครับผมก็ต้องรอดูครับ ไม่สปอยล์หรอก
เพิร์ธ: ซนไหมซนมาก (เขาเป็นคนที่อารมณ์แบบนี้ตลอดเวลา) อารมณ์แบบนี้พี่ ยิ้มแบบนี้ตลอดเวลา
แซนต้า: ผมไม่เคยโกรธพี่เขาเลย
เพิร์ธ: อีกไม่นาน
แซนต้า: อีกไม่นานตอนนี้แหละ
เพิร์ธ: ต่อยกันละ
ในชีวิตต้าเคยโกรธใครไหม ?
แซนต้า: ผมไม่ค่อยโกรธใคร เกลียดนี่ไม่เคยเลย โกรธนี่น้อยครั้งมาก
เพิร์ธ: แต่ผมจะเป็นคนแรก
แซนต้า: ใช่ เดี๋ยวพี่นี่แหละ รักๆ รักกันๆ ไม่เรารู้สึกว่าบางอย่างเราโกรธไปมันก็เสียอารมณ์เปล่าๆ
เพิร์ธ: เป็นเด็กคิดบวก เป็นเด็กคิดบวกมาก จริงๆ ก็อย่างที่บอกไปอยากให้แฟนคลับรักเขาเยอะๆ มาก เขาเป็นเด็กคิดบวกมากเป็นคนที่ที่น่ารัก ไม่มีใครไม่รักเขา ทุกคนรักเขาทั้งหมด
แซนต้า: อยากให้รอบตัวมีแต่ความสุขครับผม เราก็เลยไม่อยากแบ่งปันอะไรที่เป็นลบๆ ให้คนอื่น ชูมินิฮาร์ทหนึ่งที ด้วยกันๆ
ความเสียใจกับการจัดการความรู้สึก ?
แซนต้า: ทุกคนมีวิธีการจัดการความเสียใจในแบบของตัวเองหลายๆ แบบ ของผมก็จะเป็นการมองเข้าไปที่ความเสียใจนั้นครับ ผมจะทำความเข้าใจกับว่าทำไมเราถึงเสียใจเรื่องนั้น จัดการปัญหานั้น แก้ไขที่ตัวเราก่อนว่ามันผ่านไปแล้วนะ เราก็ไม่รู้นะ แต่มันผ่านไปแล้วเราจะมานั่งเสียใจกับเรื่องนี้ทำไม เราก็แค่แก้ไขแล้วเดินต่อไปก็จบครับผม(เราสามารถเปิดปิดได้เลยไหมความรู้สึกนี้) มันไม่สามารถเปิดปิดได้ครับ มันต้องใช้เวลา เวลามันคือเครื่องมือทุกอย่างแล้ว เวลาเยียวทุกสิ่งใช่ครับผม (ใช้เวลานานไหมกว่าจะเจอทางออก) ก็อยู่ที่เรื่องครับผม ถ้าเรื่องนั้นเราสามารถทำความเข้าใจได้เร็ว มันก็จะผ่านไปได้เร็วครับผม แต่ถ้าเรื่องนั้นมันค่อนข้างหนักหนาก็แค่จัดการกับมันไปเรื่อยๆ แค่นั้นเอง เพราะว่าเราการที่เราไปจมอยู่กับความเศร้ามันไม่ได้อะไรอะพี่ สุดท้ายแล้วมันทำให้เราแค่เสียตัวตนเราไปเองด้วย สู้เราเอ็นจอยกับชีวิตมีอะไรเข้ามาใหม่ๆ ก็สนุกไปกับมันแค่นั้นเอง
เพิร์ธ: ผมว่าดีขึ้นครับ ดีขึ้นมากๆ กับการรับมือหลายๆ อย่าง รู้สึกว่าตอนนี้เราผ่านประสบการณ์มาเยอะมาก แล้วมันทำให้เราใจเย็นมากกว่าตอนเด็ก รู้สึกรับมือได้หลายอย่าง ทุกอย่างก็จะสบาย เหมือนที่พี่บอกเปิดปิดครับบางทีมันก็เป็นแบบนั้นได้ (คนอื่นช่วยได้ไหม) ผมเลือกที่จะฟังแทบไม่ทิ้งอะไรเลย อยู่ที่ว่าเราจะเก็บมาแล้วเราจะไปใช้ต่อได้หรือเปล่า เราจะเอาอันนั้นมาใช้หรือเปล่า เราจะไม่เถียงอย่างบางคนชอบไปเถียงบางอย่างที่รู้สึกว่ามันขัดกับตัวเรา เขาจะเถียงเรื่องทิ้งไปแต่ผมไม่เถียงผมเลือกที่จะเก็บมาหมดหรอครับ แบบนี้หรอ ฟังก่อนแล้วค่อยมานั่งคิดกับตัวเองว่าเราจะใช้สิ่งนี้หรือเปล่ากับสิ่งที่เขาแนะนำมา สุดท้ายก็ต้องเป็นตัวเราด้วย แล้วก็เราจะใช้กับสิ่งที่เขาแนะนำมาไหม
แซนต้า: บางอย่างก็จำแล้วนำไปทิ้ง (หัวเราะ)

เช็คลิสต์ทำครบหรือยังสำหรับในวงการบันเทิง ?
แซนต้า: ของผมผมรู้สึกว่ายังครับผม มันยังไม่ไม่ใช่ว่ามันไม่ครบนะครับ แต่มันยังไม่เต็มที่ที่เราจะสามารถทำได้มันยังไม่สาแกใจเราเอางี้ดีกว่า เรารู้สึกว่าเราอยากทำอะไรหลายๆ อย่างมากกว่านี้ใช่ครับผม พี่เพิร์ธ
เพิร์ธ: ผมทำมาทุกอย่าง ก็อย่างที่ต้าบอกว่ามันยังไม่สุดในบางอย่าง แต่ก็คือทำมาแทบทุกอย่างอยู่มาทุก Gen เลย
แซนต้า: ทุก Gen จริง
เพิร์ธ: ทำงานมานานมากมันเหมือนแก่ หมายถึงว่าตัวเราข้างในนะครับ เหมือนที่ต้าบอกยังอยากสุดกว่านี้ในบางเรื่องที่อยากทำให้ได้ดีกว่านี้
แซนต้า: ผมรู้สึกว่ามันยังมีอะไรให้น่าค้นหามากกว่านี้ในเส้นทางนี้นะ เรารู้สึกว่าตัวเราก็ยังไม่ยังไม่พอใจกับสิ่งนี้
เพิร์ธ: ผมอะเกือบละแต่จริงๆ ที่มีเขาเข้ามาหมายถึงว่าเกือบอิ่มตัวหมายถึงว่ามันก็เริ่ม อธิบายไม่ถูกเหมือนกัน
แซนต้า: ไม่รู้จะทำอะไร
เพิร์ธ: หมดไฟหลายๆ เรื่อง แต่ด้วยน้องเขาใหม่ น้องคิดบวกมากเราก็อยากจะไปกับน้อง ตั้งแต่วันที่เล่นซีรีส์ด้วยกันก็นั่นแหละ จังหวะชีวิตมันดีมากดันมาเจอน้องขึ้นมาอีก ต้องขอบคุณน้องมากนะขอบคุณจริงๆ
แซนต้า: ขอบคุณพี่มากเหมือนกันครับผม
แซนต้าตอนนี้ที่บ้านว่ายังไงบ้าง ?
แซนต้า: คุณแม่รู้สึกดีมากครับผม แล้วก็ชอบมากดีใจมากที่ทุกวันนี้ลูกมีคนรู้จักเพิ่มขึ้น แต่คุณแม่ชอบพี่เพิร์ธนะ
เพิร์ธ: แม่ผมก็ชอบเขาเดี๋ยวนี้แม่เรียกแล้วหันไหม เดี๋ยวนี้แม่เรียกแล้วหันไหม
แซนต้า: ไม่หันครับผม
เพิร์ธ: ดังแล้ว
แซนต้า: ต้องเรียกพี่ต้า ไม่ใช่อะไรอะ คุณแม่บอกคุณแม่ผมดูซีรีส์แล้วคุณแม่ร้องไห้ ที่ผมถ่ายลงทวิตเตอร์คือมันเป็นซีนโยธาใจร้ายกับน้องกรรณ คุณแม่ร้องไห้เลยพี่ เขาบอกว่าน้องเพิร์ธนี่เล่นดีนะเนี่ยอะไรอย่างนี้ แม่ชอบ
เพิร์ธ: แม่ผมก็ชอบเขาเขาก็เคยเจอแม่ผมรอบนึง ไปนั่งเล่นที่บ้านแม่ผมก็ชอบน้องมาก น้องน่ารัก
แซนต้า: วันนั้นคุณแม่บอก
กว่าจะถึงจุดนี้ครอบครัวซัพพอร์ตขนาดไหน ?
แซนต้า: คุณแม่ผมซัพพอร์ตผมมาตลอดทุกอย่างเลยครับ คุณแม่เป็นเหมือนทุกอย่างของผมเลยดีกว่า ทุกอย่างจริงๆ ทั้งผู้จัดการส่วนตัว ทั้งคอยรับคอยส่งในช่วงแรกๆ ก็ผ่านอะไรกับคุณแม่มาเยอะมากเขาซัพพอร์ตมาตลอดจริงๆ จนถึงทุกวันนี้เข เขาเริ่มลอยตัวได้ละ ไม่ต้องมาคอยดูแลเราใกล้ชิดอะไรขนาดนี้เขาก็บอกว่าดีใจนะที่ได้เห็นลูกเติบโตแล้วครับผม (แสดงว่าแม่อยากให้เราทำงานวงการ) คุณแม่ชอบครับ ตอนแรกไม่ใช่ฝันของผมครับ ตอนแรกผมไม่ได้มีความคิดว่าอยากมาทำเกี่ยวกับสายนี้เลย ใช่ แต่พอมันจับพลัดจับผลูไปๆ มาๆ กลายเป็นว่าเราก็เพิ่งรู้ตัวเองว่าเราก็ชอบในเส้นทางนี้มากๆ มากๆ เหมือนกัน ก็เลยรู้สึกว่าเอาวะไปให้มันสุด
เพิร์ธ: ผมรู้สึกว่าเขาเป็นเด็กที่สู้มาตลอดนะ หมายถึงว่ารู้จักมานาน แล้วก็มีไปอยู่ที่ไหนเกาหลี
แซนต้า: ใช่มีไปเกาหลี
เพิร์ธ: รู้สึกว่าเด็กคนนี้มันสู้มาก สู้ไม่ถอย
แซนต้า: (เคยมีจุดที่ท้อไหม) มีครับผม มีอยู่แล้ว หลายๆ ช่วงเลยแหละ หลายๆ ช่วงแต่เราก็รู้สึกว่ามันเป็นการท้อที่ ท้อที่ตัวเองทำไมถึงไม่เก่งเท่าคนอื่น มันจะเป็นความรู้สึกลึกๆ ของตัวเองว่าทำไมเราถึงทำได้ไม่ดีเท่าคนอื่น ทั้งๆ ที่มันควรจะทำได้ มันก็เป็นช่วงจังหวะชีวิตที่ทำให้ท้อได้ แล้วก็ค่อยคิดกับตัวเองตลอดว่าไม่เป็นไร คนเรามันสามารถเรียนรู้พัฒนากันได้ตลอด มันไม่ใครเก่งมาตั้งแต่เกิดใช่ไหมครับคำนี้ดีกว่า (เคยร้องไห้กับตัวเองไหม) มันเจอหลายๆ อย่างมา มันไม่สามารถพูดกับคนอื่นได้ ณ โมเมนต์นั้นนะ ผมไม่สามารถคุยกับคนอื่นได้ มันก็ช่วยได้ดีที่สุดก็คือการร้องไห้ ปลดปล่อยออกมาแต่มันก็ดีขึ้นนะมันดีขึ้น ผมรู้สึกกับตัวเองมาตลอดว่าเราเลือกเดินมาถูกทาง เราชอบสิ่งนี้จริงๆ เราดีใจที่ได้ทำมัน มันมีความสุขเหลือเกินพี่ตอนนี้ ใช่ครับ มันอยากทำให้มันดีทุกๆ อย่างมันดีครับผม ถึงมันจะไม่ใช่เวลาของผมนะ ถึงมันไม่มีใครมาเห็นแต่ผมก็รู้สึกว่าอยากทำทุกอย่างให้มันเต็มที่ครับ

วงการนี้มีคำว่าจังหวะและเวลา ตอนนี้คิดว่าใช้เวลาของเราหรือยัง ?
แซนต้า: มันก็เขินๆ ที่จะพูดเหมือนกัน แต่ก็คือเอาอย่างนี้ดีกว่า ผมรู้สึกว่ามีคนมาซัพพอร์ตมากขึ้น ในตัวพวกเราเยอะมากขึ้น ก็รู้สึกว่าอยากจะตอบแทนความรักที่ทุกคนมอบให้มานะครับ ส่งกลับคืนไปให้ทุกคนแบบตั้งใจที่สุดเท่าที่จะทำได้
เพิร์ธ: น้องมันเหมือนผมมากหลายๆ อย่างที่คิดไม่ค่อยแอค แอคยากพี่แอคไม่เป็น ไม่เคยแอคกันอะ ไม่ได้รู้สึกว่าเราลอยตัวหรือว่าอะไร อธิบายไม่ถูกเขินเหมือนกัน ก็เป็นเราเหมือนที่ต้าบอกว่าเป็นตัวเอง ทำในสิ่งที่เราชอบ นั่นแหละก็เก่งมาก
แซนต้า: เก่งมากเหมือนกันครับ
มีโอกาสได้เจอแฟนคลับแล้วเป็นไงบ้าง ?
แซนต้า: คนมาเยอะมาก
เพิร์ธ: ไม่คิดว่าขนาดนี้ ไม่คิดว่าคนจะชอบเยอะ แฟนคลับจะเยอะขนาดนี้ วันนั้นผมเห็นคนมานั่งรอตั้งแต่ 6 โมงเช้าก็มี รอยันบ่ายๆ
เพิร์ธ: พวกเขาน่ารักมาก หลายๆ คนผมรู้สึกว่าพวกเขาทุ่มเทเพื่อเรามากๆ บางคนมาจากต่างจังหวัด มาจากต่างประเทศอินเตอร์แฟน เพื่อมารอดูเรา
แซนต้า: เพื่อมาหาเรา
เพิร์ธ: ใช่ โคตรน่ารักไม่รู้จะอธิบายยังไง
แซนต้า: คือเราไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงมารักเราได้มากขนาดนี้
เพิร์ธ: รักเราจริงๆ
แซนต้า: แต่เรารู้สึกว่าเราซาบซึ้งนะ ซาบซึ้งในความรักที่ทุกคนส่งมาให้จริงๆ
เพิร์ธ: แล้วคนเยอะมากพี่วันงาน ผมไม่เคยคิดว่าจะเยอะขนาดนี้ครับ เยอะทุกวันครับพี่ ผมไปงานวันแรกคืองานหนังสือครับ คนไปนั่งรอเยอะมาก ผมตกใจ มันจะเป็นรอบศูนย์หนังสือไปยันข้างในที่มันเป็นรอบข้างใน
แซนต้า: ใช่ มีงานอีเว้นท์ที่เพิ่งจัดไป
เพิร์ธ: เยอะมาก ไม่เคยคิดเลยใช่
พี่ไปส่องแท็กมามีคำนึง เพิร์ธไม่เอาอะไรแล้ว คือยังไง ?
เพิร์ธ: โหสุดยอด ก็แฟนคลับแซว ด้วยแบบนี้เราหมายถึงว่าเราสนิทกัน เราคุยกันบ่อยเราทำงานกันเยอะ มันก็สนิทกันก็เล่นกันบ่อย อย่างที่บอกว่าสบายใจกันมากมันเล่นกัน แฟนคลับก็มาแซวเพิร์ธไม่เอาอะไรแล้ว แล้วผมชอบติดผมเหงาผมก็จะกอดคอแบบนี้
แซนต้า: อย่างผมเวลาสัมภาษณ์อะไรไม่รู้จะหันไปทางไหนก็จะหันไปทางพี่เพิร์ธก่อน
เพิร์ธ: ผมก็ไม่มีมือวางผมก็วางต้าอะไรอย่างนั้น (เป็นความธรรมชาติของเรา) ใช่ครับ ก็อยู่ด้วยกันก็แบบนี้ ไม่ได้คิดอะไร ตบหัวเล่น
อยากตอบแทนอะไรความรักที่เพิ่มขึ้นทุกวัน ?
แซนต้า: ผมรู้สึกว่าอยากตอบแทนใช่ไหมครับผม ผมอยากตอบแทนด้วยการที่เราจะไม่หยุดพัฒนาครับ เราจะไม่หยุดพัฒนาจริงๆ ครับ ต่อให้ทุกคนจะคิดว่าเราเก่งแค่ไหนแล้วก็ตาม แต่เรารู้สึกว่าเราสามารถเก่งได้มากกว่านี้เพื่อทุกคนครับ ครับ
เพิร์ธ: ก็อยากขอบคุณมากๆ ที่รักแล้วก็ซัพพอร์ตพวกเราเยอะขนาดนี้ ขอบคุณที่ยอมมาเหนื่อยเพื่อเราทุกๆ อย่าง อย่างที่ต้าบอกเราจะไม่ทำให้เสียใจ เราจะรักทุกคนเท่าที่เราจะทำได้นะครับ ขอบคุณมากๆ จากใจจริงๆ ครับ ขอบคุณมากๆ นะครับ

ความพร้อมสำหรับ LOVE OUT LOUD FAN FEST 2025 ?
เพิร์ธ: เราคุยกันเรียบร้อยแล้ว หมายถึงว่าวางแผนเรื่องโชว์เรื่องอะไรกันเรียบร้อยคู่เรา วางไว้คร่าวๆ แล้วก็รู้สึกว่าน่าจะสนุกมาก
แซนต้า: ผมรู้สึกว่ามันน่าสนใจมากเลยนะ มันแบบ
เพิร์ธ: มันท้าทายทั้งคู่ครับ เพราะว่าความชอบผมกับต้าไม่เหมือนกัน ความชอบหมายถึงว่าเรื่องดนตรีก็น่าจะเห็นอะไรแปลกใหม่ครับ
แซนต้า: ไม่สปอยล์เยอะไม่สปอยล์เยอะ
เพิร์ธ: ผมแยกแบบนี้ครับเพื่อที่จะไม่มีปัญหากัน ก็คือตาต้าเอาเพลงนึงไปเลย สมมุติถ้ามันมีทั้ง 2 เพลง คืออันนึงเป็นน้องต้าไปเลยเป็นตามสไตล์ต้าที่ต้าอยากทำ อันนึงเป็นผมก็เลยเอามาเบรนกันว่าจะเป็นแบบนี้ เป็นโชว์ที่โชว์นึงเป็นเราโชว์นึงเป็นต้าครับ
แซนต้า: แต่มันจะออกมาเป็นยังไงก็รอดูนะ
เพิร์ธ: โชว์เดี่ยวในงานนี้น่าจะไม่มีครับ อาจจะเป็นคู่ อาจจะเป็นคอลแลป เพราะว่าอันนี้ก็ 11 คู่แล้ว
แซนต้า: มียูนิตแยกอีก
ฝากผลงานกันหน่อยค่ะ ?
แซนต้า: ก็ฝากด้วยนะครับตอนนี้กำลังออนแอร์อยู่นะครับผม Perfect 10 Liners นะครับ สายรหัสเทวดานะครับ ดูได้ทุกวันอาทิตย์ เวลา 20.30 น. ครับ
เพิร์ธ: แล้วก็ฝากรักครูเท่าโลกครับปลายปีนี้ เป็นซีรีส์เพิร์ธกับแซนต้าครับ Scarlet Heart แล้วก็น้องมี REVAMP
แซนต้า: ใช่ครับผม แล้วก็มีวงโปรเจกต์ JASPER ด้วยครับผม และที่สำคัญมาเจอพวกเราในงาน LOL Fan Fest ด้วยนะครับผม
เพิร์ธ/แซนต้า: ขอบคุณมากครับ
ชมคลิปสัมภาษณ์: https://youtu.be/-laTFjWzyWs?si=VeW3v-GQbdFayJK7