เส้นทางการทำงานที่เดินไปด้วยกัน กับจุดบาลานซ์ของความสัมพันธ์ที่พอดีของสองนักแสดง “น้ำตาล ทิพนารี” และ “ฟิล์ม รชานันท์” และอีกหนึ่งพาร์ทของชีวิตกับการมีแฟนมีตติ้งครั้งแรกในไทย NAMTAN FILM PRINCESS’S TALE FAN MEETING

น้ำตาล-ฟิล์ม
น้ำตาล-ฟิล์ม

น้ำตาล / ฟิล์ม: สวัสดีค่ะ น้ำตาล ทิพนารี นะคะ ฟิล์ม รชานันท์ ค่ะ

การทำงานช่วงนี้เป็นไงบ้าง ?

น้ำตาล: เรื่อยๆ แต่ว่าเราได้ทำงานที่มันหลากหลายมากขึ้น นอกจากถ่ายละคร แล้วเราก็ได้มีอะไรที่เราไม่เคยได้ทำ เช่น แฟนมีตติ้ง ไปต่างประเทศ เราได้เดินทางไปต่างประเทศร่วมกัน ได้ไปลองหลายๆ อย่าง นอกจากทำงานเรายังได้เรียนรู้วัฒนธรรมของแต่ละประเทศ ได้กินอาหารแปลกๆ ที่เราไม่เคยได้กิน

การจัดการเวลาลงตัวหรือยัง ?

ฟิล์ม: สำหรับฟิล์มฟิล์มรู้สึกว่ามันยังเพิ่งเริ่มต้น อาจจะยังไม่ค่อยเข้าที่เข้าทางสักเท่าไหร่ แต่ก็พยายามปรับตัวให้ได้ไวที่สุด

น้ำตาล: ตามสเต็ปนะ หมายถึงว่าพอซีรีส์ออนจบ มันก็จะเป็นสเต็ปที่เหมือนโอเคผลผลิตนำสู่ที่เราผลิตกันไว้ ก็คือคอนเทนต์ได้ออกไปใช่ไหมคะ เราก็เป็นช่วงที่เราจะต้องไปเจอแฟนๆ ในแต่ละประเทศ ก็ตามสเต็ปที่มันควรจะเป็นไม่ได้รู้สึกว่ามาเร็วไป เหมือนเราก็พอจะรู้ว่าเราจะต้องเจอกับอะไรบ้าง จะต้องเตรียมตัวกับอะไรบ้าง แต่สำหรับน้ำตาลน้ำตาลรู้สึกว่าตัวเองหลับลึกขึ้นเพราะว่ามันเหนื่อยมาก แทบจะไม่มีเวลาได้นอน ปกติจะชอบเล่นเกมเล่นมือถือก็นอนเลย

ฟิล์ม: ถ้าสำหรับฟิล์มที่เป็นคนนอนหลับยากอยู่แล้ว ก็น้อยลงไปอีก มันก็ไม่ได้ยาก แต่มันก็ไม่ได้ง่าย สิ่งที่มันยากคือมันต้องทำความเข้าใจกับตัวเอง ให้ตัวเองเปิดรับ ให้ตัวเองยอมรับกับสิ่งที่มันกำลังจะเกิดขึ้น แต่ฟิล์มรู้สึกว่า ฟิล์มยังสามารถคอนโทรล ยังไม่ได้เป็นผลกระทบกับการทำงาน ยังไม่ได้เป็นผลกระทบกับชีวิตประจำวันขนาดนั้น

น้ำตาล: เอาจริงน้องนอนน้อยกว่าหนูนะ แต่หนูง่วงกว่าน้องนี่คือประเด็น ถ้าสมมุตว่าเห็นนั่งๆ ฟังไปเรื่อย ตาจะเริ่มเคลิ้มละ เพราะน้ำตาลเป็นคนเหมือนแบบหลับได้ทุกที่ แม้แต่ตอนถ่ายทำละคร

ฟิล์ม: ฟิล์มจะเรียกว่าพี่โลกลมหลับมาอีกแล้วหรอ โลกลมหลับตั้งให้

น้ำตาล: เคยนั่งต่อบทกัน ซ้อมก่อนเข้าฉาก คือเวลาต่อบทเราจะนีดช่องไฟในการพูด ไทม์มิ่งเราจะทำ ให้คล้ายๆ จริงมากที่สุด เวลามันต้องเทคไทม์ความรู้สึก หนูก็ฟังน้องพูด สมมุติว่าเมย์ตื้ดๆ ฟิล์มเขาก็จะต่อ หันมาอีกทีหนูหลับ

ฟิล์ม: ทำไมพี่น้ำตาลไม่พูด เพราะว่ารับเราเป็นคนตาบอด หันมาพี่ยังไม่ถึง 5 นาที ยังไม่ถึง 2 นาทีเลย

น้ำตาล: ผู้กำกับถามจริง ถามจริง

ฟิล์ม: โลกลมหลับ โลกลมหลับกำเริบ

กระแสฟีเวอร์ของซีรีส์ Pluto นิทาน ดวงดาว ความรัก ?

น้ำตาล: เราดีใจที่ใน 5 ล้านนั้น หรือในทุกๆ EP ที่เราได้ร่วมกันเทรนด์ เราได้ฟีดแบ็กที่จะมาปรับใช้ในการทำงานจริงๆ เราได้เห็นฟีดแบ็กที่ดีจากคนดูเยอะมากๆ เราได้เห็นว่าสิ่งที่เราทำ โดยที่เราไม่เคยดูถูกคนดู สารที่เราส่งไปมันไปถึงครบถ้วน เขาสามารถวิเคราะห์ในแต่ละฉาก วิเคราะห์บทในแต่ละซีน หรือดีเทลต่างๆ ที่ทั้งเบื้องหน้า เบื้องหลังได้ใส่ไป เราก็รู้สึกว่าดีใจที่นี่แหละ สำหรับน้ำตาลคือสิ่งที่พลูโตประสบความสำเร็จ

ฟิล์ม: ถ้าสำหรับฟิล์มเลย ฟิล์มไม่เคยคิด ไม่เคยคิดเลยว่าซีรีส์ที่เราเล่นมันจะไปได้ไกลขนาดนี้

น้ำตาล: สำหรับน้ำตาลกับฟิล์มสิ่งที่เรา คือสำหรับน้ำตาลเราไม่รู้หรอกว่าตัวเลขต้องเยอะแค่ไหนถึงจะเรียกว่าประสบความสำเร็จ แต่สิ่งที่เราทั้งสองคน และทีมงานทุกๆ คน เรียกว่าพลูโตประสบความสำเร็จ มันคือการที่เราสามารถขับเคลื่อนสังคมได้อย่างทันที เพราะว่าจากซีนที่น้องฟิล์มเขาเล่นในเรื่องคนพิการทางสายตาใช่ไหมคะ ก็เราพูดถึง universal design ซึ่งมันได้รับการแก้ไขทันทีที่ EP นั้นได้ออนแอร์ไป ก็รู้สึกว่าเป็นเรื่องที่ดีที่สังคมร่วมมือกัน ให้เพื่อนร่วมโลกละกัน ให้โลกใบนี้มันน่าอยู่มากยิ่งขึ้น นี่แหละบรรทัดฐานที่เรากล้าพูดออกมาโดยที่ คือมันไม่ใช่ความรู้สึกที่ พี่พลูโตประสบความสำเร็จแล้วเราจะกล้าพูดออกมา เพราะน้ำตาลฟิล์มเอาตรงๆ ไม่ได้เป็นคนแบบ ไม่ได้เป็นคนพี่พลูโตประสบความสำเร็จ แต่เพราะมันมี เขาเรียกอะไรบางอย่างที่มันจับต้องได้ มันเห็นว่าผลมันออกมาเป็นแบบนี้ เราเลยกล้าพูดออกมาว่าวันนี้ซีรีส์ที่เราตั้งใจทำมันประสบความสำเร็จ แต่ก็ไม่คิดว่ามันจะเกิดขึ้น เวลาที่เราเป็นนักแสดง รวมถึงทีมงานเบื้องหลัง เราทำละครออกมา เราทำอาร์ตอออกมา เพื่อให้มันสะท้อนอะไรในสังคมอยู่แล้ว ซึ่งบางเรื่องก็สะท้อนได้ เท่านี้แต่พลูโตสะท้อนได้เท่านี้ มันก็เป็นเรื่องราวดีๆ ที่เกิดขึ้น

เคยมองไหมว่ามันสามารถช่วยเปลี่ยนแปลงสังคมได้จริง ?

ฟิล์ม: สำหรับฟิล์มฟิล์มรู้สึกว่าถ้าตอนที่เห็นบท ฟิล์มชื่นชมว่าเขาเก่งเขาเก่งมากเลยที่กล้าที่จะยกประเด็นนี้มาพูด ประเด็นที่เราไม่ ทุกคนไม่ได้ตระหนักหรือว่าไม่ได้รู้เรื่องนี้เลย

น้ำตาล: ใช่ รวมถึงเราทั้ง 2 คน เราไม่เคยรู้การใช้ชีวิต เราไม่เคยรู้ universal design คืออะไร เราได้ไปพูดคุยกับพี่ท็อฟฟี่ ที่เป็นคนตาบอด เราได้รู้มากขึ้นว่า คือเราใช้ชีวิตไม่รู้หรอก เราก็รู้แค่มันมีเสาร์อยู่ตรงนี้ แต่เราไม่มีทางรู้เลยว่ามันจะเป็นอุบัติเหตุกับคนพิการ เราไปรู้ตอนที่เราไปเจอพี่เขา เราไปรู้ตอนที่เราไปลงพื้นที่จริงๆ ก็เลยรู้สึกว่าไม่คิดไม่ฝันว่าเหมือนกันว่า เอาแบบไม่โลกสวยเลยนะ คือมันยังมีอีกหลายอย่างที่ ที่บ้านเมืองเราจะต้องแก้ไขให้มันดีขึ้น ซึ่งใครจะไปคิดว่าเราเห็น เราก็เห็นว่ามีต้นไม้ขวางทางเท้าอยู่ซึ่งมันไม่ควรจะเกิดขึ้น หรือเป็นเบลบล็อกที่ไม่ควสรมีอะไรมากีดขวาง เราก็ได้แค่เห็นแต่เราไม่คิดว่าเราจะสามารถเปลี่ยนมันได้

เปิดมุมมองกว้างขึ้นไหม ?

ฟิล์ม: มันทำให้ฟิล์มเข้าใจมนุษย์มากขึ้นนะ เข้าใจมนุษย์และรู้สึกว่าอยากจะทำอะไรที่เขาเรียกว่า เหมือนพอเราทำอะไรที่มันเกิดประโยชน์ต่อสังคมแล้ว มันก็รู้สึกว่าถ้ามีโอกาสได้ทำ ก็อยากที่จะทำอีก

น้ำตาล: มันก็คือพี่มันเหมือบแบบในฐานะนักแสดง เราไม่ได้เล่นละครเพื่อแบบว่าให้มีแฟนคลับ หรือเราไม่ได้เล่นละครเพื่อให้ได้เงินมา คือน้ำตาลกับฟิล์มรู้สึกว่าเรามี passion ตรงกันที่เหมือนแบบว่าคนเราเกิดมาชีวิตนึง สำหรับน้ำตาลกับฟิล์มเราสามารถทำอะไรให้มันเกิดประโยชน์ได้บ้างในชีวิตนี้ ในชีวิตนึงเราสามารถเปลี่ยนอะไรได้บ้าง มันอาจจะไม่ต้องใหญ่มากก็ได้ แต่ว่าถ้ามันเปลี่ยนได้ น้ำตาลรู้สึกว่ามันทำให้ชีวิตเรามีความหมายเหมือนกัน

น้ำตาล-ฟิล์ม
น้ำตาล-ฟิล์ม

โตขึ้นขนาดไหนสำหรับ “น้ำตาล-ฟิล์ม” จากซีรีส์เรื่องนี้ ?

น้ำตาล: มันไม่ใช่แค่เรื่องพลูโต แต่มันเป็นเรื่องของการทำงานร่วมกันเป็นทีม การเข้าอกเข้าใจผู้อื่น เพราะว่าเราต้องเริ่มจากเราสองคนก่อน ฟิล์มก็สอนให้อย่างที่บอกว่าน้ำตาลสอนให้ฟิล์มวิ่ง ฟิล์มสอนให้น้ำตาลเดิน เราวิ่งมาตลอดบางทีเราก็รู้สึกเราสนุกกับการวิ่ง แต่เราไม่รู้ว่าบางทีเราเดินมันก็ช่วยให้ชีวิตเรามันบาลานซ์ได้ดีขึ้น ฟิล์มก็เรียนรู้ที่จะวิ่ง ถึงแม้ว่าจะไม่เคยวิ่งมาก่อน แล้วฟิล์มก็หาบาลานซ์ที่พอดีกับตัวเองให้เจอ สำหรับน้ำตาลมันคือเราทั้งคู่ต่างเรียนรู้กันและกัน เพื่อที่จะเอาไปปรับใช้กับคนอื่นๆ น้ำตาลก็เป็นคนที่ใจเย็นมากขึ้นกับคนอื่นๆ Empathy มากขึ้นกับคนอื่น ฟิล์มก็เปิดกว้างมากขึ้นในมุมของตัวเอง ให้คนอื่นได้เข้ามารู้จักเราให้เราได้ไปรู้จักโลกกว้างที่เราไม่เคยเปิด ก็รู้สึกว่ามันคือหยินหยางที่มาเจอกันแล้วมันหาความบาลานซ์ให้กันและกัน

ฟิล์ม: ถ้าสำหรับฟิล์มมันคือใหม่ ใหม่เลย การมีพาร์ทเนอร์ การมีคนที่ร่วมเดินไปด้วยกัน มันคือการที่ไม่ได้รู้สึกว่าอยากที่จะเดินเร็ว แต่อยากที่จะเดินไปด้วยกันให้นานที่สุด ถูก คือระหว่างทางเราจะประคองกันไปยังไง เพื่อที่จะให้ไปถึงจุดหมายที่เรา 2 คน ตั้งไว้

แต่ระหว่างทางก็มีความยากในตัวของมัน ?

น้ำตาล: สิ่งแวดล้อมหรือปัจจัยภายนอกที่เราไม่สามารถคอนโทรลได้ หรือแม้กระทั่งความรู้สึกของระหว่างเรา 2 คน เวลาเราทำงานร่วมกัน คือเราปฏิเสธไม่ได้หรอก ทุกคนบนโลกไม่ใช่แค่น้ำตาลกับฟิล์ม เวลาที่เราทำงานร่วมกับใครที่ถือว่าเป็นคนเหมือนกัน ทุกคนมีจิตวิญญาณและความเชื่อในของตัวเอง บางอย่างมันไม่เหมือนกัน แต่ว่าเราจะทำยังไงให้เราเข้าใจกันว่าก็ในเมื่อเขาเชื่อแบบนี้ น้ำตาลก็เชื่อแบบนี้ ก็ลองสลับกันดู ฟิล์มเป็นพี่ฟิล์มจะรู้ยังไง แล้วถ้าเราเป็นฟิล์มเราจะรู้สึกยังไง เอาจริงๆ เอาง่ายๆ การทำงานร่วมกันสำหรับน้ำตาลไม่ได้มีอะไรมาก ถ้าทำได้ก็ทำ ทำไม่ได้ก็ไม่ต้องทำ แต่เราจะรู้ว่าทุกๆ การกระทำของเรามันจะมีผลที่ตามมาเสมอ สมมุติว่าโอเคถ้าวันนี้ทำไม่ได้ให้บอก แต่ฟิล์มก็เลือกที่จะบอก แต่ถ้าฟิล์มคิดว่าวันนี้ฟิล์มลองทำได้ ฟิล์มก็ลอง สำหรับน้ำตาลมันเหมือนกับว่า โอเคถ้าวันนี้น้ำตาลทำไม่ได้ มันเหมือนเป็นrelationship ที่แบบว่าเพิ่งพาอาศัยกันมากกว่า ไม่มีใครที่รู้สึกว่าจะต้องแบกใครสำหรับน้ำตาล

เหมือนต้องหาจุดตรงกลาง ?

น้ำตาล: ภาพก่อนที่จะรู้จักกัน ทุกคนจะมองว่าแบบน้ำตาลต้องเหนื่อยแน่เลยทำงานกับน้อง น้ำตาลเองก็แบบเวลาเราฟังมาเยอะๆ เราก็จะมีความคิดที่เหมือนเป็นก้อนขึ้นมา แต่เรายังไม่เคยลอทำงานด้วยกันจริงๆ แล้วพอผ่านจุดๆ นึงไปแล้วคนที่ต้องเคลียร์ทุกอย่างคือน้ำตาล หมายถึงว่าเซ็ตซีโร่แล้วไปเจอตรงหน้า ข้อดีของเราคือเราต่างรับฟังกันและกัน และมีอะไรก็พูดกัน นี่คือสิ่งที่สำคัญสำหรับน้ำตาล ทุกคนที่ทำงานกันเป็นทีม เป็นกลุ่ม ไม่ว่าจะงานคู่ งานเดี่ยว งานเดี่ยวสู้กับตัวเอง งานคู่หรืองานกลุ่มน้ำตาลว่าการพูดคุยกันเป็นเรื่องที่ดี เพื่อที่จะได้เข้าใจกัน แต่ว่าสำหรับน้ำตาล น้ำตาลมองว่าเราต่างคนต่างไม่มีอีโก้ต่อกัน ก็เลยทำงานง่าย

ฟิล์ม: จริงๆ ฟิล์มก็มองแบบพี่น้ำตาลที่ว่าเรารับฟังซึ่งกันและกัน เพราะฟิล์มคิดว่าฟิล์มจริงๆส่วนตัวฟิล์มเป็นคนยืดหยุ่น ฟิล์มรู้สึกฟิล์มหลายคนอาจจะมองว่าฟิล์มดูเป็นคนไม่ค่อยพูดหรือว่ะไรอย่างนี้ ฟิล์มรู้สึกว่าพี่น้ำตาลเขาให้เวลาฟิล์ม ถ้าอันนี้พี่ไม่ไหวโอเคเดี๋ยวฟิล์มช่วย ฟิล์มรู้สึกว่าฟิล์มพยายามที่จะช่วย

น้ำตาล ทิพนารี
น้ำตาล ทิพนารี

แรกๆ ยากในการปรับตัวเข้าหากัน ?

ฟิล์ม: ฟิล์มไม่รู้ว่าพี่ปรับเยอะไหม แต่ถ้าฟิล์มเคยมานั่งคิดนอนคิด ฟิล์มรู้สึกฟิล์มปรับ หมายถึงว่าพยายามปรับค่อนข้างจากเดิมเยอะมากๆ สำหรับฟิล์มการที่จะเปิดรับใครสักคนเข้ามาไม่ใช่เรื่องง่าย ใช่แล้วมันจะมีหลายครั้งที่เราตีกับตัวเองจะให้เข้ามาดีไหม ยังงี้ดีไหม ยังนู้นดีไหม แต่พอเราเปิดให้เขาเข้ามาแล้ว แล้วเราคิดย้อนกลับไปมันก็มีแต่เรื่องดีๆ เราก็ค่อยๆ เรียนรู้เขาเหมือนกัน คนเรามันไม่ได้สำหรับฟิล์มนะ ฟิล์มรู้สึกว่ามันไม่ได้สามารถเชื่อใจได้ในหนึ่งครั้ง สำหรับฟิล์มเราใช้เวลาเรียนรู้เขา โอเคงั้นฟิล์มเปิดให้พี่แล้วก็หวังว่าเขาคงจะไม่ มันคงไม่เป็นอย่างที่เราเคยผ่านมา

น้ำตาล: สำหรับน้ำตาล น้ำตาลต้องปรับที่มายเซ็ตของตัวเองเหมือนกัน เพราะว่ารอบข้างเป็นคนที่เราทำงานในวงการบันเทิง มันก็จะมีแต่ความอะเลิ้ตๆ สิ่งที่ต้องปรับมากที่สุดคือมายเซ็ตของตัวเองที่คิดว่าสิ่งที่เราทำอยู่แล้วมันดี คือสิ่งที่เราทำอยู่มันดีกับตัวเรา แต่มันอาจจะไม่ได้ดีกับคนอื่น เพราะเขาอาจจะไม่อยากทำอันนี้คือสิ่งที่ต้องไปปรับ แล้วก็เป็นสิ่งที่เราคิดว่าน้ำตาลเป็น perfectionist ในสิ่งที่ตัวเองเนิร์สอยู่ก็คือเรื่องนี้วงการบันเทิง ที่เราทำได้ดีที่สุดเราแค่อยากทำให้มันออกมาที่ดีที่สุด แต่เราดันไปคาดหวังมันมากเกินไป แล้วเราไปแบกมันมากเกินไป โดยที่เขาไม่ได้ร้องขอเราน้ำตาลเป็นคนแบบนั้น สุดท้ายก็ต้องกลับมาปรับที่ตัวเองว่าเขาไม่ได้ขอให้เราแบก แล้วเราก็ไม่ต้องแบกคือได้เท่าไหนเอาเท่านั้น รู้สึกเท่าไหนทำเท่านั้น เพราะว่าพูดยังไงดี พอสิ่งที่เราคิดว่ามันดี มันอาจจะดีกับตัวเราแต่มันดันไปกดดันคนอื่นเขา มันอาจจะทำให้เกิดความ toxic ขึ้นใน relationship นั่นคือสิ่งที่น้ำตาลต้องปรับแล้วก็ต้องให้เวลา อันนี้พูดตรงๆ ว่าแบบอยู่กับน้อง น้องลักษณะนิสัยเหมือนแมว แต่น้ำตาลชอบหมา ทำไมถึงชอบหมาน้ำตาลชอบความอะเลิ้ต น้ำตาลชอบคนเข้าหา แต่ถ้าใครที่ชอบหมาแล้วดันต้องเลี้ยงแมว ต้องทำความเข้าใจแมวมากๆ ว่าเขามีลักษณะนิสัยที่หนึ่งรักสันโดษ ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่อ้อน ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่น่ารักนะ เขามีความน่ารักของเขา แต่เขาแค่รู้สึกว่าฉันจะให้ความน่ารักนั้นก็ต่อเมื่อฉันอยากจะให้ เราไม่สามารถไปบังคับให้แมวมาเป็นเหมือนหมาได้นึกออกป้ะ มันก็จะมีลักษณะนิสัยที่แตกต่างกัน อยู่ที่ว่าถ้าสมมุติว่าก็เราจะต้องใช้ชีวิตกับแมว แล้วเราจะไปบังคับให้เขาเหมือนหมา มันก็ไม่ได้นึกออกไหม เราก็ต้องเรียนรู้อย่างที่บอกมันต้องปรับที่ตัวเอง ต่างคนต่างต้องปรับที่ตัวเอง

แสดงว่าตัวน้ำตาลก็ลดตัวเองลงมาเยอะเหมือนกัน ?

น้ำตาล: ถ้าใครมาเจอน้ำตาลปีนี้ ช่วงปีหลังๆ หรือน้องเองก็รู้สึกว่าน้ำตาลมีพลังงานที่มันซอฟต์ลง เหมือนเอนเนอร์จี้ที่ไม่ได้ล้นเกินเหมือนแต่ก่อน บางทีเราก็อยากที่จะอยู่นิ่งๆ เงียบๆ เพราะเรามันคือทฤษฎีกฎของแรงดึงดูด เวลาเราอยู่กับใคร บางทีทุกคนก็จะเห็นว่าน้องก็จะอะเลิ้ตขึ้นมาก แต่ก็จะเห็นว่าน้ำตาลจะนั่งเงียบๆ เพราะมันไม่ได้รู้สึกว่าน้องเขากลืนกินความเป็นตัวเองของเราไปนะ แต่เรารู้สึกว่าความเงียบนั้นมันก็สงบดี แล้วมันก็ไม่เหนื่อย แค่รู้สึกว่าพอแลกเปลี่ยนเอนเนอร์จี้กันและกัน น้องก็คงคิดว่าแบบ น้องได้หัวเราะบ้างมทันก็มีความสุขดี น้ำตาลได้เงียบบ้างมันก็ดีเหมือนกัน ไม่เคยรู้มาก่อนว่าตัวเราก็มีมุมนี้

อะไรที่รู้สึกว่าเซอร์ไพรส์ในตัวอีกฝ่าย ?

น้ำตาล: สำหรับน้ำตาลคือการที่ฟิล์มยอมออกไปกินข้าวด้วยบ่อยขึ้น สมมุติว่าเมื่อก่อนชวน 10 ครั้ง ไม่ไป 10 ครั้ง แต่ทุกวันนี้ชวน 10 ครั้ง ไป 8-9 ครั้ง มันเป็นอะไรที่เซอร์ไพรส์รวมถึงคนรอบข้างที่ไม่คิดว่าน้องจะมา สมมุติว่าแมวเดินมา เดินมาสกินชิพกับเราเราไม่ถามว่าทำไมเธอ วันนี้เธอถึงเลือกที่จะมาสกินชิพกับฉันหรอ แต่มันความเป็นความรู้สึกแค่ว่าโอเครู้สึกดีแค่นั้น แค่รู้สึกดีก็รู้สึกว่าแค่เขามาก็รู้สึกดี เราไม่จำเป็นจะต้องตั้งคำถามกับการกระทำของเขา น้ำตาลแค่คิดว่าก็เขาคงรู้สึกปลอดภัยมั้งเขาก็เลยมา หรือเขาอาจจะวันนี้เขาอาจจะหิวข้าวก็ได้ วันนี้อาจจะรถติด แต่เราดันเป็น เมื่อก่อนน้องอาจจะแบบซื้อของไปกินบนรถคนเดียว แต่มันเป็นคำตอบที่เรารู้อยู่แล้วว่าแบบก็คงรู้สึกปลอดภัยก็เลยมา

ฟิล์ม: น้องฟิล์มสิ่งที่เซอร์ไพรส์ในตัวพี่น้ำตาล ในตัวพี่หรอ จริงๆ คือฟิล์มมองว่าพี่เขาคือคนเก่ง แล้วฟิล์มรู้สึกว่าฟิล์มมองเขาเขาเรียกว่าอะไรตั้งไว้สูงมาก มันเลยไม่ค่อยมีเรื่องที่ฟิล์มรู้สึกว่าฟิล์มเซอร์ไพรส์ว่าเขาจะทำแบบนี้ๆ อะไรอย่างนี้ เซอร์ไพรส์อันนี้ดีกว่า รู้ละพอพูดอย่างนี้ ก็ไม่คิดว่าเขาจะยอมลด ลดเอนเนอร์จี้ตัวเองลงมาเพื่อที่จะมาคุยกับเรา ไม่คิดว่าเขาจะใช้มุมในบางมุมกับเราที่คนอื่นเขาไม่เห็น

น้ำตาล: คนอื่นไม่ได้ด้วยซ้ำ หมายถึงว่ามันจะมีน้องๆ ในค่ายหลายๆ คน เราก็พูดกับเขาเสมอว่าน้องที่เราสนิทมากๆ ยังไม่ได้การทรีตที่ดีขนาดนี้เลย สำหรับน้ำตาล น้ำตาลรู้สึกว่าเหมือนมันเขาเรียกว่าอะไร มันไม่ได้เป็นเกรงใจ มันเคยรู้สึกว่าตัวเองมีน้องขึ้นมาอีก 1 คน เหมือนตัวเองเป็นในฐานะน้อง ไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองเป็นพี่ แต่พอวันนึงเราต้องเป็นพี่เรก็แค่รู้สึกว่า เออใช่หน้าที่ของเรามันคืออันนี้ แต่ถ้าวันไหนพี่อ่อนแอน้องเขาจะรู้ทันทีว่าเดี๋ยวเขาจะต้องช่วยพี่ แต่ว่าในฐานะที่เวลาเราเป็น พี่คือด้วยอายุเราก็แค่รู้สึกว่าเราเป็นพี่ เราต้องมีโหมดพี่แล้วเราก็มีน้องจริงๆ แล้วเขาก็ทำให้เรารู้สึกว่าเหมือนเรามีน้องสาวจริงๆ ที่เราโอเคเราเป็นพี่แล้วโอเคยอมก็ได้อะไรอย่างนี้

ฟิล์ม รชานันท์
ฟิล์ม รชานันท์

ต้องมีอะไรปรับกันอีกไหม ?

ฟิล์ม: ฟิล์มว่าจริงๆ ปัญหามันเกิดขึ้นได้ทุกวัน มันเกิดขึ้นได้เสมอ ก็คงต้องเรียนรู้กันต่อไป คิดว่ามันก็คงมีอีกหลายๆ มุม อีกหลายๆ เรื่องที่เรายังไม่เจอ

น้ำตาล: ก็คงมีอีกหลายเรื่อง มันก็คงมีสำหรับน้ำตาลนะ มันก็อาจจะมีเรื่องที่ฟิล์มรู้สึกว่าโอเคเราคุยกันได้ทุกเรื่อง แต่บางเรื่องบางเรื่องเราก็จะ รวมถึงน้ำตาลเองบางเรื่องเราแค่คิดว่า เรื่องนี้ทั้งๆ ที่เราคุยกันแล้วนะว่าเราจะคุยกันทุกเรื่อง แต่ด้วยความเป็นมนุษย์มันจะรู้สึกว่าถ้าสมมุติเราพูดเรื่องนี้ไป มันจะดีหรือไม่ดี มันก็งคงมีอีกหลายวาระหลายเหตุการณ์ที่เราอาจจะไม่เข้าใจกันสักวันนึง แต่สิ่งที่น้ำตาลและฟิล์มคิดว่าเราจะทำด้วยกันต่อ สำรหับพี่นะพี่ก็อยากจะให้เป็นแบบนั้น ถ้าวันนึงเรามีเหตุการณ์ที่ไม่เข้าใจกันก็ยังต้องคุยกันเหมือนเดิม เพราะว่ามันก็ต้องอย่างที่ฟิล์มบอกว่าถ้าจะเดินให้นานมันก็ต้องคุยกัน

มุมมองการแสดงของทั้งคู่ตอนนี้เป็นแบบไหน ?

น้ำตาล: passion สำหรับน้ำตาลยังแรงกล้าอยู่เหมือนเดิม แต่แค่ ณ วันนี้มันเป็นช่วงพัก พักใจแล้วกันเพราะว่าเราได้ใส่ใส่สุดไปแล้วอะพี่ในการแสดง เราใช้ร่างกายหนักมากปีที่แล้ว แต่ก็ยังแรงกล้าอยู่

ฟิล์ม: ถ้าสำหรับฟิล์มมันกลับมาแรง มันกลับมาแรงอีกครั้ง มันรู้สึกเหมือนเราเพิ่งเล่นซีรีส์เรื่องแรกๆ

น้ำตาล: แต่มันมันอะพี่เวลาเจอคนที่มันแบบเขาเรียกว่าอะไร สำหรับน้ำตาลถ้าสมมุติว่านี่คือเปรียบแบบเป็นเวทีหนึ่งเวทีการแข่งขัน ไม่ได้หมายถึงว่าเราแข่งขันกันแต่มันคือการรับส่งกันโต้กัน มันคือคนที่สมน้ำสมเนื้อที่หมัดต่อหมัด ส่งมาเท่านี้ได้ฉันจะส่งกลับไปเท่านี้ มันไม่ใช่การแข่งขันกัน แต่มันคือการรับแล้วมันเสพข้างใน แล้วมันรู้สึกมันส่งกลับมันเป็นอย่างนี้

ฟิล์ม: มันสาแกใจ

น้ำตาล: มันมันอะพี่ เวลาเล่นกับคนที่เราส่งไปเท่านี้ แล้วเขารับเต็มแล้วเขาส่งกลับมามันสะใจ ขอบคุณที่รับรู้ว่าสารที่ฉันส่งไป แล้วส่งกลับมายังไงมันจะมีซีน 3 คนที่เราเจอกัน หรือว่าซีนอื่นๆ ซีนหน้าบ้านที่เรา พี่หนูไม่เคยไปแตะความเสียใจที่ตัวละครแตะจากการที่ฟิล์มส่งความรู้สึกมาให้เรา มันเรียลมากๆ ก็สำหรับน้ำตาลเราเป็นนักแสดงมา หนูเป็นนักแสดงมาจะ 10 ปี เราก็เล่นๆ ไปใช่ไหม วันนี้มันมีคนดูที่แสดงตัวออกมาว่าฉันคือแฟนละครของเธอ แฟนซีรีส์ของเธอ ละครที่เธอเล่นมา ตัวละครที่เธอรับมา มันทำให้ฉันมีชีวิตที่สดใสขึ้น มันทำให้ฉันอยากจะมี มันเหมือนทำให้เรารู้สึกว่านี่ก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ทำให้เรารู้สึกว่าขอบคุณจริงๆ ที่ทำให้เราทั้ง 2 คน ยังได้ทำตามความฝันของตัวเองต่อ ยังรู้สึกว่าสิ่งที่ตัวเองทำมันมีค่าต่อคนอื่น มันก็เลยรู้สึกว่ามันไม่เคยน้อยลงเลย แต่แค่ ณ วันนี้เราคงจะต้องก็เป็นช่วงเวลา สำหรับพี่บางทีมันโหยหา งานที่เราทำตอนนี้มันก็โอเคแหละ แต่บางทีมันโหยหาการไปออกกองหนูตัดทุกอย่างทิ้ง หนูไม่ต้องคิดอะไรเยอะ หนูรู้แค่ว่าหนูต้องทำการบ้าน หนูรู้แค่ว่าโอเควันนี้ข้าวกองมีอะไรอร่อย หนูรู้แค่ว่าวันนี้เดี๋ยวเราจะได้เจอผู้คนหน้าตาเดิมๆ เหมือนไปโรงเรียน แล้วเอาจริงๆ มันมีความสุขมากกว่า มากกว่าเหมือนกันเวลาที่ไม่ต้องคิดอะไรเยอะ นอกจากโฟกัสงานที่เราทำจริงๆ

ฟิล์ม: สำหรับฟิล์มฟิล์มก็คงรู้สึกสนุกอยู่ และยิ่งได้พาร์ทเนอร์เป็นพี่น้ำตาล ฟิล์มรู้สึกว่ายังมีอีกหลายๆ แนวที่ฟิล์มอยากเล่นกับพี่ ฟิล์มรู้สึกว่าฟิล์มคิดเสมอว่าทุกครั้งที่เราได้ทำงานกับคนที่เก่งมันจะช่วยทำให้เราอยากที่จะเก่งขึ้น

น้ำตาล-ฟิล์ม
น้ำตาล-ฟิล์ม

พลูโตเป็นบาร์ที่สูง สร้างความกดดันผลงานชิ้นต่อไปไหม ?

ฟิล์ม: ถามว่ามันกดดันไหม ก็ต้องยอมรับตรงๆ ว่าก็กดดัน แต่คิดว่าจะพยายามทำออกมาให้ดีที่สุดด้วยประสบการณ์ทั้งหมดที่มี

น้ำตาล: สำหรับพลูโตมันเป็นงานหินที่ตอนแรกเครียดมาก เพราะต้องเล่นเป็นฝาแฝดอีกแล้ว คำว่าอีกแล้วมันไม่ได้มาจากจากแค่ความรู้สึกเรา แต่มันมาจากความกดดันของคนอื่นๆ ด้วย แล้วพอสำหรับน้ำตาล น้ำตาลว่าพลูโตมันหินมากๆ แล้วพอมันผ่านมาได้แล้ว น้ำตาลแค่รู้สึกว่ามันไม่ได้มีความกลัวอะไรเลย ถ้ากระบวนการโพรเซสการทำงานมันเป็นไปตามที่มันควรจะเป็น ถ้ามันมีการเวิร์คช็อปที่ดี ถ้ามันมีบทที่ดี มันมีการรีดทรูที่ดี มีการเวิร์คร่วมกันที่ดีมันไม่มีอะไรจะต้องกลัวเลย ส่วนความคาดหวังและความกดดันมันเป็นหน้าที่ของคนดูที่จะรู้สึก ส่วนตัวเราถ้าวันใดน้ำตาลทำเต็มที่แล้ว น้ำตาลจะไม่ตั้งคำถามกับตัวเอง ต่อให้ใครจะตั้งคำถามกับเราก็ตามเพราะน้ำตาลได้ทำมันเต็มที่ไปแล้ว

จุดอิ่มตัว เคยมองภาพนี้ไว้ไหม ?

น้ำตาล: ตอนแรกคิดว่ามันอิ่มไปแล้วด้วย คิดว่าตันในฐานะนักแสดง เล่นก็แล้วเล่นดีสุดๆ แล้ว เล่นถวายชีวิตก็แล้ว แล้วยังไงต่อมันตั้งคำถามแล้วยังไงต่อ ทำยังไงให้คนให้คนเข้ามาดูเราได้เยอะขึ้น ทำยังไงให้สารมันออกไปได้กว้างกว่านี้ อันนี้ต้องของคุณจริงๆ ที่ได้โอกาสมาเล่น GL GL ทำให้คนย้อนกลับไปดูผลงานเรา 2 คนมากๆ ขึ้นในวันที่เขารู้สึกว่าเขาไม่มีอะไรให้ก่อ เขาก็ไปดูผลงานเก่าๆ มันทำให้ผลงานเก่าๆ กลับมามีชีวิตอีกครั้งนึง ก็ขอบคุณโอกาสนี้จริงๆ

ฟิล์ม: กับคำว่าจุดอิ่มตัว จริงๆ เป็นจุดที่ฟิล์มคิดอยู่ตลอดถ้าก่อนหน้านี้ ก่อนที่จะทำงานกับพี่น้ำตาล เป็นจุดที่คิดอยู่เสมอเพราะว่าสำหรับฟิล์มด้วยไลฟ์สไตล์ความชอบ ฟิล์มรู้สึกว่าฟิล์มไม่เหมาะกับวงการบันเทิงเลย ฟิล์มมีสิ่งเดียวที่ยังทำให้อยู่ตรงนี้ได้คืออาชีพนักแสดง ซึ่งฟิล์มก็ไม่รู้ว่าที่ผ่านๆ มาฟิล์มทำได้ดีแค่ไหน แต่ก็แค่มีบางครั้งที่ หรือนี่มันจะไม่ใช่ที่ของเราก็ในเมื่อเราทำทุกอย่างสุดความสามารถไปแล้ว ก็ยังไม่ได้ถึงเป้าหมายที่ตัวเองตั้งไว้สักที ก็เคยคิดว่าหรือเราจะลองไปทำอย่างอื่น แต่พอเราได้เล่นพลูโตพอได้ทำงานกับพี่น้ำตาล ได้มีมุมมองการแสดงใหม่ๆ เข้ามา ก็รู้สึกว่าหวังว่ามันจะไม่ใช่เร็วๆ นี้หรอกมั้ง

น้ำตาล: แต่สำหรับพี่มันเคยมีความรู้สึก 10 ปี มันเหมือนเล่นกี่ตัวละครก็แล้ว หลากหลายก็แล้ว แต่ด้วยชีวิตของมุนษย์ของตัวละคร มันมีชีวิตเสมอทุกครั้งที่เข้ามาใหม่ สำหรับพี่เหมือนพี่เกิดได้เกิดใหม่อีกครั้ง หมายถึงว่าได้เริ่มต้นใหม่กับวงการบันเทิงอีกครั้ง เหมือนนับหนึ่งใหม่จากการได้เข้ามาอยู่ในการเล่นพลูโต เพราะมันยังมีอีกหลายอย่างที่พี่อยู่ในวงการบันเทิงมาไม่เคยได้ทำ ไม่เคยได้เรียนรู้ ไม่เคยได้รู้จัก โอกาสที่ได้ใหม่ๆ ที่เข้ามา ก็รู้สึกว่าเหมือนได้ reborn เหมือนได้เกิดใหม่ในวงการบันเทิงอีกครั้งนึง เหมือนได้ไปวิ่งกระโจนโลดแล่นใหม่อีกครั้งนึง แล้วก็อยากให้มันรันแบบนี้ต่อไปไปจนถึงจุดที่มันรู้สึกว่าโอเค เราฟินแล้ว เราพอแล้วกับตรงนี้ แต่ไม่มีทางทิ้งแน่นอนเพราะว่าก็เคยบอกไว้อยากไปเป็นครูสอนการแสดง แต่ก็จะไม่ทิ้งจะไม่ทิ้งอาชีพนักแสดง เสริมอีกนิดนึงพี่ว่าจุดอิ่มตัวที่เราผ่านๆ มา 10 ปี ของน้องฟิล์มเกือบ 10 ปี เดินทางมา มันเป็นส่วนผสมที่มิกซ์มาแล้วว่าพอมันมาอยู่ในพลูโตมันเก็บเกี่ยวทุกอย่างมา เพื่อใส่ทุกอย่างไปให้คนดูได้ดูว่านี่คือประสบการณ์ที่เราสั่งสมมาเพื่อทำให้เรื่องนี้มันออกมาดีที่สุด แล้วก็เรื่องถัดๆ ไปเราก็ เราก็จะทำให้เต็มที่ค่ะ

น้ำตาล-ฟิล์ม
น้ำตาล-ฟิล์ม

NAMTAN FILM PRINCESS’S TALE FAN MEETING

ฟิล์ม: สำหรับฟิล์มน่าจะต่อยอดมาจากพลูโตก็คือความรักของเจ้าหญิงกับเจ้าหญิง อันนี้ก็เป็นเหมือนเป็นแฟนมีตที่จะเล่าเรื่องราวของเจ้าหญิง และเจ้าหญิง

น้ำตาล: พลูโตมันมันชื่อเรื่องว่านิทานดวงดาวความรัก PRINCESS’S TALE มันก็เป็นเหมือนแบบนิยายเรื่องนึงที่ที่ทุกคนก็มีส่วนในเนื้อหานี้ คนดูทุกๆ คนที่กำลังจะเข้ามาอยู่ในเนื้อเรื่องทั้งหมดที่เรากำลังจะนำเสนอออกไปผ่านแฟนมีตติ้งครั้งนี้ เพราะว่าถ้าไม่มีทุกคนก็คงไม่มีแฟนมีตติ้งครั้งนี้ ใครจะไปคิดคือพี่มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะสามารถจัดแฟนมีตติ้งในไทยได้ ขอบคุณโอกาสแล้วก็ธีมที่บอกมันมาจากพลูโต

ความพร้อมกี่เปอร์เซ็นต์ ?

น้ำตาล: คือเรา 2 คน พร้อมมากๆ เตรียมตัวโอเคระหว่างนี้เราก็มีเรียนร้องเพลง เรียนเต้น แล้วก็เราลงคิวที่จะซ้อมไว้แล้ว ซึ่งก็คิดว่าคือเราเคยผ่านน้ำตาลเคยผ่านตอน Last twilight มาแล้ว Live On Stage ก็รู้สึกว่า ณ ช่วงเวลานั้น เป็นช่วงเวลาที่น้ำตาลมีความสุขมาก เพราะเหมือนได้ย้อนกลับไปตอนทำธีสิส ได้อยู่กับเพื่อนๆ ได้อยู่กับพี่ๆ แดนซ์เซอร์ คุณครูทุกอย่าง มันเหนื่อยนะแต่มันสนุก ก็เฝ้ารอที่จะให้ถึงช่วงเวลาที่ซ้อม

ความพิเศษที่จะเกิดขึ้นในแฟนมีตครั้งแรก ?

น้ำตาล: เราก็อยากทำให้มันพิเศษ ไม่รู้ว่าทุกคนจะคาดหวังอะไรกับโชว์นี้ แต่ว่าเราก็มีส่วนร่วมในการได้คิดว์ด้วย น้องก็เลือกเพลงมาได้สำหรับน้ำตาลก็ดีมากๆ ที่ที่จะเข้าธีมแล้ว แล้วจะทำให้ทุกคนได้อะไรกลับไปแบบครบรส

ฟิล์ม: ถ้าสำหรับฟิล์มมันจะสักแค่ไหนกันเชียวพี่

น้ำตาล: คือน้องเขาเป็นคนจริงๆ เขาอาจจะดูขยับน้อย แต่สำหรับพี่เอนเนอร์จี้ฟิล์มเป็นบาร์ที่ค่อยๆ ขึ้น ฟิล์มจะไม่รู้สึกเหนื่อยเหมือนแต่ก่อน เพราะว่าฟิล์มมีการขยับที่มันเร็วขึ้น ส่วนน้ำตาลก็รู้สึกว่าตัวเองเริ่มอ่อมแก่

ฟิล์ม: ไม่พี่

น้ำตาล: ด้วยแบบพอออกกำลังกาย ไม่ออกกำลังกายเลยจริงๆ การออกกำลังกายสำคัญากๆ สำหรับน้ำตาล เพราะว่ามันทำให้เหมือนแบบร้องเพลงก็ทำได้ดีขึ้น เต้นก็มีแรงมากขึ้น อันนี้ก็เป็นเหมือนจริงๆ มันเป็นโกลที่มาจาก girl rules ด้วยแหละที่เราอยากปั้นหุ่น เหมือนนักแสดงฮอลลีวูดที่แบบการรับตัวละครตัวนึง สรีระต่างๆ กายภาพเขาเปลี่ยนไปตามตัวละครที่มันควรจะเป็น เราก็เลยแบบคิดว่าถ้าเราจะทำอะไรใหม่ๆ ให้คนดูนอกจากอินเนอร์ข้างในที่เราคิดว่าเราสามารถทำได้ กายภาพข้างนอกเราเคยทำหรือยัง ซึ่งยังก็เลยรู้สึกว่ามันเป็นผลพวงที่ช่วงออกกำลังกายก็เลยคิดว่าคงพร้อมมากๆ แต่ว่าเราทั้ง 2 คน สิ่งที่รับรู้ก็คือเราเรากินเราไม่อด นี่คือสิ่งที่สำคัญมากในการทำโชว์ หมายถึงว่าถ้าเราไปอดข้าวกลัวจะอ้วน ไม่ได้ เราก็จะไม่มีแรง

ฟิล์ม: ของฟิล์มก็เราลดไปแล้วตอนเมธาวีในพลูโต ฟิล์มลดไปเยอะมาก ช่วงนี้ก็กลับมากินก็เดี๋ยวต้องออกกำลังกาย (โชว์ที่จะได้เห็น จะไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน) ไม่เคยเห็น เป็นการสปอยได้ไหม (สปอยนิดนึง) กลับมาทำใหม่ สำหรับน้องฟิล์ม สำหรับฟิล์มกลับมาทำใหม่ โดยมีพาร์ทเนอร์

น้ำตาล: ใช่มันก็เป็นคงจะเป็นอะไรที่แบบว่าใหม่ๆ แหละ

ฟิล์ม: แต่ฟิล์มมองภาพโชว์วันนี้ไว้ว่าสนุกมาก มันต้องสนุกมาก แล้วมันต้องดีมากๆ มันต้องเป็นความทรงจำที่ดีมากๆ แน่ๆ

น้ำตาล: คือสำหรับน้ำตาลเสน่ห์ของของละคร หรือความสดของทุกอย่างที่อยู่บนสเตจ มันคือโมเมนต์ ณ วันนั้น น้ำตาลเคยกลัวที่จะผิดพลาด แต่ว่าความผิดพลาด เคยโดนสอนมาครูกิตสอนร้องเพลง บางทีความผิดพลาดมันคือเสน่ห์ที่ทำให้ทุกคนตกหลุมรักเรา เพราะว่าก็ผิดๆ ก็แค่นั้น มันไม่ได้ทำให้ใครต้องเป็นอะไร ก็ถ้าสมมุติว่าเราผิดเราก็แค่เดินต่อ นั่นคือหน้าที่ของเราที่จะทำให้คนดูมีความสุข

ฟิล์ม: คิดว่าสมกับการรอคอย แล้วก็จากการห่างหายหลังพลูโตจบ

น้ำตาล-ฟิล์ม
น้ำตาล-ฟิล์ม

ถ้า sold out มันจะมีทัวร์ประเทศอื่นไหม ?

น้ำตาล: โอ้โหก็หวังว่า ก็หวังว่าจริงๆ มันขึ้นอยู่กับทุกคนเลย มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับเรา เราก็จะทำมันให้เต็มที่ที่สุด ถ้าสมมุติว่าอยากให้มีเวิร์ดทัวร์นี่เวิร์ดทัวร์ก็อยากให้ทุกคนช่วยกันซัพพอร์ตตรงนี้ แล้วก็คิดว่าทุกคนน่าจะชอบ

ฟิล์ม: ก็เหมือนกับแฟนมีตครั้งนี้ที่มันจะเกิดขึ้นไม่ได้เลย ถ้าเกิดไม่ได้รับการสนับสนุนจากแฟนคลับทุกๆ คน ถ้าเกิดอยากให้มีครั้งต่อๆ ไปก็นั่นแหละ

น้ำตาล: I love sold out ก็ฝากด้วยนะคะกับ NAMTAN FILM PRINCESS’S TALE FAN MEETING นะคะ จะเกิดขึ้นในวันที่ 8 มีนาคมนี้นะคะ ที่ MCC HALL floor 3 เดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ บางกะปิ ค่ะ ถ้าใครซื้อบัตรไม่ทันสมมุติว่า sold out ละกัน สาธุว่า sold out เรายังมี Live Streaming ให้ได้ดูกันนะคะ ซึ่ง Live Streaming ก็ได้อรรถรสไปอีกแบบนึง เพราะว่ากล้องก็จะซูมเข้ามาที่หน้าเราแบบชัดๆ ก็จะได้เห็นโมเมนต์ที่ชีเสิร์ฟอย่างแบบฮ็อปมาก ก็เป็นความสนุกอีกแบบ ก็สมมุติว่าวันนั้นใครไม่ว่าง หรือใครไม่สะดวกที่จะเดินทางมาที่ประเทศไทยนะคะ ก็สามารถดูผ่าน Live Streaming ได้ค่ะ

ฟิล์ม: ใช่ แล้วก็มาเก็บความทรงจำไปด้วยกันนะคะ ครั้งแรกมีครั้งเดียวค่ะ

น้ำตาล / ฟิล์ม: ขอบคุณนะคะ

คลิปสัมภาษณ์: https://youtu.be/zYnRrdNkIAg?si=w-nfXYCZrS21ZrEq

สั่งชาเขียวหวานน้อย ทำไมได้น้ำเปล่ากลับมา

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้ที่จำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ (Strictly Necessary Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้มีความสำคัญต่อการปฏิบัติการของเว็บไซต์ feedforfuture.co ซึ่งจะช่วยให้ท่านสามารถเข้าถึงข้อมูลและเนื้อหาต่างๆ ของเว็บไซต์เราได้ทุกส่วน โดยเฉพาะส่วนสมาชิกผู้ใช้งานของเว็บไซต์ ตลอดจนการตรวจสอบจำนวนผู้เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ของเรา

  • คุกกี้ด้านประสิทธิภาพการทำงานของเว็บไซต์ (Performance Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้ใช้เพื่อรวบรวมข้อมูลทางสถิติเกี่ยวกับการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน เพื่อวิเคราะห์ และช่วยให้เราทราบถึงพฤติกรรมการใช้งาน ซึ่งจะช่วยปรับปรุงการทำงานของเว็บไซต์เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดในการใช้งานบนเว็บไซต์ของเรา

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาเข้ากับกลุ่มเป้าหมาย (Targeting Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้ใช้ในการบันทึก และจดจำคุณลักษณะต่างๆ ที่ท่านได้เลือกขณะเข้าชมเว็บไซต์ของเรา เช่น หมวดหมู่ และเนื้อหาที่ท่านชอบอ่านมากที่สุด เราจะบันทึกข้อมูลเหล่านี้ และนำกลับมาใช้เมื่อท่านกลับเข้ามาที่เว็บไซต์ของเราอีกครั้ง เพื่อปรับให้ท่านได้รับชมเนื้อหาได้ตรงกับความชอบของท่านให้มากที่สุด

  • คุกกี้เพื่อนำเสนอโฆษณาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย (Advertising Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้ใช้เพื่อจดจำพฤติกรรมการอ่านเนื้อหาบนเว็บไซต์ของท่าน รวมถึงรายละเอียดของอุปกรณ์ที่ท่านใช้ เพื่อนำไปใช้วิเคราะห์การนำเสนอโฆษณาที่เหมาะสมกับท่านมากที่สุด และช่วยวัดความมีประสิทธิผลของโฆษณาที่เรานำเสนอด้วย ตลอดจนช่วยป้องกัน หรือจำกัดจำนวนครั้งที่ท่านจะเห็นโฆษณาเดิมซ้ำๆ

บันทึก