ปัจจุบันการเข้าถึงง่ายของบุหรี่ไฟฟ้า ทำให้เกิดนักสูบหน้าใหม่เพิ่มขึ้น เยาวชนไทยอายุ 13-15 ปี สูบบุหรี่เพิ่มเป็น 17.6% และมีเยาวชนหญิงสูบบุหรี่เพิ่มมากขึ้น และยังเป็นประเด็นที่มีการถกเถียงกันมากถึงโทษของบุหรี่ไฟฟ้า
บุหรี่ไฟฟ้าคืออะไร?
บุหรี่ไฟฟ้าเป็นอุปกรณ์สูบบุหรี่ชนิดหนึ่ง ซึ่งใช้กลไกไฟฟ้าทำให้เกิดความร้อน และไอน้ำที่ประกอบไปด้วยสารเคมีต่างๆ โดยไม่มีควันจากกระบวนการเผาไหม้เหมือนบุหรี่ปกติทั่วไป ประกอบด้วยส่วนประกอบหลัก 3 ส่วน คือ แบตเตอรี่ ตัวทำให้เกิดไอและความร้อน (Atomizer) และน้ำยา ถ้ากล่าวถึงเฉพาะส่วนของน้ำยาที่จะถูกทำให้เป็นไอและเข้าสู่ร่างกายของผู้สูบจะประกอบด้วยสารประกอบหลักๆ คือ
- นิโคติน ซึ่งเป็นสารเสพติดชนิดหนึ่งที่พบได้ในทั้งบุหรี่ไฟฟ้าและบุหรี่ปกติทั่วไป เป็นสารที่ทำให้ร่างกายเสพติดการสูบบุหรี่
- โพรไพลีนไกลคอล เป็นส่วนประกอบในสารสำหรับการทำให้เกิดไอ
- กลีเซอรีน เป็นสารเพิ่มความชื้นที่จะผสมผสานกับสารโพรไพลีนไกลคอล องค์การอาหารและยา (FDA) ยืนยันถึงความปลอดภัยว่าใช้ได้ทั้งในอาหารและยา แต่ยังไม่ได้รับการยืนยันว่าเมื่อเปลี่ยนรูปแบบเป็นไอที่สูบหรือสูดแล้วเกิดผลกระทบอย่างไรต่อร่างกาย เช่นเดียวกันกับโพรไพลีนไกลคอล
สารแต่งกลิ่นและรส เป็นสารเคมีที่ใช้กับอาหารทั่วๆ ไป ซึ่งมีความปลอดภัยเมื่อรับประทานเข้าสู่ร่างกาย แต่ยังไม่ได้รับการยืนยันว่าเมื่อเปลี่ยนรูปแบบเป็นไอที่สูบหรือสูดแล้วเกิดผลกระทบอย่างไรต่อร่างกาย
บุหรี่ธรรมดา VS บุหรี่ไฟฟ้า อะไรอันตรายมากกว่าหรือน้อยกว่ากัน?
เป็นความจริงที่ว่าบุหรี่ไฟฟ้ามีกลไกการทำงานที่ไม่มีกระบวนการเผาไหม้เหมือนบุหรี่ธรรมดา ทำให้ผู้สูบลดความเสี่ยงที่จะได้รับสารที่เป็นอันตรายจากการเผาไหม้บางตัว เช่น น้ำมันดิน หรือทาร์ (Tar) และคาร์บอนมอนอกไซด์ (Carbon Monoxide) ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคมะเร็งและโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ
แต่จากที่กล่าวมาข้างต้นสารประกอบอื่นๆ ที่พบในบุหรี่ไฟฟ้าก็ก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกายได้ไม่แพ้กัน นอกจากนี้ยังมีบางงานวิจัยที่ระบุว่า ไอระเหยของบุหรี่ไฟฟ้ามีขนาดอนุภาคที่เล็กกว่าบุหรี่ธรรมดา ทำให้สามารถถูกสูดเข้าไปในปอดส่วนลึกได้มากกว่า อนุภาคที่เล็กนี้จะจับเข้ากับเนื้อเยื่อปอดและดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดได้อย่างรวดเร็ว และยากที่กลไกธรรมชาติของร่างกายจะขับออกมาได้
ในวันนี้ 19 ก.ค. 2567 เมื่อเวลา 07.50 น. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้โพสต์ถึงโทษของบุหรี่ไฟฟ้า ว่า “เช้านี้เจอหลายคอลัมน์ที่เกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้า หลายคนมองว่าการเลือกสูบบุหรี่ไฟฟ้าเป็นสิทธิในร่างกาย แต่เราก็ควรเข้าใจถึงโทษต่อตัวเอง และโทษต่อคนรอบข้างด้วย”
“น้ำมันและสารพิษในบุหรี่ไฟฟ้ามีมากกว่า 7,000 ชนิด เป็นต้นเหตุของโรคปอดอักเสบชนิดใหม่ ชื่อ โรคอีวาลี่ หรือ โรคปอด “บาดเจ็บ” จากการสูบบุหรี่ไฟฟ้า เดือนธันวาคม ปี 2562 ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐอเมริกา (CDC) พบว่าทั่วโลก มีผู้ป่วยปอดอักเสบจากบุหรี่ไฟฟ้า 2,291 ราย เสียชีวิตแล้ว 48 ราย มีอายุเฉลี่ยที่เสียชีวิต 24-35 ปี ไม่นับโทษต่อคนรอบตัว ปอดคนเราพัฒนาเต็มที่อายุ 20-25 ปี ซึ่งเป็นวัยทำงานของประเทศ ส่วนคนไม่สูบก็ได้รับผลกระทบจากไอบุหรี่ไฟฟ้าไปถึง 5 ต่อทีเดียว”
ดังนั้นการลดการบริโภคบุหรี่ทุกประเภทในไทยถือได้ว่าเป็นความท้าทายของภาครัฐ ที่จะต้องมีนโยบายที่ชัดเจนเป็นรูปธรรมในการสนับสนุนให้ทุกโรงพยาบาลมีบริการเลิกบุหรี่แก่ประชาชน การมียาเลิกบุหรี่ที่อยู่ในบัญชียาหลักแห่งชาติ มากกว่า 1 ตัวในอนาคต จะสามารถเลือกยาที่เหมาะสมให้กับคนไข้แต่ละรายได้ รวมถึงการบังคับใช้กฎหมายที่เคร่งครัดมากขึ้น การจับกุมผู้ฝ่าฝืน เช่น คนที่ขายบุหรี่ไฟฟ้าให้กับเด็ก การปกป้องเยาวชนต้องมีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น
ที่มาของข้อมูล :
https://www.facebook.com/Thavisin.Official/posts/pfbid0X8Rn1qDTz1fhA6XDDYYED32nfmCBafQy1BsgZTGQgb2fH4Z7NJ8zXLSvVzRG3DgT