ในยุคที่โลกหมุนไปอย่างรวดเร็ว วัยรุ่นต้องเผชิญกับแรงกดดันหลายด้าน ทั้งการเรียน ความคาดหวังจากครอบครัว และการใช้สื่อสังคมออนไลน์ จนเกิดความเครียดสะสม แต่บ่อยครั้งปัญหานี้กลับถูกมองข้ามจากครอบครัว ด้วยความคิดที่ว่าความเครียดของเด็กเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย ไม่รุนแรงเหมือนความเครียดของผู้ใหญ่ ทำให้แทนที่เด็ก ๆ จะมีที่พึ่ง กลับยิ่งทำให้รู้สึกโดดเดี่ยวและเครียดมากกว่าเดิม จนอาจนำไปสู่ภาวะซึมเศร้าหรือปัญหาสุขภาพจิตอื่น ๆ โดยข้อมูลจากกรมสุขภาพจิตในปี 2565 ชี้ว่าวัยรุ่นมีแนวโน้มที่จะเครียดมากขึ้น และพบว่าความเครียดในวัยรุ่นสูงกว่ากลุ่มวัยทำงานถึง 4 เท่า ซึ่งเป็นตัวเลขที่น่ากังวล วันนี้ พญ. เพ็ญชาญา อติวรรณาพัฒน์ แพทย์ผู้ชำนาญการด้านจิตเวช ศูนย์สุขภาพใจ รพ.วิมุต จะชวนมาทำความเข้าใจว่าความเครียดของวัยรุ่นก็เป็นเรื่องใหญ่ไม่ต่างกับผู้ใหญ่ พร้อมแนะนำแนวทางที่ครอบครัวสามารถสนับสนุนวัยรุ่นให้มีสุขภาพจิตที่ดี ก้าวข้ามช่วงเวลาที่ยากลำบากไปได้

ความเครียด ปัญหาของวัยรุ่นที่ไม่ได้หายง่าย ๆ

หนึ่งในปัญหาสุขภาพจิตที่พบได้บ่อยในวัยรุ่นคือ ความเครียด ภาวะอารมณ์หรือความรู้สึกที่เกิดขึ้นเมื่อต้องเผชิญกับปัญหาต่าง ๆ ทำให้รู้สึกไม่สบายใจ อึดอัด และไม่สามารถใช้ชีวิตอย่างมีความสุข  พญ. เพ็ญชาญา อติวรรณาพัฒน์ อธิบายเพิ่มเติมว่า “บ่อยครั้งเวลาเราเจอปัญหาหรืออุปสรรคที่เข้ามาในชีวิต ก็เป็นเรื่องปกติที่ทำให้เรารู้สึกเครียด ซึ่งหลายคนพอเห็นว่าเด็ก ๆ เครียด ก็มักแนะนำให้ไปฟังเพลง เล่นเกม หรือคุยกับเพื่อนก็น่าจะหายเครียดแล้ว แต่จริง ๆ ความเครียดของวัยรุ่นไม่ได้แก้ไขง่ายขนาดนั้น เพราะการจัดการกับความเครียดบางครั้งก็ต้องการคนคอยแนะนำและอยู่เคียงข้าง”

พญ. เพ็ญชาญา อติวรรณาพัฒน์ แพทย์ผู้ชำนาญการด้านจิตเวช ศูนย์สุขภาพใจ รพ.วิมุต
พญ. เพ็ญชาญา อติวรรณาพัฒน์ แพทย์ผู้ชำนาญการด้านจิตเวช ศูนย์สุขภาพใจ รพ.วิมุต

ส่องปัจจัยและสัญญาณความเครียดในวัยรุ่นที่ครอบครัวต้องใส่ใจ

วัยรุ่นในปัจจุบันต้องเผชิญกับหลายปัจจัยที่ทำให้เครียด ไม่ว่าจะเป็นแรงกดดันจากการเรียน ความคาดหวังจากครอบครัว หรือแม้แต่การเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่นในโลกออนไลน์ และยังเกี่ยวข้องกับความเปลี่ยนแปลงทางฮอร์โมนที่ทำให้มีอารมณ์แปรปรวนได้ง่ายขึ้น ซึ่งความเครียดเหล่านี้หากสะสมไว้นานอาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพจิตอื่น ๆ เช่น โรคซึมเศร้า ภาวะวิตกกังวล โรคอารมณ์สองขั้ว หรือภาวะสมาธิสั้น พญ. เพ็ญชาญา อติวรรณาพัฒน์ เล่าถึงสัญญาณของความเครียดว่า “ปกติเด็กไม่ค่อยแสดงออกว่าตัวเองเครียด ผู้ปกครองอย่างเราจึงควรเฝ้าดูอย่างใกล้ชิดว่ามีอะไรที่เปลี่ยนแปลงไป เช่น ได้เกรดน้อยลง ชอบอยู่คนเดียวมากกว่าอยู่กับเพื่อนหรือครอบครัว หรือหงุดหงิดง่ายขึ้น ซึ่งถ้าเด็ก ๆ มีอาการแบบนี้ก็อาจเกิดจากความเครียด ควรหันมาใส่ใจและพูดคุยหาสาเหตุร่วมกันทันที”

Close-up image of supporting hands of friend

ครอบครัวต้องเป็นเซฟโซนให้เด็ก

คนที่ใกล้ชิดที่สุดอย่างครอบครัว คือจุดเริ่มต้นในการดูแลสุขภาพจิตของวัยรุ่น ในยุคที่โลกโซเชียลมีอิทธิพลต่อวัยรุ่น สิ่งสำคัญอย่างแรกคือการสอนให้เด็ก ๆ ใช้สื่อออนไลน์อย่างมีสติ และแบ่งเวลาทำกิจกรรมในชีวิตจริง เช่น ออกกำลังกาย อ่านหนังสือ หรือใช้เวลากับครอบครัว เพื่อลดความกดดันจากโลกออนไลน์ นอกจากนี้การสร้างบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความเข้าใจและการสื่อสารเชิงบวกในครอบครัวก็เป็นกุญแจสำคัญในการป้องกันไม่ให้เกิดความเครียดสะสม ลดโอกาสที่วัยรุ่นจะหันไปหาสารเสพติดหรือทางออกที่ผิด พญ. เพ็ญชาญา อติวรรณาพัฒน์ อธิบายต่อว่า “ครอบครัวควรจะเป็นเซฟโซนที่วัยรุ่นสามารถเล่าปัญหาหรือระบายความรู้สึกโดยไม่ถูกตัดสินหรือมองว่าเป็นภาระ ผู้ปกครองควรพูดคุยกับเด็ก ๆ อย่างเปิดใจ ไม่ละเลยหรือด้อยค่าความเครียด วิธีนี้จะช่วยให้สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงที่อาจเป็นสัญญาณของปัญหาทางจิตใจ ทำให้ผู้ปกครองสามารถพูดคุยและช่วยจัดการความเครียดของลูก ๆ ได้อย่างเหมาะสม และหากจำเป็นก็ควรพาไปปรึกษาจิตแพทย์เพื่อขอคำแนะนำ ซึ่งปัจจุบันเป็นเรื่องปกติในสังคมที่ไม่ต้องรู้สึกอาย”

young girl in yellow bomber jacket covering mouth face with hands and looking regretful , front view.

“คุณพ่อคุณแม่ทุกคนต้องเข้าใจว่าความเครียดของวัยรุ่นไม่ใช่เรื่องเล็ก แต่เป็นปัญหาที่ต้องทำความเข้าใจอย่างจริงจัง ในฐานะคนในครอบครัวก็อยากให้ช่วยกันแก้ไขปัญหา รับฟังและพูดคุยกับพวกเขาอย่างไม่ตัดสิน ทำให้ครอบครัวเป็นเซฟโซนที่เด็ก ๆ สามารถพึ่งพาได้ เพื่อให้พวกเขารู้สึกว่า ไม่ว่าจะพบเจอกับความเครียดขนาดไหน ก็จะสามารถผ่านไปได้เสมอ”  พญ. เพ็ญชาญา อติวรรณาพัฒน์ กล่าวทิ้งท้าย

ผู้ที่สนใจปรึกษาแพทย์โรงพยาบาลวิมุต สามารถติดต่อได้ที่ศูนย์สุขภาพใจ ชั้น 18 หรือโทรนัดหมาย 02-079-0078 เวลา 8.00-18.00 น. หรือใช้บริการ Telemedicine ปรึกษาแพทย์ออนไลน์ผ่าน ViMUT App คลิก https://bit.ly/372qexX

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้ที่จำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ (Strictly Necessary Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้มีความสำคัญต่อการปฏิบัติการของเว็บไซต์ feedforfuture.co ซึ่งจะช่วยให้ท่านสามารถเข้าถึงข้อมูลและเนื้อหาต่างๆ ของเว็บไซต์เราได้ทุกส่วน โดยเฉพาะส่วนสมาชิกผู้ใช้งานของเว็บไซต์ ตลอดจนการตรวจสอบจำนวนผู้เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ของเรา

  • คุกกี้ด้านประสิทธิภาพการทำงานของเว็บไซต์ (Performance Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้ใช้เพื่อรวบรวมข้อมูลทางสถิติเกี่ยวกับการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน เพื่อวิเคราะห์ และช่วยให้เราทราบถึงพฤติกรรมการใช้งาน ซึ่งจะช่วยปรับปรุงการทำงานของเว็บไซต์เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดในการใช้งานบนเว็บไซต์ของเรา

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาเข้ากับกลุ่มเป้าหมาย (Targeting Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้ใช้ในการบันทึก และจดจำคุณลักษณะต่างๆ ที่ท่านได้เลือกขณะเข้าชมเว็บไซต์ของเรา เช่น หมวดหมู่ และเนื้อหาที่ท่านชอบอ่านมากที่สุด เราจะบันทึกข้อมูลเหล่านี้ และนำกลับมาใช้เมื่อท่านกลับเข้ามาที่เว็บไซต์ของเราอีกครั้ง เพื่อปรับให้ท่านได้รับชมเนื้อหาได้ตรงกับความชอบของท่านให้มากที่สุด

  • คุกกี้เพื่อนำเสนอโฆษณาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย (Advertising Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้ใช้เพื่อจดจำพฤติกรรมการอ่านเนื้อหาบนเว็บไซต์ของท่าน รวมถึงรายละเอียดของอุปกรณ์ที่ท่านใช้ เพื่อนำไปใช้วิเคราะห์การนำเสนอโฆษณาที่เหมาะสมกับท่านมากที่สุด และช่วยวัดความมีประสิทธิผลของโฆษณาที่เรานำเสนอด้วย ตลอดจนช่วยป้องกัน หรือจำกัดจำนวนครั้งที่ท่านจะเห็นโฆษณาเดิมซ้ำๆ

บันทึก