เรียกเสียงฮือฮากันสุดๆ หลังจากที่ได้มีการเปิดตัวซีรีส์ คมเดือน (Mandate) เกมการเมือง เรื่องของหัวใจ ในงานแถลงข่าว MONO ORIGINAL 2025 ที่ทาง MONO ORIGINAL ได้ร่วมมือกันกับ อาซ่า สตูดิโอ ของหมู อาซาว่า หรือ หมู พลพัฒน์ โดยได้คว้าพระเอกหนุ่ม บอย ปกรณ์ มาประเดิมซีรีส์แนวบอยเลิฟเป็นเรื่องแรก พร้อมประกบคู่กับเบน บัญญพนต์
โดยบอยได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนถึงเรื่องนี้ว่า ตื่นเต้นมากเป็นซีรีส์ Boy Love เรื่องแรก ถือเป็นประสบการณ์ใหม่ๆ ในอาชีพนักแสดง ยังไงก็จะพยายามเต็มที่ ด้านเคมีกับน้องเบน รู้สึกว่าเคมีของเราเข้ากันได้ดี ยังไงก็ต้องฝากเนื้อฝากตัวกับสาววาย
พระเอกซีรีส์วายเรื่องแรกในชีวิต? “สำหรับคมเดือนก็เป็นซีรีส์วายเรื่องแรกของผมเลย รู้สึกตื่นเต้นจริงๆ ไม่ได้ตื่นเต้นแบบนี้มานานมากๆ แล้วเหมือนกัน เหมือนกับเรามาอยู่ในวงการตรงนี้ เป็นนักแสดงมานานหลายปี แต่พอเรากระโดดเข้ามาเล่นซีรีส์วายก็เหมือนเราเข้ามาเริ่มต้นใหม่เหมือนกัน เป็นน้องใหม่ในวงการตรงนี้ คงน่าจะมีอะไรให้เราเรียนรู้อีกเยอะ ก็เป็นอะไรที่เรารู้สึกตื่นเต้นจริงๆ แล้วก็รู้สึกว่าเวลาที่เราได้เจออะไรที่ท้าทายมันจะเติมไฟให้เรา ให้เรารู้สึกอยากสนุกกับการทำงาน อยากลุกจากเตียงขึ้นมาเพื่อไปกองถ่าย”
ข้ามขีดจำกัดของตัวเองด้วยหรือเปล่าในการทำงาน? “ความจริงแล้วมันเป็นประสบการณ์ใหม่ แต่ถ้าถามว่ามันก็ไม่ได้ใหม่ทั้งหมดเลย มันก็คือการแสดงนั่นแหละ ถ้าถามผมมันก็เหมือนเป็นบทบาทใหม่ หลักๆ แล้วการแสดงคือการที่เราต้องสวมบทบาทไปเป็นตัวละครนั้นๆ เท่านั้นเอง แต่ว่ามันแค่อาจจะเป็นสิ่งใหม่ๆ ที่เราเรียนรู้บ้าง”
ตัดสินใจนานไหม? “ก็ไม่ได้นานมากขนาดนั้น คือเริ่มต้นพี่หมูอาซาว่าโทรมาก่อน คุยกันว่าพี่หมูจะมาเป็นผู้จัดละครแล้ว อยากให้ผมมาเล่นละครกับพี่หมู พี่หมูก็บอกตรงๆ เลยว่าเป็นบอยเลิฟ เป็นซีรีส์วาย พี่หมูก็เล่าคอนเซปต์คร่าวๆ ให้ฟังแล้วนัดแนะมาคุยกัน สำหรับผมฟังครั้งแรกก็รู้สึกสนใจเลย เริ่มต้นเลยสำหรับผมงานทุกๆ ชิ้นที่เกี่ยวกับการแสดงอย่างแรกก็คือสนุก ซึ่งแน่นอนบทมันสนุกมันเป็นซีรีส์การเมืองมีความเข้มข้นเชือดเฉือน รู้สึกว่ามีหลายๆ อย่างที่มันโอเค อย่างเช่นบทสนุก และอย่างตัวเรื่องเป็นซีรีส์วายก็จริง ซึ่งตอนแรกผมก็กังวลว่าเล่นซีรีส์วายต้องมีฉากเลิฟซีนคนดูเขาจะชอบไหม แต่เรื่องนี้เป็นซีรีส์วายที่ผมไม่ต้องลดอายุตัวเองเลย ในเรื่องผมก็เล่นเป็นตัวละครอายุ 40 เท่ากับอายุจริง น้องเขาก็เท่ากับอายุจริงๆ เหมือนกัน มันจะเป็นเรื่องความรักต่างวัย ก็เลยรู้สึกว่าก็ดีนะ ถ้าอย่างนี้ผมก็หมดคำถามแล้ว ที่เหลือแค่ขอบทพี่หมูไปอ่านสักนิดนึง เพื่อเมคชัวร์ พอได้อ่านบทก็ตอบตกลง”
พี่หมูได้บอกไหมว่าเลือกบอยเพราะอะไร? “เรื่องแรกที่เขาอยากทำ เขาก็อยากทำเป็นซีรีส์วาย อย่างแรกคือตัวผมค่อนข้างเข้ากับคาแรกเตอร์ วัยได้ แล้วก็เรื่องนี้มันมีความเป็นดราม่า เชือดเฉือน บวกกับความโรแมนติก เขาก็บอกว่าเขาอยากได้ประสบการณ์การทำงานของผมด้วย เหมือนกับว่ามันต้องเป็นคนที่ผ่านเรื่องราว อะไรต่างๆ ในการใช้ชีวิตมาพอสมควร ให้มันสมวัย ซึ่งก็เป็นบทที่ท้าทาย”
ภาพจำบอยเลิฟของบอยเมื่อก่อนเป็นยังไงบ้าง? “ผมว่าความจริงแล้วมันก็ไม่ได้ต่างอะไรกันเลยระหว่างละครที่เป็นชาย-หญิงกับชาย-ชาย คือถ้าในแง่ของคนทำงานผมพูดจริงๆ เล่นละครชาย-หญิง เราเป็นผู้ชายคนหนึ่งต้องมารักกับผู้หญิงอีกคนหนึ่ง อาจจะเป็นเพื่อนร่วมงาน หรือว่าเพิ่งรู้จักกัน แต่เรารักกันในละคร กับซีรีส์ชาย-ชายก็เหมือนกัน แค่เป็นคนละเพศ เพราะฉะนั้นการทำงานของนักแสดงคือการสวมวิญญาณเป็นตัวละครเท่านั้นเอง ผมว่าก็ไม่มีปัญหาในการที่จะเล่นละครแล้วอินกับการที่ผมจะรักคนที่เป็นผู้ชาย มันคือการสวมวิญญาณเป็นตัวละครมากกว่า”
เรามีการทำการบ้านเพิ่มเติมไหม? “ที่เราทำงานด้วยกันมีครั้งเดียวคือ pilot ที่ทุกคนได้เห็น กับภาพนิ่ง แต่ว่าหลังจากนี้มีการคุยกันเยอะ ว่าเดี๋ยวจะต้องไป เวิร์กช้อปค่อนข้างเยอะ เพราะผมก็ขอเวิร์กช้อปค่อนข้างเยอะเหมือนกัน เพราะอย่างที่บอกมันก็ใหม่สำหรับผม แต่เรื่องที่ผมเล่นวายไม่ใช่อุปสรรค”
บอยกังวลเรื่องอะไรบ้างเพราะอย่างซีรีส์บอยเลิฟจะมีเรื่องของการวิจารณ์น่าจะเยอะ หรือการเปรียบเทียบก็น่าจะเยอะ? “ก็ยังไม่ได้กังวลล่วงหน้าไปถึงตรงนั้น ก็แค่โฟกัสในจุดที่ว่าเราก็ต้องทำของเราให้เต็มที่ และตื่นเต้นกับเนื้องานตรงนี้”
เคยคิดไหมว่าการแสดงของเราจะมีการเปลี่ยนแปลง? “ผมว่าโลกเราทุกวันนี้โดยเฉพาะอาชีพนักแสดงมันมีการเปลี่ยนเทรนด์ของมันไปเรื่อยๆ การเป็นนักแสดงที่ดีก็ต้องหมุนตัวแล้วปรับตามเทรนด์ให้ได้ ถ้าสำหรับผมผมไม่ได้รู้สึกว่ามันเป็นอะไรที่มันยาก หรือเป็นอะไรที่ต้องคิดเยอะขนาดนั้น แค่เราได้ก้าวลงไปในจุดที่เป็นความท้าทายของเรา ได้พิสูจน์การทำงาน ทักษะสกิลการแสดงของเราแค่นี้ก็โอเคแล้ว อีกอย่างหนึ่งคือผมต้องให้เครดิตตัวน้องเบน บัญญพนต์ ด้วยผมรู้สึกว่าพอได้เจอตัวน้องเบนครั้งแรก วันถ่ายน้องเขาเป็นเด็กน่ารักและค่อนข้างเปิดมาก เขาไม่มีกำแพงกับผมเลย สำหรับผมๆ คิดว่าผมใหม่สำหรับซีรีส์วาย พอผมเจอน้อง ผมก็พูดคุยกับน้องเลยเพราะผมอยากทำความรู้จักน้อง อยากเรียนรู้ อยากละลายพฤติกรรม เพราะวันนั้นต้องถ่ายเทรลเลอร์กันเลย รู้สึกว่าเขาเป็นเด็กที่เปิดมากๆ รับฟังเราถามเรานู่นนี่ และเราก็ถามเขาด้วย เรียนรู้ซึ่งกันและกันและอีกอย่างหนึ่งรู้สึกว่าเขามีอินเนอร์ในเรื่องของการแสดง เขามีพื้นฐานมาค่อนข้างแน่น เรื่องสายตา อารมณ์เขาส่งมาได้ดี”
เราไม่มีกำแพงเรื่องการแสดงของตัวเองใช่ไหม? “ไม่มีนะครับความจริงแล้วยิ่งบทที่มันยิ่ง ดาร์กมากๆ ถ้าใครเคยอ่านบทสัมภาษณ์ผม เขาจะมีถามว่าผมอยากเล่นอะไรบ้าง ผมก็บอกว่าผมอยากเล่นแนวน้ำพุ ติดยา มันก็เป็นบทไกลตัว ยิ่งไกลตัวแล้วมันรู้สึกว่ามันน่าสนใจ”
เลิฟซีนเรื่องนี้มีลิมิตไหมว่าได้แค่ไหน? “ความจริงแล้วก็มีคุยบ้าง ทางพี่หมูก็บอกว่าเลิฟซีนก็จะเน้นให้ภาพดูสวยคลาสสิค ก็เหมือนละครชาย-หญิง เลิฟซีนก็เหมือนละครทั่วไป ผมเชื่อว่าพี่หมูเขาทำออกมาไม่ให้ดูภาพน่าเกลียดอยู่แล้ว แต่ในเรื่องของตัวผมเองในเรื่องอินเนอร์ ในเรื่องการเล่นเลิฟซีน ผมเชื่อว่าผมสามารถทำมาได้แน่ๆ แค่ขออาศัยเวลาการเรียนรู้ รู้จักกับน้อง ทำเวิร์กช้อปกับน้อง ถึงวันนั้นพอเราสวมวิญญาณอินกับตัวละคร พอมันเกิดเป็นความรักระหว่างตัวละคร ตรงนั้นก็เป็นเรื่องธรรมชาติของตัวละครแล้ว”
เรามักจะไม่ค่อยเห็นพระเอกรับบทแบบนี้สักเท่าไหร่ เพราะด้วยความที่จะกลายเป็นภาพจำ หรืออะไรก็แล้วแต่ที่จะเป็นผลกระทบกับตัวนักแสดง มองเรื่องนี้ยังไงบ้าง? “อย่างที่ผมบอกไปนักแสดงที่ดีควรจะต้องรับได้ทุกบทบาท คืออาจจะมีภาพจำบ้างอะไรบ้างก็เป็นเรื่องปกติที่คุณอาจจะจำ แต่พอเราไปเล่นเรื่องใหม่แล้วทำหน้าที่ของเราได้เต็มที่เดี๋ยวคุณก็ไปจำอันใหม่ต่อเอง เอาจริงๆ เรื่องนี้ตั้งแต่ผมรับเล่นจนถึงตอนนี้ ผมยังไม่ได้รู้สึกกังวลอะไรเลย ยิ่งถ่ายเทรลเลอร์ มาได้รู้จักทีม ได้รู้จักน้องเบน ผมรู้สึกสบายใจและตื่นเต้น รอที่จะได้ทำงานด้วยกัน”
ได้ถามเฟย์ พรปวีณ์ (FFK) บ้างไหม? “เฟย์ไม่ว่าอะไรนะ คือผมกับเฟย์ค่อนข้างที่จะให้เกียรติกันในเรื่องของการทำงานมากกว่า ถามว่าผมต้องขออนุญาตไหม ไม่ต้องขอแค่เล่าให้เขาฟัง เขาก็ฟังแล้วก็มีความตื่นเต้นตาม แต่เขาก็เข้าใจ”
ปฏิกิริยาเป็นยังไง? “ถ้าถามจริงๆ ก็กังวลนิดหน่อยว่าพอเล่าให้เขาฟังแล้วเขาจะเป็นยังไงนะ ปรากฏว่าเขาก็ไม่ได้รู้สึกอะไร ก็ดีครับ เพราะผมกับเฟย์เราสองคนค่อนข้างให้เกียรติกันเรื่องงาน หมายถึงว่าถ้าผมรับทำงานอะไรเขาก็จะมั่นใจว่าเราก็คิดดีแล้ว และอีกอย่างหนึ่ง ความจริงแล้วการที่ผมรับเล่นเรื่องนี้ ผมรู้สึกว่ามันเป็นหนึ่งในซีรีส์วายที่แปลกใหม่ในเรื่องการเมือง และผมน่าจะเป็นนักแสดงซีรีส์วายที่อายุเยอะที่สุดด้วย แล้วมันก็เป็นเรื่องความรักต่างวัยน่าจะมีแก๊ปอะไรให้เล่นเยอะในเรื่อง ผมมองว่าเป็นโอกาสที่ดีและเป็นอะไรที่สร้างความแตกต่าง”
มองภาพการเปลี่ยนแปลงยังไงบ้างกับการเล่นซีรีส์วาย? “ไม่กังวลเลย ถ้าคนมองเราและยังจำภาพเราเล่นซีรีส์วาย สำหรับผมๆ รู้สึกว่ามันประสบความสำเร็จ เพราะทำให้คนเชื่อได้ ก็จะทำให้เต็มที่”
ถ้ามีเรื่องอื่นที่น่าสนใจกลับไปเป็นหญิง-ชายเหมือนเดิม? “ผมก็มีซีรีส์เรื่อง 4 เสือแดนสยาม อย่างผมเล่น 4 เสือพระ-นาง ก็เหมือนกันนางเอกเป็นใครก็ไม่รู้ ในชีวิตจริงไม่ใช่คู่รักของผมแต่ผมต้องรักเขา ซีรีส์วายก็เหมือนกัน ผมใช้ตรรกะเดียวกันว่าเขาก็คือคนหนึ่งที่ผมร่วมงาน แล้วผมต้องรักเขาในตอนที่กลายเป็นตัวละคร แต่ทั้งหมดทั้งมวลมันก็ต้องขึ้นอยู่กับเคมีของสองคนด้วย อันนี้ผมไม่ได้เข้าข้างตัวเองแต่ผมรู้สึกว่าผมเจอน้องมา 2 วันแล้วผมรู้สึกว่าเคมีของเราค่อนข้างไปกับน้องได้ดี รู้สึกว่าคุยกันถูกคอ คุยกันภาษาเดียวกัน นั่งอยู่ด้วยกันผมไม่ได้รู้สึกว่าตะขิดตะขวงอึดอัด”